เจคอปค่อยๆถอดกางเกงออก ท่าทางเชื่องช้าของเขาทำให้นาเดียแทบขาดใจ เธอถอยร่นไปจนสุดหัวเตียง พยายามมองหาทางหนีทีไล่ แต่สายตาของผู้ล่าสะกดให้เธออยู่กับที่
หากเธอขยับตัวหนี เขาต้องขย้ำเธอจนไม่เหลือชิ้นดีแน่
“ผ.อ.จะให้หนูทำอะไรก็ได้ หนูยอมทุกอย่าง แต่อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ หนูเจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว” นาเดียลองเปลี่ยนวิธี สถานการณ์แบบนี้ต้องยอมอ่อนข้อให้เขาก่อน
ได้ผล... เจคอปค่อยๆคลายอารมณ์เดือดดาลลง เขาไม่รู้ตัวมาก่อนว่าคนโหดเหี้ยมไร้หัวใจอย่างเขา จะแพ้ลูกอ้อนของเด็กผู้หญิง
เป็นที่รู้กันว่าผู้ล่าอย่างเช่นเสือ มักจะเล่นจนเหยื่อใกล้จะขาดใจตาย ถึงจะเขมือบกิน เขาเปลี่ยนใจเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ หลอกล่อให้หญิงสาวตายใจ แล้วค่อยขย้ำทีหลังก็ยังไม่สาย
นาเดียกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เธอกระชับเสื้อเชิ้ตเข้ามาปกปิดท่อนล่างให้พ้นจากสายตาเร้าร้อนของชายตรงหน้า เจคอปมองท่าทางไม่ประสาราวกับจงใจจะยั่วให้เขาคลั่ง เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวแบบนี้นี่เอง เจมส์ถึงได้หลงนัก
“แน่ใจนะ ว่าทำได้ทุกอย่าง” เขาใช้สายตาโลมเลียไปตามเรียวขาขาวเนียน นาเดียสั่นสะท้าน ทั้งที่เขายังไม่ได้แตะต้องตัวเธอ
“ค่ะ แต่...”
“ไม่มีแต่!”
นาเดียจำต้องพยักหน้ารับอย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ต้องหาทางเอาตัวรอดจากวันนี้ไปให้ได้ก่อน
“ดี งั้นเธอก็นอนลงไป” หญิงสาวมีท่าทางลังเลเหมือนต้องการจะพูดอะไร “เอาไง จะทำตามที่ฉันสั่งหรือจะยอมโดนฉันข่มขืนอีกรอบ” เขาขู่เสียงแข็ง
นาเดียจำใจนอนลงช้าๆ ในขณะที่ร่างบางเริ่มเหยียดตัวลงนอน เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนของเขาก็เลิกขึ้นไปหมิ่นเหม่อยู่บริเวณของสงวน ทำให้เขามองเห็นไรขนดกดำรำไรอย่างน่าหวาดเสียว นาเดียนอนหนีบขาไว้แน่น ท่าทางเคอะเขินของเธอทำเอาเจคอปหายใจไม่ทั่วท้อง เขาไม่เคยตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อน เจคอปพยายามปรับน้ำเสียงให้ดุดันเหมือนเดิม
“เอามือออก! แล้วอ้าขากว้างๆ” คำสั่งประหลาดทำเอาเด็กน้อยผงกศีรษะขึ้นมอง เจคอปแทบจะปรับสีหน้าให้กลับมาเหี้ยมเกียมไม่ทัน
“ตกลงจะทำไหม ลีลามาก ฉันไม่ชอบ” เขาแกล้งโมโหกลบเกลื่อนอาการตื่นเต้น
“คือหนู ผ.อ.ต้องสัญญากับหนูนะคะ ว่าผ.อ.จะไม่ล่วงเกินหนู” คำอ้อนวอนไร้เดียงสาของนาเดียทำเอาเจคอปแทบจะกระโดดเข้าไปหาเธอเสียเดี๋ยวนั้น
“ถ้ายังไม่ทำตามที่ฉันบอก ฉันจะปล้ำเธอเดี๋ยวนี้แหละ” เจคอปเริ่มหายใจฟึดฟัด ทำไมเขาต้องมาอดทนอดกลั้นกับผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียว ทำไมเขาถึงต้องยอมใจอ่อนกับเธอ นาเดีย… ทำไม!
“ก็ได้ค่ะ ตะ แต่... ผ.อ. เอ่อ ผ.อ.อย่าจ้องได้ไหม” นาเดียหลบตาด้วยความขัดเขิน ใบหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าลูกตำลึง
ใจเขาเต้นโครมครามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“อืมมม เร็ว!” เขาระบายลมหายใจหนักหน่วง พยายามสงบสติอารมณ์ มองสาวน้อยค่อยๆนอนแผ่หลาลง เธอชันเข่าขึ้นพอให้มองเห็นสามเหลี่ยมสวาทสลัวๆอยู่ตรงหน้า เขาขบฟันกราม รู้สึกปวดหนึบหนับที่ท่อนเอ็นใหญ่
“อ้าขาออก เร็ว!” แทบจะอดใจไว้ไม่ไหว ขาสั่นไหวของหญิงสาวถ่างออกจากกันช้าๆ เผยให้เห็นร่องสาวเบ่งบานอยู่ตรงหน้า เขามองกลีบเนื้อบวมช้ำจนห้อเลือด เกิดความกระอักกระอวนขึ้นภายในใจ เขาไม่อยากใช้คำว่ารู้สึกผิด เพราะมันจะทำให้เขาเสียฟอร์ม
“เอ่ออ หนู หนูหุบขาได้หรือยังคะ” เสียงใสของเด็กน้อยเรียกสติ เขาต้องวางฟอร์มเข้มเพื่อไม่ให้เด็กมันสงสัยเอาได้
“ยัง คราวนี้ ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” เขาทำเสียงเข้มกลบความหื่นภายใน แต่นาเดียเริ่มรู้สึกประหลาดใจกับคำสั่งของเขาเข้าไปทุกที เธอผงกศีรษะขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้หญิงสาวมีท่าทางขัดเขินหนักเป็นเท่าตัว เธอทำหน้าเอียงอาย “คือ... หนู... หนูหนาวค่ะ”
หัวใจของเจคอปแทบหยุดเต้น เธอจะทำตัวไร้เดียงสาไปถึงไหน นี่เขากำลังจะหลอกกินเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดหรือยังไง ให้ตายเถอะ!
เจคอปจำใจลุกขึ้นไปปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น เธอจะหนาวได้ยังไง ในเมื่อเขาเองก็ใส่แค่บล็อคเซอร์ตัวเดียว แต่ตัวเขาออกจะร้อนรุ่มขนาดนี้
นาเดียไม่มีข้ออ้างจะใช้บ่ายเบี่ยงได้อีก เธอหลับตาแนบสนิท ค่อยๆปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกทีละชิ้น ทีละชิ้น เจคอปเฝ้ามองด้วยความอดกลั้น เขาเผลอลูบไล้แก่นกายที่ผงาดอยู่ภายใต้กางเกงอย่างลืมตัว ภาพสาวน้อยเปลือยกาย นอนถ่างขาอล่างฉ่างอยู่ตรงหน้า ทำเขาเลือดกำเดาแทบกระฉูด พึ่งรู้ว่ามีเมียเด็กแล้วมันกระชุ่มกระชวยแบบนี้นี่เอง
“ผะ ผ.อ...” เสียงสั่นเครือแหบแห้งของนาเดียเอ่ยเรียกชายหนุ่ม ทั้งที่ยังหลับตาสนิท
“ว่าไง” เจคอปเค้นเสียงตอบ จ้องมองกายสาวพลางสอดมือเข้าไปใต้กางเกง ลูบคลำเจ้าโลกที่ยิ่งใหญ่
นาเดียค่อยๆหุบเข่าเข้าหากันด้วยความเหนียมอาย ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างปิดบังเต้าใหญ่เอาไว้ จากที่เธอเคยปวดแสบปวดร้อนที่กลางหว่างขา บัดนี้มันกลับแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกสุดสยิว ร่องรักผลิตน้ำหวานออกมาชะโลมหล่อลื่นเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เธอพึ่งเคยสัมผัส
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต