“จะให้หนู เอ่อ... จะให้หนูทำอะไรอีกไหมคะ” น้ำเสียงใสซื่อของเธอทำเอาเจคอปแทบคลั่ง เขาแผ่รังสีชั่วร้ายจนนาเดียรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว เฝ้ารอคำตอบด้วยใจระทึก ปรากฏยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าเจคอป ถึงเวลาที่เขาจะได้เล่นกับเหยื่อเสียที
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น นอนหลับตาเฉยๆก็พอ”
นาเดียรู้สึกถึงความยวบยาบที่ปลายเตียง ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ แม้เขาจะสั่งแบบนั้น แต่นาเดียก็อดลืมตาขึ้นมองไม่ได้
“ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ ไหน... ไหนผ.อ.สัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินหนูไงคะ หนูเจ็บ...อ๊ะ!” ร่างบางเกร็งเรียวขาเมื่อเขาวางฝ่ามือลงบนเข่า
“ฉันสั่งให้ทำอะไรก็ทำเถอะน่า ถ้าไม่อยากให้ฉันโมโห”
นาเดียรีบหลับตาลงทันที บีบฝ่ามือเข้าหากันแน่น เจคอปมองร่างสั่นระริกตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะลากสายตาวนเวียนอยู่บริเวณร่องสวาทบวมช้ำ เธอทำตัวเธอเองนะนาเดีย!
“ถ้าว่าง่ายๆ ฉันจะไม่ทำให้เธอเจ็บ ตกลงไหม?”
นาเดียจำต้องพยักหน้ารับอย่างเลี่ยงไม่ได้
เจคอปพิจารณาใบหน้าอ่อนเยาว์ที่แต่งแต้มด้วยสีสันบางเบา ต่างจากใบหน้าของผู้หญิงที่ผ่านมา พึ่งรู้ว่าแบบนี้มันดูแล้วสบายตากว่ากันมากทีเดียว เขาเลื่อนสายตาลงมองกลีบปากสีชมพู อยู่ๆหัวใจก็เต้นโครมครามอย่างหาสาเหตุไม่ได้ เขาทำในสิ่งที่เขาไม่เคยคิดจะทำมาก่อน
มือหนาลูบไล้พวงแก้มเนียนนุ่ม ร่างบางเกร็งตัวเล็กน้อยแต่ยังคงหลับตาแน่นสนิท ริมฝีปากหนาประกบลงบนกลีบปากอวบแผ่วเบา เขาค่อยๆตะล่อมดูดเม้มกลีบปากบนสลับล่าง อ้อยอิ่งไปเรื่อยจนร่างบางเริ่มจูบตอบอย่างไร้เดียงสา หญิงสาวดูดเม้มริมฝีปากเขาแผ่วเบา พยายามทำให้เหมือนกับที่เขากำลังทำกับเธอ
“อืมมม” เจคอปครางหึ่มในลำคอด้วยความพอใจ ปากเธอมันนุ่มนิ่มจนเขาอยากจะดูดจูบอยู่อย่างนั้น เจคอปค่อยๆแทรกลิ้นเข้าไปในโพรงปาก แต่ร่างเล็กรีบหุบปากหนีการจาบจ้วงในตอนแรก แต่ก็ค่อยๆเผยอปากออก อนุญาตให้สิ่งแปลกปลอมเข้ามาภายใน อารมณ์ของคนที่ผ่านเรื่องบนเตียงมาอย่างโชกโชนเช่นเขา กลับตื่นเต้นเร้าใจกับรสจูบไร้เดียงสาของคนตรงหน้า เขาเริ่มดูดเม้มแรงขึ้น แต่ยังคงนุ่มนวลจนนาเดียเคลิบเคลิ้ม เขาตวัดดูดเลียลิ้นเล็กเบาๆ ก่อนจะดุ้นลิ้นเข้าหาเพื่อให้เธอลองทำตาม นาเดียเกิดอาการอยากรู้อยากลอง เธอดูดตอบแผ่วเบา มันเบาบางจนเจคอปแทบจะไม่รู้สึก เธอค่อยๆเพิ่มความหนักหน่วงขึ้นทีละน้อย เลียนแบบที่เขาทำ
ทั้งสองแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม สลับกันดุ้นลิ้นหยอกล้อกันไปมา มือเล็กที่เคยบีบประสานกัน บัดนี้เอื้อมมาโอบรอบลำคอ ลูบไล้นัวเนียไปตามไรผมด้วยความซ่านเสียว
“หื้มมมม จ๊วบบบ อื้มมม” มือหยาบกร้านลูบไปบนหน้าท้องเนียน ไต่ขึ้นมาจนถึงเนินภูเขาลูกใหญ่ ปลายนิ้วบีบคลึงยอดถันสีชมพูแผ่วเบาแต่รัวเร็ว สร้างความเสียดเสียวแผ่ซ่านไปทั่วลำตัว
“อ้า...”
นาเดียแอ่นหน้าอกเข้าหาสัมผัสหรรษาที่เธอพึ่งเคยได้รับ เมื่อร่างใหญ่รับรู้ถึงการตอบสนอง เขาก็เร่งใช้มือบดบี้เม็ดแข็งพร้อมกันจนร่างบางดิ้นเร้าด้วยความเสียวสยิว
“อ๊ะ ผ.อ. อ๊ะ อ๊อยย อื้ออออ” นาเดียใช้ฝ่ามือปิดปากตัวเองเพื่อปกปิดเสียงน่าอายที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ คนเจ้าเล่ห์ยิ้มร้ายกาจเมื่อเห็นร่างบางมีอาการสุขสมขนาดนี้ เขาเลื่อนริมฝีปากไปตามลำคอ ดูดเม้มเบาๆกระตุ้นให้เธอเคลิบเคลิ้ม
“ไม่ต้องอายหรอก ร้องออกมา ฉันอยากได้ยินเสียงเธอ” เสียงแหบพร่าของเจคอปทำเอานาเดียสั่นสะท้าน
“อ๊ะ ตรงนั้นมัน...” สัมผัสอุ่นชื้นทำเอาสติของนาเดียเตลิดเปิดเปิง
“ตรงนี้ทำไม” เขาแกล้งตวัดลิ้นเลียผ่านเม็ดแข็งไปมา ทำเอาร่างเล็กเหยียดปลายเท้าจิกลงกับเตียง
“อื้ออออ มัน... มัน... รู้สึกแปลกๆ”
เจคอปฉีกยิ้ม เขาพอใจที่ได้เห็นนาเดียในแบบไร้เดียงสา มากกว่าจะเป็นผู้หญิงแรดร่านที่เที่ยวถ่ายรูปเปลือยเปล่าส่งให้ผู้ชายคนอื่นดูไปทั่ว เขามีสิทธิ์จะได้เห็นเพียงคนเดียวเท่านั้น!
“รูปที่เธอส่งให้เจมส์ เธอส่งไปกี่รูป”
คำถามสุดประหลาดที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกมาจากปาก และเธอก็คงไม่คิดว่าจะได้ยิน
“อ๊ะ ผ.อ.หมายถึง ระ รูปอะไรคะ” สมองเธอช่างสั่งการชักช้าไม่ทันใจเขาเอาเสียเลย
“ก็รูปที่เธอถ่ายโชว์เนื้อโชว์นมตอนที่นั่งอาบน้ำในอ่างไง!” จู่ๆเขาก็มีอาการโมโหขึ้นเสียเฉยๆ เจคอปยันฝ่ามือไว้ที่ข้างใบหน้าของนาเดีย จ้องเธอตาเขียว ทำเอาหญิงสาวมึนงงกับอารมณ์แสนแปรปรวนของเขา
“เอ่อ เดียไม่เคยถ่าย...” สีหน้าเจคอปบูดบึ้งขึ้นในทันที เขาไม่อยากฟังคำโกหก นาเดียจึงต้องรีบเปลี่ยนคำพูดเพื่อให้เขาพอใจ “เดียหมายถึง นั่นไม่ใช่รูปเดียค่ะ” เธอไม่ได้โกหก...
“แล้วรูปใคร!?” เขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกสัมผัสกัน
คนตัวเล็กใจสั่นจนต้องเสมองไปทางอื่น
“เอ่อ รูปในเน็ตค่ะ” หญิงสาวตอบกระอ้อมกระแอ้ม กลัวว่าเขาจะไม่พอใจขึ้นมาอีก
“แน่ใจนะว่าไม่ใช่รูปเธอ” เขานึกถึงขนาดหน้าอกของผู้หญิงในรูปกับขนาดจริงตรงหน้า อืมมม ขนาดต่างกันมาก ทรวดทรงก็แตกต่างกัน
เขารู้สึกปลื้มในหัวใจอย่างน่าประหลาด ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“แล้วรูปอื่นๆล่ะ” นาเดียเผลอมองเข้าไปในดวงตาเขา พลันหัวใจของเธอต้องเต้นระส่ำ หวั่นไหวไปกับแววตาที่เหมือนจะกลืนกิน หวงแหนหรือแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เธอก็ไม่แน่ใจว่าควรจะใช้คำไหน แต่ที่แน่ๆมันทำให้เธอต้องเอียงหน้าหลบจากสายตาสื่อความหมายนั่น
“ว่าไง” เจคอปใช้มือเชยคางมนให้หันหน้ามาสบตากัน นาเดียทั้งขวยเขิน ทั้งหวั่นไหวไปกับการกระทำของเขา
“ไม่มีค่ะ หนูไม่เคยส่งรูปหนูให้พี่เจมส์ อื้ม!”
เขาประกบริมฝีปากเธอแนบแน่น มอบจูบแสนดูดดื่มที่เขาไม่เคยให้ใครมาก่อน “อืมมม ยัยแม่มด จ๊วบบบ นาเดีย..”
นาเดียตกใจกับการรุกล้ำกระทันหัน แต่เธอก็เคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบแสนหวานปะปนไปกับความแข็งกร้าว ฝ่ามือหนาโอบกอดนัวเนียไปตามแผ่นหลังเนียน ลูบไล้ไปทั่วสะโพกกลม นาเดียตกใจเมื่อเขาออกแรงอุ้มเธอขึ้นจากเตียงนอน หญิงสาวผวากอดรัดรอบลำคอชายหนุ่ม
“จะพาหนู อื้มมม จ๊วบบ จุ๊บบ ผะ ผ.อ. จุ๊บ จุ๊บบ” เธอปล่อยตัวปล่อยใจ ยอมให้เขาทำตามใจกับร่างกายนี้
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต