“อยู่ห้างด้านข้างเจ้าค่ะ” หลางกุ้ยฮวา เป็นผู้ตอบ “อันอัน เจ้านั่งอยู่ที่นี่ก็แล้วกันนะ หากอยากไปเดินเล่นก็ไปตามข้า” เหลียนเซียวมู่ตง กล่าวกำชับหญิงสาวก่อนที่จะลากหมิงหมิงให้เดินไปกับตน “พี่ชาย ท่านลากข้าออกมาทำไมขอรับ” เด็กชายทำหน้ามุ่ยถามขึ้นอย่างไม่พอใจ “เจ้าเป็นชายหรือสตรี” คำถามนี้ทำ
แต่หลังจากไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ ยามเมื่อสายตามองเห็นเด็กชายที่ทำตัวเกาะติดพี่สาวแจ ชายหนุ่มก็ขับไล่ความคิดเหลวไหลของตน (การมีคนไปด้วยหลายคนก็ดีเหมือนกันอย่างน้อยจะได้ไม่เป็นที่จับตามองของใคร) สองสาวสนทนากันอยู่เพียงชั่วครู่ก็แยกย้ายกัน สาวงามคนหนึ่งเดินขึ้นด้านบน ส่วนอีกคนใบหน้าหาได้ด้อยกว่
เหลียนเซียวมู่ตงเมื่อเห็นใบหน้าไม่สบายใจของหญิงคนรักเจ้าตัวจึงเสนอออกมาอย่างหวังดี “ให้องครักษ์ของข้าอยู่ดูแลท่านอาหยูกับอาหญิงดีหรือไม่” หนิงอัน นิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ “เอาอย่างนั้นก็ได้” เนื่องจากเจ้าตัวเองก็อยากเห็นว่าวัดในยุคสมัยนี้เป็นเช่นไร เช่นเดียวกับหมิงหมิง รวมถึงสหายต่างเผ่าพันธุ
สองวันผ่านไปเหตุการณ์เกี่ยวกับคุณชายรองเฟิงก็เป็นเหมือนสายลมพัดผ่าน เนื่องจากในตอนนี้ผู้คนกำลังให้ความสนใจกับเทศกาลโคมไฟกันมากกว่า โดยเฉพาะบรรดาหนุ่มสาวที่ถึงวัยออกเรือน พวกเขายิ่งพากันตื่นเต้น คงยกเว้นเด็กสาวอย่างหนิงอันที่ในตอนนี้ได้ถูกมารดากำลังสั่งบ่าวรับใช้ภายในเรือนจับอาบน้ำ ขัดตัว
เหลียนเซียวมู่ตงที่กำลังรอโอกาส หลังจากที่เขาทักทาย หยูเจียงแล้ว เจ้าตัวที่ปิดปากเงียบจึงได้เอ่ยปากบอกเรื่องนี้เสียเอง “เรื่องมันเป็นเช่นนี้ขอรับ” ปัง! เสียงทุบโต๊ะจากฝ่ามือของหยูเจียงดังขึ้นสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองคล้ายยมทูติหน้าดำ “ใต้เท้าเฟิง เรื่องนี้ข้าคงจะให้
ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวในยุคนี้เป็นเรื่องที่คอขาดบาดตายเป็นอย่างมาก อีกอย่างชายคนนั้นไปเอาความกล้ามาจากไหนที่คิดจะลงมือกับตน สมควรแล้วที่จะต้องถูกลงโทษ เรื่องราวของชายคนนี้ได้ดังเข้าไปถึงครอบครัวฝั่งของเขา อย่างรวดเร็ว ณ จวนเสนาบดีกรมขุนนางท่านหนึ่ง “นายท่านขอรับ คุณชายเหวินม