“วันนี้ข้า เร่งรีบพรุ่งนี้จึงมีเวลามากพอ”
ซีหยินก้มหน้าเขินอาย จริตจะก้านราวกับไม่เคยต้องมือชายมาก่อน หงเหวินอยากจะรั้งร่างบางมากดริมฝีปากอีกครั้งหากไม่ติดที่นางกำลังใช้ลิ้นอยู่
ใบหน้าเรียบเฉยยกยิ้ม หงเหวินผู้ซึ่งไม่เคยขาดเรื่องบนแท่นนอนแม้แต่คืนเดียวแต่กระนั้นก็ไม่มีฮูหยินเพราะเขาเข็ดกับคำปฏิเสธของเสิ่นเปาหลิว
ในครั้งนี้ซีหยินหอมหวานถูกใจเขายิ่งนักพรุ่งนี้จึงตั้งใจเสพสมบนเรือนร่างของนางเสียให้พอ เผื่อว่าอีกสองสามวันจะได้ลิ้มรสสวาทของคุณหนูบ้านเสิ่นที่งดงามและหยิ่งทะนงคนนั้น
บ้านเสิ่น
“คุณหนูเจ้าขา บ้านหลังนี้คงต้องหลุดมือแน่แล้ว เงินหมื่นตำลึงจะหามาจากที่ไหนกัน”
“มีเวลาอีกกี่วันป้าเหยา”
“ท่านกวงบอกว่าอีกสามวันหลังจากนี้หากยังไม่นำเงินไปที่บ้านกวงเราต้องขนของออกจากบ้านเสิ่นทันที”
เปาหลิวยิ้มเศร้าๆ บ้านของมารดาบ้านที่มีไออุ่นของมารดาจะปล่อยให้หลุดมือได้อย่างไร
“ข้าจะหาทางนำเงินไปคืน ท่านลุงกวงหากไม่สามารถหาเงินได้ทันเปาหลิวจะลงทุนขอร้องลุงกวงดูสักครั้ง
ป้าเหยา พยักหน้าขึ้นลงยิ้มให้กำลังใจ
ในขณะเดียวกัน
“กดดันนางให้ถึงที่สุด อย่าได้เห็นแก่อะไรทั้งนั้น ทำอย่างไรก็ได้ให้นางอับจนหนทาง”
ร่างสูงของฟ่านหงเหวิน ยืนเหม่อมองออกนอกหน้าต่างแต่เอ่ยคำพูดเฉียบขาดจนท่านกวงจำต้องยอมจำนน
“ขอรับคุณชาย”
ตอบรับง่ายดายราวกับว่าหงเหวินคือคนที่ต้องย่ำเกรงกว่าบิดามารดาเสียอีก
“ท่านช่วยข้า ในครั้งนี้ การซื้อขายระหว่างเราเป็นท่านที่ข้ายอมให้ผูกขาดการขายชาดีของแคว้นฉีที่บ้านฟ่านขนเข้ามาที่นี่ทั้งหมด”
ท่านเกายิ้ม ประสานมือตรงหน้า
“ขอบคุณคุณชายอย่างยิ่งข้าน้อยยินดีรับใช้”
หงเหวินเอามือไพล่หลังเดินจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย คุ้นเคยกับการที่เป็นผู้กุมอำนาจทั้งปวง
บ้านเสิ่น
“คุณหนูเจ้าขา หญิงนางหนึ่งท่าที แปลกประหลาดราวกับคนในหอคณิกามาขอพบคุณหนูเจ้าค่ะ”
เปาหลิวลุกขึ้น ก้าวเดินยังห้องรับรองแขก
“คุณหนูเสิ่น”
ผู่หยงกล่าวทักทาย อดชื่นชมใบหน้าที่แสนจะงดงามแล้วเรือนร่างยังงดงาม ไม่แพ้กัน อกอูมอวบอิ่มดันผ้าแพรบางเบาออกมาเสียแทบจะล้นทะลัก ไล่มาถึงช่วงเอวกลับคอดกิ่ว สะโพกที่ก้มกลึง จนหญิงที่พบเห็นหญิงงามมากเช่นผู่หยงอดที่จะกลืนน้ำลายลงคอเสียไม่ได้
“ท่านน้ามีเรื่องใดกัน”
“คุณหนูอยากได้ทองสี่พันชั่งหรือไม่”ไม่อ้อมค้อม
“ท่านน้าหมายความว่าอย่างไร”
“ครั้งเดียว คืนเดียว พอเช้าก็รับทองสี่พันชั่งไปสบายๆ ไม่มีผูกมัดไม่มีเงื่อนไขอื่นใด มีใต้เท้าท่านหนึ่งต้องการตัวคุณหนู อยากเป็นคนแรกของคุณหนู ..แค่ครั้งแรกครั้งเดียวเท่านั้น”
ด่านชายแดนร่างสูงของ ตู้อี้ซาก้าวขายาวๆ ยังค่าย ผู้ใช้แรงงานด่านชายแดน“ฟ่านหงเหวิน”ร่างผอมบางนอน อยู่แคร่ไม้ไผ่ ซูบผอมจนอี้ซาจำแทบไม่ได้เนื้อตัวมีแต่รอยแผลผุพองและรอยเลือดแห้งเกราะกรัง“อะอะอะ อี้ซา”“ข้า นำเงินมาไถ่ตัวท่าน อีกอย่างตอนนี้คือช่วงเปลี่ยนผ่านไม่มีฮ่องเต้ไม่มีไท่จือทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันแล้ว ต่างชาติเข้ามาปกครองต้าชิงของเราจนสิ้น ฟ่านหงเหวินยิ้มเศร้าๆ“คงไม่ทันแล้วข้า คงไม่อาจกลับไปที่นั่น มิใช่แค่ไม่กล้าสู้หน้าเปาหลิวหากแต่แม้แต่ขยับกายข้ายังไม่อาจกระทำ ข้าทรมานเหลือเกินอี้ซาพูดกับนางแทนข้า บอกนางว่าข้าขอโทษ แค่กกก”เสียงหายใจหอบเหนื่อยอี้ซาลุกขึ้นมาชะโงกด้านหน้า“ใครก็ได้ตามท่านหมอข้ามีเงินทองมากมายตามท่านหมอมาตรวจดูอาการเขาที”คนติดตามมาประสานมือ“ท่านตู้ที่นี่ไร้หมอ อีกอย่าง”กระซิบข้างหูตู้อี้ซาเบาๆตู้อี้ซาหลับตาลงช้าๆ“มีเวลาอีกนานแค่ไหน”“อีกไม่เกินหนึ่งชั่วยามขอรับ ตอนนี้คุณชายฟ่านกระอักเลือดสดๆ ออกมาตั้งแต่เมื่อวาน นี่ก็ถือว่ามีความอดทนที่สุดแล้ว คงเพื่อรอพบท่านตู้คุณชายฟ่านจึงยังอยู่ถึงตอนนี้”“แค่กๆๆๆ ”ข้าจะพาเขากลับต้าชิงพวกเจ้าหาเกี้ยวและคนเพื่อพาคุณชา
ดวงตาเบิกโพลง พ่นเลือดสดๆ ออกมาก่อนที่วิญญาณจะหลุดออกจากร่าง“ถอยไปถอยไป”ผู้คุมใช้ทวนในมือกันให้หงเหวินถอยห่างออกไป“ตายเสียแล้ว ขอรับนายท่าน”“เอาไปเผา ตอนนี้กำลังเกิดโรคระบาด เผาให้สิ้นซาก”หงเหวินทอดถอนใจเขตวังหลวงต้าชิง“นายหญิงเจ้าขา คุณชายน้อย กับท่านตู้กลับมาจากบ้านตู้แล้วเจ้าค่ะ”ป้าเหยาเอ่ยปากเบาๆ เมื่อเห็นว่าเปาหลิวนั่งเหม่อมองไปไกล“ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้กับคุณชายด้วย อากาศข้างนอกหนาวเหน็บ ท่านตู้ตามใจคุณชายให้ออกไปตกปลาประจำ”“ทั้งสองคนเข้ากันได้ดีน่าชื่นใจยิ่งนัก”“ป้าเหยา ข้าได้ยินว่าเกิดโรคระบาดด่านชายแดน”ป้าเหยายิ้มบางๆ“นายหญิงเจ้าขา อย่าห่วงเลยเจ้าค่ะโรคระบาดไม่มาถึงนี่”เปาหลิวยิ้มเศร้าๆก่อนหน้านั้น“ เจ้าควรอภัยให้ฟ่านหงเหวินได้แล้ว เขารับกรรมที่ก่อไปแล้ว ต่อไปไม่แน่ว่าจะได้พบหน้ากันอีกหรือไม่ เขาฝากให้ข้าอี้ซาดูแลเจ้า แต่ทว่า เมื่อเจ้ายืนยันที่จะไม่แต่งกับข้าทางเดียวที่ทำได้คือ เราสองคนอยู่กันแบบสหายข้าสัญญาไม่มีทางทอดทิ้งโดดเดี่ยวเจ้า เงินทองที่เคยให้ก็ยังจุนเจือเหมือนเดิมที่ท่านพ่อเคยทำอย่างไรก็ยังอย่างนั้นเพราะเจ้าช่วยบ้านตู้ได้ไม่น้อยตอนนี้กิจการของบ้านตู้เป็น
“นี่เจ้า ตู้อี้ซาจะมากไปแล้วข้าเป็นถึงไท่จืออีกอย่างข้ากับฟงหงเหวินก็มีความสัมพันธ์อันดี ข้าจะให้ร้ายเขาได้อย่างไร”ตู้อี้ซายิ้มหยันหาได้รู้สึกหวาดกลัวในบารมีของฟงกัวไม่“ข้าได้ยินว่า ไท่จือยึดทรัพย์ของบ้านฟ่าน เป็นของตัวเองขับไล่มารดาของฟ่านหงเหวินออกจากแคว้นทรัพย์สินของบ้านฟ่านมีไม่น้อย แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วยังถึงกับจะตัดรากถอนโคนเชียวหรือ”ฮ่องเต้ชราโบกมือห้าม เพราะกลัวว่าไท่จือจะถูกเปิดโปงมากไปกว่านี้และจะทำให้ความศรัทธาลดน้อยลงไปฮ่องเต้ชราก้มลงกระซิบกับขันทีข้างกายที่ก้าวออกมายืนข้างหน้า“ละเว้นโทษตาย เนรเทศออกจากต้าชิง ให้ใช้แรงงานยังด่านชายแดน ส่วนทรัพย์สินที่ยึดไว้ส่งเข้าคลังหลวงทำนุบำรุงต้าชิงเสีย”อี้ซา ส่ายหน้าไปมา อย่างน้อยก็ยังรักษาชีวิตของฟ่านหงเหวินไว้ได้หากเป็นก่อนนั้นคงถูกประหารทั้งๆ ที่ยังไม่ทันไต่สวนเดินไปข้างๆ ร่างผอมโซของฟ่านหงเหวินใบหน้าซีดเซียวหมดความองอาจที่ถูกจำกัดอิสรภาพโดยโซ่ตรวน“ข้าช่วยท่านได้แค่นี้จริงๆ คุณชายฟ่านขอให้ท่านโชคดี”“ข้า ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดจากด่านชายแดนได้หรือไม่ ข้า ..หวังเพียงว่านางจะอภัยให้ข้าและนางกับลูกของข้าจะมีความสุข อี้ซาดูแลน
ท้องพระโรง ฟ่านหงเหวินถูกคุมตัวมา ยังหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้ ขุนนางที่บ้านฟ่านเคยเกื้อหนุน ต่างถอนหายใจไม่อาจช่วยเหลือท่านตู้กับตู้อี้ซาสวมอาภรณ์แบบตะวันตก ท่านตู้ถือไม้เท้าพยุงตัวเหมือนแบบที่สมัยนิยม (ปีค.ศ1800ก่อนสงครามฝิ่น) ส่วนตู้อี้ซาสวมแว่นสายตาในมือถือไปป์“ตู้อ้ายซา ตู้อี้ซา ถวายพระพรฝ่าบาท”ฮ่องเต้ชราโบกมือให้ ทั้งสองคนลุกขึ้น ฟงกัวขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกไม่พอใจ“ข้าน้อยสองคนเข้ามาฟังคำไต่สวน ความผิดของคุณชายฟ่านหงเหวิน” ฮ่องเต้ชรากระซิบกับขันทีชราข้างกายด้วยจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใครคือฟ่านหงเหวินโบกมือให้ขันทีจีบปากจีบคอพูดแทน“ฟ่านหงเหวิน ความผิดลบหลู่เบื้องสูง กล้าส่งหญิงงามที่ด่างพร้อยมีรอยมลทินให้กับไท่จือประมุขตำหนักบูรพาด้วยหวังผลประโยชน์ในการส่งวัตถุดิบสำหรับห้องเครื่องเข้ามาในวังหลวงผูกขาดเพียงเจ้าเดียวมีความผิดมหันต์สมควรได้รับโทษตาย ประหารเจ็ดชั่วโครต แต่ด้วยพระบารมีและพระเมตตา จึงลดโทษให้แค่เพียงประหารตัวคนผิด คือฟ่านหงเหวินผู้ที่ทำการหลบลู่เบื้องสูงเท่านั้น”อี้ซา ยกไปป์ขึ้นจรดปากสูดควันเข้าไปเต็มปอดพ่นออกมาหนักหน่วง ไม่ได้สนใจสายตาของฮ่องเต้ ไท่จือหรือเหล่านางในที
“ทะทะไท่จือโปรดอภัยหรูหรานไม่ได้เป็นคนที่คิดจะหลอกลวงเบื้องสูง ตะตะแต่เป็นคุณชายฟ่าน ที่ ที่แอบพรากพรหมจรรย์ของข้าไปเสียก่อน” ฟงกัวยิ้มเย็น กระบี่ในมือเสียบเข้าที่ยอดอกของหรูหรานอย่างจัง“เลวที่สุดพวกเจ้ากล้า หลอกลวงเบื้องสูงกล้าหลอกลวงข้าคิดว่าข้าเป็นตัวตลกหรือไร”เช็ดรอยเลือดที่คมกระบี่ ก่อนจะก้าวขาจากไป“องครักษ์ส่งคนคุมตัวฟ่านหงเหวินมาที่ ตำหนักบูรพาข้าจะฆ่าเขาเสีย”กัดฟันจนเป็นสันนูน มิใช่แค่การเลี้ยงดูแต่ด้วยสันดานเดิมของ ฟงกัวที่ไม่เคยยอมใคร เขาจึงไม่ยอมให้ใครมาลูบคมได้ง่ายดายฟ่านหงเหวิน ป่านนี้คงเย้ยหยันที่เขา กินเศษเดนที่ฟ่านหงเหวินหยิบยื่นมาให้ฟ่านหงเหวิน กดริมฝีปากของกับปากบางของ เปาหลิวส่งต่อลมหายใจแบกร่างเล็กขึ้นบ่าวิ่งวนไปรอบๆ อี้ซาได้แต่ถอนหายใจ“แค่กๆๆๆ ”เปาหลิวส่งเสียงไอออกมาเบาๆ“คุณชายฟ่าน พานางไปที่ร้านหมอจะดีกว่า”อี้ซาเอ่ยปาก เมื่อเห็นว่าฟ่านหงเหวินทำอะไรไม่ถูก ด้วยความห่วงใยเปาหลิวฟ่านหงเหวินรีบอุ้มร่างบางของเปาหลิวยังร้านหมอแต่ไม่ทันจะก้าวเข้าไปในร้านหมอ ทหารนับสิบต่างวิ่งเข้ามารายล้อมรอบตัว“เกิดอะไรขึ้น”หงเหวินถามด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ“ฟ่านหงเหวินหลอกลวงเ
“ข้า ปักใจกับฟงหงเหวินก่อนที่จะถวายตัว เป็นฝ่าบาทที่ฝืนใจข้า และเป็นนางที่แย่งชิงเขาไป ข้าทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขาใกล้ชิดข้า แม้ว่าเขาจะไม่มีใจให้ข้าก็ตาม”ฟงหงเหวินยิ้มหยันอี้ซายิ้มเศร้าเจ็บปวดใจอย่างที่สุดคำหวานของเปาหลิวที่ผ่านมา วนเวียนในหู นางล่อหลอกจนเขาตายใจเพื่อให้ฟงหงเหวินเข้ามาในวังหลวงอย่างแนบเนียน“เจ้ามีใจให้ฟงหงเหวินอย่างนั้นหรือ”“ข้ารักพี่ฟงรักเขามาตลอด แม้ว่าเขาจะไม่เคยรักหลิวหลิวคนนี้ก็ตาม เราสองคนไม่ควรต้องจากกัน เราสองคนไม่ควรต้องหลบซ่อน”เสียงแหบพร่า ฟงหงเหวินตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน“เจ้า เลือกเขาใช่ไหม เปาหลิวเจ้าเลือกฟงหงเหวิน ไม่เสียใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นใช่ไหมฮองเฮา”ฟงหงเหวินเองก็เจ็บที่ใจภาพความทรงจำที่ร่างเล็กของหลิวหลิววิ่งตามเขายามเยาว์วัยยังติดอยู่ในใจเปาหลิวก้มหน้านิ่ง ไม่เอ่ยคำใดเหมือนเป็นการตอบรับอี้ซายิ้มหยันชักกระบี่ข้างกายองครักษ์หมายจะเสียบคมกระบี่เข้าที่อกกว้างของฟงหงเหวินที่ถูกองครักษ์จับตัวไว้เสียให้ตายลงบัดนั้นทว่า“ฝ่าบาทอย่า”เปาหลิวถลาเข้าไปขวางคมกระบี่ที่คมกริบ ด้วยแรงโทสะคมกระบี่ในมือของอี้ซาเสียบทะลุอกขาวของเปาหลิวเลือดสีแดงไหลทะลักซ