Share

ไม่เหมือนเดิม

“ขอรับ ข้าน้อยจะทำตามที่นายท่านว่า” พ่อบ้านวัยกลางคนรับคำ ครั้นแล้วเขาก็รีบไปทำตามคำสั่งทันที

ด้านยงเผยหลังจากได้ทราบเรื่องที่พ่อบ้านรุ่ยมาบอก       แม้ภายในจะประหวั่น ทว่าใบหน้านั้นกลับเก็บอาการไม่แสดงออกมา

“เรื่องนี้ข้าจะเป็นผู้จัดการเอง ท่านอย่าได้ห่วง” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นอย่างหนักแน่น

พ่อบ้านทำเพียงพยักหน้ารับไม่ถามสิ่งใดให้มากความจึงได้กลับไปรายงานผู้เป็นนายตามตรง

คล้อยหลังพ่อบ้านรุ่ย ชายหนุ่มหนวดเคราครึ้มจึงได้เดินไปยังสัมภาระของตน เขารีบเขียนจดหมายอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครทันได้สังเกต

จากนั้นจึงได้เรียกหาศิษย์เอกอันดับหนึ่ง “เสี่ยวจือเจ้ารีบควบม้าไปทางศาลาเอ้อเทียนให้เร็วที่สุด จงนำจดหมายฉบับนี้ไปให้หัวหน้าต่ง จำไว้ว่าต้องให้ถึงมือ เข้าใจหรือไม่” ชายหนุ่มกำชับกับศิษย์ของตนด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเช่นเดียวกับคำพูด

“ขอรับท่านอาจารย์” เด็กชายวัยสิบหกประสานมือรับคำเน้นหนัก

เสียงกุบกับของม้าตัวใหญ่วิ่งฝ่าความมืดท่ามกลางแสงจันทร์สลัวออกไปโดยมีสายตาของผู้เป็นอาจารย์กับศิษย์ร่วมสำนักอีกคนมองตามอย่างกังวล

เริ่มเช้าวันใหม่พระอาทิตย์เริ่มสาดแสง เสียงนกกาออกหากิน หนิงอันผู้กำลังนอนหลับใหลก็ได้กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารลอยเข้านาสิก

เด็กน้อยทำจมูกฟุดฟิดก่อนจะค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างรวดเร็ว “หิว” เจ้าตัวเล็กเอามือกุมท้องกล่าวแผ่วเบา

“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ มาล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ จากนั้นข้าน้อยจะทำผมให้” เสียงอันร่าเริงของเด็กหญิงวัยเจ็ดปีกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“ได้สิ ขอบใจเจ้า” หนิงอันขยับตัวเดินออกมาจากรถม้าอย่างเชื่อฟัง

หลังล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อย เจ้าตัวเล็กก็มานั่งอย่างว่าง่ายเพื่อให้สาวใช้ตัวน้อยปรนนิบัติ

“คุณหนูของบ่าวช่างน่ารักยิ่ง” น้ำเสียงนั้นเอ่ยชมในขณะที่มัดผมเป็นรูปซาลาเปาให้เด็กหญิงเรียบร้อย

“เจ้าเองก็น่ารัก” อันอันกล่าวชมเด็กน้อยกลับไปทำให้ใบน่ารักของสาวใช้เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่ออย่างเขินอาย หนิงอันได้แต่ยิ้มให้กับท่าทางของเจ้าตัว

ความคิดของเด็กยุคโบราณมักจะเติบโตเร็ว บางครอบครัวเด็กสี่ขวบก็ต้องหุงหาอาหารแล้วด้วยซ้ำ

ไม่มีหรอกที่จะมาวิ่งเล่นไร้แก่นสารโดยเฉพาะครอบครัวยากจน อันอันสำรวจรอบด้านอย่างสนใจในระหว่างรออาหารเช้า

“อากาศของที่นี่ช่างสดชื่นดีแท้” เด็กหญิงลุกขึ้นยืนกางแขนของตนออกหลับตาพริ้มสูดหายใจ แต่แล้ว “แหวะ! เหม็นชะมัด เมื่อกี้อากาศยังดีอยู่เลยเหตุใดตอนนี้จึงมีกลิ่นเหม็นได้กัน” คนตัวเล็กเอามือปิดจมูกกล่าวอู้อี้

ยงเผยในคราแรกกำลังจะกล่าวห้ามการกระทำของเด็กหญิง ทว่าเขากลับเปลี่ยนใจเนื่องจากอยากแกล้งเด็กที่ชอบวางท่าเป็นผู้ใหญ่

“ฮ่า ๆ เจ้าตัวน้อยเจ้าชอบกลิ่นขี้ม้าหรอกหรือถึงได้หลับตาสูดกลิ่นของมันตอนปล่อยอาจมนะ”

หนิงอันหันไปตามเสียงหัวเราะ สายตาขุ่นเขียวกรุ่นโกรธ “ท่านอาหนี้แค้นหนนี้ข้าขอฝากไว้ก่อนเถอะ เมื่อไหร่ที่ข้าเจออาสะใภ้นะท่านเจอดีแน่” เจ้าตัวเล็กเท้าเอวทำสีหน้าขึงขังกล่าวข่มขู่

ยงเผยหาได้กลัวคำขู่ของเด็กตัวน้อยไม่ อีกอย่างท่าทางของนางเช่นนี้ก็น่าเอ็นดูดีไม่หยอก พลางให้คิดถึงบุตรชายที่แม้แต่หน้าก็ยังไม่เคยเห็น

ทำให้สีหน้าของเขาหม่นแสงลงเล็กน้อย ในคราแรกหนิงอันรู้สึกสะใจอยู่บ้าง แต่แล้วนางก็อดรู้สึกแสดงความเห็นใจออกมาไม่ได้เหมือนกัน

ทางด้านของจือฉีหลังจากที่ควบม้ามาตลอดคืนจนกระทั่งรุ่งสาง ทั้งคนทั้งม้าแทบจะหมดแรงเด็กหนุ่มผู้นี้ก็มองเห็นขบวนคาราวานพักอยู่ด้านหน้า

ธงของขบวนนั้นทำให้เขามั่นใจว่าคนที่ตนต้องการมาหาอยู่ในขบวนนี้ไม่ผิดแน่

            เด็กหนุ่มค่อย ๆ บังคับม้าให้เข้าไปใกล้ก่อนที่เขาจะหยุดลงตรงหน้าของผู้คุ้มกันที่กำลังนั่งพักกันอยู่

            “ผู้น้อยขอคารวะท่านอาทั้งหลาย” เด็กชายประสานมือก้มหัวลงอย่างสุภาพ

            ยังไม่ทันที่คนในกลุ่มจะเอ่ยถามอะไรก็มีเสียงดังราวฟ้าผ่าสายหนึ่งทักเด็กชายคนนี้ขึ้นเสียก่อน

            “เสี่ยวจือ! นั่นเจ้าใช่หรือไม่ เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้        แล้วอาจารย์หน้าเหม็นของเจ้าล่ะอยู่ไหน” ชายหนุ่มรูปร่างประดุจหมีดำตัวใหญ่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเช่นเดียวกับอาจารย์ของตนเดินมาประชิดตัวเขายกมือตบไหล่ของเด็กชายดังปุปุ

            จือฉีอยากจะกรีดร้องโดยไร้ซึ่งน้ำตาให้กับความเจ็บที่ตนได้รับ เด็กชายจึงได้พยายามขยับตัวถอยห่างมือใหญ่ของคนผู้นั้นอย่างเนียน ๆ

            “คารวะท่านอาต่งขอรับ  อาจารย์ไม่ได้มาด้วยตัวเองแต่ได้ฝากจดหมายฉบับนี้มาถึงท่านโดยเน้นย้ำกับข้าว่าต้องส่งให้ถึงมือ” เด็กชายล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบจดหมายส่งให้ชายตรงหน้า

            ต่งเซียวเปิดจดหมายออกอ่านทันที “เจ้าพาม้าไปพักก่อน ข้าขอเวลาในการตอบจดหมายของอาจารย์เจ้าสักครู่ ” ต่งเซียวยกยิ้มบอกกับเด็กหนุ่มพร้อมกับเรียกคนของตนให้มาคอยดูแลเด็กคนนี้

            ครั้นแล้วตัวเขาก็รีบเดินไปยังกระโจมหน้าขบวนทันที ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งพักหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ

            “เรียนนายท่าน เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นขอรับ” ต่งเซียวค้อมตัวประสานมือกล่าวรายงานผู้เป็นนายน้ำเสียงเคร่งเครียด

            ชายวัยกลางคนโบกมือเอ่ยไล่บ่าวรับใช้ทันที “พวกเจ้าออกไปก่อนเหลือไว้เพียงพ่อบ้านโม่” จากนั้นเขาจึงถามกับผู้คุ้มกันหนุ่มออกมา “มีเรื่องอะไร”

            ชายร่างใหญ่เดินเข้าไปยกมือป้องปากข้างหูผู้เป็นนายด้วยกลัวว่าจะมีหนอนอยู่ในขบวนของตนแล้วจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น

            “ข่าวนี้เชื่อถือได้หรือไม่” ติงเฉินเหว่ยย้อนถามอย่างกังขา เนื่องจากไม่คิดว่าโจรภูเขาจะกล้าออกปล้นในยามบ้านเมืองสงบสุข

            “เรื่องนี้ข้าคิดว่าเราส่งคนไปสอดแนมก็จะรู้ได้ไม่ยากขอรับ ดีกว่านิ่งเฉยเพราะหากเกิดการสูญเสียย่อมไม่คุ้มค่า” ชายร่างใหญ่กล่าวแสดงความคิดเห็น

            “เอาตามที่เจ้าว่า จงรีบไปจัดการให้เรียบร้อย” ชายวัยกลางคนลูบเคราของตนออกคำสั่ง

            คล้อยหลังผู้คุ้มกันจากไป “พ่อบ้านโม่ เจ้าช่วยแจ้งกับทุกคนในขบวนว่าข้ารู้สึกไม่สบายขอหยุดพักการเดินทางช่วงเช้าไว้ก่อน”

            พ่อบ้านผู้อยู่มานานเหตุใดจะไม่รู้ว่าเจ้านายต้องการสื่อถึงอะไร ดังนั้นเขาจึงรีบไปทำตามคำสั่งทันทีอีกทั้งยังไม่ลืมตามหมอผู้อยู่ในขบวนมาตรวจผู้เป็นนายด้วย

            จวบจนกระทั่งเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยามต่งเซียวก็เห็นคนของตนกลับมา “ลูกพี่มีโจรภูเขากำลังดักซุ่มจริงขอรับ คะเนจากสายตาน่าจะร้อยคน” คนผู้นี้กล่าวรายงานปนหอบ

            “ลำบากเจ้าแล้ว รีบไปพักเถอะ” ชายร่างใหญ่ตบบ่าลูกน้องของตนกล่าวออกมาน้ำเสียงมีแววหนักใจ

            เขาครุ่นคิดอยู่สักพักจึงได้เดินไปยังกระโจมผู้เป็นนาย กล่าวรายงานในสิ่งที่ได้รู้

            “เจ้ารีบไปแจ้งทางการ อย่าลืมตอบจดหมายขอบคุณถึงคนผู้นั้นด้วย เอาไว้ค่อยหาโอกาสตอบแทนในภายหลัง” ติงเฉินเหว่ยสั่งการ

            คล้อยหลังต่งเซียวจากไป “พ่อบ้านโม่ พบคนที่น่าสงสัยแล้วหรือยังมันผู้นั้นเป็นใคร” ชายวัยกลางคนกล่าวเสียงเหี้ยม

            “พบแล้วขอรับ เป็นคนที่เพิ่งมาสมัครเข้าสำนักคุ้มภัยของเราเมื่อเดือนก่อน” พ่อบ้านวัยเดียวกันกล่าวอย่างสุภาพ

            “จัดการมัดมือมัดเท้าของมันส่งให้ทางการด้วย แล้วจากนั้นก็ปล่อยข่าวให้คนของพวกมันรู้ว่าคนที่มันส่งมาเป็นนกสองหัวหลังจากที่มือปราบจัดการพวกมันแล้ว

ให้มันโดนพวกเดียวกันจัดการในคุกนั่นแหละถึงสาสมกับโทษที่มันควรได้รับ” ชายวัยกลางคนกล่าวเสียงเหี้ยม

            ทางด้านต่งเซียวรีบทำตามคำสั่งผู้เป็นนายอย่างไม่ตกหล่น หลังจากส่งคนไปแจ้งทางการแล้วเขาก็รีบมาเขียนจดหมายถึงสหายทันที

“เสี่ยวจือเจ้านำจดหมายไปให้อาจารย์ของเจ้าด้วย ส่วนเจ้าก็ระวังตัวด้วย ข้าขอบใจเจ้ามากที่มาหาในวันนี้” ชายร่างใหญ่ยื่นจดหมายของตนออกไปตบบ่าเด็กชายกล่าวเสียงอ่อน

            “ท่านอาอย่าได้เกรงใจ  ข้าน้อยขอตัวลาเอาไว้พบกันใหม่นะขอรับ” เด็กหนุ่มรับจดหมายใส่ในอกของตนประสานมือคารวะต่อจากนั้นเขาก็ขึ้นม้าควบหายไป

            ทางด้านขบวนของบ้านหยูการเดินทางของพวกเขาได้หยุดลงกลางคันเนื่องจากการหายไปของจือฉือ

ซึ่งเรื่องนี้ทั้งหยูเจียงและอันอันรวมถึงพ่อบ้านรุ่ยต่างคาดเดาว่าการหายไปของเด็กหนุ่มคนนั้นจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของโจรภูเขาอย่างแน่นอน

ดวงอาทิตย์บอกเวลาบ่ายคล้อยมากขึ้นทุกขณะ บ่าวรับใช้ต่างหุงหาอาหารเย็นพวกเขาก็ได้ยินเสียงกีบเท้าม้าดังมาแต่ไกล อันอันมองไปทางต้นเสียงอย่างใคร่รู้

เด็กหนุ่มใบหน้ามอมแมมเต็มไปด้วยฝุ่นเช่นเดียวกับม้าตัวสีดำที่ตอนนี้ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยฝุ่นสีแดง ‘เขาต้องไปที่ศาลาเอ้อเทียนมาแน่’ เจ้าตัวเล็กคิด

ยงเผยผู้รอศิษย์ของตนอยู่รีบเดินเข้าไปหาเขาทันที จือฉีจึงได้ยื่นจดหมายส่งให้

“เจ้าไปพักเถอะ วันพรุ่งเราค่อยออกเดินทาง ลำบากเจ้าแล้ว” ผู้เป็นอาจารย์หนุ่มกล่าวอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นสภาพของศิษย์เอก

หลังจากศิษย์เดินหายไปเขาจึงได้รีบคลี่จดหมายออกอ่านอย่างรวดเร็ว

อันอันมองท่าทางของเขาก็คิดว่าเรื่องโจรภูเขาคงจบลงด้วยดี แต่ที่ไม่รู้ก็คือยงเผยคนนี้จัดการด้วยวิธีไหน

โดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้อีกว่านับตั้งแต่นี้ต่อไปเส้นเรื่องที่ตัวเองได้ขีดเขียนไว้ก่อนตายนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว แม้บางอย่างอาจจะเหมือนเดิมแต่ทว่าก็ไม่เหมือนซะทีเดียว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ตอนที่ 9 น้องสาว

    เมื่อรับรู้ว่าตอนนี้พวกเขาได้กลับมายังหมู่บ้านแล้วเด็กชายจึงเริ่มดิ้นรนออกจากอ้อมแขนแกร่งของคนที่โอบอุ้มยงเผยจำต้องปล่อยให้เขาลงยืนอยู่บนพื้นด้วยเกรงว่าเด็กคนนี้จะตกลงมาแล้วบาดเจ็บในจังหวะเดียวกันนั้นไม่มีใครคาดคิดว่าแม่ของเด็กชายได้เดินมาทางเขาสีหน้าเต็มไปด้วยความกลัวและจะกล้าลงมือกับเด็กตัวน้อยได้ลงคอเสียงเผียะ! ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปยังต้นเสียงเป็นตาเดียว “แม่เคยบอกเจ้าว่าอย่างไรเหตุใดถึงไม่ฟัง” น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวเจือด้วยเสียงสะอื้นของผู้ยังมีไม้เรียวเล็กอยู่ในมืออันสั่นเทาข้างนั้นพูดกับเด็กชายเสียงดัง “ฮือ ๆ ท่านแม่ข้าขอโทษเป็นข้าผิดเองท่านอย่าร้องไห้อีกเลย ต่อไปนี้ข้าให้สัญญาว่าจะไม่หุนหันพลันแล่นเช่นนี้อีก” เด็กน้อยผู้ถูกตีน้ำตาไหลอาบแก้มมอมทั้งสองข้างโอบเอวของมารดาแน่นกล่าวสำนึกผิดทั้งน้ำตา หญิงสาวคนนั้นรีบทิ้งไม้ในมือของตนลงก่อนย่อตัวลงนั่งโอบกอดเด็กชายตัวเล็กแน่นไม่แพ้กันส

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ตอนที่ 8 ไม่ยอมรับจริง?

    อันอันหยุดน้ำตาของตัวเองลงอย่างฉับพลัน มองซ้ายแลขวาอย่างระมัดระวังพลางตะโกนถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“เจ้าเป็นใครคนหรือผี” ใจเต้นตุบตับในอกข้างซ้ายรัวเหมือนกลองศึกก็ไม่ปาน “เจ้าสิผี ข้าไม่ใช่ทั้งมนุษย์และผีนั่นแหละ ข้าคือผู้รับใช้ของเทพเสวียนอู่ผู้ยิ่งใหญ่เลยนะเจ้าเด็กมนุษย์ตัวเหม็น” น้ำเสียงอันหยิ่งผยองโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน อันอันคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินคำพูดของสิ่งมีชีวิตตัวนั้น ทำให้นางผู้ปากไวอดที่จะย้อนออกไปไม่ได้เช่นกัน“แหม ๆ ท่านเทพผู้รับใช้เสวียนอู่ผู้ยิ่งใหญ่หากท่านเก่งกาจจริงดั่งที่ว่าเห็นทีคงไม่ต้องร้องขอให้เด็กอย่างข้าช่วยหรอกกระมั้ง” สิ้นคำของเด็กหญิงสัตว์เทพก็ถึงกับอยากจะกระอักเลือดออกมา ‘หน็อยยัยเด็กตัวแสบกล้ายอกย้อนข้าเชียวหรือ หากหลุดออกไปได้ข้าจะทรมานเจ้าให้หนำใจเลย’สัตว์ตัวเล็กคิดอย่างเดือดดาลโดยลืมคำเตือนทั้

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ปีศาจ?

    หยูเจียงเมื่อรับรู้ได้ถึงความจริงใจของชาวบ้านเช่นนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำในการตัดสินใจให้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ไม่คิดเปลี่ยนใจมากขึ้น แต่ทว่าที่ดินผืนนี้เล็กเกินไปสำหรับการสร้างบ้านของครอบครัวตนที่มีกันอยู่หลายชีวิต“ท่านเผย ท่านจะอยู่กับข้าหรือว่าจะจากไปอย่างนั้นเหรอ” หยูเจียงเอ่ยถามชายวัยเดียวกัน เนื่องจากเขายังไม่รู้แน่ชัดว่าชายหนุ่มผู้นี้คิดอย่างไรจึงได้ถามออกมา คำถามอันแสนตรงไปตรงมาของหยูเจียงทำให้ยงเผยมีสีหน้าครุ่นคิดไปชั่วครู่ในขณะที่ยงเผยกำลังจะอ้าปากตอบคำถามของบัณฑิตหนุ่มดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นเสียก่อน เมื่อมองเห็นร่างบางของหญิงสาวนางหนึ่งเดินจูงมือเด็กชายตัวน้อยมายังทิศทางที่ตนยืนอยู่หญิงสาวคนนั้นเองก็มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน นางรีบอุ้มบุตรชายของตนเหน็บเข้าที่เอวพร้อมกับหันหลังเพื่อเตรียมจะวิ่งหนีทว่ายงเผยจะปล่อยให้นางสมประสงค์ได้อย่างไร ชายหนุ่มจึงรีบใช้วิชาตัวเบากระโจนมาทางนางอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตกตะลึงเช่นเดียวกับหนิงอัน ‘โอ้! เจอเร็วกว่าท

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   เป็นมิตร

    เสียงฝีเท้าม้าผสานกับเสียงล้อเกวียนของตัวรถบด ถนนดินลูกรังเดินเข้ามาในหมู่บ้านอย่างเชื่องช้า หนิงอันจึงเปิดหน้าต่างออกดูแต่แล้ว “แค่ก ๆ” เสียงไอยามฝุ่นฟุ้งเข้าปากและจมูกทำให้เด็กหญิงผู้มีวิญญาณมาจากอนาคตจำต้องปิดหน้าต่างทันที “เจ้าช่างซนเสียจริง” ผู้เป็นย่าเอ่ยติงแกมสงสารยามเห็นท่าทางของหลานสาวผู้กำลังไอหน้าดำหน้าแดง ผู้เป็นมารดาจึงได้นำผ้าเช็ดหน้าของตนมาเช็ดใบหน้าอันเลอะฝุ่นสีแดงให้ลูกน้อยอย่างเบามือ“ขอบคุณเจ้าค่ะ” เจ้าตัวเล็กกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้างทำให้หญิงต่างวัยทั้งสองอดรู้สึกเอ็นดูในความน่ารักนี้ไม่ได้จึงทำให้พวกนางยิ้มออกมา ยงเผยบังคับรถม้าจนกระทั่งมองเห็นชาวบ้านชายหนุ่มจึงได้หยุดรถม้าลง ชาวบ้านวัยกลางค

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ข้ายังอยู่ในนิยายของตนหรือไม่?

    เช้าวันรุ่งขึ้นคณะการเดินทางของครอบครัวหยูก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงศาลาเอ้อเทียน ยงเผยกับศิษย์เอกทั้งสองรวมถึงหยูเจียงก็มองเห็นเพียงความรกร้างว่างเปล่า ไร้ซึ่งร่องรอยใด ๆ ว่าสถานที่แห่งนี้เคยเกิดเรื่องร้ายใดขึ้น ย้อนกลับไปกลางดึกของเมื่อคืน หลังจากพระอาทิตย์ลาลับแสงจันทร์สาดส่องเข้ามาแทนที่ คนของทางการร่วมกับคนคุ้มกันของคนสกุลติงกลุ่มหนึ่งต่างโอบล้อมจัดการกลุ่มโจรร่วมร้อยโดยที่ไม่ให้พวกมันทันได้รู้ตัว เสียงฟาดฟันประหัต ประหารกันดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของราตรีกาล ครั้นแล้วโจรกลุ่มใหญ่ก็ตกเป็นผู้แพ้ให้กับคนของทางการและกลุ่มคนคุ้มกันแม้ทางฝ่ายผู้บุกรุกจะมีบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่เหมือนกับเหล่าโจรโฉดที่เหล่าพี่น้องของมันตกตายกันหลายคน หลังจากจัดการกับกลุ่มคนชั่วเรียบร้อยหัวหน้าคนของทางการก็จัดการเก็บกวาดจนไม่มีผู้ใดคิดว่าสถานที่แห่งนี้เคยเกิดเรื่องร้ายขึ้นกลับมายังปัจจุบัน หลังครอบครัวหยูเดินทางผ่านศาลาเอ้อเทียนจุดนี้มาแล้ว พวกเขากำลังจอดรถม้าตรงบริเวณหน้าทางแยกแห่งหนึ่ง

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ไม่เหมือนเดิม

    “ขอรับ ข้าน้อยจะทำตามที่นายท่านว่า” พ่อบ้านวัยกลางคนรับคำ ครั้นแล้วเขาก็รีบไปทำตามคำสั่งทันทีด้านยงเผยหลังจากได้ทราบเรื่องที่พ่อบ้านรุ่ยมาบอก แม้ภายในจะประหวั่น ทว่าใบหน้านั้นกลับเก็บอาการไม่แสดงออกมา“เรื่องนี้ข้าจะเป็นผู้จัดการเอง ท่านอย่าได้ห่วง” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นอย่างหนักแน่นพ่อบ้านทำเพียงพยักหน้ารับไม่ถามสิ่งใดให้มากความจึงได้กลับไปรายงานผู้เป็นนายตามตรงคล้อยหลังพ่อบ้านรุ่ย ชายหนุ่มหนวดเคราครึ้มจึงได้เดินไปยังสัมภาระของตน เขารีบเขียนจดหมายอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครทันได้สังเกตจากนั้นจึงได้เรียกหาศิษย์เอกอันดับหนึ่ง “เสี่ยวจือเจ้ารีบควบม้าไปทางศาลาเอ้อเทียนให้เร็วที่สุด จงนำจดหมายฉบับนี้ไปให้หัวหน้าต่ง จำไว้ว่าต้องให้ถึงมือ เข้าใจหรือไม่” ชายหนุ่มกำชับกับศิษย์ของตนด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเช่นเดียวกับคำพูด“ขอรับท่านอาจารย์” เด็กชายวัยสิบหกประสานมือรับคำเน้นหนักเสียงกุบกับของม้าตัวใหญ่วิ่งฝ่าความมืดท่ามกลางแสงจันทร์สลัวออกไปโดยมีสายตาของผู้เป็นอาจ

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   คิดสิคิด

    ในจังหวะที่หนิงอันกำลังมองพิจารณาเด็กหนุ่มทั้งสองอยู่ “คุณหนู นายท่านเรียกหาเจ้าค่ะ” เด็กหญิงรับใช้วัยสิบสามปีกระซิบข้างหูผู้เป็นนายเสียงเบาเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูเรือน หนิงอันพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันหน้าไปสั่งพ่อบ้านวัยกลางคนอย่างสุภาพ “ท่านพ่อบ้านรุ่ยรถม้าทั้งสามคันในช่องลับให้แบ่งสิ่งของที่ข้าจัดเรียงไว้ใส่ลงไปเท่า ๆ กัน เรื่องนี้ท่านต้องเป็นผู้ตรวจสอบอย่าให้ตกหล่นนะเจ้าคะ” “ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ” พ่อบ้านวัยกลางคนรับคำ เนื่องจากเขารู้ดีว่าสิ่งที่คุณหนูจัดเตรียมไว้นั้นมีอะไรบ้างของมีค่ามีอยู่ไม่มากหากเทียบกับหมึก กระดาษ ตำราของนายท่านที่ล้วนเป็นของมีค่าสำหรับบัณฑิต ย้อนกลับไปในขณะที่หนิงอันปรึกษาคนในครอบครัวในการจัดเก็บข้าวของ “ท่านแม่เจ้าคะ บ

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   ข้าลิขิตใหม่ก็ได้

    ในขณะที่หนิงอันกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย “ลูกรักของแม่ เจ้าอย่าเป็นอะไรนะ” เสียงนั้นดังขัดความคิดของเจ้าตัว ทำให้เด็กหญิงรีบลุกจากเก้าอี้เดินมายังเตียงนอนพร้อมปีนกลับขึ้นไปอย่างรวดเร็ว“ละเมอหรอกหรือ” เด็กหญิงมองไปยังใบหน้าของหญิงสาวที่เป็นมารดาของร่างเดิมอย่างสงสารและเห็นใจ“ต่อไปนี้ท่านคือแม่ของข้า” อันอันกล่าวออกมาอีกครั้ง จากนั้นเธอก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนเช้าวันต่อมา เสียงนกส่งเสียงเจื้อยแจ้วทำให้ร่างเล็กขยับเปลือกตาก่อนจะลืมตากลมโตมองเพดานห้องนอนอย่างครุ่นคิด ว่าเรื่องเมื่อคืนของตนเป็นเพียงฝันหรือเรื่องจริง กระนั้นเจ้าตัวจึงได้หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาซึ่งเป็นลายมือของตนไม่ผิดแน่“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้าน้อยจะไปเรียนฮูหยิน” สาวใช้อายุเจ็ดปีกล่าวอย่างดีใจพร้อมก้าวเท้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่อันอันได้แต่มองตามตาปริบ ๆ‘อะไรจะรวดเร็วปานนั้นแม่คู๊ณ’ อันอันได้แต่มองตามแผ่นหลังของร่างนั้นโดยไม่ทันได้ปริปากเด็กหญิงกึ่งนั่งกึ่งนอน

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   กรรมของอันอัน

    “ในที่สุดก็จบสักที คราวนี้จะนอนพักให้ชุ่มปอดเลย เหนื่อยมาหลายวันขอสักตื่นเถอะ” น้ำเสียงแสดงความโล่งอกถอนหายใจยาวก่อนที่เธอจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะโดยที่ไม่รู้เลยว่าเรื่องราวที่ตนได้ขีดเขียนเอาไว้นั้นจะทำให้ตัวละครในเรื่องขอแลกวิญญาณให้เจ้าของเรื่องได้เข้ามาใช้ชีวิตแทนตนเองหนิงอันคือชื่อของเจ้าของร่างที่กำลังหลับสนิทอยู่ในขณะนี้ เธอมีอาชีพแต่งนิยายแม้จะไม่ถึงกับโด่งดังแต่ก็มีผลงานออกมาให้นักอ่านได้เสพความสุขกันอย่างต่อเนื่องนิสัยส่วนตัวเป็นคนชอบความสงบเฉกเช่นชื่อของตน ดังนั้นหลังจากพ่อแม่เสียชีวิตไปจึงอาศัยอยู่คนเดียวมาโดยตลอด มีเพื่อนอยู่หนึ่งคนซึ่งก็คือบ.ก.สำนักพิมพ์ที่กำลังรอผลงานเรื่องที่แต่งค้างอยู่ในเช้าวันต่อมามีเสียงเคาะประตูหน้าห้องพักของหญิงสาวผู้สันโดษทว่าไร้ซึ่งการตอบรับ ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกไม่สบายใจเนื่องจากขาดการติดต่อจากเจ้าของห้องไปตั้งแต่เมื่อวาน ภายในห้อง ร่างโปร

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status