Share

ตอนที่ 17

last update Last Updated: 2025-12-05 20:15:35

"คารวะซื่อจื่อ ขออภัยที่ข้ามิอาจลุกขึ้นคารวะท่านได้ตามพิธีการ" น้ำเสียงที่ฟังดูห่างเหิน อีกทั้งถ้อยคำที่กล่าวออกมานั้นราวกับนางนั้นไม่ได้กำลังสนทนาอยู่กับสามีร่วมผูกผม แต่นางกำลังสนทนาอยู่กับคนแปลกหน้า

"ซินเอ่อร์ เจ้า ..เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" จ้าวหนานหลิงน้ำเสียงสั่นแววตาเริ่มแดงก่ำภายในอกของเขาตอนนี้กำลังอัดอั้นเจียนจะขาดใจอย่างถึงที่สุด

"เรียนซื่อจื่อ ข้าน้อยสบายดี รบกวนซื่อจื่อเรียกข้าว่าคุณหนูสามเถิด ข้าน้อยมิอาจเอื้อมจะสนิทกับซื่อจื่อได้หรอกเจ้าค่ะ" ตลอดทุกถ้อยคำที่นางเอ่ยออกมานั้นไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาเลย

"ข้า..." จ้าวหนานหลิงนั้นไม่สามารถพูดประโยคหลังออกมาได้ว่า 'เป็นสามีเจ้าใยต้องเรียกเจ้าว่าคุณหนูสาม' เพราะประโยคนี้มันจุกอยู่ในอก สามีอะไรกันถึงทำกับภรรยาตนเองเช่นนั้น

"ซื่อจื่อมาพอดีเลย คราแรกข้าตั้งใจว่าจะให้ท่านพ่อนำหนังสือหย่านี้ไปให้ท่านลงนาม แต่ฝ่าบาทขอเวลาไว้สามเดือน ข้ามาคิดดูแล้วเห็นว่าไม่ว่าเวลาใดก็น่าจะไม่ต่างกัน ไหนๆ ท่านก็มาแล้ว ท่านลงนามได้เลยนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าค่อยเอาไปส่งที่ว่าการตอนครบกำหนดที่ฝ่าบาทบอกไว้ก็ได้ ส่วนอวี้เอ่อร์ก็ให้ลูกอยู่กับข้าเถิด ถ้าเขาอยู่กับข้า ข้านั้นรับรองได้ว่าเขาต้องมีชีวิตที่เติบใหญ่และมีความสุขกว่าอยู่กับท่านแน่นอน" 

ซูซินหยางเอ่ยเรื่องหย่าออกมาแบบไม่ทุกข์ไม่ร้อน นางทำราวกับว่าเรื่องหย่ามันก็แค่เรื่องเล็ก ซึ่งนางคิดแบบนั้นจริงๆ ความรักที่เคยมีต่อเขานั้นมันหมดลงตั้งแต่ที่เขายืนมองนางถูกโบยแล้ว 

นางก็แค่ช่วยให้สามีได้ตอบแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่ก็เท่านั้น ซึ่งนางเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบุญคุญหรือความรักกันแน่ที่สามีนั้นมีต่ออนุเมิ่ง แต่นางเอนเอียงไปที่อย่างหลังมากกว่า การตอบแทนบุญคุณนั้นมีตั้งหลายวิธี นางไม่อาจเป็นผู้ขัดขวางคู่รักยวนยางของพวกเขาได้หรอก

จ้าวหนานหลิงหยิบใบหย่าที่ซูซินหยางเขียนไว้ เนื้อความว่า 'ซูซินหยางอิจฉาริษยา ไม่มีคุณสมบัติเป็นภรรยาเอก อีกทั้งบุตรชายจ้าวเฉิงอวี้นั้นไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้สืบทอด ข้าจ้าวหนานหลิงจึงขอยกสิทธิ์ให้แก่ซูซินหยางดูแลนับแต่นี้ตำหนักชินอ๋องจะไม่เกี่ยวข้องกับสองแม่ลูกนี้อีกต่อไป'

เมื่ออ่านเนื้อความในหนังสือหย่าจบแล้วจ้าวหนานหลิงจึงทำการฉีกทิ้งด้วยความกรุ่นโกรธทันที "ซินเอ่อ ข้าขอโทษ เจ้า เจ้ากลับไปกับข้านะ" จ้าวหนานหลิงคว้าตัวซูซินหยางเข้ามากอดพร้อมกับพร่ำบอกว่าตนเองขอโทษด้วยน้ำตาที่ไหลรินหลังจากที่พยายามขมกลั้นมาตลอดตั้งแต่หน้าประตูจวนแล้ว 

ซูซินหยางได้แต่นั่งนิ่งๆ ไม่สนใจว่าจ้าวหนานหลิงจะพร่ำบอกว่าขอโทษเพียงใด หรือจะร้องไห้น้ำตาไหลปานใด สายตานางนั้นมองตรงไปข้างหน้า ทำเหมือนไม่ได้ยินว่าจ้าวหนางหลิงนั้นพูดอันใดบ้าง นางไม่อยากเอาชีวิตตนเองกับบุตรชายลงไปเสี่ยงกับความรักใคร่ของชายผู้นี้อีกแล้ว

เมื่อเห็นว่าซูซินหยางยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติ่งแม้แต่น้อยจ้าวหนานหลิงก็จำต้องปล่อยตัวนางแล้วถอยออกมา "ข้าไม่หย่า ต่อให้ต้องตายข้าก็ไม่หย่ากับเจ้า เจ้าอยู่จวนแม่ทัพซูให้สบายใจเถิด หากสบายใจตอนไหนค่อยกลับตำหนักก็ได้ หรือรอให้ข้ากลับมาจากชายแดนก่อนแล้วให้ข้ามารับเจ้ากับลูกก็ได้ ข้าไปล่ะ ฝ่าบาทให้ข้าไปเฝ้าชายแดนแทนพี่เจ้า อีกสามวันจะออกเดินทาง พวกเจ้าดูแลตัวเองด้วย แล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า" จ้าวหนานหลิงรีบพูดแล้วรีบออกไปทันที ด้วยเกรงว่านางจะยิ่งพูดถ้อยคำที่ไร้เยื่อใยต่อตนอีก

....

ในระหว่างทางที่จ้าวหนานหลิงขี่ม้าไปเรื่อยๆนั้น ก็ได้พยายามคิดหาสาเหตุว่า เหตุใดเขาต้องสั่งโบยภรรยาตนเองด้วยทุกอย่างเหมือนมีม่านบังตาอยู่จางๆ เหมือนจะเห็นต้นตอของสาเหตุนั้นแต่ก็คว้าเอาไว้ไม่ได้สักที ยิ่งเขาฝืนคิดเท่าไรก็ยิ่งทำให้ปวดหัวมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อมาถึงตำหนักชินอ๋อง เมิ่งเหลียนฮวาก็รีบเข้าไปสวมกอดจ้าวหนานหลิงทันที เพราะนางนั้นได้ติดสินบนบ่าวในจวนไว้หลายคนว่าให้คอยรายงานความเคลื่อนไหวของเจ้านายในจวน 

เพียงเสี้ยวนึงจ้าวหนานหลิงรู้สึกรังเกลียดอ้อมกอดนี้เป็นอย่างยิ่งและกำลังจะผลักนางออก แต่เมื่อได้กลิ่นจางๆก็เริ่มโอนอ่อนไม่ขัดขืน จนกระทั่ง

"เอ๊ะ ท่านพี่ถุงหอมที่ข้าให้ท่านติดตัวเหล่า" สิ่งแรกที่เมิ่งเหลียนฮวาจะมองหาทุกครั้งยามที่เจอหน้ามักจะถามหาถุงหอมทุกครา

ทันทีที่ได้ยินเมิ่งเหลียนฮวากล่าวถึงถุงหอม จ้าวหนานหลิงเหมือนกับคว้าบางอย่างเอาไว้ได้จึงลอบกำมือแน่นพยายามใช่เล็บจิกลงที่ฝ่ามือ เดินถอยหลังให้ห่างจากกลิ่นนั้นสามก้าวอย่างแนบเนียน ขณะเดียวกันก็มีเลือดซึมออกมาตามรอยเล็บเขาจึงรู้สึกมีสติกลับมาอีกครั้งนึง

"อ่อ ข้าลืมไว้ที่ค่ายทหารนะเจ้ากลับเรือนไปก่อนข้าจะไปที่ห้องหนังสือ" พูดจบก็รีบออกไปทันที ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่รอให้เมิ่งเหลียนฮวากล่าวอันใดเลย

ไป๋หยวนคังรีบเดินตามผู้เป็นนายไปที่ห้องหนังสือทันที เมื่อทั้งสองอยู่ในห้องหนังสือตามลำพัง "พรวด" จ้าวหนานหลิงก็กระอักเลือดออกมา การกระอักเลือดครั้งนี้เสมือนช่วยทำให้สมองของเขากระจ่างมากขึ้นกว่าทุกครา

ไป๋หยวนคังเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายกระอักเลือดออกมาก็รีบถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง "ซื่อจื่อ ท่านเป็นอันใด ใยจึงกระอักเลือดออกมาได้ ข้าจะไปตามหมอ" ว่าแล้วก็กำลังจะออกไปทันที 

"หยวนคัง หยุด ไม่ต้องตามหมอ"

"แต่ท่าน..."

"ทำตามที่ข้าสั่ง"

"เจ้าพึ่งกลับมาจากเมืองกุ้ยเมื่อคืน ที่เมืองนั้นมีอะไรผิดปกติหรือไม่หลังจากที่ข้าจากมา"

"เรียนซื่อจือ หลังจากที่ข้าเฝ้าดูอยู่ระยะนึงก็ไม่พบความผิดปกติขอรับ ... เพียงแต่หลังจากท่านออกเดินทางได้เพียงสามวันท่านผู้เฒ่าเมิ่งก็เดินทางออกจากเมืองเช่นเดียวกัน ท่านแจ้งแก่ชาวบ้านที่ไปรักษาว่าต้องเดินทางกลับบ้านเกิดที่เมืองเหลียวแต่ข้าจำได้ว่าบ้านเกิดหมอเมิงอยู่เมืองผิงนะขอรับ" หลังไปหยวนคังรายงานจบจ้าวหนานหลิงก็เริ่มรวบรวมสติพยายามปัดม่านหมอกที่บังตาออก 

ไป๋หยวนคังเห็นผู้เป็นนายนั้นเงียบขรึมผิดปกติจึงได้แต่ยืนรอฟังคำสั่งอยู่เงียบๆ และสังเกตุว่าจ้าวหนานหลิงนั้นกำมือข้างซ้ายไว้แน่นอยู่ตลอดเวลา

"ซื่อจื่อ มือท่านได้รับบาดเจ็บหรือขอรับ" ไป๋หยวนคังถามออกไปพร้อมกับกำลังจะเดินออกไปเรียกบ่าวให้ยกน้ำเข้ามา

"หยวนคังไม่ต้อง ข้าไม่เป็นอันใดแผลแค่นี้ข้าทายาเองได้ เจ้าออกไปเถิดอย่าให้ใครเข้ามารบกวนข้า" ขณะที่กำลังเอ่ยกับไป๋หยวนคังอยู่นั้น พ่อบ้านใหญ่ไป๋ก็เข้ามารายงาน 

"ซื่อจื่อข้าน้อยพ่อบ้านไป๋ขอรับ"

"เข้ามาได้"

"เรียนซื่อจื่อเย่กงกง ส่งคนมาแจ้งที่จวนว่าท่านอ๋องกับพระชายาจะเสด็จกลับมาถึงในอีกครึ่งชั่วยามขอรับ"

"ท่านพ่อท่านแม่กลับมา? มีคนส่งข่าวแจ้งพวกท่าน ใครกัน!!"

"เรียนซื่อจื่อเป็นข้าน้อยที่กระทำการเองขอรับ ขอท่านโปรดลงโทษ แต่ข้าน้อยขอเรียนท่านตามตรงว่าตั้งแต่ที่ซื่อจื่อกลับมาจากเมืองกุ้ยข้าน้อยเห็นท่านกระทำการต่างๆอย่างไร้สติมาตลอด ข้าน้อยเกรงว่าท่านจะกระทำการผิดพลาดจนแก้ไขไม่ได้จึงได้ถือวิสาสะแจ้งให้ท่านอ๋องกับพระชายาทรงทราบขอรับ" เมื่อไป๋หยวนคังเห็นว่าพ่อตนคุกเข่ายอมรับความผิดที่ตนนั้นยังไม่เข้าใจเพราะพึ่งกลับมาก็ได้แต่คุกเข่าตามผู้เป็นพ่อ 

"เฮ้ออ... ข้าไม่กล่าวโทษท่านหรอก เพราะข้าเองก็พึ่งได้มีสติคิดทบทวนจริงๆจังๆเช่นเดียวกัน ดีซะอีกข้าจะได้ฝากท่านพ่อท่านแม่ให้จัดการเรื่องทางนี้แทน"

"เจ้าให้คนจัดของให้ข้าด้วยข้าได้รับบัญชาจากเสด็จลุงให้เดินทางไปเฝ้าชายแดนกำหนดเดินทางภายในสามวัน"

"ได้ขอรับข้าน้อยจะสั่งให้คนเตรียมการ แล้วอนุเมิ่ง.." พ่อบ้านไป๋เอ่ยถามถึงหญิงอีกนางที่อาศัยอยู่ในจวน ที่ตอนนี้วางอำนาจบาตรใหญ่ราวกับตนนั้นเป็นฮูหยินไปแล้ว

"ให้นางอยู่ที่นี่อะไรที่ควรมีก็ให้ไม่ต้องขาด แต่ห้ามนางออกไปสร้างเรื่องข้างนอก ห้ามทำอันใดเกินฐานะตนเอง หากไม่เชื่อฟังก็ปล่อยให้ท่านแม่จัดการได้เลย ส่งคนจับตามองนางไว้ อำนาจการดูแลจวนส่งให้ท่านแม่ดูแลแต่เพียงผู้เดียว เมื่อข้ากับฮูหยินน้อยกลับมาค่อยว่ากันอีกที" ในตอนที่กล่าวถึงเมิ่งเหลียนหวานั้น จ้าวหนานหลิงมีความรู้สึกรังเกียจและต่อต้านอย่างรุนแรง จึงได้กระอักเลือดออกมาอีกครา

"ซื่อจื่อ" สองพ่อลูกสกุลไป๋ต่างร้องเรียกด้วยความตกใจ

"เจ้านำป้ายไปตามหมอหลวงมา" พ่อบ้านไป๋หันไปสั่งความกับบุตรชาย ไป๋หยวนคังกำลังจะวิ่งออกไปตามหมอหลวง แต่จ้าวหนานหลิงนั้นได้เรียกเอาไว้ก่อน

"ไม่ต้องไป! เจ้ามานี่ ไปจับตัวหมอประจำจวนที่รักษาฮูหยินมาเค้นความว่าเหตุใดจึงกล้าโกหกข้าเรื่องที่ว่าฮูหยินฟื้นแล้วไม่เป็นอันใดมา อย่าให้ผู้ใดรู้" จ้าวหนานหลิงไม่ต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น ซึ่งเขาเองนั้นก็ไม่แน่ใจว่างูที่ว่านี่จะมีแค่ตัวเล็กๆตัวเดียวอย่างเมิ่งเหลียนฮวาหรือมีตัวใหญ่คอยสั่งการอยู่ที่ใดกันแน่

"ขอรับ"ไป๋หยวนคังออกไปสั่งความองค์รักษ์ลับตามที่ผู้เป็นนายบอกทันที

"พ่อบ้านไป๋ ข้าจะเตรียมตัวต้อนรับท่านพ่อท่านแม่ เจ้าออกไปเถิด หากพวกท่านใกล้ถึงจวนแล้วให้ส่งคนมาบอกข้า "

"ขอรับ" พ่อบ้านไป๋ได้แต่รับคำแล้วส่ายหัวออกไปที่ซื่อจื่อนั้นไม่ยินยอมให้ท่านหมอหลวงมารักษา เขานั้นสังเกตุเห็นว่าเลือดที่กระอักออกมามีสีดำ เกรงว่าซื่อจื่อจะถูกพิษ 'เฮ้อ.. ข้าคงต้องแจ้งท่านอ๋องเองอีกแล้ว' พ่อบ้านได้แต่คิดในใจว่าเขานั้นต้องสวมบทคนขี้ฟ้องอีกครั้งนึงแล้ว หากรอให้ซื่อจื่อพูดก็เกรงว่าคงไม่หลุดออกจากปากแม้สักคำ ตัวเขานั้นเห็นซื่อจื่อเติบโตมาตั้งแต่เด็ก ดื้อรั้นเพียงใดเขารู้ดี

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คำสัญญาของท่าน ใยจึงไร้ค่า   ตอนที่ 19

    ตำหนักชินอ๋องหลังจากที่เมิ่งเหลียนฮวาออกจากจวนไปได้สามเค่อ ชินอ๋องจ้าวจื่อเหวินและพระชายาฮั่วเย่วอิงก็เดินทางมาถึงตำหนักในยามเว่ย(13.00-14.59น) ทั้งสองนั้นมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เนื่องจากระหว่างที่เดินทางใกล้ถึงเมืองหลวงต่างก็มีเรื่องโจษจันกันว่าบุตรชายนั้นลุ่มหลงอนุภรรยาที่พึ่งรับเข้ามาจนถึงขนาดสั่งโบยภรรยาที่ตบแต่งมาด้วยเกี้ยวแปดคนหามนานกว่าห้าปีโดยไม่กระพริบตาและตอนนี้ทั้งลูกสะใภ้และหลานชายของพวกตนนั้นก็ได้ขนย้ายข้าวของออกจากตำหนักกลับไปยังบ้านเดิมแล้ว โดยมีแม่ทัพซูเป็นผู้มารับเอง ดีเท่าใดแล้วที่ทางบิดาของลูกสะใภ้ไม่ลงมือสั่งสอนบุตรเขยคนนี้หากว่าจ้าวหนานหลิงมิใช่บุตรชายของสหายสนิทเช่นตนเกรงว่าป่านนี้คงนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปนานแล้วเมื่อชินอ๋องและพระชายาลงมาจากรถม้าก็มีบุตรชายจ้าวหนานหลิงสองพ่อลูกแซ่ไป๋และบรรดาบ่าวไพร่ออกมายืนต้อนรับ "ถวายพระพรเสด็จพ่อเสด็จแม่พะยะค่ะยินดีต้อนรับบ้านพะยะค่ะ" จ้าวหนานหลิงกล่าวทักทายคนทั้งสองด้วยความปิติยินดีที่

  • คำสัญญาของท่าน ใยจึงไร้ค่า   ตอนที่ 18

    เมื่อพ่อบ้านไป๋ออกไปแล้ว จ้าวหนานหลิงก็ได้แช่น้ำชำระกาย คิดถึงเรื่องถุงหอมตอนที่เขาจะไปที่ค่าย ไม่ได้บอกกล่าวแก่เมิ่งเหลียนฮวา นางถึงขั้นสั่งให้บ่าวนำถุงหอมมาให้ตนเองถึงที่ค่ายทหาร ครานั้นเขาก็เพียงรับมาสูดดมแล้วก็พกติดตัวอยู่ตลอด ไม่ว่าจะทำสิ่งใด เพราะกลิ่นนี้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจริงๆเขาไม่เตยสังเกตุว่าตนเองมักจะคนึงหาแต่เมิ่งเหลียนฮวาทุกครา บางครั้งยามที่อยู่คนเดียวก็มักจะนั่งเหม่อลอยแต่ถุงหอมใบนั้นก็อยู่กับเขาได้ไม่ถึงสองวันก็มีเหตุให้ฉีกขาดระหว่างกำลังฝึกทักษะต่อสู้บนหลังม้าให้ทหารใหม่เมื่อขาดไปแล้วก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอันใด เพียงแต่เขากลับรู้สึกเมื่อยล้า ไม่มีกำลังและมักจะหงุดหงิด นอนหลับไม่สนิท ในทุกคืนก็สะดุ้งตื่นบ่อยครั้งเพราะในฝันนั้นมีเสียงสตรีนางนึงเอ่ยกับเขาว่า 'ท่านเป็นของข้า จงมาหาข้า จงปกป้องข้าจงเชื่อฟังข้า!'หลายวันเข้างานที่ต้องทำเสร็จแล้วกลับล่าช้าลงแต่ทุกอาการที่เกิดขึ้นนี้เขานั้นไม่ได้มีความรู้สึกคนึงหาเมิ่งเหลียนฮวาเลย จนกระทั่งวันนี้ที่เขาได

  • คำสัญญาของท่าน ใยจึงไร้ค่า   ตอนที่ 17

    "คารวะซื่อจื่อ ขออภัยที่ข้ามิอาจลุกขึ้นคารวะท่านได้ตามพิธีการ" น้ำเสียงที่ฟังดูห่างเหิน อีกทั้งถ้อยคำที่กล่าวออกมานั้นราวกับนางนั้นไม่ได้กำลังสนทนาอยู่กับสามีร่วมผูกผมแต่นางกำลังสนทนาอยู่กับคนแปลกหน้า"ซินเอ่อร์ เจ้า..เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" จ้าวหนานหลิงน้ำเสียงสั่นแววตาเริ่มแดงก่ำภายในอกของเขาตอนนี้กำลังอัดอั้นเจียนจะขาดใจอย่างถึงที่สุด"เรียนซื่อจื่อ ข้าน้อยสบายดี รบกวนซื่อจื่อเรียกข้าว่าคุณหนูสามเถิด ข้าน้อยมิอาจเอื้อมจะสนิทกับซื่อจื่อได้หรอกเจ้าค่ะ" ตลอดทุกถ้อยคำที่นางเอ่ยออกมานั้นไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาเลย"ข้า..." จ้าวหนานหลิงนั้นไม่สามารถพูดประโยคหลังออกมาได้ว่า 'เป็นสามีเจ้าใยต้องเรียกเจ้าว่าคุณหนูสาม' เพราะประโยคนี้มันจุกอยู่ในอก สามีอะไรกันถึงทำกับภรรยาตนเองเช่นนั้น"ซื่อจื่อมาพอดีเลย คราแรกข้าตั้งใจว่าจะให้ท่านพ่อนำหนังสือหย่านี้ไปให้ท่านลงนาม แต่ฝ่าบาทขอเวลาไว้สามเดือน ข้ามาคิดดูแล้วเห็นว่าไม่

  • คำสัญญาของท่าน ใยจึงไร้ค่า   ตอนที่ 16

    ในคืนวันเดียวกันยามห้าย(21.00-22.59น) หลังจากเมื่อยล้าอยู่กับการสะสางงานต่างๆที่ค้างคาระหว่างที่ตนไปจัดการราชกิจให้แก่ฮ่องเต้กำลังจะเตรียมเข้านอน ก็มีทหารเข้ามารายงานว่ามีกงกงจากในวังขอเข้าพบ"ให้เข้ามาได้""คารวะซื่อจื่อ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าพรุ่งนี้ยามซื่อ(09.00-10.59น) พะยะค่ะ" เจากงกงลูกศิษย์ของเกากงกงได้รับมอบหมายให้มาแจ้งรับสั่งในยามดึก"เข้าใจแล้ว มีอะไรอีกหรือไม่""ไม่มีแล้วขอรับ ข้าน้อยขอตัวก่อน""หยวนคัง พรุ่งนี้เจ้ากลับจวนไปก่อน ไม่ต้องตามข้าเข้าวัง" ไป๋หยวนคังเป็นบุตรชายของไป๋ซานพ่อบ้านใหญ่ตำหนักชินอ๋องเดิมทีพ่อบ้านใหญ่นั้นเป็นทหารในสังกัดของชินอ๋องมาก่อนแต่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ ชินอ๋องจึงได้เสนอให้มาเป็นพ่อบ้านใหญ่ ตอนนี้ดำรงตำแหน่งนายกองอีกทั้งยังเป็นคนสนิทของจ้าวหนานหลิงอีกด้วย"ขอรับซื่อจื่อ งั้นข้าน้อยขอตัวก่อน" หยวนคังนั้นพึ่งกลับมาจากเมือ

  • คำสัญญาของท่าน ใยจึงไร้ค่า   ตอนที่ 15

    ​"ทูล..ทูลรัชทายาท เป็นๆแผนการของฮูหยินผู้เฒ่ากับคุณหนูรองเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการช่วยให้คุณหนูรองได้หมั้นหมายกับหว่างซื่อจื่อ" จูถิงลนลานรีบสารภาพทันที ถ้านางไม่สารภาพตอนนี้ ก็คงต้องโดนทรมารเป็นแน่ จูจินเองเมื่อเห็นว่าสหายสารภาพแล้วตนก็สารภาพบ้าง"เดิมทีนายหญิงผู้เฒ่าไม่ชอบฮูหยินใหญ่ ต้องการให้เจียงอี๋เหนี๋ยงหลานสาวของตนมาเป็นฮูหยินเอก จึงได้ทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้างยามที่อี๋เหนี๋ยงวางยาให้ฮูหยินใหญ่ตายเมื่อสามปีก่อน เพราะอี๋เหนี๋ยงต้องการให้คุณหนูรองหมั้นหมายกับหว่างซื่อจือ แต่ตอนนั้นคุณหนูรองยังไม่ปักปิ่น วิธีเดียวที่จะหยุดการหมั้นหมายได้และตำแหน่งฮูหยินราชครูจะว่างลงคือให้ฮูหยินใหญ่ตายเจ้าค่ะ" จูจินสารภาพทุกสิ่งที่ตนรู้ออกมาจนหมดไส้หมดพุงเมื่อได้ยินคำสารภาพของจูจินแล้วฮูหยินผู้เฒ่าจากที่คราแรกนั้นเกรงกลัวรัชทายาทอยู่แล้ว ซ้ำตอนนี้ยังมาโดนเปิดเผยเรื่องที่ตนเองทำมาก่อนจึงเป็นลมทันที "พวกเจ้าใส่ร้ายข้า กล้าป้ายสี หักหลังข้า เนรคุณเลี้ยงไม่เชื่อง ท่านพ่อ

  • คำสัญญาของท่าน ใยจึงไร้ค่า   ตอนที่ 14

    ในขณะที่ลู่จื่อหลานสิ้นหวังว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสรอดแล้วจึงเตรียมที่จะกัดลิ้นตาย ทันใดนั้น 'ปัง' บานประตูถูกถีบให้เปิดออกโดยชายผู้หนึ่ง ลู่จื่อหลานเริ่มสะอื้นพยายามร้องขอให้ช่วยด้วยเสียงอู้อี้ ม่านน้ำตาคลออยู่ทำให้นางมองไม่ชัดนักว่าเป็นผู้ใด"พวกเจ้าช่างกล้าไม่เบา ถึงกับกล้าทำร้ายคุณหนูใหญ่ของจวนราชครู " "เจ้าเป็นใครกัน คุณชายนี่ไม่ใช่เรื่องของท่าน" ว่าแล้วต้าหลางกับเอ่อหลางก็พุ่งเข้าไปทำร้ายรัชทายาท องค์รักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่รีบออกจากที่มืดมาคอยคุ้มกันผู้เป็นนายทันทีอีกมุมนึงลู่จื่อหลานที่โดนฤทธิ์ธูปปลุกกำหนัดก็นั่งขดอยู่ที่มุมนึงของเตียงนางพยายามทำให้ตนเองมีสติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าตนเองนั้นจะทำเรื่องน่าอายอันใดออกไป องค์รักษ์เงาจัดการสองพี่น้องอันธพาลได้ภายในพริบตาจึงคุมตัวออกไปที่นอกห้องรอเจ้านายสั่งการ รัชทายาทเห็นว่าจัดการคนร้ายเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินตามออกไปเช่นกัน แต่ก็ต้องชะงักเพราะตนเองนั้นเริ่มมีอาการของคนโดนพิษปลุกกำหนัด เมื่อหันไปมองรอบห้องจึงเห็นว่ามีธูปถูกจุดอยู่จึงได้หันไปหยิบฝากาน้ำชานำไปครอบไว้ เพราะถ้าใช้น้ำสาดควันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นขณะที่ก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status