นาเดียเดินมานั่งบนเก้าอี้ชายหาด หยิบเครื่องดื่มขึ้นมากระดกแก้วแล้วแก้วเล่า มองหนุ่มสาวเต้นแร้งเต้นกากันอย่างมีความสุข เจคอปจัดลานเวทีมินิคอนเสิร์ตขึ้นเพื่อสร้างสีสันให้แก่งานเลี้ยง แม้เธอจะพยายามหลบตามองไปทางอื่น แต่ภาพบาดตาตรงหน้าก็ยังคอยทิ่มแทงหัวใจอยู่ร่ำไป
เจคอปยืนโอบรอบเอวบางของญาดาพลางยกเครื่องดื่มขึ้นดื่มเรื่อยๆ ปล่อยให้หญิงสาวตรงหน้าวาดลวดลายเต้นยั่วเขาเต็มที่ แม้ร่างกายของเจคอปจะอยู่ตรงหน้าผู้หญิงอีกคน แต่ทว่าจิตใจกลับจดจ่ออยู่กับผู้หญิงอีกคนที่เอาแต่นั่งกระดกเครื่องดื่มไม่ยั้ง
“นั่งคนเดียวเหรอครับ” ชายหนุ่มรูปร่างไม่สูงมากเอ่ยทักคนตัวเล็กที่นั่งทอดสายตามองไปยังทะเลมืดมิด เรียกสติคนที่เริ่มอยู่ในอาการมึนเมาให้หันมาสนใจ
“อ๋อค่ะ” นาเดียตอบกลับโดยไม่ได้ใส่ใจมากนัก เธอยังคงยกเหล้าขึ้นดื่มโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ คนมาใหม่จึงถือวิสาสะนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวข้างๆ
“ผมน็อตครับ อยู่แผนกICU เธอล่ะ” เขายิ้มแป้นให้นาเดีย ดูๆไปเขาก็น่ารักดี ไม่ได้มองเธอด้วยสายตาแทะโลมอย่างที่เธอเกลียดด้วย
“นาเดียค่ะ เราอยู่ห้องผ่าตัด” นาเดียส่งยิ้มบางๆให้คนตรงหน้า ก่อนการสนทนาเล็กๆจะเริ่มต้นขึ้น ชายหนุ่มเป็นคนตลก เขาทำให้นาเดียลืมความทุกข์ไปได้ชั่วขณะ เธอหัวเราะครืนกับมุกตลกฝืดที่เขาเล่า โดยไม่รู้ตัวเลยว่าทุกอิริยาบทอยู่ในสายตาวาวโรจน์ของเจคอป มือหนาขย้ำแก้วจนน้ำข้างในราดใส่ผู้หญิงตรงหน้า
“ว๊ายยยยยยย!” น้ำเย็นจักทำให้ญาดาหยุดเต้นทันที
“เรากลับไปนั่งกันเถอะ เดี๋ยวฉันเช็ดให้” เจคอปรีบเดินจ้ำไปหาร่างบางที่นั่งทำหน้าระรื่นหัวร่อต่อกระซิกกับผู้ชายหน้าอ่อนที่นั่งข้างๆ เขากำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ไม่สนใจญาดาว่าจะเดินตามทันหรือไม่ คนด้านหลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทันร่างสูงจนได้
“.......ฮ่ะๆๆๆ นั้นน่ะสิ” นาเดียหัวเราะลั่น ก่อนจะรีบหุบยิ้มเมื่อเห็นสายตาอาฆาตจากผู้ชายอีกคน เจคอปปลายตามองไปอีกทาง ทำเอาผู้ชายร่างเล็กเสียวสันหลังวาบ กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ
“สวัสดีครับผ.อ. เอ่อ...” เขาทำตัวไม่ถูก เมื่อเจคอปยังไม่หยุดจ้องมอง “เชิญผ.อ.นั่งเลยครับ เดี๋ยวผมจะไปเดินเล่นทางโน้น” น็อตยอมลุกอย่างเสียไม่ได้ นาเดียทำได้เพียงก้มหน้าเพราะไม่อยากสบตากับคนที่กำลังโมโหสุดๆ เธอมองตามน็อตไป เธอเองก็อยากจะลุกไปเหมือนกัน เพราะไม่อยากเห็นภาพบาดตาที่ญาดายืนกอดแขนเจคอปไว้แน่น
“มีผัวแล้วก็อย่าร่านให้มันมากนัก”
ทั้งนาเดียและญาดาตกตะลึงกับคำพูดไม่คาดฝันว่าจะได้ยิน นาเดียรู้สึกหน้าชา มือเล็กกำหมัดจนร่างกายสั่นเทิ้ม
“หมายความว่าไงคะผ.อ.” ญาดาแทบสร่างเมา แทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง มองนาเดียที่นั่งทำหน้าเครียดคล้ายจะระเบิดเต็มที
“ฉันหมายถึง เธอคบกับน้องชายฉัน จะคุยกับผู้ชายคนไหนก็ช่วยให้เกียรติเจมส์มาร์ด้วย อย่าเอานิสัยร่านๆมาใช้อีก” เขานั่งลงบนเก้าอี้ด้านตรงข้าม ยังไม่ยอมลดสายตาที่มองร่างบาง นาเดียทั้งเจ็บ ทั้งจุกจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ใจสั่งให้รีบลุกหนีไป แต่ขากลับชาจนไม่สามารถขยับไปไหนได้
“หึ อย่าว่าเดียเขาแบบนั้นสิคะ เดียมันรักพี่เจมส์จะตายไป เมื่อกี้ก็คงแค่เข้ามาจีบมันเอง ปกติมันก็มีคนเข้ามาจีบตลอดแหละ เดียมันสวย ผิดกับดา ไม่ค่อยมีใครมาจีบหรอกค่ะ” ญาดานั่งลงเบียดตัวเข้าหาร่างหนา มองเขาด้วยสายตายั่วยวนเต็มที่
“ไม่หรอก ฉันว่าเธอเซ็กซี่จะตาย ตรงไปตรงมาดี ฉันชอบ” เจคอปเลื่อนใบหน้าลงคลอเคลียใบหูแดงเถือก คำว่าชอบที่ได้ยินสะกิดแผลใจของผู้หญิงอีกคนเข้าอย่างจัง
“ผ.อ. ขาา ถ้าดาจะขอเรียกผ.อ.ว่า 'พี่เจค' บ้างได้ไหมคะ” ญาดาคลอเคลียซอกคอร่างใหญ่ตอบโดยไม่อายสายตาของคนรอบข้าง เจคอปปลายตามองคนตัวเล็กที่นั่งนิ่งจนแทบจะกลั้นหายใจ
ตึกตึก ตึกตึก
“คงไม่ได้หรอก สำหรับคนพิเศษเท่านั้น ใช่ไหมครับ น้องเดีย”
ตึกตึก ตึกตึก
ญาดาหน้าชาเล็กน้อย แต่ก็พยายามไม่แสดงอาการ เจคอปรั้งแขนเรียวที่ค่อยๆคลายออกจากรอบคอให้กระชับกอดไว้เช่นเดิม ก่อนเขาจะโอบกอดรอบเอวบางให้แน่นขึ้น
“เมื่อกี้โดนเหล้าหกใส่นี่ มา เดี๋ยวฉันเช็ดให้” พูดจบ เจคอปก็โน้มหน้าลงไปโลมเลียหน้าอกตูมของญาดาต่อหน้านาเดียที่มองอยู่ หญิงสาวช็อคกับภาพตรงหน้า หัวใจเต้นระส่ำสร้างความเจ็บปวดรุนแรงเกินจะทน
“อ๊าาาา ผ.อ.ขาาาาา” ญาดาระบายความซ่านเสียวอย่างลืมอาย
“หนูขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ”
นาเดียรีบลุกออกมาโดยไม่รอฟังคำอนุญาตจากใคร และดูเหมือนสองคนตรงนั้นก็คงไม่มีใครสนใจแล้วว่าเธอจะอยู่หรือจะไป
นาเดียนอนซบหน้าลงบนเตียง ปล่อยให้น้ำตาไหลชะโลมชะล้างบาดแผลและความเจ็บปวดออกจากใจ ได้แต่ปลอบตัวเองว่าควรจะดีใจที่ได้เห็นเพื่อนสมหวัง ญาดาเป็นคนเปิดเผย ร่าเริง สดใส ผิดกับตัวเอง เธอคงทำให้เจคอปรักได้ไม่ยาก แม้จะพยายามคิดแบบนั้น แต่มันก็ยังเจ็บเกินจะทน
“ฮึกๆๆๆ ฮื้ออๆๆๆ หนูเป็นคนพิเศษของคุณได้ใช่ไหม เป็นแค่นั้นก็ยังดี หนูรักคุณ หนูรักพี่นะ...” นาเดียนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นจนหมดแรง ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่ ก่อนจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะความหนาวเย็นจากแอร์ภายในห้อง จึงพบว่าตัวเองเผลอหลับไปทั้งที่ยังอยู่ในชุดว่ายน้ำและเสื้อเชิ้ตของเขา
นาเดียลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมตัวจะเข้านอน เธอกดดูเวลาในโทรศัพท์ เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว แต่เตียงนอนด้านข้างก็ยังไร้วี่แววของเพื่อนรัก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าญาดาคงอยู่กับเจคอป ป่านนี้ทั้งคู่คงจะกำลัง... ความเจ็บแล่นไปทั่วหัวใจ เธอสลัดความคิดออกจากหัว
ก็เป็นอย่างที่เธอต้องการแล้วนี่ไง จะเสียใจไปทำไมกัน
ชั่วขณะที่นาเดียกำลังจะเคลิ้มหลับ เสียงขลุกขลักที่ประตูก็ทำให้ร่างบางต้องลุกขึ้นมาเปิดโคมไฟหัวเตียง ญาดาคงกลับมาแล้ว
“กลับมาแล้ว...................เหรอ”
ภาพชายหญิงกอดจูบนัวเนียพากันเดินทุลักทุเลเข้ามาภายในห้องทำให้นาเดียนั่งอึ้ง พวกเขาเดินผ่านหน้าเธอไป ตรงไปยังเตียงด้านใน ก่อนจะถลาลงบนเตียง เจคอปกำลังเลื่อนตัวขึ้นทาบทับร่างกายที่กึ่งเปลือยของญาดา มือไม้ของทั้งคู่ลูบไล้ไปบนเรือนร่างของกันและกัน ภาพที่เห็นทำให้เธอช็อคจนลืมหายใจ แม้เธอจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่การที่ต้องเห็นภาพบาดตาซึ้งๆหน้าแบบนี้ มันหนักเกินกว่าที่หัวใจจะรับไหว
“ช่วยปิดโคมไฟให้ด้วยนะ” เจคอปหันมองหน้าร่างที่ยังคงนั่งหน้าซีดอยู่บนเตียง เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัว เขาจึงเอื้อมมือไปปิดสวิสต์โคมไฟเสียเอง
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต