เจคอปอุ้มนาเดียเข้ามาในห้องน้ำ เขาถอดบล็อคเซอร์ออก ก่อนจะวางร่างบางลงในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ เอื้อมมือไปเปิดน้ำอุ่นโดยไม่ยอมผละออกจากริมฝีปากบาง รสจูบเร้าร้อนของนาเดียทำให้เขาแทบคลั่ง เธอเป็นเหมือนแม่มดที่ร่ายคาถาทำให้เขาหลงใหล หรือบางทีมันอาจจะเป็นมารยาเสน่ห์ที่เธอใช้โปรยใส่ผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้ ทำให้ทุกคนพากันหลงเธอจนหัวปักหัวปำ แต่มันใช้กับเขาไม่ได้ผลหรอก!
แม้นจะมีความคิดแบบนั้นในหัว แต่เจคอปหารู้ไม่ว่าตัวเขานั้นแหละที่กำลังลุ่มหลงหญิงสาวจนถอนตัวไม่ขึ้น
“อุ่น...” ร่างบางสะดุ้งเมื่อน้ำอุ่นค่อยๆเอ่อขึ้นมาสัมผัสกับร่องสวาทบวมช้ำ
“มันจะช่วยให้เธอรู้สึกสบายขึ้น” เขาส่งปลายนิ้วลูบสัมผัสไปบนร่องบวม “ตรงนี้”
“อ๊ะ ผ.อ.อย่า!” นาเดียผวาเข้าโอบกอดร่างใหญ่ เธอเสียวแปร๊บไปทั่วท้องน้อย แม้จะยังรู้สึกเจ็บ แต่น้ำอุ่นก็ช่วยให้ผ่อนคลายลงได้มาก
“ยังเจ็บอยู่ไหม” นิ้วชี้ยังคงหมุนวนคลอเคลียไปมากับติ่งเนื้อ นาเดียครางกระเส่าข้างใบหู เธอลืมความเจ็บปวดไปจนหมดสิ้น เหลือแต่ความหฤหรรษ์แปลกใหม่ แต่ก็น่าค้นหา
“ไม่ค่ะ หนูไม่เจ็บแล้ว อื้ออ หนูรู้สึกแปลกๆ” เธอตอบตามที่รู้สึก
นิ้วชี้สัมผัสถึงความนุ่มลื่นบริเวณปากทางเข้า ร่างกายเธอหลั่งน้ำหวานออกมาตอบสนองกับสัมผัสที่ปลายนิ้ว เขาจึงสนองด้วยการดันนิ้วเข้าไปในโพรงคับแคบ กวาดไปรอบๆเพื่อสำรวจความเสียหายภายใน
“อ๊ะ! เจ็บ หนูเจ็บ อืมมม ซี๊ดด อ๊อยยย”
เจคอปแช่นิ้วค้างไว้ รอให้น้ำอุ่นซึมผ่านเข้าไปตามรอยแยก
“ยังเจ็บอยู่รึเปล่า?”
หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ ตอนนี้เธอมีเพียงความรู้สึกเดียว
“ดี งั้นฉันไม่เกรงใจละนะ” สิ้นเสียง เจคอปก็สอดนิ้วเข้าไปพร้อมกันทีเดียวสองนิ้ว กระหน่ำจ้วงแทงไม่ยั้งจนน้ำในอ่างกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะตามการชักนิ้วเข้าออก นาเดียผวากอดร่างใหญ่ไว้แน่น เปล่งเสียงรัญจวนอย่างมิอาจเก็บกลั้น
“ผ.อ. อ๊าา ซี๊ดด อื้ออ อื้อๆๆ อู๊ยยยยย ผ.อ.” เสียงครวญครางที่เกิดจากอารมณ์สุขสันต์มันให้ความรู้สึกเร้าใจมากกว่าเสียงทุกข์ทรมานที่เขาได้ยินเมื่อตอนกลางวันมากนัก เจคอปดูดจูบปากบางอย่างไม่รู้เบื่อ มืออีกข้างก็นวดเค้นคลึงเต้านมอย่างเมามันส์ แก่นกายถูกปลุกให้แข็งขันอีกครั้ง เขาปวดหน่วงจนรู้สึกทรมาน อยากจะปลดปล่อยเต็มที
“รู้สึกยังไง?” เขามองใบหน้าบิดเบี้ยวของคนตรงหน้า เธอยังคงส่งเสียงร้องครวญครางไม่มีผ่อน
“แปลก... มันแปลกๆ”
“เสียวร่องใช่ไหม”
เห็นอีกฝ่ายพยักหน้ารับ เขาจึงเร่งชักนิ้วเข้าออกรัวเร็ว ก้มลงไปดูดเลียเต้าอวบ นาเดียเกร็งลำตัว จิกเล็บคมลงบนแผ่นหลังเพื่อบรรเทาความเสียวซ่าน สติเตลิดไปกับพิศวาทที่ชวนให้ลุ่มหลงนี้
“เสียวว หนูเสียวว อ๊าาา ผ.อ.ขาา เดียเสียว”
“เรียกชื่อฉันสินาเดีย เรียก!” เขาเร่งชักนิ้วระรัวเพราะรู้ว่าหญิงสาวใกล้จะเสร็จสมเต็มที
“อ๊ายย พี่เจค เดียเสียว อ๊ะๆๆๆ เดียไม่ไหวแล้ว พี่เจค เร็วๆ อ๊าๆๆ พี่เจคคะ กรี๊ดดดดด” นาเดียแอ่นเกร็งจนตัวลอยขึ้นจากอ่างน้ำ เธอปลดปล่อยตัวเองจนหมดสิ้น ลืมทุกความอับอาย ลืมทุกความเจ็บช้ำ เธอกำลังหลงกลรสสวาทที่เขาบำเรอให้
เจคอปเผยยิ้มชั่วร้าย มองร่างบางหมดเรี่ยวแรงฟรุบตัวอยู่กับอกเขา เขาดันตัวเธอไปจนสุดขอบอ่าง อุ้มร่างบางขึ้นจากน้ำและผลักให้เธอนอนหงายไปกับแผ่นไม้กระดานด้านข้าง เมื่อเขาเล่นจนเหยื่อใกล้จะขาดใจตาย ก็ได้เวลาที่เขาจะเขมือบเธอเสียที
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต