วันนั้นเจ้าของร่างเก่าร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดกระทั่งสลบไสลอยู่ตรงหน้าหลุมศพบิดามารดา
นางรู้สึกเคียดแค้นเจียนคลั่งเพราะไม่มีอะไรได้ดังใจ แต่สิ้นไร้ไม้ตอกจนทำอันใดมิได้จึงตรอมใจ
...และตายในเวลาต่อมา
ถิงถิงฟื้นขึ้นมาพบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงจวนติง แต่เพราะเป็นสตรีแต่งงานแล้วจึงต้องกลับบ้านสามีก่อน
ทว่าจากนั้นไม่นาน กลับถูกครอบครัวสามีตัดขาดหย่าร้างและขับไล่ออกมา
นั่นจึงเป็นการเข้ามาอยู่จวนติงอย่างเป็นทางการหลังจากข้ามภพมาอยู่ในร่างนี้นั่นเอง ครั้นพอกลับบ้านเดิมยังต้องรับหนี้สินรุงรังที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า
แน่นอนไม่มีใครรู้ว่าติงยวี่ถิงคนเก่าตายไปแล้ว พวกเขารู้เพียงว่าติงยวี่ถิงที่เห็นตอนนี้เติบโตรู้ความรู้ผิดชอบชั่วดีเพียงข้ามคืน
อาจเพราะเรื่องเลวร้ายที่ได้เจอกะทันหันกระมัง จึงทำให้หญิงงามเลวทรามผู้หนึ่งซึ่งเป็นถึงคุณหนูลูกเศรษฐีถูกเลี้ยงดูในห้องหออย่างประคบประหงมใช้ชีวิตหรูหราฟุ้งเฟ้อชนิดจมไม่ลง เปลี่ยนไปมากขนาดนี้
หลังจากขายทรัพย์สมบัติใช้หนี้จนกลายเป็นยาจก ติงยวี่ถิงยามนี้จึงต้องอาศัยอยู่ในเรือนเล็กๆ ตรงเชิงเขา ห่างไกลความเจริญจากตัวเมืองจินโจวไกลพอควร
หมดกันชีวิตลัคซูรี่ อุตส่าห์วางแผนชีวิตเสียดิบดี เวรกรรมอะไรกันนี่
ที่สำคัญ ยังไม่ทันมีแฟนเลย...
อา...ชีวิต
ใครช่างลิขิตกันนะ เกิดมายากจนขยันหมั่นเพียรทำงานกระทั่งร่ำรวยจนมั่นคง วางแผนมีครอบครัวที่ดี กลับตายกะทันหัน
เท่านั้นไม่พอ ยังเป็นวิญญาณย้ายร่างเสียอย่างนั้น
เข้าร่างใหม่ยังกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวอีกครั้ง
เฮ้อ...
ไม่เป็นไร ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
หลังจากปรับตัวปรับใจก้มหน้ารับกรรมให้ร่างเก่า ติงยวี่ถิงจึงหาเงินด้วยการขึ้นเขาหาสมุนไพรเพื่อนำไปขายให้โรงยาต่างๆ ในเมือง
นับว่าโชคดีที่ชาติก่อนนางตั้งใจเรียนวิชานี้มาก มีความรู้ด้านสมุนไพรเต็มสมอง ในฐานะที่จบมาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองอย่างไรล่ะ
และโชคดีที่ว่าสมุนไพรในโลกนี้กับโลกของนางเป็นตัวเดียวกัน สรรพคุณก็เหมือนกัน ที่สำคัญยังมีตัวที่หายากเคยเห็นแค่ในตำรา แต่โลกนี้ได้เห็นของจริงเยอะแยะ ไม่ต้องเสียเวลาเพาะพันธุ์เองเป็นปีๆ นางจึงได้ศึกษาต่อยอด
ไม่เช่นนั้นอาจจะอดตายในชาตินี้แน่นอน
การไม่มีอะไรกินทรมานมากเลยนะบอกไว้ก่อน ดังนั้นไม่ว่าจะทุกข์ปานใดท้องต้องอิ่มเข้าไว้แล้วปัญหาจะสามารถเค้นสมองจัดการคลี่คลายได้เป็นอย่างดี
และโชคดีอีกหนึ่งประการ คือนางเคยช่วยสตรีผู้หนึ่ง อีกฝ่ายเป็นจอมยุทธหญิงฝึกวิชาสูงส่งจนบาดเจ็บสาหัส ตกหน้าผาลงมากลางป่ายังถูกสัตว์มีพิษกัดเกือบตาย
นางกำลังปีนเขาเจอเข้าพอดีจึงจัดการเคี่ยวยารักษาให้กลางป่าและต่อมาก็กลายเป็นสหายรักของนางนับแต่นั้น
และยามนี้ สหายนางยังเป็นถึงพระชายาอันเป็นที่รักขององค์ชายสี่ผู้สูงศักดิ์แห่งต้าเจิ้ง นามว่าหลินซิงเยียน[1]
ที่เมืองหลวงต้าเจิ้ง หลินซิงเยียนซื้อเรือนสองคู่หาให้ ตั้งชื่อว่าโรงยาเจี้ยนคัง
วันหนึ่งนางถอนหายใจรำพึงรำพัน “เฮ้อ...เหตุใดพวกคุณหนูถึงคิดแต่เรื่องแต่งตัว ใส่ใจแค่รูปโฉมภายนอกนะ ไฉนไม่คิดบำรุงความงามจากภายใน โรงยาของข้ามีสมุนไพรบำรุงผิวพรรณไม่ใช่แค่รักษาโรคนะ”
หลินซิงเยียนทำท่าครุ่นคิด “ถิงถิง สมุนไพรที่ข้าหามาจากหุบเขาไป๋ซานยังมีอยู่เต็มคลังกระมัง?”
นางพยักหน้า “อย่าบอกนะว่าเจ้าจะไปถอนมาอีก เท่าที่มีคงหมดหุบเขาแล้วกระมัง ปล่อยให้มันงอกใหม่บ้าง ที่ยังไม่โตก็ปล่อยให้เจริญเต็มวัยไปก่อนเถอะ”
“ถิงถิง เจ้าเก่งกาจเรื่องคิดค้นยาแปลกรูปแบบต่างๆ ยังเคยทำดินเหนียวทาหน้าให้ข้าก่อนนอนนี่นา”
“ย่อมใช่ แต่สิ่งนั้นไม่ได้เรียกดินเหนียว”
“อ้อ...เรียกว่าโคลนกระมัง?”
“ไม่ใช่ๆ” ติงยวี่ถิงอธิบายจริงจัง “เขาเรียกว่าครีม”
“หะ!” หลินซิงเยียนมักงุนงงกับคำพูดสหายเสมอ “เรียกโคลนเถอะนะข้าขอร้อง โคลนทาหน้าเรียกง่ายกว่า”
ติงยวี่ถิงยิ้มแห้ง “เรียกขี้ผึ้งทาหน้าได้ไหม?”
“อือ...หรือเรียกน้ำมันหอมทาหน้าดีกว่า”
ติงยวี่ถิงเห็นด้วย “ก็ได้ๆ น้ำมันหอมทาหน้า”
ครั้นหันไปจะด่าสักหลายประโยคกลับเห็นบุรุษผู้นั้น จัดการถอดเสื้อผ้าเอง แก้ผ้าอวดโฉมอันงดงามต่อสายตา เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั้งตัวอย่างไม่ปิดบัง ผิวพรรณขาวเนียนเรียบตึงเปล่งประกายนั้น เผยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศเฉพาะตัวออกมา เซียวหงเย่ยามนี้เปลือยกายล่อนจ้อนเผยมัดกล้ามเป็นลอนๆ สัดส่วนน่าดูชมมากล้น ทำเอาใครบางคนเลือดลมพลุ่งพล่านทันควัน เลือดกำเดาแทบพุ่งแบบยั้งไม่ทันติงยวี่ถิงรีบหันหน้ากลับ เสมองไปนอกหน้าต่าง ระบายลมหายใจยาว ผู้ชายคนนี้เปล่งประกายมากเกินไป ไม่เหมือนขุนนางราชสำนักหรือคุณชายสูงศักดิ์ที่นางเคยเจอ หากเผลอมองนานอีกนิดเดียวอาจเสียหัวใจโดยง่าย หน้าไม่อาย อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ! ไม่สนแล้ว...ห้องของติงยวี่ถิงค่อนข้างเล็กและคับแคบ ดังนั้น ห้องอาบน้ำจึงมีเพียงฉากเตี้ยกางกั้นระหว่างห้องนอนควันอุ่นลอยเอื่อย ม้วนตัวในอากาศ ในอ่างอาบน้ำมีชายหนุ่มรูปโฉมโดดเด่นนั่งแช่ตัวอยู่ในนั้นอย่างผ่อนคลาย วงหน้าหล่อเหลาของเขาราวหยกที่สลักได้อย่างเกลี้ยงเกลา เปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนของบุรุษเพศมากล้นริมฝีปากแดงสด เรียวตาคมคาย สันจมูกเหยียดตรง เรียวแขนแข็งแรงที่รับกับบ่ากว้างอันทรงพลังนั้นกางออกพาดไว้บนขอบอ่า
วันเวลาเหมือนติดปีกโบยบินเซียวหงเย่เดินทางไปทำการค้ากับเมืองต่างๆ ในขณะที่ติงยวี่ถิงยุ่งกับงานที่โรงยาเจี้ยนคัง กิจการค้าขายที่ยุ่งเหยิงแทบไม่มีเวลาว่างนั้น ทำให้ยามกลางวันเช้าจดเย็น หญิงสาวมิได้รู้สึกว่ามีอะไรขาดหาย ทว่าในยามราตรีกลับต่างไปริมหน้าต่างในห้องนอน ติงยวี่ถิงยังคงนั่งเท้าคาง นึกถึงแต่ใครบางคนภาพลึกซึ้งติดตรึงยังคงไหลวนให้ภวังค์มิคลาย หญิงสาวคิดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นแล้วซ้ำไปซ้ำมาอย่างต้องการตกผลึกทางความคิด ซึ่งกำลังสวนทางกับจิตใจนางควรไปต่อหรือพอแค่นี้ดีเล่า เขาก็ดีนะ หล่อด้วย แต่ดันมีสาวสวยเคียงกายเสียแล้วเนี่ยสิ! เฮ้อ...ชีวิตคนโสด อยากได้สามีสักคน เหตุใดถึงยากเย็นเช่นนี้พรึ่บ!เสียงสะบัดชายเสื้อตามด้วยบุรุษรูปงามร่างสูง ซึ่งเขาเพิ่งปีนขอบหน้าต่างเข้ามาโดยที่ท่าทางมิได้ทุลักทุเลเหมือนคืนก่อนแม้แต่น้อยชอบเหลือเกินนะปีนหน้าต่างเนี่ย ประเดี๋ยวต้องให้คนเอาบันไดไปวางพาดไว้เสียแล้ว ติงยวี่ถิงหรี่ตาถามเสียงเย็นชา “คล่องแคล่วเชียวนะ มิใช่ว่าถูกยาปลุกกำหนัดมาอีกล่ะ?”เซียวหงเย่เอ่ยยิ้มๆ “วันนี้ไม่มียา มีแค่หน้าที่สามี”หน้าที่สามี? คนฟังกะพริบตา ครั้นคิดได้แล้วก็ตว
จากนั้นนางก็อาศัยต้มยาในห้องครัวเล็กด้านหลังด้วยตัวเองอย่างยากลำบากเพราะร่างเก่าไม่เคยทำ จึงค่อนข้างเงอะงะพอควร อะไรที่ต้องการก็หาไม่ค่อยเจอ บ่าวไพร่ก็หนีหน้าไม่กล้าเข้าใกล้ระหว่างนี้นางยังปรนนิบัติดูแลเขาอย่างเอาใจใส่ คอยเช็ดตัวให้ ป้อนข้าวป้อนยา ไม่นาน เขาก็ค่อยๆ หายดี ช่วงเวลานี้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับสามีเริ่มต้นในทิศทางที่ดี กระทั่งมีราตรีวสันต์ด้วยกันจนรุ่งสางบนเตียงนอนหลังม่านพลิ้วไหวบนเตียงนอนวันนั้น มีสองร่างเปลือยเปล่าแนบชิดสนิทแน่นต่างคลอเคลียลูบไล้เสมือนไม่เคยผลักไส ดวงตาหญิงสาวปริ่มน้ำหยาดเยิ้มยั่วยวนใจ ดวงตาชายหนุ่มร้อนแรงยิ่งกว่าเปลวไฟ สันกรามที่ขบแน่นทรงเสน่ห์ลวงใจใบหน้าเนียนที่แดงก่ำและชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดเหงื่อเกาะพราวมีดวงตาสั่นไหวที่ทอดมองชายหนุ่มเหนือร่างอย่างหลงใหล ชั่วขณะหนึ่ง นางมองเขาอย่างแปลกใจ สมองเลอะเลือน เขาเป็นใคร? อ้อ...สามี หากแต่จากความทรงจำของร่างเก่า เขาคือบุรุษที่รังเกียจและผลักไสนางทุกวันนี่นาแต่บัดนี้ การแนบชิดที่สนิทแน่นปานนั้น โดยเฉพาะตอนใกล้เสร็จและหลังเสร็จภารกิจสัมพันธ์ เขาก็ยังกอดนางเอาไว้ใต้ร่าง ทาบทับนางทั้งตัว ซุกซ
หลินซิงเยียนให้รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าและใบหู จนต้องยกพัดกลมโบกกระพือใส่ใบหน้าอย่างมิอาจควบคุม ขนนกสีฟ้าปลิ่วว่อนเนื่องจากนางไม่เคยมีเรื่องราวอันลึกซึ้งกับบุรุษคนใด แต่กลับ ‘เคยเกือบจะทำเรื่องแบบนั้นมาแล้ว’ จึงพอเข้าใจ แต่รู้สึกกระดากอายจนทำตัวไม่ถูกอย่างยิ่ง เพราะภาพที่นึกออกมันค่อนข้างสมจริงเกินไป...“เจ้ากับอดีตสามีนี่เป็นมาอย่างไรกันแน่ ถิงถิง เจ้าคิดกับเขาเช่นใด บอกมาเถอะ เผื่อข้ามีสิ่งใดช่วยเจ้าได้”“ข้าไม่รู้ต้องคิดยังไงกับเขา”“อ้าว?”ติงยวี่ถิงถอนหายใจ ค่อยๆ เปรยด้วยคำถาม “หากเจ้าต้องมาแทนที่ใครสักคนนึง ในตำแหน่งภรรยา เจ้าจะรักผู้ชายคนนั้นไหม?”หลินซิงเยียนทำท่าครุ่นคิด “เหมือนข้าหรือเปล่าที่มาสลับตัวกับพี่สาว แต่ว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวของข้านั้น ทั้งเจ้าชู้มากตัณหา ข้ารักไม่ลงหรอก แต่คิดอีกที ต่อให้ข้ารักแต่คนๆนั้นเป็นของพี่สาว ข้าก็ไม่อาจจะแย่งได้หรอก” นางเงียบไปพักหนึ่งก่อนตัดสินใจถามสหายตามตรงอีกว่า “แต่เจ้าไม่เหมือนข้า ถึงอย่างไรอดีตสามีก็เป็นคนของเจ้า”ติงยวี่ถิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า ท้ายที่สุดก็บอก “ช่างเถอะ เรื่องของข้ามันซับซ้อน”หลินซิงเยียนจึงเงียบไป นางไม่เข้าใจส
โรงยาเจี้ยนคังวันนี้มีสหายรักมาเยี่ยมเยียนถึงเรือน อีกฝ่ายพร่ำบ่นไม่หยุดถึงบุรุษที่เห็นแก่ตัวผู้หนึ่ง“เห็นได้ชัดว่าเขาแค่ทำไปเพราะต้องการเอาชนะข้า ช่างเป็นบุรุษที่เอาแต่ใจอย่างยิ่ง” ติงยวี่ถิงที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวพยักหน้าเออออ “ใช่! เขาทั้งสุภาพและดูดี ข้ายอมรับว่าหวั่นไหวจึงเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว”“หือ...” วาจายาวเหยียดทำคิ้วงามขมวด “ถิงถิง เจ้ากำลังพูดถึงใคร?” นึกไปนึกมาพลันร้องห๊ะ! “ถิงถิง! อดีตสามีเจ้า เขาหาตัวเจ้าเจอแล้วหรือ? เขาทำร้ายเจ้าหรือไม่ ทวงเงินหรือเปล่า” เหตุที่หลินซิงเยียนถามเช่นนี้เพราะวันที่ถิงถิงออกมา ลักลอบหอบเงินของสามีมาเยอะเลยทีเดียวติงยวี่ถิงร้องเฮอะ “เขาร่ำรวยปานนั้นไม่มีทวงเงิน” พูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทั้งยังตบโต๊ะดังปัง “อ่อนโยนกับผู้อื่น แต่กับข้า ชอบทำตัวหยาบคาย เล่นท่ายาก แซ่บตลอด บ้าที่สุด”“หือ...” หลินซิงเยียนหรี่ตา ให้รู้สึกปวดหัวแล้วนะ “เจ้ากำลังพูดอันใด? แสบตรงไหน? บาดแผลรึ? ตกลงเขาทำอะไรเจ้า บอกมา ข้าจะไปจัดการเขาเอง”ติงยวี่ถิงพลันมีสติกลับคืนรีบโบกมือปฏิเสธพัลวัน“ไม่ๆ ไม่ได้ทำอะไร เขาไม่ทำร้ายทุบตีข้าหรอก” ติงยวี่ถิงนัยน์ตาเศ
จังหวะนั้นซูหลินพลันเดินเข้ามา นางจ้องมองน้องสาวในอ่างไม้ด้วยสองตาเปล่งประกาย “ฟางเอ๋อร์...” เพราะที่นี่เป็นจวนสกุลซูและนางก็เป็นเจ้าของเรือนที่ญาติผู้น้องมาพำนัก การเข้านอกออกในย่อมสะดวกยิ่งนัก แม้แต่สาวใช้ที่ยืนเฝ้าหน้าห้องยังไม่กล้าขัด ซูหลินจึงเดินเข้ามาได้จนถึงห้องอาบน้ำเลยทีเดียว ซูหลินใช้ดวงตาสมหวังจดจ้องน้องสาวอย่างลิงโลด “ฟางเอ๋อร์ พี่ได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่? สำเร็จแล้วสินะ!”เหวินฟางชะงักกึก นางให้รู้สึกอยากมุดน้ำแล้วจมดิ่ง ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่สมควรเล่าให้ใครฟังแน่นอน“พี่หลิน ข้า...” นางเอ่ยตะกุกตะกัก ในขณะที่อีกคนรีบหันไปหยิบเสื้อคลุมมายื่นให้น้องสาว ดวงตาที่พร่างพราวไล่สำรวจเนื้อตัวขาวจัดที่บัดนี้มีรอยจ้ำเหล่านั้นเต็มไปหมด นางรู้ดีเชียวล่ะ ว่าพวกมันคือรอยที่เกิดจากอะไร “มาเถิด รีบเช็ดตัวก่อน ค่อยพูดคุยกัน พวกเรายังต้องวางแผนกันต่อ อ้อ...หาฤกษ์งามยามดีรอไว้เลยดีหรือไม่?”“ไม่!”“...”เห็นน้องสาวตะเบ็งเสียงปฏิเสธดังลั่นปานนั้น ซูหลินให้รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก “ฟางเอ๋อร์ หมายความว่าอย่างไร?”เหวินฟางอึกอัก “เอ่อ...ข้า...” นางรีบลุกจากถังไม้ เผ