Share

คนแปลกหน้า

last update Last Updated: 2025-10-11 17:47:52

‘ผมแค่ทำตามที่คุณคำสั่ง ไม่ได้มอมคุณสักหน่อย’ เจมีไนน์คิด

นอกจากเหล้าดีกรีแรง ๆ แล้วคนรับฟังก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คนอกหักต้องการ จักรทัศน์พรั่งพรูความในใจวกไปวนมาสลับกับสั่งเครื่องดื่มไม่ขาด ความมึนเมาแผลงฤทธิ์จนสติเริ่มเลอะเลือน

เจมีไนน์ยังควบคุมสถานการณ์ได้จึงเรียกฝ่ายรักษาความปลอดภัย

“คูณบาร์เทนเด้อ คูณ…แต่งงานแล้วเหย๋อออออ” แพทย์หนุ่มสังเกตุแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายมาได้สักพักแล้ว เจมีไนน์คลายยิ้มน้อยแล้วพยักหน้ารับด้วยความภูมิใจทำให้คนเมาอดแซวต่อไม่ได้

“ฮั่นแน่! ยิ้มขนาดนี้ ภรรยาคูณต้องเป็นคนสวยม๊ากแน่ ๆ”

เมื่อเกินขีดจำกัดที่ร่างกายจะรับไหว แพทย์หนุ่มรู้สึกถึงไอร้อนวูบวาบใต้ผิวหนัง เปลือกตาหนักอึ้งจนลืมไม่ขึ้น ยังไม่ทันกระดกเครื่องดื่มแก้วสุดท้ายให้หมดก็ฟุบหน้าลงบนเคาน์เตอร์แล้วเข้าสู่ภวังค์หลับลึกไปในทันใด

‘ห้าทุ่มสี่สิบห้านาที…สู้มือน่าดู’’ บาร์เทนเดอร์เอียงคอมอง

“คุณรู้กฏดีว่าเราปล่อยให้ลูกค้าเมาหลับในร้านแบบนี้ไม่ได้ เราไม่มีบริการรถรับส่งหรือห้องพักวีไอพีให้พวกขาจรนะคุณเจมส์” ผู้จัดการเข้ามาตำหนิอย่างสุภาพ แม้จะเจมีไนน์เป็นคนสำคัญของทางร้านแต่ใช่จะทำอะไรตามใจชอบได้ทุกอย่าง

“ไม่ต้องกังวลนะครับ เดี๋ยวผมไปส่งเขาเอง”

“นี่รู้จักกันเหรอ”

“ไม่รู้จักครับ”

“แล้วรู้เหรอว่าบ้านเขาอยู่ไหน”

“เมื่อกี้เขาบอกให้ฟังครับ”

“งั้นตามใจคุณนะ เดี๋ยวผมให้การ์ดมาช่วยพาตัวออกไป” ผู้จัดการพยัดเพยิดเรียกฝ่ายรักษาความปลอดภัยให้เข้ามาหิ้วปีกคนหมดสติ

งานนี้ทิปก็ไม่ได้ หน้าที่ก็ไม่ใช่ งั้นบริการส่วนตัวสุดพิเศษงั้นหรือ?

แล้วตัดสินใจจากอะไรรู้สึกถูกชะตาหรืออย่างอื่น

ขณะอยู่ในลิฟต์เจมีไนน์ก็เอาแต่มองคนคอพับคออ่อนอย่างไม่ระวางตาจนหนึ่งในบอดีการ์ดสังเกตุเห็นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

เขาประคองร่างปวกเปียกเข้าในรถรับจ้าง จุดหมายปลายทางคือคอนโดมิเนี่ยมหรูในตัวเมืองภูเก็ต ระหว่างทางเจมีไนน์ถือวิสาสะค้นตัวจนเจอโทรศัพท์ที่ต้องสแกนลายนิ้วมือและรหัสผ่าน

ในเมื่อทำอะไรไม่ได้จึงหันไปสนใจบัตรประจำตัวในกระเป๋าสตางค์แทน

ดวงตาเรียวเบิกโตโพล่งด้วยความทึ่งเมื่อเห็นชื่อ – นามสกุลเด่นหราบัตรข้าราชการที่มีคำนำหน้าว่านายแพทย์ มันน่าประทับใจจนถึงกับต้องเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้เลยทีเดียว

‘Good guy!’ เจมีไนน์ชื่นชม เผยยิ้มกว้างจนแก้มเป็นรอยบุ๋ม

ทว่าความอยากรู้อยากเห็นยังไม่หยุดแค่นั้น

เขาอ้างกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่าตนเองเป็นคนไข้ของจักรทัศน์ หว่านเสน่ห์ใส่นิติบุคคลอีกสักหน่อย แค่นี้หนทางสู่พื้นที่ส่วนตัวของแพทย์หนุ่มก็โล่งโปร่งสบาย

“ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมช่วยจัดการอะไร ๆ ให้คุณหมอสักหน่อย ตามสบายนะครับ” รปภ. ขอปลีกตัวออกไปหลังช่วยกันประคองร่างหนักอึ้งให้นอนบนโซฟา

ห้องเพดานสูงแบบสองชั้นสะอาดและเป็นระเบียบ มีชั้นวางสูงติดกับผนังด้านหนึ่งของห้องรับแขกอัดแน่นไปด้วยหนังสือและตำราการแพทย์ แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดีเห็นจะเป็นรูปครอบครัวบนผนังอีกฝั่ง มันแสดงให้เห็นว่าจักรทัศน์กับพี่สาวถือกำเนิดและเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดีเยี่ยมถึงได้มีอนาคตสดใสเช่นนี้

เจมีไนน์ไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกจึงปล่อยให้มันไหลออกมา ขณะไล่ดูรูปภาพเหล่านั้นมาจนถึงกรอบรูปแบบตั้งโต๊ะบานหนึ่งเป็นรูปจักรทัศน์กับผู้ชายรูปหล่อผมสีเทาหม่นที่ขี้เก๊กเกินเบอร์

คนที่ไม่รู้ก็นึกว่าจักรทัศน์เคยย้อมผม

ส่วนคนที่รู้กลับไม่อยากเอ่ยถึง…

ผู้มาเยือนถึงกับหลุดขำพลางยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปรูปภาพบนผนังทั้งหมด รวมถึงหน้าตาของเจ้าของห้องด้วย

“ยินดีที่ได้เจอนะ…เจคอป” เขาเอ่ยกับคนที่นอนไม่ได้สติก่อนจากไป

ในที่สุดโชคชะตาก็อยู่ข้างสักที…

หลายชั่วโมงต่อมาจักรทัศน์ลืมตาสู้แสงยามเที่ยงวันอย่างช้าที ขยับกายอย่างเชื่องช้ารวบรวมเรี่ยวแรงดึงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ปุบปับจนเจออาการปวดหัวรุนแรงเข้าเล่นงาน

อ๊ากกกก

ความปวดทุเลาลงแต่ยังรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย เขานวดขมับเรียสติกลับคืน จากนั้นสารพัดข้อสงสัยก็ประเดประดังเข้ามาในหัวสมอง

“กลับมาได้ไงวะ แล้วนี่…เราห่มผ้าด้วยเหรอ เราถอดรองเท้าได้ไงวะ แล้วนั่น…” มีขวดน้ำและแก้ววางเตรียมไว้ให้อีก จักรทัศน์ดื่มแบบรวดเดียวหมดและตั้งใจว่าจะขึ้นไปนอนต่ออีกสักหน่อย

แม้สร่างเมาแล้วแต่แอลกอฮอล์ยังคงแผลงฤทธิ์ไม่หยุด จักรทัศน์ประคองตัวขึ้นบันไดอย่างยากลำบาก

เห้ย!!!

ร่างสูงหงายท้องลงมาศีรษะฟาดกับขั้นบันได ม่านตาสีน้ำตาลอ่อนหดตัว ตาหรี่ลงช้า ๆ จนมืดสนิทแล้วแน่นิ่งไปไม่รับรู้สิ่งใดอีกหลังจากนั้น

เวลาเดียวกันนั้นห่างออกไป 1,600 กิโลเมตรที่อำเภอเมืองเชียงราย

รถพยาบาลเปิดไฟฉุกเฉินแล่นออกจากร้านของฝากประจำย่าน มันเป็นภาพคุ้นตาของคนพื้นที่จึงไม่ค่อยมีใครออกมายืนเป็นไทยมุง

‘ไอ้ตาลขี้เซาอีกแล้วสินะ’ คำพูดติดตลกที่ไม่ใช่เรื่องตลกของอัยยาลิณณ์

ลูกสาวเจ้าของร้านป่วยเป็นโรคประหลาดทำให้มีภาวะหลับลึกชนิดที่ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น เคยทำสถิตินอนหลับยาวที่สุดคือ 7 วันเต็ม ทุกวันนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาจึงทำได้เพียงติดต่อโรงพยาบาลมารับตัวไปอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

โชคยังดีที่งานนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพราะเป็นผู้ป่วยในโครงการวิจัยระบบประสาท

“ความดัน สัญญาณชีพ อัตราการเต้นของหัวใจปกติ” บุคคลกรทางการแพทย์บันทึกตัวเลขบนจอแสดงผล ร่างบางนอนบนเตียงผู้ป่วยกับเครื่องพยุงชีพกับเครื่องวัดคลื่นสมองที่คล้ายหมวกครอบบนศีรษะดูผ่าน ๆ เหมือนซีรีโบลของ ศจ. เอ็กซ์

“คลื่นสมองแบบคนนอนหลับ ปกติดีทุกอย่าง”

แพทย์หัวหน้าทีมวิจัยลงความเห็นในบันทึกก่อนจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง

‘ขี้เซายังไงให้เหมือนคนป่วยระยะสุดท้าย แค่นั้นไม่พอยังมีวงจรปิดจับภาพตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอีก ตื่นมาก็มีคนจัดอาหารให้กินอีก ประธานาธิบดีสหรัฐก็สู้ความวีไอพีของไอ้ตาลไทยแลนด์ไม่ได้หรอก’ อัยยาลิณณ์เคยแซวตัวเองไว้เมื่อเห็นสภาพที่ดูไม่จืดของตัวเองในไฟล์ภาพวงจรปิด

ทว่าการหลับลึกครั้งนี้จะต่างจากเดิมนิดหน่อย…?

เธอฝันว่ามาอยู่ในคอนโดมิเนียมแบบสองชั้นที่เรียบหรูดูดี ทิวทัศน์นอกระเเบียงที่เห็นเป็นเนินเขาห้อมล้อมด้วยตึกรามบ้านช่องอยู่ลิบ ๆ นอกจากจะดูไม่คุ้นตาแล้วทุกอย่างยังดูสมจริงชอบกล

ทั้งไอแดด กลิ่นหอมจากน้ำมันอโรม่าที่อบอวลอยู่ในห้อง เสียงรถยนต์ที่อยู่ห่างออกไป รวมถึงป้ายโฆษณาต่าง ๆ ที่ระบุชื่อเมืองอย่างชัดเจนว่าเป็นภูเก็ต แต่ความฝันมันจะแฟนตาซีแค่ไหนก็ได้

แฟนตาซีจนอยากจะติดอยู่ที่นี่ตลอดไปเลย

ทว่า…

“กรี๊ด! มีคนตายยู่ด้วยเหรอ สงสัยเพิ่งตายละมั้งยังไม่ขึ้นอืดเลย” อัยยาลิณณ์กรี๊ดลั่น ย่องเข้าหาร่างไร้ลมหายใจอย่างช้าที

“เป็นที่ฝันแปลกจริง ๆ ฝันว่าได้มาเที่ยวภูเก็ต ฝันเห็นคนตายอีกต่างหาก…” พอชะโงกหน้าไปมองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดาย

“พ่อคุณหน้าตาอย่างกะพระเอกซีรีส์ไม่น่าอายุสั้นเลย ดูสิ…ขนาดสู่ขิตแล้วยังหล่อขนาดนี้ อีกไม่นานก็คงขึ้นอืดน้ำเหลืองไหลดูไม่จืดเป็นแน่ หลับให้สบายนะ” เธอชี้จิ้มแก้มร่างไร้วิญญาณเบา ๆ อังนิ้วที่ปลายจมูกแล้วก้มแนบหูบนอกซ้าย

“ตัวยังอุ่นอยู่เลยแหะ เดี๋ยวนะ…เขากำลังหายใจ แถมหัวใจยังเต้นอยู่ด้วย” น่าสงสัยแล้วว่าอยู่ในความฝันจริงหรือเปล่าเพราะทุกอย่างมันสมจริงเกินไปเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง จนกระทั่ง…

อืมมมมม

จักรทัศน์เปล่งเสียงจากลำคอแห้งผาก ขยับแขนขาพยายามออกแรงต้านอาการผีอำที่ทำให้รู้สึกแน่นหน้าอก พอลืมตาขึ้นก็เจอกับดวงตาเฉียงแหลมเหมือนนกหงส์หยกจ้องกลับมา

“เห้ยยยยยยยย”

“กรี๊ดดดดดดดด” ต่างฝ่ายต่างหวีดร้องและผละร่างออกจากกัน

“คุณ คุณเป็นใคร เข้ามาห้องผมได้ไงวะ!” แพทย์หนุ่มตะเกียกตะกายออกห่างคนแปลกหน้า อัยยาลิณณ์อ้าปากเหวอด้วยความตื่นตระหนกไม่แพ้กัน

“คุณอยู่ในความฝันของฉันไม่ใช่เหรอหรือฉันไม่ได้กำลังฝันไป” พูดเอง เออเองและตอบเอง

“ฝันเฝินอะไร พูดบ้าอะไรของคุณ คุณเป็นขโมยแน่ ๆ ผมจะไปเรียกยาม!”

“เดี๋ยว!!! ฉันไม่ใช่ขโมยนะ ฟังเฮาอู้ก่อนเซ่!!!” แขกไม่ได้รับเชิญพยายามจะอธิบาย แต่เจ้าของห้องที่กำลังสติแตกดันใส่เกียร์หมาวิ่งหนีไปนอกห้องเสียอย่างงั้น

แต่เหมือนสวรรค์มาโปรดที่เจอ รปภ. กับนิติบุคคลและพี่สาวหน้าลิฟต์พอดิบพอดี ทุกคนกรูเข้าไปในห้องหลังจักรทัศน์บอกว่ามีคนบุกรุก

“พวกผมหาจนทั่วแล้วนะครับ ไม่เห็นมีใครเลยครับ หมอตาฝาดไปหรือเปล่า” เป็นไปไม่ได้…ผู้หญิงคนนั้นยืนหัวโด่อยู่กลางห้องเลยต่างหาก แต่ไม่มีใครมองเห็นเธอสักคน

“บ้าน่ะ! ผีไม่มีจริงสักหน่อย”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   ตอนพิเศษ (เจมีไนน์)

    บาร์รูฟท๊อปที่คืนนี้เต็มไปด้วยแสงไฟอบอุ่นและเสียงเปียโนคลอเบา ๆ เจมีไนน์ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ในสูทสีดำเข้ารูป เงาสะท้อนในแก้วคริสตัลทำให้ใบหน้าคมเข้มของเขาดูอ่อนกว่าที่เป็นจริงนิดหน่อย เขายิ้มต้อนรับลูกค้าเหมือนเช่นทุกคืน แต่สายตากลับสะดุดกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาหนุ่มคนนั้นอายุราว 26 – 27 ปี หน้าตาคมคายเหมือนจะเคยเห็นผ่านจอทีวีหรือบทสัมภาษณ์ทางออนไลน์ ที่สำคัญแววตาของเขายามสบกับตนมีแววเขินอายเล็ก ๆ จนคนที่ผ่านโลกมามากอย่างเจมีไนน์ยังเผลอหัวใจสะดุด“สายัณห์สวัสดิ์ครับคุณผู้ชาย จะรับอะไรดีครับ?” บาร์ทนเดอร์หนุ่มใหญ่เอ่ยเสียงนุ่ม“เอ่อ…เอาเป็น เอ่อ อะไรก็ได่แก้วนึงครับ” ชายหนุ่มยกยิ้มบางอย่างเก้ ๆ กัง ๆ คล้ายไม่คุ้นชินกับบรรยากาศบาร์หรู“ได้ครับ รบกวนรอสักครู่นะครับ”เจมีไนน์โชว์ลีลาการผสมเครื่องดื่มที่ใครเห็นก้ต้องหยุดมอง ครู่ต่อมาค็อกเทลสีอำพันจะถูกดันมาตรงหน้า หนุ่มใหญ่ยกยิ้มมุมปากพลางโน้มตัวลงเล็กน้อย แสงไฟนวลเหนือบาร์ทอดเงาบนกรอบหน้าคมเข้มที่แม้ผ่านกาลเวลามากว่า 50 ปี แต่ยังดูน่าหลงใหลไม่ต่างจากชายหนุ่มวัยกลางคนทั่วไปหรืออาจจะยิ่งกว่านั้น“ลองชิมดูสิครับ สูตรพิเศษคืนนี้

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   อีกปีให้หลัง...

    ปีแรกในนอร์เวย์คือการเดินทางที่โหดหินที่สุดของชีวิตอัยยาลิณณ์ที่นี่ไม่ใช่เชียงราย อุณหภูมิที่หนาวจัด การสื่อสารที่ไม่คล่องแคล่วและกระบวนการรักษาที่ซับซ้อนกว่ามาก ทำให้ทุกวันเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจทุกครั้งที่เข้าสู่การทดลองปรับคลื่นสมอง เธอต้องนอนในห้องแล็บสีขาวที่มีเครื่องมือรุงรังติดเต็มศีรษะ แสงไฟจ้าและเสียงเครื่องจักรดังต่อเนื่อง จนบางทีแอบน้ำตาไหลเงียบ ๆ ใต้ผ้าห่มแต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่เคยคิดถอย เพราะรู้ว่ามีใครบางคนที่เฝ้ามองจากแดนไกล[สู้ ๆ นะ ตาลเอ๊ย พ่อแม่กับต้มอยู่ตรงนี้เสมอ][อีกไม่นานนะตาล รอเจย์ก่อน]ข้อความจากครอบครัว เพื่อนฝูงและจักรทัศน์ในวิดีโอคอลคือกำลังใจสำคัญแม้บางคืนเธอจะหลับลึกไปโดยไม่ตั้งใจ แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าวิญญาณก็ไม่เคยหลุดจากร่างอีกเลย มันคือสัญญาณว่าการรักษากำลังไปในทิศทางที่ถูกต้อง“อีกไม่นาน…เราจะได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติแล้ว” อัยยาลิณณ์พึมพำกับตัวเองพร้อมกับกำมือแน่นและทุกครั้งที่เหนื่อยล้า ภาพรอยยิ้มของเขาก็จะปรากฏขึ้นในความคิดเสมอหนึ่งปีเต็มหลังยื่นเอกสารขอทุนเรียนต่อ ชีวิตของจักรทัศน์คือการวิ่งวนระหว่างงานโรงพยาบาล การสอนรุ่นน้องแ

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   การเริ่มต้นใหม่

    วันนี้คฤหาสน์วิวทะเลอันดามันของเจมีไนน์บรรยากาศคึกคักกว่าทุกครั้งเพราะมีนัดถ่ายภาพครอบครัวประทานชัยเซ็ตใหม่ภาพที่มีสมาชิกพร้อมหน้าอย่างแท้จริงกล้องตั้งอยู่บนขาตั้งหันหน้าออกไปทางวิวทะเลสีคราม เด็กชายวัยสามขวบอย่างขุนพลซึ่งเป็นลูกชายของพลพยัคฆ์วิ่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่หน้ากล้องทำเอาทุกคนเรียกหาด้วยความเอ็นดู เขาพยายามจะอุ้มแต่ก็โดนลูกชายดิ้นหนีเล่นซ่อนหากับคุณพ่อแทนสมาชิกใหม่อีกหนึ่งคนที่วัยเพียงหกเดือนในอ้อมกอดของคุณปู่สุดเฮี๊ยบอย่างเอื้อมพัฒน์ที่ประกาศกร้าวว่า…คืนนี้จะไม่เมาทำเอาทุกคนส่ายหัวพร้อมกัน“ขอบใจที่ให้ยืมบ้านจัดปาร์ตี้นะแดน” เมธากรพูด“ยินดีครับพี่เรย์”เจมีไนน์เองก็ไม่นึกว่าจะได้มีช่วงเวลานี้ ขณะยืนมองทุกคนด้วยแววตาอิ่มเอม หันไปมองไดอาน่าแล้วเหลือบมาทางหลานฝาแฝด จักรทัศน์กับเจนีนที่กำลังจัดแจงยืนบังแสงไฟให้พอดี เขาสูดลมหายใจลึกรู้สึกเหมือนฝันที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้“ในที่สุด…ก็ไม่ต้องใช้วิธีตัดต่อโง่ ๆ อีกแล้วเนอะ” เขาพูดพลางหัวเราะแห้ง ๆ แล้วสารภาพกับทุกคนว่าเคยหยิบภาพถ่ายจากคอนโดมาสแกนตัต่อดตัวเองลงไป เพื่อให้รู้สึกว่ามีส่วนอยู่ด้วยเจนีนที่นั่งแต่งหน้าเติมปากแดงอยู่ก็ร้อง

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   เมื่ออาทิตย์ขึ้น

    หนึ่งสัปดาห์สุดท้ายของอัยยาลิณณ์ก่อนเดินทางไปนอร์เวย์ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนน้ำไหลที่ไม่เคยหยุด ทุกวันเต็มไปด้วยการเตรียมตัว ทั้งด้านเอกสารและสภาพร่างกายเธอต้องจัดเก็บแฟ้มรายงานการรักษาที่ผ่านมาทั้งหมด เอกสารภาษาไทยที่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ รวมถึงหนังสือรับรองแพทย์ที่จักรทัศน์ช่วยประสานมาให้อย่างละเอียดบนโต๊ะทำงานเล็ก ๆ ในห้องนอนมีกองเอกสารที่เรียงเป็นตั้ง ๆ พร้อมปากกาไฮไลท์ที่ใช้เน้นข้อความสำคัญทุกคืนก่อนนอนเธอจะนั่งตรวจเช็กทีละหน้าเหมือนกลัวว่าจะตกหล่นอะไรสักอย่างในอีกด้านหนึ่ง อัยยาลิณณ์ก็ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่ พ่อกับแม่แทบจะไม่ปล่อยให้ลูกสาวอยู่ห่างสายตา ทำอาหารโปรดให้แทบทุกมื้อ ตั้งแต่แกงฮังเลสูตรคุณแม่ ไปจนถึงข้าวซอยเนื้อที่พ่อภูมิใจนำเสนอบ่อยครั้งที่เธอนั่งหัวเราะทั้งน้ำตา เพราะรู้ดีว่าทุกจานคือความรักและความห่วงใยที่ครอบครัวอยากส่งมอบให้ก่อนที่จะจากบ้านไปไกลแสนไกลอธิพงษ์ก็คอยตามติดแทบตลอดเวลา ชวนพี่สาวดูหนัง ตัดต่อคลิปเล่น ๆ หรือแม้แต่เล่นเกมคอนโซลด้วยกันเหมือนสมัยเด็ก แม้จะเถียงกันหยอกล้อเหมือนเคย แต่ในแววตาของน้องชายก็เต็มไปด้วยความห่วงใยที่ปิดไม่มิดคื

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   เมื่ออาทิตย์ตกดิน

    สองอาทิตย์เต็ม ๆ นับจากวันที่ส่งเอกสารชุดสุดท้ายไปยังนอร์เวย์ อัยยาลิณณ์ค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด อาการเหนื่อยล้าเมื่อเดินไม่กี่ก้าวลดลง กล้ามเนื้อที่เคยอ่อนแรงกลับมามีเรี่ยวแรงมากขึ้น แม้แพทย์จะยังย้ำว่าเธอควรใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง แต่อัยยาลิณณ์ก็รู้สึกเหมือนได้กลับมาหายใจเต็มปอดอีกครั้งส่วนจักรทัศน์ แม้งานโรงพยาบาลที่ภูเก็ตจะรุมเร้า ทั้งเวรกลางวันกลางคืน แต่เขาไม่เคยพลาดจะโทรหรือวิดีโอคอลหาอัยยาลิณณ์ บางวันคุยเพียงไม่กี่นาทีก่อนเขาเข้าเคสฉุกเฉิน บางวันคุยนานจนเสียงหัวเราะของเธอดังไปทั้งบ้าน เหมือนทุกวินาทีของวันไม่วุ่นวายเกินกว่าจะหาเวลาให้กันได้กระทั่งคืนหนึ่ง ที่ห้องพักแพทย์“หือ ใครอะ!?” จักรทัศน์สะดุ้งเฮือก เมื่อหันมาเห็นเงาคนยืนอยู่ข้างเตียง“ตาลไง จะใครเล่า” ร่างเล็กมือเล็กไขว้ไว้ด้านหลัง รอยยิ้มหวานส่งมาให้“อ๋อ ตาลเองเหรอ เอ่อ…อืม ๆ เดือนนึงแล้วสินะ” เขาดันร่างขึ้นจากที่นอนพร้อมใบหน้าสะลืมสะลือ แต่ยังจำรายละเอียดได้แม่น วันนี้ครบเดือนพอดี หลังการหลับยาวจนเข้าขั้นวิกฤตของเธอ“ไหน ๆ ตาลก็มาคือตาลมีเรื่องจะสารภาพน่ะ ตาลพูดกับหมอก็ไม่ได้ พูดที่บ้านไม่ได้ มันอึดอัดมากเลย”

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   ไม่ยอมแพ้

    “หน๊อย! ไอ้ฝรั่งมึง”จักรทัศน์สบถออกมาโดยลืมไปว่าพ่อตัวเองก็เป็นฝรั่งกว่าจะรวบรวมเอกสารได้ครบก็ปาเข้าไปเกือบสองสัปดาห์ ครอบครัวอัยยาลิณณ์ช่วยกันแทบทุกวัน ทั้งถ่ายเอกสาร เก็บแฟ้ม เรียงผลตรวจย้อนหลังตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอมีอาการ ทุกคนเห็นพ้องกันว่ามันยุ่งยากสิ้นดี แต่ถ้านี่คือความหวังเดียวที่จะช่วยให้เธอหายขาด ทุกคนก็ยอมกัดฟันสู้โชคดีที่ระหว่างนั้นอัยยาลิณณ์ไม่ได้หลับลึกเพิ่ม อาการยังทรงตัวเมื่อเอกสารครบ ทุกอย่างก็ถูกสแกนส่งไปศูนย์วิจัยนอร์เวย์ ทุกคนถอนหายใจโล่งอก คิดว่าต่อจากนี้ก็เหลือเพียงรอผลการพิจารณาเท่านั้นแต่แล้วอีเมลตอบกลับก็มาพร้อมรายการยาวเหยียด ทั้งรายละเอียดเพิ่มเติม หนังสือรับรอง และที่สำคัญที่สุดคือ หนังสือยืนยันจากผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเชียงราย ว่าอัยยาลิณณ์เข้ารับการรักษาที่นั่นจริงปัญหาคือผู้อำนวยการเดินทางไปสัมมนาต่างประเทศและกว่าจะกลับอีกก็เกือบสองสัปดาห์ จักรทัศน์อ่านข้อความซ้ำไปซ้ำมาจนแทบขึ้นใจ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง“นี่มันอะไรกันนักหนา…หรือพวกนั้นกำลังเล่นตุกติก”“ถ้าต้องรออีกสองอาทิตย์…ตาลก็รอได้” อัยยาลิณณ์ถอนหายใจเบา ๆ“สองอาทิตย์?” จักรทัศน์เงยหน้าขึ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status