Share

ตอนที่ 10 เจ้าลืมข้า

เมื่อผู้ใหญ่ทุกคนปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยพวกเขาก็เริ่มกินอาหารกันอีกครั้ง อันอันเองก็พึงพอใจกับอาหารมื้อนี้เป็นอย่างมากเพราะนางมีพี่ชายต่างผลัดกันเอาใจ

            ในขณะที่เด็กหญิงกำลังมีความสุขกับการกิน จู่ ๆ ก็มีเสียงคล้ายเด็กเล็กดังขึ้นมาในหัวของเจ้าตัว “เด็กน้อยเจ้าลืมข้า” เสียงนั้นกล่าวตัดพ้อ

            ทำให้อันอันชะงักตะเกียบในมือทันที พลางคิดว่าเสียงที่ได้ยินนั้นคือเสียงของใครกัน “ฮือ ๆ เจ้าเด็กใจร้ายเจ้ากล้าลืมข้าได้ยังไง” กุยเฮยกล่าวเสียงเครือ

            “ตายแล้ว!” เด็กหญิงอุทานวางตะเกียบในมือลงทันที หันซ้ายแลขวาเพื่อมองหาสหายเทพตัวน้อย

            การกระทำของเด็กน้อยได้เรียกความสนใจจากบุคคลที่นั่งอยู่ด้วยกันเป็นอย่างมาก

            “ลูกรักเจ้าเป็นอะไร มองหาอะไรอย่างนั้นหรือ” หยวนฟานถามบุตรีด้วยความสงสัย

            “วันนี้ตอนที่ข้าเดินเข้าไปในโพรงแห่งนั้น ข้าไปเจอเต่าน้อยตัวหนึ่งเจ้าค่ะ ข้าคิดจะนำกลับมาด้วยแต่ว่าในระหว่างวิ่งหนี ดูเหมือนว่าจะทำเจ้าตัวน้อยหายไป ดะ..ดังนั้นลูกก็เลยตกใจเมื่อนึกขึ้นได้” อันอันกล่าวออกมาโดยไม่คิดบอกว่าเต่าที่ว่านั้นเป็นถึงสัตว์เทพ

            สีหน้าเสียใจของเด็กหญิงตัวน้อยทำให้ทั้งผู้ใหญ่และพี่ชายคนใหม่ทั้งสองรู้สึกไม่มีความสุข ในระหว่างที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในความเงียบ

            อานเจิงจึงได้กระซิบข้างหูเด็กหญิง “ข้าจะพาเจ้าไปนำเต่าน้อยกลับมาดีหรือไม่” แม้เสียงของเขาจะแผ่วเบา

แต่สำหรับผู้ที่นั่งอยู่ใกล้เคียงอย่างยงฮ่าวกลับได้ยินอย่างชัดเจนเช่นเดียวกับผู้ฝึกยุทธอย่างยงเผยและศิษย์เอกทั้งสอง

            ชายหนุ่มผู้ไว้หนวดจึงได้ส่งเสียงกระแอมออกมา พลางมองไปยังใบหน้าของบุตรชายที่เงยหน้ามองตนพอดี

            เขาจึงได้พูดขึ้นเสียงเบา “เจ้ายังไม่เข็ดหรือ” คำถามนี้ทำให้เด็กชายหน้ามุ่ยลงอย่างไม่พอใจ

            ด้านหนิงอันดวงตาเป็นประกายเพียงแวบเดียวแต่แล้วก็ฉายแววผิดหวังอีกครั้ง ‘ตรงนั้นเป็นถ้ำงูเลยนะหากไปอีกครั้งเธอจะไม่กลายเป็นอาหารของมันหรอกหรือ’

            ในระหว่างที่กำลังคิดอย่างวุ่นวายกุยเฮยก็ส่งเสียงออกมาอีก ‘เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าสามารถสั่งมันได้’ คำพูดของเต่าตัวน้อยทำให้หนิงอันฉุกคิดขึ้นอย่างโมโห

            ‘กุยเฮย ในเมื่อเจ้าสั่งมันได้เหตุใดไม่บอกให้เร็วกว่านี้ปล่อยให้ข้าตกใจกลัวแทบตาย เท่านั้นยังไม่พอยังทำให้ข้าวิ่งหนีซะป่าราบอีก เหอะ..เจ้าก็จงอยู่ที่นั่นต่อไปอีกสองสามวันเป็นอย่างไร’ อันอันกล่าวเสียงลอดไรฟันในใจอย่างโกรธแค้น

            เต่าตัวน้อยรู้สึกน้ำตาตกในพลางคิดว่าเขาช่างทุ่มหินทับเท้าตนเองโดยแท้[1] ดังนั้นมันจึงคิดหาวิธีหลอกล่อเด็กหญิงผู้เป็นนายคนใหม่ต่อไป

‘เด็กน้อยข้าสำนึกผิดแล้ว ข้าขอโทษ เจ้าจะทิ้งข้าก็ไม่เป็นไรหรอก ทว่าเจ้าจะตัดใจทิ้งเทพเจ้าแห่งชีวิตได้เชียวเหรอช่างน่าเสียดายโดยแท้เพราะมันอยู่กับข้าก็หาประโยชน์อันใดไม่ได้’ หลังจบประโยคนี้เต่าน้อยก็ถอนใจออกมา

            หนิงอันเริ่มนั่งไม่ติดเสียแล้ว “ลูกรักหากเจ้าเสียดายเต่าตัวนั้นเอาเช่นนี้ดีหรือไม่รอให้พ่อจัดการเรื่องที่ดินเรียบร้อยค่อยพาเจ้าเข้าป่าอีกครั้ง” หยูเจียงเอ่ยขึ้นอย่างเห็นใจบุตรสาวตัวน้อยที่กำลังนั่งหน้าเศร้า

            ครั้นแล้วก็มีเสียงห้ามของชายหนุ่มคนหนึ่งพูดออกมา “อย่าหาว่าข้ายุ่งเลยนะน้องเจียงป่าบนภูเขาในช่วงนี้ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นัก เนื่องจากอาจจะมีหมาป่าออกมาหาอาหารข้าคิดว่ารอให้พ้นช่วงเหมันต์นี้ไปก่อนจะดีกว่า” หนิงอันฟังคำกล่าวนี้ก็คิดว่ามีเหตุผล

            แม้จะรู้สึกเสียดายของมีค่าแต่การมีชีวิตอยู่นั้นย่อมสำคัญที่สุด ‘เจ้าได้ยินหรือไม่ว่าท่านลุงหรานบอกว่าให้พ้นช่วงหน้าหนาวนี้ไปก่อนถึงจะให้ข้าเข้าป่าได้’ หนิงอันสื่อสารกับเต่าน้อยทันที

            ‘มีข้าอยู่เจ้าไม่ต้องกลัวหรอก หากเจ้ารีบมารับข้านะข้าจะช่วยให้พวกเจ้าและคนเหล่านี้มีเนื้อกินด้วย’ กุยเฮยเริ่มขายตัวเองออกมาอีก

            ‘มีเนื้อกินด้วยอย่างนั้นเหรอ จะเพียงพอให้ทุกคนได้กินไหมชาวบ้านมีอยู่สามสิบกว่าหลังคาเรือน หากได้กินไม่ทั่วถึงข้าก็ไม่ต้องการ’ หนิงอันรีบแย้ง

            ‘เจ้าเด็กโลภมาก เอาเถอะในเมื่อเจ้ามีแก่ใจนึกถึงคนอื่นข้าจะสงเคราะห์ช่วยเหลือก็ได้ ดังนั้นเจ้ารีบมารับข้าเถอะ’ กุยเฮยอ้อนวอน

            หนิงอันนิ่งเงียบไป จากนั้นก็เริ่มกินอาหารของตนต่อโดยที่ผู้ใหญ่แต่ละคนต่างพากันคิดว่าเด็กหญิงคงจะตัดใจได้แล้ว หารู้ไหมว่านางกำลังคิดหาวิธีอยู่ต่างหาก

            หลังมื้ออาหารสิ้นสุดลง “ข้าจะไปส่งเจ้ากับลูก” ยงเผยบอกกับภรรยาสาวโดยไม่รอให้นางตอบรับชายหนุ่มก็จัดแจงส่งเด็กชายขึ้นหลังม้าไปก่อน

            หมิงจูคร้านจะโต้เถียงกับคนหน้าด้าน และดูเหมือนว่าบุตรชายจะมีความสุขในการขี่ม้าจึงทำให้นางพูดไม่ออก

            เมื่อถึงบ้านหลังเล็กของตน หญิงสาวก็คิดจะเอ่ยปากไล่กระนั้นเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังอุ้มบุตรตัวน้อยที่กำลังหลับอย่างเอาใจใส่นางก็พูดไม่ออกอีกครั้ง

            “ท่านพาเขาไปวางบนเตียงนั้นเถอะ” เสียงของนางอ่อนลงยามเมื่อเห็นสีหน้าผ่อนคลายของบุตรชายตัวน้อย

            ยงเผยจัดแจงวางเด็กชายลงบนที่นอนพร้อมกับห่มผ้าผืนหนาให้กับเจ้าตัวเล็ก จากนั้นชายหนุ่มจึงสำรวจห้องที่ไม่มีอะไรเลยและยังพร้อมจะพังลงมาได้ทุกเมื่อสีหน้าหม่นลง

            ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมา “หมิงจูเป็นข้าที่ผิดต่อเจ้ากับลูกได้โปรดบอกข้าเถอะต้องทำอย่างไรเจ้าจึงจะอภัยให้คนโง่ผู้นี้” น้ำเสียงของเขาเศร้าโศกเช่นเดียวกับใบหน้า

            “ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ” หญิงสาวย้อนถามใบหน้านิ่งเฉย

            “เจ้าช่วยฟังข้าอธิบายก่อนได้หรือไม่ หากว่าเมื่อเจ้าฟังแล้วไม่คิดจะยกโทษให้ข้าพร้อมที่จะยอมรับ ขอเพียงอย่างเดียวเจ้าอย่าได้ตัดรอนไมตรีในการดูแลบุตรก็พอ” ยงเผยเว้าวอนอย่างสำนึกผิด

            เกิดความเงียบระหว่างคนทั้งสองอีกครั้ง ก่อนที่หมิงจูจะถอนหายใจยาว

“ท่านลองพูดมา ในตอนนั้นส่วนหนึ่งข้าเองก็ผิดที่ตัดสิน ใจหุนหันไม่ว่าอย่างไรเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ว่าแต่ฮูหยินของท่านนางไปไหนเสียแล้วล่ะ” คำกล่าวนี้ดั่งสายฟ้าฟาดเข้ากลางใจของยงเผย

“ฮูหยินของข้าตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็มีเจ้าเพียงคนเดียวมาตลอด อีกอย่างตอนนี้ข้าลาออกจากการเป็นทหารแล้วเจ้าผิดหวังหรือไม่ที่จะเป็นเพียงภรรยาของคนธรรมดา” ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างหนักแน่นเสียงดังฟังชัด

“ท่านหมายความว่ายังไง ในตอนนั้นที่ข้าหอบลูกหนีออกมาไม่ใช่ว่าแม่ของท่านบอกว่าจะให้ท่านแต่งงานกับแม่นางที่สมกันหรอกหรือ ในตอนนั้นนางยังเอาหนังสือหย่ามาให้ข้าดูด้วย” หมิงจูพูดขึ้นเสียงสั่นน้ำตาร่วงเผาะดุจไข่มุกเม็ดงาม

ย้อนกลับไปตอนนั้นนางเพิ่งจะคลอดบุตรได้สามเดือน สามีของนางอยู่แนวหน้าหลังได้ข่าวว่าทหารของเขาชนะกำลังเดินทางกลับแม่สามีใจร้ายผู้นั้นก็เดินถือหนังสือหย่าเข้ามา

“เจ้าจงไปให้พ้นจากจวนของข้าซะ เผยเอ๋อร์ชนะศึกกลับมาในครั้งนี้เขาได้รับพระราชทานสมรสให้แต่งขุนหนูสูงศักดิ์คนหนึ่งเป็นภรรยาเอก เจ้ามันก็แค่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้าอย่าได้อยู่ถ่วงความเจริญของเขาเลย

ส่วนข้าเองก็ใช่ว่าจะใจร้ายนัก เนื่องจากบุตรของเจ้าเป็นชาย ยังไงก็ถือว่าเป็นเลือดเนื้อสกุลยงของเรา ข้าจะรับเลี้ยงเขาเอาไว้ก็แล้วกัน ดังนั้นเจ้าก็จงนำตั๋วเงินจำนวนนี้แล้วรีบไสหัวไปให้ไกลก่อนเขากลับมา” คำพูดแสนร้ายกาจยังคงดังก้องอยู่ในหูของตนมาจนกระทั่งถึงวันนี้

            ในตอนนั้นนางต้องออกอุบายสารพัดเพื่อให้บุตรชาย       อยู่ข้างกาย เมื่อสบโอกาสในวันที่กองทัพเดินทางกลับจึงได้ถือโอกาสหนีออกมา จู่ ๆ เหตุใดชายคนนี้จึงได้มาบอกว่าเขาไม่ได้แต่งใครเข้าไปแทนตนกัน อีกทั้งยังลาออกอีกด้วย

            “เจ้าจงฟังข้านะเรื่องพระราชทานสมรสนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ข้าได้ปฏิเสธออกไปในทันทีเช่นเดียวกันโดยแลกกับการลาออกจากราชสำนัก เรื่องนี้ทำให้ท่านแม่ของข้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก

แต่นางไม่พอใจแล้วอย่างไรเนื่องจากชีวิตเป็นของข้า ส่วนเรื่องความกตัญญูนั้นข้าเองก็ตอบแทนนางมามากพอแล้ว เมื่อกลับถึงจวนและพบว่าเจ้าหนีไปข้าสืบหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ

ดังนั้นเส้นความอดทนของข้ากับมารดาจึงไม่สามารถประสานกันได้อีก ข้าผู้เป็นบุตรคนที่นางไม่เคยรักเหตุใดข้าจะต้องทนอยู่ เมื่อเจ้าไม่อยู่ชีวิตข้าก็ไร้ความหมาย

ข้าจึงได้ใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ข้างนอกประทังชีพด้วยอาชีพต่อรถม้าขายและรับสอนวิชาเล็ก ๆ น้อย ๆ กระทั่งมีศิษย์เอกสองคนกำลังจะมีคนที่สามก็คือหยูหนิงอัน

หมิงจูเจ้าเชื่อข้าเถอะ ไม่มีวันไหนที่ข้าจะหลงลืมเจ้า ข้าเที่ยวตามหาเจ้าไปจนแทบจะพลิกแผ่นดินเมืองหลวง

ทว่าเจ้ากลับหนีข้ามาอยู่ที่นี่ซึ่งเป็นเรื่องที่ข้าคาดไม่ถึงว่าเจ้าจะหอบบุตรตัวน้อยเดินทางมาได้ไกลขนาดนี้” ชายหนุ่มถือโอกาสจับมือของหญิงสาวกล่าวแสดงความจริงใจ

            “เรื่องที่ท่านพูดมาเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวถามคล้ายคนละเมอนางแทบไม่อยากเชื่อว่าเรื่องที่ได้ยินนี้จะเป็นจริง

            “เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรือไร อยู่ด้วยกันมาจนกระทั่งมีบุตรข้าหาเคยผิดคำพูดกับเจ้าไม่” ยงเผยกล่าวอย่างหนักแน่น

            “แล้วผู้หญิงคนนั้นนางทำอย่างไรหลังจากท่านปฏิเสธ” ที่หมิงจูถามเช่นนี้เป็นเพราะหญิงสาวคนนั้นก็มีส่วนทำให้นางตัดสินใจพาบุตรหนี

            “เชอะผู้หญิงร้ายกาจเช่นนั้น ในเมื่ออยากมีสามีจนตัวสั่น ข้ายงเผยจะยอมให้นางมาจูงจมูกได้อย่างนั้นเหรอ คิดจะวางยาข้าในงานเลี้ยงข้าก็เลยตลบหลังเข้าให้

ป่านนี้นางคงมีความสุขที่ได้เป็นอนุคนที่สิบสามของขุนนางเฒ่ากรมเสนาบดีไปแล้วกระมั้ง เจ้าอย่าได้ถามถึงนางเลยมาพูดเรื่องของเราเถอะ เจ้าหายโกรธข้าหรือยัง” ยงเผยกล่าวเสียงหยันยามนึกถึงหญิงสารเลวคนนั้น

            “ท่านพูดอะไรออกมา เราทั้งสองหย่ากันแล้วเผื่อท่านลืม” หมิงจูแกะมือหนาของเขาใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อกับคำพูดหน้าไม่อายของคนผู้นี้

            “เจ้าได้ดูดีหรือยังว่านั่นคือหนังสือหย่าจริงหรือไม่ เพราะข้าจำไม่ได้ว่าได้เขียนหนังสือหย่ามาก่อน” ยงเผยหยอกล้อพลางเชยคางของภรรยาให้สบตากับตน

            “ระ...เรื่องนี้” หมิงจูยังพูดไม่ทันจบนางก็ถูกปากของชายร่างใหญ่ประกบลงมายังริมฝีปากบางอย่างไม่ทันตั้งตัว

            ยงเผยค่อย ๆ ละเลียดชิมความหวานที่ไม่ได้สัมผัสมานานอย่างหิวกระหายหนวดเคราของเขาทำให้แก้มของหญิงสาวรู้สึกระคายเคืองทำให้มือน้อยของนางทุบเข้าไปที่แผงอกของชายหนุ่มอย่างแรง

            ยงเผยจำต้องถอนปากของตนออกสุดแสนจะเสียดาย “ท่านทำข้าเจ็บ” หญิงงามก้มหน้างุดพูดขึ้นก่อนจะรีบลุกเดินหายเข้าไปในห้องนอน

            ยงเผยผู้กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความหวาน หลังได้ยินคำกล่าวของนาง ชายหนุ่มจึงได้ลูบหนวดเคราของตนก็พบว่ามันช่างเป็นดั่งคำของภรรยาสาวกล่าว

ไม่รอช้าชายหนุ่มจึงได้หยิบมีดพกของตนแล้วก้าวเท้าเดินออกมาหน้าเรือนเล็กแห่งนี้

เช้าวันต่อมายงฮ่าวลืมตาตื่นก็พบว่าที่นอนข้างกายไร้ซึ่งร่างของมารดา เด็กชายจึงลุกจากที่นอนทันทีพร้อมกับพับผ้าห่มอย่างเรียบร้อย

หลังจากเขาเดินออกมาจากห้องนอนเด็กชายก็พบเข้ากับชายแปลกหน้าทำให้เขาเบิกตากว้างมองชายหนุ่มร่างสูงอย่างตกใจ “ท่านเป็นใคร” เด็กชายตวาดถามออกมาเสียงดัง

ยงเผยมองบุตรชายตัวน้อยนัยน์ตาฉายแววแห่งความสนุก “ข้าก็คือบิดาของเจ้าอย่างไรล่ะ” เขากล่าวเสียงอ่อน

ยงฮ่าวเริ่มรู้สึกสับสน ‘เหตุใดมีแต่คนมาบอกว่าเป็นบิดาเขาอีกแล้วล่ะ จะว่าไปชายคนนี้ก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยเพียงแต่ใบหน้าของเขาเกลี้ยงเกลาและดูรูปงามกว่าตาหนวดคนนั้น’

ในขณะที่เด็กชายกำลังตกตะกอนความคิดของตนอยู่         ก็ได้ยินเสียงของมารดาพูดขึ้นเสียก่อน “ฮ่าวเอ๋อร์เจ้าล้างหน้าแล้วหรือยัง” เด็กน้อยรีบวิ่งเข้าไปในครัวเพื่อหาน้ำอุ่นทันที

ยงเผยยกมุมปากของตนขึ้นสูงดวงตาพราวระยับขบขันท่าทางคล้ายหนูหวาดกลัวแมวของเด็กชาย ทำให้เขาเดินตามเจ้าตัวน้อยเข้าไปด้านในด้วย

ชายหนุ่มนั่งยองต่อหน้าของเด็กน้อยผู้ที่ทำเป็นไม่สนใจตน หลังจากที่ยงฮ่าวคิดทบทวนแล้วพบว่าชายคนนี้ก็คือลุงหนวดคนเมื่อวาน

“หากเจ้าอยากเข้าป่าข้าจะพาไป” ยงเผยยังไม่แทนตัวเองว่าพ่อเนื่องจากเขาอยากให้เวลาเด็กคนนี้ในการปรับตัว

“พูดจริงเหรอ” เด็กน้อยถามอย่างกังขาหลังจากบ้วนน้ำในปากทิ้ง “ข้ายงเผยพูดคำไหนคำนั้น” ชายหนุ่มตบอกตัวเองกล่าวเน้นหนัก

“ดี ข้าจะยอมเชื่อท่าน” เด็กน้อยพูดพร้อมกับพยักหน้าอย่างพอใจ

            เมื่อมื้อแรกของวันจบลงเด็กชายจึงได้ดึงชายเสื้อบุนวมของชายหนุ่มร่างสูงเป็นการย้ำเตือนให้หาหนทางเพื่อเข้าป่า

            “จูเอ๋อร์ ข้าจะพาเสี่ยวฮ่าวไปหาท่านหยูนะ” ยงเผยบอกกับภรรยาสาวอย่างเกรงใจ

เนื่องจากเขาเองก็ยังไม่ค่อยมั่นใจนักว่าหญิงสาวให้อภัยตนแล้วหรือไม่ในความผิดที่เกิดจากน้ำมือของผู้อื่นทั้งนั้น

            หญิงสาวปรายตามองสองพ่อลูกเล็กน้อย “เจ้าห้ามซนเด็ดขาดหาไม่อย่าหาว่าแม่ใจร้าย” เสียงของมารดานั้นช่างเย็นเยียบเสียเหลือเกินในความคิดของเด็กชาย

            “ขอรับ” ยงฮ่าวตอบรับอย่างเชื่อฟัง

            “ท่านเองก็ด้วย อย่าตามใจเขาจนเกินไปเล่า” หลังกำชับลูกหมิงจูก็หันมากล่าวกับชายหนุ่มน้ำเสียงเย็นชาเช่นเดียวกัน

            “ข้ารู้แล้ว” สองพ่อลูกช่างเหมือนกันไม่มีผิด หากใครมาเห็นคงจะคิดแบบเดียวกันเป็นแน่

           

[1] ทำตัวเอง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ตอนที่ 12 สามแสบ

    “เจ้าว่าอะไรนะ” อานไท่ย้อนถามอย่างตกใจ “ข้าว่าพวกเรารีบไปตามหาพวกเขากันเถอะขอรับ” ยงเผยเริ่มนั่งไม่ติดกล่าวแทรกขึ้นเนื่องจากเขารับปากแม่ของลูกเอาไว้ซะดิบดี ‘แต่ดูเจ้าเด็กนั่นสิ’ ยิ่งคิดยิ่งทั้งห่วงทั้งโมโห ใบหน้าของหยูเจียงเองก็เริ่มซีดเช่นเดียวกัน ดังนั้นเหล่าชายหนุ่มทั้งหมดจึงได้พากันเตรียมสิ่งของรวมถึงอาวุธที่หาได้เพื่อจะเข้าป่าโดยไม่คิดบอกภรรยาของแต่ละคน ทางด้านสามแสบจอมซนในตอนนี้ก็มาหยุดยืนบริเวณหน้าลำธารสายหนึ่งซึ่งมีน้ำอยู่เพียงน้อยนิด “เหตุใดน้ำมันน้อยนักล่ะเจ้าคะ” อันอันเอ่ยถามพี่ชายผู้พามาในขณะก้มตัวพยายามตักน้ำในลำธารตรงหน้า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว” อานเจิงตอบพลางส่ายศีรษะไปด้วย อันอันจึงคิดว่าคงต้

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ตอนที่ 11 ช่วยด้วย

    สองพ่อลูกขี่ม้าตัวเดียวกันจนกระทั่งถึงหน้าเรือนของอานไท่ ยงเผยหยุดม้าและอุ้มลูกชายตัวน้อยลง ทันทีที่เท้าเล็ก ๆ ถึงพื้นเจ้าตัวเล็กก็วิ่งเข้าไปในลานบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านทันทีโดยไม่รั้งรอบิดา “น้องสาว” เสียงเล็ก ๆ ของเขารีบตะโกนหาหนิงอันก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากอยากมาบอกข่าวดีที่ชายคนนั้นจะพาเข้าป่าให้เด็กหญิงรู้ “เจ้าเอ็ดตะโรอะไรแต่เช้า นางกำลังล้างหน้าอยู่” เสียงเล็กไม่ต่างจากยงฮ่าวเดินออกมาจากด้านในกล่าวติติงเขาอย่างไม่ไว้หน้า “ข้ามีข่าวดีมาบอกนาง” ยงฮ่าวกอดอกเชิดหน้าของตนอย่างถือดีประหนึ่งว่าตนเป็นผู้เหนือกว่าที่สามารถพาน้องสาวไปตามหาเต่าตัวนั้นได้ “เจ้าทำท่าทางอันใดกัน ช่างน่าขันยิ่ง” อานเจิงรู้สึกหมั่นไส้เด็กชายวัยเดียวกันกล่าวพลางมองฝ่ายต

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ตอนที่ 10 เจ้าลืมข้า

    เมื่อผู้ใหญ่ทุกคนปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยพวกเขาก็เริ่มกินอาหารกันอีกครั้ง อันอันเองก็พึงพอใจกับอาหารมื้อนี้เป็นอย่างมากเพราะนางมีพี่ชายต่างผลัดกันเอาใจ ในขณะที่เด็กหญิงกำลังมีความสุขกับการกิน จู่ ๆ ก็มีเสียงคล้ายเด็กเล็กดังขึ้นมาในหัวของเจ้าตัว “เด็กน้อยเจ้าลืมข้า” เสียงนั้นกล่าวตัดพ้อ ทำให้อันอันชะงักตะเกียบในมือทันที พลางคิดว่าเสียงที่ได้ยินนั้นคือเสียงของใครกัน “ฮือ ๆ เจ้าเด็กใจร้ายเจ้ากล้าลืมข้าได้ยังไง” กุยเฮยกล่าวเสียงเครือ “ตายแล้ว!” เด็กหญิงอุทานวางตะเกียบในมือลงทันที หันซ้ายแลขวาเพื่อมองหาสหายเทพตัวน้อย การกระทำของเด็กน้อยได้เรียกความสนใจจากบุคคลที่นั่งอยู่ด้วยกันเป็นอย่างมาก&nbs

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ตอนที่ 9 น้องสาว

    เมื่อรับรู้ว่าตอนนี้พวกเขาได้กลับมายังหมู่บ้านแล้วเด็กชายจึงเริ่มดิ้นรนออกจากอ้อมแขนแกร่งของคนที่โอบอุ้มยงเผยจำต้องปล่อยให้เขาลงยืนอยู่บนพื้นด้วยเกรงว่าเด็กคนนี้จะตกลงมาแล้วบาดเจ็บในจังหวะเดียวกันนั้นไม่มีใครคาดคิดว่าแม่ของเด็กชายได้เดินมาทางเขาสีหน้าเต็มไปด้วยความกลัวและจะกล้าลงมือกับเด็กตัวน้อยได้ลงคอเสียงเผียะ! ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปยังต้นเสียงเป็นตาเดียว “แม่เคยบอกเจ้าว่าอย่างไรเหตุใดถึงไม่ฟัง” น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวเจือด้วยเสียงสะอื้นของผู้ยังมีไม้เรียวเล็กอยู่ในมืออันสั่นเทาข้างนั้นพูดกับเด็กชายเสียงดัง “ฮือ ๆ ท่านแม่ข้าขอโทษเป็นข้าผิดเองท่านอย่าร้องไห้อีกเลย ต่อไปนี้ข้าให้สัญญาว่าจะไม่หุนหันพลันแล่นเช่นนี้อีก” เด็กน้อยผู้ถูกตีน้ำตาไหลอาบแก้มมอมทั้งสองข้างโอบเอวของมารดาแน่นกล่าวสำนึกผิดทั้งน้ำตา หญิงสาวคนนั้นรีบทิ้งไม้ในมือของตนลงก่อนย่อตัวลงนั่งโอบกอดเด็กชายตัวเล็กแน่นไม่แพ้กันส

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ตอนที่ 8 ไม่ยอมรับจริง?

    อันอันหยุดน้ำตาของตัวเองลงอย่างฉับพลัน มองซ้ายแลขวาอย่างระมัดระวังพลางตะโกนถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“เจ้าเป็นใครคนหรือผี” ใจเต้นตุบตับในอกข้างซ้ายรัวเหมือนกลองศึกก็ไม่ปาน “เจ้าสิผี ข้าไม่ใช่ทั้งมนุษย์และผีนั่นแหละ ข้าคือผู้รับใช้ของเทพเสวียนอู่ผู้ยิ่งใหญ่เลยนะเจ้าเด็กมนุษย์ตัวเหม็น” น้ำเสียงอันหยิ่งผยองโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน อันอันคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินคำพูดของสิ่งมีชีวิตตัวนั้น ทำให้นางผู้ปากไวอดที่จะย้อนออกไปไม่ได้เช่นกัน“แหม ๆ ท่านเทพผู้รับใช้เสวียนอู่ผู้ยิ่งใหญ่หากท่านเก่งกาจจริงดั่งที่ว่าเห็นทีคงไม่ต้องร้องขอให้เด็กอย่างข้าช่วยหรอกกระมั้ง” สิ้นคำของเด็กหญิงสัตว์เทพก็ถึงกับอยากจะกระอักเลือดออกมา ‘หน็อยยัยเด็กตัวแสบกล้ายอกย้อนข้าเชียวหรือ หากหลุดออกไปได้ข้าจะทรมานเจ้าให้หนำใจเลย’สัตว์ตัวเล็กคิดอย่างเดือดดาลโดยลืมคำเตือนทั้

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ปีศาจ?

    หยูเจียงเมื่อรับรู้ได้ถึงความจริงใจของชาวบ้านเช่นนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำในการตัดสินใจให้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ไม่คิดเปลี่ยนใจมากขึ้น แต่ทว่าที่ดินผืนนี้เล็กเกินไปสำหรับการสร้างบ้านของครอบครัวตนที่มีกันอยู่หลายชีวิต“ท่านเผย ท่านจะอยู่กับข้าหรือว่าจะจากไปอย่างนั้นเหรอ” หยูเจียงเอ่ยถามชายวัยเดียวกัน เนื่องจากเขายังไม่รู้แน่ชัดว่าชายหนุ่มผู้นี้คิดอย่างไรจึงได้ถามออกมา คำถามอันแสนตรงไปตรงมาของหยูเจียงทำให้ยงเผยมีสีหน้าครุ่นคิดไปชั่วครู่ในขณะที่ยงเผยกำลังจะอ้าปากตอบคำถามของบัณฑิตหนุ่มดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นเสียก่อน เมื่อมองเห็นร่างบางของหญิงสาวนางหนึ่งเดินจูงมือเด็กชายตัวน้อยมายังทิศทางที่ตนยืนอยู่หญิงสาวคนนั้นเองก็มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน นางรีบอุ้มบุตรชายของตนเหน็บเข้าที่เอวพร้อมกับหันหลังเพื่อเตรียมจะวิ่งหนีทว่ายงเผยจะปล่อยให้นางสมประสงค์ได้อย่างไร ชายหนุ่มจึงรีบใช้วิชาตัวเบากระโจนมาทางนางอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตกตะลึงเช่นเดียวกับหนิงอัน ‘โอ้! เจอเร็วกว่าท

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   เป็นมิตร

    เสียงฝีเท้าม้าผสานกับเสียงล้อเกวียนของตัวรถบด ถนนดินลูกรังเดินเข้ามาในหมู่บ้านอย่างเชื่องช้า หนิงอันจึงเปิดหน้าต่างออกดูแต่แล้ว “แค่ก ๆ” เสียงไอยามฝุ่นฟุ้งเข้าปากและจมูกทำให้เด็กหญิงผู้มีวิญญาณมาจากอนาคตจำต้องปิดหน้าต่างทันที “เจ้าช่างซนเสียจริง” ผู้เป็นย่าเอ่ยติงแกมสงสารยามเห็นท่าทางของหลานสาวผู้กำลังไอหน้าดำหน้าแดง ผู้เป็นมารดาจึงได้นำผ้าเช็ดหน้าของตนมาเช็ดใบหน้าอันเลอะฝุ่นสีแดงให้ลูกน้อยอย่างเบามือ“ขอบคุณเจ้าค่ะ” เจ้าตัวเล็กกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้างทำให้หญิงต่างวัยทั้งสองอดรู้สึกเอ็นดูในความน่ารักนี้ไม่ได้จึงทำให้พวกนางยิ้มออกมา ยงเผยบังคับรถม้าจนกระทั่งมองเห็นชาวบ้านชายหนุ่มจึงได้หยุดรถม้าลง ชาวบ้านวัยกลางค

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ข้ายังอยู่ในนิยายของตนหรือไม่?

    เช้าวันรุ่งขึ้นคณะการเดินทางของครอบครัวหยูก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงศาลาเอ้อเทียน ยงเผยกับศิษย์เอกทั้งสองรวมถึงหยูเจียงก็มองเห็นเพียงความรกร้างว่างเปล่า ไร้ซึ่งร่องรอยใด ๆ ว่าสถานที่แห่งนี้เคยเกิดเรื่องร้ายใดขึ้น ย้อนกลับไปกลางดึกของเมื่อคืน หลังจากพระอาทิตย์ลาลับแสงจันทร์สาดส่องเข้ามาแทนที่ คนของทางการร่วมกับคนคุ้มกันของคนสกุลติงกลุ่มหนึ่งต่างโอบล้อมจัดการกลุ่มโจรร่วมร้อยโดยที่ไม่ให้พวกมันทันได้รู้ตัว เสียงฟาดฟันประหัต ประหารกันดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของราตรีกาล ครั้นแล้วโจรกลุ่มใหญ่ก็ตกเป็นผู้แพ้ให้กับคนของทางการและกลุ่มคนคุ้มกันแม้ทางฝ่ายผู้บุกรุกจะมีบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่เหมือนกับเหล่าโจรโฉดที่เหล่าพี่น้องของมันตกตายกันหลายคน หลังจากจัดการกับกลุ่มคนชั่วเรียบร้อยหัวหน้าคนของทางการก็จัดการเก็บกวาดจนไม่มีผู้ใดคิดว่าสถานที่แห่งนี้เคยเกิดเรื่องร้ายขึ้นกลับมายังปัจจุบัน หลังครอบครัวหยูเดินทางผ่านศาลาเอ้อเทียนจุดนี้มาแล้ว พวกเขากำลังจอดรถม้าตรงบริเวณหน้าทางแยกแห่งหนึ่ง

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ไม่เหมือนเดิม

    “ขอรับ ข้าน้อยจะทำตามที่นายท่านว่า” พ่อบ้านวัยกลางคนรับคำ ครั้นแล้วเขาก็รีบไปทำตามคำสั่งทันทีด้านยงเผยหลังจากได้ทราบเรื่องที่พ่อบ้านรุ่ยมาบอก แม้ภายในจะประหวั่น ทว่าใบหน้านั้นกลับเก็บอาการไม่แสดงออกมา“เรื่องนี้ข้าจะเป็นผู้จัดการเอง ท่านอย่าได้ห่วง” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นอย่างหนักแน่นพ่อบ้านทำเพียงพยักหน้ารับไม่ถามสิ่งใดให้มากความจึงได้กลับไปรายงานผู้เป็นนายตามตรงคล้อยหลังพ่อบ้านรุ่ย ชายหนุ่มหนวดเคราครึ้มจึงได้เดินไปยังสัมภาระของตน เขารีบเขียนจดหมายอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครทันได้สังเกตจากนั้นจึงได้เรียกหาศิษย์เอกอันดับหนึ่ง “เสี่ยวจือเจ้ารีบควบม้าไปทางศาลาเอ้อเทียนให้เร็วที่สุด จงนำจดหมายฉบับนี้ไปให้หัวหน้าต่ง จำไว้ว่าต้องให้ถึงมือ เข้าใจหรือไม่” ชายหนุ่มกำชับกับศิษย์ของตนด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเช่นเดียวกับคำพูด“ขอรับท่านอาจารย์” เด็กชายวัยสิบหกประสานมือรับคำเน้นหนักเสียงกุบกับของม้าตัวใหญ่วิ่งฝ่าความมืดท่ามกลางแสงจันทร์สลัวออกไปโดยมีสายตาของผู้เป็นอาจ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status