เข้าสู่ระบบ
"ทูล..ทูลรัชทายาท เป็นๆแผนการของฮูหยินผู้เฒ่ากับคุณหนูรองเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการช่วย ให้คุณหนูรองได้หมั้นหมายกับหว่างซื่อจื่อ" จูถิงลนลานรีบสารภาพทันที ถ้านางไม่สารภาพตอนนี้ ก็คงต้องโดนทรมารเป็นแน่ จูจินเองเมื่อเห็นว่าสหายสารภาพแล้วตนก็สารภาพบ้าง
"เดิมทีนายหญิงผู้เฒ่าไม่ชอบฮูหยินใหญ่ ต้องการให้เจียงอี๋เหนี๋ยงหลานสาวของตนมาเป็นฮูหยินเอก จึงได้ทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้างยามที่อี๋เหนี๋ยงวางยาให้ฮูหยินใหญ่ตายเมื่อสามปีก่อน เพราะอี๋เหนี๋ยงต้องการให้คุณหนูรองหมั้นหมายกับหว่างซื่อจือ แต่ตอนนั้นคุณหนูรองยังไม่ปักปิ่น วิธีเดียวที่จะหยุดการหมั้นหมายได้และตำแหน่งฮูหยินราชครูจะว่างลงคือให้ฮูหยินใหญ่ตายเจ้าค่ะ" จูจินสารภาพทุกสิ่งที่ตนรู้ออกมาจนหมดไส้หมดพุง
เมื่อได้ยินคำสารภาพของจูจินแล้วฮูหยินผู้เฒ่าจากที่คราแรกนั้นเกรงกลัวรัชทายาทอยู่แล้ว ซ้ำตอนนี้ยังมาโดนเปิดเผยเรื่องที่ตนเองทำมาก่อนจึงเป็นลมทันที "พวกเจ้าใส่ร้ายข้า กล้าป้ายสี หักหลังข้า เนรคุณเลี้ยงไม่เชื่อง ท่านพ่อ ท่านปู่ ลูกไม่ได้ทำนะเจ้าคะ พวกนางใส่ร้ายลูก"ลู่อิงหลานว่ากล่าวด่าทอบ่าวรับใช้คนสนิทสารพัด
"คุณหนูรองพวกท่านกระทำการชั่วเช่นนี้ยังหวังจะให้บ่าวรับใช้จงรักภักดีอีกหรือ ท่านราชครูนี่เป็นเรื่องในจวนท่านข้าขอตัวก่อน ส่วนคุณหนูใหญ่ตอนนี้ยังสลบอยู่ท่านรีบเชิญหมอหลวงมารักษาพิษจากธูปราคะที่บุตรสาวคนรองท่านหามาจะดีกว่า" ว่าแล้วรัชทายาทก็เดินออกไป เรื่องจวนราชครูก็ให้พวกเขาตัดสินกันไป
....
ผ่านมาห้าวันนับจากเกิดเรื่องที่จวนราชครูองค์รักษ์ก็มารายงานว่า เจียงอี๋เหนียงถูกโบยจนตาย ฮูหยินผู้เฒ่าถูกส่งตัวไปเฝ้าศาลบรรพบุรุษที่บ้านเกิด ลู่อิงหลานถูกจับแต่งงานกับลูกหัวหน้าหมู่บ้านตระกูลลู่ที่บ้านเกิด ทั้งสองไม่มีสิทธิกลับมาเหยียบตระกูลลู่ที่เมืองหลวงตลอดชีวิต ส่วนบ่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้างก็ถูกโบยจนตาย ที่ยังมีชีวิตก็ขายออกไป
หลังจากฟังรายงานก็มีคำสั่งจากฮ่องเต้ให้เข้าเฝ้า "ข้าได้ยินว่าเจ้าเข้าไปช่วยคุณหนูใหญ่ลู่ในวันที่เกิดเรื่องใช่หรือไม่"
"ใช่พะยะค่ะ"รัชทายาทตอบแบบไม่ได้คิดอันใด
"แล้วเจ้าเห็นเรือนร่างของนางแล้วใช่หรือไม่
"ใช่พะยะค่ะ ลูกเข้าไปช่วยแต่ลูกก็ไม่ได้ล่วงเกินนางนะพะยะค่ะ" เอ๊... คำถามนี้เหตุใดจึง...
"แต่เจ้าก็เห็นหมดแล้ว เฮ้อ... คราแรกหลินเทาเป็นตายยังไงก็จะแต่งกับนาง แต่พอมาเกิดเรื่องนี้เข้า ก็บอกแค่ว่าให้นางเป็นแค่เมียรอง ... ส่วนทางคุณหนูลู่ก็บอกว่าจะปลงผมบวชชี ไม่แต่งงานตลอดชีวิต เพราะถึงแต่งไปเป็นเมียรองจริง ใครจะรับรองให้นางได้ว่าสามีนางจะไม่ขุดขุ้ยเรื่องน่าอายนี้ขึ้นมาทับทมนาง" ฮ่องเต้เล่าเรื่องราวคร่าวๆที่ทราบมาให้โอรสฟัง พระองค์ทรงอยากทราบว่าโอรสนั้นคิดเช่นไร
"ที่นางพูดก็ถูกนะพะยะค่ะ คราแรกว่ารักนักรักหนา แต่พอคนรักเจอเรื่องแบบนี้เข้าไป แทนที่จะเห็นใจกลับลดตำแหน่งนางตั้งแต่ยังไม่ทันได้แต่ง" รัชทายาทกล้าพูดแบบนี้เพราะคิดว่า หากรักจริงต้องช่วยกันฝันฝ่า ไม่เอาความผิดผลาดของอีกฝ่ายมาด้อยค่าคนที่ตนรัก
"ในเมื่อเจ้าก็เห็นเรือนร่างของนางแล้ว เหตุใดเจ้าไม่รับนางเป็นชายาเล่า เด็กคนนี้กิริยาดี วางตัวเหมาะสม ความคิดอ่านก็ดี ศาสตร์ทั้งสี่ก็ไม่เป็นรองใคร" ฮ่องเต้รีบเสนอชี้แนะข้อดีของลู่จื่อหลานทันที เพราะตอนนี้โอรสองค์โตนั้นอายุยี่สิบสองปีแล้ว ยังไม่มีแม้แต่บ่าวอุ่นเตียงเลย พระองค์เกรงว่ารัชทายาทจะตายด้านซะก่อน
เมื่อได้ยินข้อเสนอของเสด็จพ่อ รัชทายาทก็คิดอยู่ครู่นึง 'อืม..รับนางเข้าตำหนักดีไหม หากไม่รับนางก็ต้องโกนหัวบวชชี เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับข้าแต่.... จะให้คนที่เคยจับมังกรหยกคนแรกของข้าเป็นแม่ชีไม่ได้!!!' คิดไปพลางก็นึกภาพลู่จื่อหลานโกนหัวบวชชีกล่าว 'อมิตตาพุทธ' ในขณะยื่นมือมาจับแกนมังกรของเขาทั้งที่ศรีษะโล่งเตียน อืมมม..เฮ้อ
"ลูกจะลองไปคุยกับนางดูพะยะค่ะ คงต้องขอใช้วิธีเดียวกันกับเสด็จพ่อตอนรับบรรดาสนมนะพะยะค่ะ" รัชทายาทเอ่ยเช่นนี้เพื่อต้องการแสดงให้เห็นว่าลู่จื่อหลานยังไม่ใช่นางในดวงใจของเขาถ้าจะแต่งนางคงให้ได้มากสุดแค่ตำแหน่งพระชายารองเท่านั้น
จากนั้นรัชทายาทก็ได้ไปพูดคุยกับลู่จื่อหลาน คราแรกเป็นตายอย่างไรนางก็จะไม่แต่งเข้าตำหนักตงกง นางไม่อยากตอบแทนผู้มีบุญคุณด้วยร่างกาย เกรงว่านานไปรัชทายาทจะมองว่าที่นางไม่แต่งเป็นเมียรองของหว่างซื่อจื่อเพราะวางอุบายจะเข้าตำหนักตงกงแทน
รัชทายาทจึงได้โน้มน้าวว่าแต่งมาเป็นชายารองให้แก่ตนยังดีกว่าไปบวชเป็นแม่ชี เหตุใดนางจะต้องละทิ้งทุกอย่างเพื่อให้คนที่ทำร้ายนางหัวเราะเยาะที่สามารถทำลายชีวิตนางได้เล่า เมื่อเห็นท่าทีโอนอ่อนของลู่จื่อหลานรัชทายาทจึงได้บอกเงื่อนไขออกไป
ลู่จื่อหลานเห็นว่ายุติธรรมดีที่รัชทายาทนั้นได้บอกเงื่อนไขให้ตนได้ทราบ เพราะนางเองจะได้ไม่ต้องเผลอไปควาดหวังว่าจะได้ความรักจากสามี การแต่งเป็นชายารองของรัชทายาทนั้นก็มีแต่ข้อดีทั้งสิ้น แม้บอกว่าเป็นชายารองแต่นางเชื่อมั่นว่าพระองค์จะปกป้องและให้เกียรตินางอย่างที่ควรพึงกระทำได้
ดังเช่นองค์ฮ่องเต้ที่ในใจมีแต่ฮองเฮาอยู่เต็มเปี่ยม แต่ก็ทรงมีเมตตากับเหล่าสนมที่รับเข้าวังไป ท้ายที่สุดลู่จื่อหลานจึงได้ตกลงแต่งเป็นเข้าตำหนักตงกง ครานี้นางจะเสวยสุขในฐานนะชายารองขององค์รัชทายาทให้คนที่คิดทำร้ายนางนั้นกระอักเลือดตาย
....
ปัจจุบัน
รัชทายาทนั่งแช่น้ำพลางคิดเรื่องราวระหว่างตนกับลู่จื่อหลานผ่านไปหนึ่งเค่อจึงได้พึมพำออกมา 'นี่ข้าคงไม่ได้เป็นมารขัดขวางทางธรรมของแม่ชีหรอกนะ... แต่อดีตว่าที่แม่ชีผู้นี้ เหตุใดวันนี้จึงเร่าร้อนนัก ซี๊ดดด..' จ้าวเยียนหลงนั้นเดิมที่ก็ไม่มีทั้งบ่าวอุ่นเตียงหรืออนุแต่อย่างใด ก่อนหน้าที่จะแต่งกับลู่จื่อหลานก็แทบจะเรียกได้ว่าจำศีลกันเลยทีเดียว หากเกิดอารมณ์ยามใดก็มักจะอาศัยแม่นางทั้งห้าของตนคลายความกำหนัดแทน เพราะเขาต้องการเก็บครั้งแรกของตนให้กับภรรยาอันเป็นที่รัก
แต่เมื่อจำต้องรับชายารองแล้วก็ต้องทำให้ครบพิธีการหากไม่ร่วมหอกับนางเกรงว่าจะเป็นการไม่ให้เกียรติและเหมือนกับรับนางเข้าตำหนักมาทำร้ายมากกว่า และคิดว่าภรรยาในอนาคตนั้นก็คงเข้าใจตนเองเช่นกัน จากที่จำศีลมาจนอายุยี่สิบกว่าปี แต่เมื่อได้ลองกินเนื้อครั้งแรกก็เริ่มติดใจ ลู่จื่อหลานในฐานะที่เป็นสตรีของตนเพียงคนเดียวในตำหนักจึงต้องรับหน้าที่นี้ทุกครั้งที่จ้าวเยียนหลงนั้นมีความต้องการ
เอ๊ะๆยังไงๆรัชทายาท
ตำหนักชินอ๋องหลังจากที่เมิ่งเหลียนฮวาออกจากจวนไปได้สามเค่อ ชินอ๋องจ้าวจื่อเหวินและพระชายาฮั่วเย่วอิงก็เดินทางมาถึงตำหนักในยามเว่ย(13.00-14.59น) ทั้งสองนั้นมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เนื่องจากระหว่างที่เดินทางใกล้ถึงเมืองหลวงต่างก็มีเรื่องโจษจันกันว่าบุตรชายนั้นลุ่มหลงอนุภรรยาที่พึ่งรับเข้ามาจนถึงขนาดสั่งโบยภรรยาที่ตบแต่งมาด้วยเกี้ยวแปดคนหามนานกว่าห้าปีโดยไม่กระพริบตาและตอนนี้ทั้งลูกสะใภ้และหลานชายของพวกตนนั้นก็ได้ขนย้ายข้าวของออกจากตำหนักกลับไปยังบ้านเดิมแล้ว โดยมีแม่ทัพซูเป็นผู้มารับเอง ดีเท่าใดแล้วที่ทางบิดาของลูกสะใภ้ไม่ลงมือสั่งสอนบุตรเขยคนนี้หากว่าจ้าวหนานหลิงมิใช่บุตรชายของสหายสนิทเช่นตนเกรงว่าป่านนี้คงนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปนานแล้วเมื่อชินอ๋องและพระชายาลงมาจากรถม้าก็มีบุตรชายจ้าวหนานหลิงสองพ่อลูกแซ่ไป๋และบรรดาบ่าวไพร่ออกมายืนต้อนรับ "ถวายพระพรเสด็จพ่อเสด็จแม่พะยะค่ะยินดีต้อนรับบ้านพะยะค่ะ" จ้าวหนานหลิงกล่าวทักทายคนทั้งสองด้วยความปิติยินดีที่
เมื่อพ่อบ้านไป๋ออกไปแล้ว จ้าวหนานหลิงก็ได้แช่น้ำชำระกาย คิดถึงเรื่องถุงหอมตอนที่เขาจะไปที่ค่าย ไม่ได้บอกกล่าวแก่เมิ่งเหลียนฮวา นางถึงขั้นสั่งให้บ่าวนำถุงหอมมาให้ตนเองถึงที่ค่ายทหาร ครานั้นเขาก็เพียงรับมาสูดดมแล้วก็พกติดตัวอยู่ตลอด ไม่ว่าจะทำสิ่งใด เพราะกลิ่นนี้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจริงๆเขาไม่เตยสังเกตุว่าตนเองมักจะคนึงหาแต่เมิ่งเหลียนฮวาทุกครา บางครั้งยามที่อยู่คนเดียวก็มักจะนั่งเหม่อลอยแต่ถุงหอมใบนั้นก็อยู่กับเขาได้ไม่ถึงสองวันก็มีเหตุให้ฉีกขาดระหว่างกำลังฝึกทักษะต่อสู้บนหลังม้าให้ทหารใหม่เมื่อขาดไปแล้วก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอันใด เพียงแต่เขากลับรู้สึกเมื่อยล้า ไม่มีกำลังและมักจะหงุดหงิด นอนหลับไม่สนิท ในทุกคืนก็สะดุ้งตื่นบ่อยครั้งเพราะในฝันนั้นมีเสียงสตรีนางนึงเอ่ยกับเขาว่า 'ท่านเป็นของข้า จงมาหาข้า จงปกป้องข้าจงเชื่อฟังข้า!'หลายวันเข้างานที่ต้องทำเสร็จแล้วกลับล่าช้าลงแต่ทุกอาการที่เกิดขึ้นนี้เขานั้นไม่ได้มีความรู้สึกคนึงหาเมิ่งเหลียนฮวาเลย จนกระทั่งวันนี้ที่เขาได
"คารวะซื่อจื่อ ขออภัยที่ข้ามิอาจลุกขึ้นคารวะท่านได้ตามพิธีการ" น้ำเสียงที่ฟังดูห่างเหิน อีกทั้งถ้อยคำที่กล่าวออกมานั้นราวกับนางนั้นไม่ได้กำลังสนทนาอยู่กับสามีร่วมผูกผมแต่นางกำลังสนทนาอยู่กับคนแปลกหน้า"ซินเอ่อร์ เจ้า..เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" จ้าวหนานหลิงน้ำเสียงสั่นแววตาเริ่มแดงก่ำภายในอกของเขาตอนนี้กำลังอัดอั้นเจียนจะขาดใจอย่างถึงที่สุด"เรียนซื่อจื่อ ข้าน้อยสบายดี รบกวนซื่อจื่อเรียกข้าว่าคุณหนูสามเถิด ข้าน้อยมิอาจเอื้อมจะสนิทกับซื่อจื่อได้หรอกเจ้าค่ะ" ตลอดทุกถ้อยคำที่นางเอ่ยออกมานั้นไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาเลย"ข้า..." จ้าวหนานหลิงนั้นไม่สามารถพูดประโยคหลังออกมาได้ว่า 'เป็นสามีเจ้าใยต้องเรียกเจ้าว่าคุณหนูสาม' เพราะประโยคนี้มันจุกอยู่ในอก สามีอะไรกันถึงทำกับภรรยาตนเองเช่นนั้น"ซื่อจื่อมาพอดีเลย คราแรกข้าตั้งใจว่าจะให้ท่านพ่อนำหนังสือหย่านี้ไปให้ท่านลงนาม แต่ฝ่าบาทขอเวลาไว้สามเดือน ข้ามาคิดดูแล้วเห็นว่าไม่
ในคืนวันเดียวกันยามห้าย(21.00-22.59น) หลังจากเมื่อยล้าอยู่กับการสะสางงานต่างๆที่ค้างคาระหว่างที่ตนไปจัดการราชกิจให้แก่ฮ่องเต้กำลังจะเตรียมเข้านอน ก็มีทหารเข้ามารายงานว่ามีกงกงจากในวังขอเข้าพบ"ให้เข้ามาได้""คารวะซื่อจื่อ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าพรุ่งนี้ยามซื่อ(09.00-10.59น) พะยะค่ะ" เจากงกงลูกศิษย์ของเกากงกงได้รับมอบหมายให้มาแจ้งรับสั่งในยามดึก"เข้าใจแล้ว มีอะไรอีกหรือไม่""ไม่มีแล้วขอรับ ข้าน้อยขอตัวก่อน""หยวนคัง พรุ่งนี้เจ้ากลับจวนไปก่อน ไม่ต้องตามข้าเข้าวัง" ไป๋หยวนคังเป็นบุตรชายของไป๋ซานพ่อบ้านใหญ่ตำหนักชินอ๋องเดิมทีพ่อบ้านใหญ่นั้นเป็นทหารในสังกัดของชินอ๋องมาก่อนแต่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ ชินอ๋องจึงได้เสนอให้มาเป็นพ่อบ้านใหญ่ ตอนนี้ดำรงตำแหน่งนายกองอีกทั้งยังเป็นคนสนิทของจ้าวหนานหลิงอีกด้วย"ขอรับซื่อจื่อ งั้นข้าน้อยขอตัวก่อน" หยวนคังนั้นพึ่งกลับมาจากเมือ
"ทูล..ทูลรัชทายาท เป็นๆแผนการของฮูหยินผู้เฒ่ากับคุณหนูรองเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการช่วยให้คุณหนูรองได้หมั้นหมายกับหว่างซื่อจื่อ" จูถิงลนลานรีบสารภาพทันที ถ้านางไม่สารภาพตอนนี้ ก็คงต้องโดนทรมารเป็นแน่ จูจินเองเมื่อเห็นว่าสหายสารภาพแล้วตนก็สารภาพบ้าง"เดิมทีนายหญิงผู้เฒ่าไม่ชอบฮูหยินใหญ่ ต้องการให้เจียงอี๋เหนี๋ยงหลานสาวของตนมาเป็นฮูหยินเอก จึงได้ทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้างยามที่อี๋เหนี๋ยงวางยาให้ฮูหยินใหญ่ตายเมื่อสามปีก่อน เพราะอี๋เหนี๋ยงต้องการให้คุณหนูรองหมั้นหมายกับหว่างซื่อจือ แต่ตอนนั้นคุณหนูรองยังไม่ปักปิ่น วิธีเดียวที่จะหยุดการหมั้นหมายได้และตำแหน่งฮูหยินราชครูจะว่างลงคือให้ฮูหยินใหญ่ตายเจ้าค่ะ" จูจินสารภาพทุกสิ่งที่ตนรู้ออกมาจนหมดไส้หมดพุงเมื่อได้ยินคำสารภาพของจูจินแล้วฮูหยินผู้เฒ่าจากที่คราแรกนั้นเกรงกลัวรัชทายาทอยู่แล้ว ซ้ำตอนนี้ยังมาโดนเปิดเผยเรื่องที่ตนเองทำมาก่อนจึงเป็นลมทันที "พวกเจ้าใส่ร้ายข้า กล้าป้ายสี หักหลังข้า เนรคุณเลี้ยงไม่เชื่อง ท่านพ่อ
ในขณะที่ลู่จื่อหลานสิ้นหวังว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสรอดแล้วจึงเตรียมที่จะกัดลิ้นตาย ทันใดนั้น 'ปัง' บานประตูถูกถีบให้เปิดออกโดยชายผู้หนึ่ง ลู่จื่อหลานเริ่มสะอื้นพยายามร้องขอให้ช่วยด้วยเสียงอู้อี้ ม่านน้ำตาคลออยู่ทำให้นางมองไม่ชัดนักว่าเป็นผู้ใด"พวกเจ้าช่างกล้าไม่เบา ถึงกับกล้าทำร้ายคุณหนูใหญ่ของจวนราชครู " "เจ้าเป็นใครกัน คุณชายนี่ไม่ใช่เรื่องของท่าน" ว่าแล้วต้าหลางกับเอ่อหลางก็พุ่งเข้าไปทำร้ายรัชทายาท องค์รักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่รีบออกจากที่มืดมาคอยคุ้มกันผู้เป็นนายทันทีอีกมุมนึงลู่จื่อหลานที่โดนฤทธิ์ธูปปลุกกำหนัดก็นั่งขดอยู่ที่มุมนึงของเตียงนางพยายามทำให้ตนเองมีสติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าตนเองนั้นจะทำเรื่องน่าอายอันใดออกไป องค์รักษ์เงาจัดการสองพี่น้องอันธพาลได้ภายในพริบตาจึงคุมตัวออกไปที่นอกห้องรอเจ้านายสั่งการ รัชทายาทเห็นว่าจัดการคนร้ายเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินตามออกไปเช่นกัน แต่ก็ต้องชะงักเพราะตนเองนั้นเริ่มมีอาการของคนโดนพิษปลุกกำหนัด เมื่อหันไปมองรอบห้องจึงเห็นว่ามีธูปถูกจุดอยู่จึงได้หันไปหยิบฝากาน้ำชานำไปครอบไว้ เพราะถ้าใช้น้ำสาดควันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นขณะที่ก







