เข้าสู่ระบบเมื่อพ่อบ้านไป๋ออกไปแล้ว จ้าวหนานหลิงก็ได้แช่น้ำชำระกาย คิดถึงเรื่องถุงหอมตอนที่เขาจะไปที่ค่าย ไม่ได้บอกกล่าวแก่เมิ่งเหลียนฮวา นางถึงขั้นสั่งให้บ่าวนำถุงหอมมาให้ตนเองถึงที่ค่ายทหาร ครานั้นเขาก็เพียงรับมาสูดดมแล้วก็พกติดตัวอยู่ตลอด ไม่ว่าจะทำสิ่งใด เพราะกลิ่นนี้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจริงๆ เขาไม่เตยสังเกตุว่าตนเองมักจะคนึงหาแต่เมิ่งเหลียนฮวาทุกครา บางครั้งยามที่อยู่คนเดียวก็มักจะนั่งเหม่อลอย
แต่ถุงหอมใบนั้นก็อยู่กับเขาได้ไม่ถึงสองวันก็มีเหตุให้ฉีกขาดระหว่างกำลังฝึกทักษะต่อสู้บนหลังม้าให้ทหารใหม่ เมื่อขาดไปแล้วก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอันใด เพียงแต่เขากลับรู้สึกเมื่อยล้า ไม่มีกำลังและมักจะหงุดหงิด นอนหลับไม่สนิท ในทุกคืนก็สะดุ้งตื่นบ่อยครั้ง เพราะในฝันนั้นมีเสียงสตรีนางนึงเอ่ยกับเขาว่า 'ท่านเป็นของข้า จงมาหาข้า จงปกป้องข้า จงเชื่อฟังข้า!' หลายวันเข้างานที่ต้องทำเสร็จแล้วกลับล่าช้าลง
แต่ทุกอาการที่เกิดขึ้นนี้ เขานั้นไม่ได้มีความรู้สึกคนึงหาเมิ่งเหลียนฮวาเลย จนกระทั่งวันนี้ที่เขาได้กลิ่นถุงหอมที่นางพกติดตัว ม่านหมอกบางๆนั้นเริ่มบดบังความนึกคิดของเขาอีกครั้ง ความรู้สึกคล้ายๆกับเขานั้นคล้อยตามนางจนสติที่เริ่มจะกระจ่างดีนั่น ก็ค่อยๆเริ่มขมุกขมัวขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งนางยังทำท่าทางตื่นตระหนกเมื่อไม่เห็นเขาพกถุงหอมนั้นอีก
"อี้กุย" กุย(เต่า)เป็นกลุ่มองครักษ์ลับของจ้าวหนานหลิง เขาต้องการให้องครักษ์ของตนเองนั้นมีอายุยืนจึงตั้งชายานี้ต่อท้ายลำดับ
เงาร่างหนึ่งทะยานออกมาจากมุมมืดคุกเข่าลงรอรับคำสั่ง "เจ้าลอบเข้าไปนำถุงหอมที่เมิ่งเหลียนฮวามักจะทำให้ข้าติดตัวกลับมา"
"ขอรับ" พริบตาเงาร่างนั้นหายไป
ในระหว่างที่จ้าวหนานหลิงไปที่ห้องหนังสือนั้น เมิ่งเหลียนฮวาก็ได้รับข่าวจากสาวใช้คนสนิทที่มักจะออกไปสืบข่าวจากทหารติดตามยามที่จ้าวหนานหลิงออกไปข้างนอก ได้ความมาว่าหนึ่งในจุดหมายที่ซื่อจื่อไปมาคือจวนแม่ทัพซู
"ท่านพี่ไม่ได้พกถุงหอมของข้า แล้วยังไปหานางเมียเก่านั่นอีก ไม่ได้การข้าต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เหม่ยอี้ให้คนเตรียมรถม้าไปจวนแม่ทัพซู"
"นายหญิงแล้วซื่อจื่อเล่า"
"คืนนี้ข้าค่อยมาจัดการก็ยังไม่สายไม่ใช่หรือ ซื่อจื่อหลงข้าเชื่อฟังข้าขนาดไหนเจ้าก็เห็น ไปเถอะ" ต้องขอบคุณท่านปู่ของข้าจริงๆที่ช่วยให้ข้าได้ซื่อจื่อมาครอบครองเหลือก็แค่ขจัดเสี้ยนหนามออกไปเท่านั้นเอง
เมิ่งเหลียนฮวาลำพองใจหลงคิดว่าตัวเองนั้นสามารถควบคุมจ้าวหนานหลิงได้แล้ว นางไม่ได้สังเกตุท่าทีที่เปลี่ยนไปของจ้าวหนานหลิงเมื่อสักครู่เลยแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่กังวลว่าซูซินหยางจะใช้มารยาออดอ้อนยื้อตำแหน่งฮูหยินเอกเอาไว้กับตนเอง
"เจ้าค่ะ"เหม่ยอี้ได้แต่รับคำแล้วเดินออกไป ทำตามผู้เป็นนายสั่งทันที
ใช้เวลาเพียงสองเค่อ เมิ่งเหลียนหวาก็นั่งรถม้าออกจากตำหนัก จึงทำให้ไม่ทราบเรื่องที่ชินอ๋องและพระชายานั้นกำลังจะกลับถึงจวนในอีกครึ่งชั่วยาม
รถม้าของเมิ่งเหลียนฮวามาถึงจวนแม่ทัพซูในสามเค่อถัดมา เหม่ยอี้ลงไปแจ้งแก้บ่าวเฝ้าประตู "ไปแจ้งนายพวกเจ้าว่าฮูหยินซื่อจื่อจ้าวหนานหลิงต้องการพบซูซินหยางบุตรสาวแม่ทัพซู" เมิ่งเหลียนหวาและบ่าวรับใช้คนสนิทเมื่อออกมานอกตำหนัก ก็ต้องการที่จะอวดเบ่งบารมีให้คนทั้งเมืองได้ทราบโดยทั่วกันว่าตอนนี้นางเป็นฮูหยินของจ้าวหนานหลิง ส่วนซูซินหยางนั้นเป็นแค่อดีต
บ่าวรับใช้หน้าประตูผู้นึงได้วิ่งเข้าไปแจ้งแก่พ่อบ้านใหญ่ ไม่ได้มีท่าทีเชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนเข้าไปรอที่โถงรับรอง เมื่อเมิ่งเหลียนฮวาเห็นดังนั้น จากที่นั่งยืดอกเชิดหน้าเป็นฮูหยินก็จำต้องเอ่ยออกมา
"จวนตระกูลซูช่างมีมารยาทยิ่งนักที่ไม่เชิญข้าจ้าวฮูหยินที่มาเป็นแขกเข้าไปรอด้านใน แต่กลับปล่อยให้แขกเช่นข้าต้องรออยู่ที่หน้าประตูจวน" เมิ่งเหลียนฮวากล่าวเสียงไม่เบานักทำให้ชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างได้ยินกันทั่ว บ้างก็ชะลอฟังด้วยความสงสัยว่า บุตรสาวแม่ทัพต่างหากที่เป็นจ้าวฮูหยินแล้วนี่ผู้ใดกัน
เมื่อบ่าวเฝ้าประตูที่เหลือได้ยินดังนั้นก็ตอบกลับด้วยความใสซื่อ "เรียนแม่นาง แม่นางไม่ได้ส่งเทียบเชิญเข้าพบไว้ก่อน อีกทั้งยังแอบอ้างเป็นจ้าวฮูหยิน พวกข้าน้อยขออภัยที่ไม่สามารถปล่อยให้ใครก็ได้เข้าไปในจวนโดนพละการขอรับ
อีกทั้ง จ้าวฮูหยินตอนนี้ยังเป็นตำแหน่งของคุณหนูสามของพวกข้าอยู่ และพวกข้านั้นยังไม่ได้ข่าวว่าจ้าวซื่อจื่อแต่งตั้งฮูหยินคนใหม่เลย ดังนั้นจึงยิ่งไม่สามารถให้ท่านเข้าไปภายในจวนได้ ต้องขออภัยท่านด้วย"
เมื่อบ่าวหน้าประตูพูดจบชาวบ้านที่ชะลอฟังก็เข้าใจในทันทีว่าผู้มานั้นมีจุดประสงค์ไม่ดี ยิ่งตอนนี้มีข่าวลือออกมาว่าตำหนักชินอ๋องกับจวนแม่ทัพซูนั้นเริ่มบาดหมางกันเพราะซื่อจื่อลุ่มหลงอนุ ทำร้ายภรรยาเอก ทุกคนต่างคิดว่าแปดในสิบส่วนผู้หญิงที่แอบอ้างว่าเป็นฮูหยินซื่อจื่อน่าจะเป็นอนุนางนั้นมากกว่า
"คนเราสมัยนี้นี่มันยังไงกัน เป็นแค่อนุแต่ริอาจหาญมารังแกภรรยาเอกเขาถึงบ้าน"
"เจ้าก็พูดไป ถ้าไม่มีคนให้ท้ายจะกล้ากำเริบขนาดนี้รึ! นี่ขนาดเป็นบุตรสาวแม่ทัพของแคว้น เจ้าคิดดู ถ้านางเป็นลูกชาวบ้านเช่นเราคงตายคาจวนไปนานแล้ว"
"เฮ้อ.. บุรุษหนอๆ ต่อให้ฉลาดขนาดไหนก็พ่ายแพ้ให้แก่มารยานางจิ้งจอก คำสัญญาที่ว่าจะมีเพียงเจ้า มันไร้ค่าสิ้นดีเชื่อถือไม่ได้" บรรดาชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันวิพากษ์วิจารย์เรื่องหลังบ้านของจ้าวหนานหลิง อีกทั้งยังสงสารในโชคชะตาของบุตรสาวของแม่ทัพไร้พ่าย ที่ครั้งนึงเคยขึ้นชื่อว่าเป็นหญิงงามที่เพียบพร้อมที่โชคดีได้ครองรักกับบุรุษที่สัญญาว่าจะมีแต่นางคนเดียวไม่รับอนุหรือสตรีใดเข้าจวน
ในครานั้นหญิงสาวทุกคนต่างก็พากันอิจฉาซูซินหยางกันทั่วเมือง "ใช่ๆ คำสัญญาบุรุษมันเชื่อไม่ได้จริงๆ ไม่ได้การข้าต้องไปอบรมนางหนูที่บ้านว่าอย่าไปเที่ยวเชื่อน้ำคำบุรุษส่งเดช เดี๋ยวจะตายไม่รู้ตัว"
ในขณะที่ชาวบ้านพากันวิพากวิจารณ์กันอยู่นั้นประตูใหญ่จวนจ้าวก็เปิดออกพร้อมกับปรากฎร่างบอบบางในชุดสีม่วงอ่อน แลดูงดงามน่าทะนุทะนอม แม้ว่าหน้าตาจะซีดเซียวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อาจลดทอนความงามของนางลงได้
ซูซินหยางนั้นได้รับรายงานจากพ่อบ้านว่ามีคนแอบอ้างเป็นฮูหยินซื่อจื่อ ก็คาดเดาได้ว่าน่าจะเป็นเมิ่งเหลียนฮวา นางจึงออกมาพบที่หน้าจวน นางนั้นไม่ปรารถนาจะให้สิ่งสกปรกเช่นเมิ่งเหลียนฮวานี้เหยียบย่างเข้ามาในจวนแม่ทัพซูแม้แต่น้อย
ตำหนักชินอ๋องหลังจากที่เมิ่งเหลียนฮวาออกจากจวนไปได้สามเค่อ ชินอ๋องจ้าวจื่อเหวินและพระชายาฮั่วเย่วอิงก็เดินทางมาถึงตำหนักในยามเว่ย(13.00-14.59น) ทั้งสองนั้นมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เนื่องจากระหว่างที่เดินทางใกล้ถึงเมืองหลวงต่างก็มีเรื่องโจษจันกันว่าบุตรชายนั้นลุ่มหลงอนุภรรยาที่พึ่งรับเข้ามาจนถึงขนาดสั่งโบยภรรยาที่ตบแต่งมาด้วยเกี้ยวแปดคนหามนานกว่าห้าปีโดยไม่กระพริบตาและตอนนี้ทั้งลูกสะใภ้และหลานชายของพวกตนนั้นก็ได้ขนย้ายข้าวของออกจากตำหนักกลับไปยังบ้านเดิมแล้ว โดยมีแม่ทัพซูเป็นผู้มารับเอง ดีเท่าใดแล้วที่ทางบิดาของลูกสะใภ้ไม่ลงมือสั่งสอนบุตรเขยคนนี้หากว่าจ้าวหนานหลิงมิใช่บุตรชายของสหายสนิทเช่นตนเกรงว่าป่านนี้คงนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปนานแล้วเมื่อชินอ๋องและพระชายาลงมาจากรถม้าก็มีบุตรชายจ้าวหนานหลิงสองพ่อลูกแซ่ไป๋และบรรดาบ่าวไพร่ออกมายืนต้อนรับ "ถวายพระพรเสด็จพ่อเสด็จแม่พะยะค่ะยินดีต้อนรับบ้านพะยะค่ะ" จ้าวหนานหลิงกล่าวทักทายคนทั้งสองด้วยความปิติยินดีที่
เมื่อพ่อบ้านไป๋ออกไปแล้ว จ้าวหนานหลิงก็ได้แช่น้ำชำระกาย คิดถึงเรื่องถุงหอมตอนที่เขาจะไปที่ค่าย ไม่ได้บอกกล่าวแก่เมิ่งเหลียนฮวา นางถึงขั้นสั่งให้บ่าวนำถุงหอมมาให้ตนเองถึงที่ค่ายทหาร ครานั้นเขาก็เพียงรับมาสูดดมแล้วก็พกติดตัวอยู่ตลอด ไม่ว่าจะทำสิ่งใด เพราะกลิ่นนี้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจริงๆเขาไม่เตยสังเกตุว่าตนเองมักจะคนึงหาแต่เมิ่งเหลียนฮวาทุกครา บางครั้งยามที่อยู่คนเดียวก็มักจะนั่งเหม่อลอยแต่ถุงหอมใบนั้นก็อยู่กับเขาได้ไม่ถึงสองวันก็มีเหตุให้ฉีกขาดระหว่างกำลังฝึกทักษะต่อสู้บนหลังม้าให้ทหารใหม่เมื่อขาดไปแล้วก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอันใด เพียงแต่เขากลับรู้สึกเมื่อยล้า ไม่มีกำลังและมักจะหงุดหงิด นอนหลับไม่สนิท ในทุกคืนก็สะดุ้งตื่นบ่อยครั้งเพราะในฝันนั้นมีเสียงสตรีนางนึงเอ่ยกับเขาว่า 'ท่านเป็นของข้า จงมาหาข้า จงปกป้องข้าจงเชื่อฟังข้า!'หลายวันเข้างานที่ต้องทำเสร็จแล้วกลับล่าช้าลงแต่ทุกอาการที่เกิดขึ้นนี้เขานั้นไม่ได้มีความรู้สึกคนึงหาเมิ่งเหลียนฮวาเลย จนกระทั่งวันนี้ที่เขาได
"คารวะซื่อจื่อ ขออภัยที่ข้ามิอาจลุกขึ้นคารวะท่านได้ตามพิธีการ" น้ำเสียงที่ฟังดูห่างเหิน อีกทั้งถ้อยคำที่กล่าวออกมานั้นราวกับนางนั้นไม่ได้กำลังสนทนาอยู่กับสามีร่วมผูกผมแต่นางกำลังสนทนาอยู่กับคนแปลกหน้า"ซินเอ่อร์ เจ้า..เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" จ้าวหนานหลิงน้ำเสียงสั่นแววตาเริ่มแดงก่ำภายในอกของเขาตอนนี้กำลังอัดอั้นเจียนจะขาดใจอย่างถึงที่สุด"เรียนซื่อจื่อ ข้าน้อยสบายดี รบกวนซื่อจื่อเรียกข้าว่าคุณหนูสามเถิด ข้าน้อยมิอาจเอื้อมจะสนิทกับซื่อจื่อได้หรอกเจ้าค่ะ" ตลอดทุกถ้อยคำที่นางเอ่ยออกมานั้นไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาเลย"ข้า..." จ้าวหนานหลิงนั้นไม่สามารถพูดประโยคหลังออกมาได้ว่า 'เป็นสามีเจ้าใยต้องเรียกเจ้าว่าคุณหนูสาม' เพราะประโยคนี้มันจุกอยู่ในอก สามีอะไรกันถึงทำกับภรรยาตนเองเช่นนั้น"ซื่อจื่อมาพอดีเลย คราแรกข้าตั้งใจว่าจะให้ท่านพ่อนำหนังสือหย่านี้ไปให้ท่านลงนาม แต่ฝ่าบาทขอเวลาไว้สามเดือน ข้ามาคิดดูแล้วเห็นว่าไม่
ในคืนวันเดียวกันยามห้าย(21.00-22.59น) หลังจากเมื่อยล้าอยู่กับการสะสางงานต่างๆที่ค้างคาระหว่างที่ตนไปจัดการราชกิจให้แก่ฮ่องเต้กำลังจะเตรียมเข้านอน ก็มีทหารเข้ามารายงานว่ามีกงกงจากในวังขอเข้าพบ"ให้เข้ามาได้""คารวะซื่อจื่อ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าพรุ่งนี้ยามซื่อ(09.00-10.59น) พะยะค่ะ" เจากงกงลูกศิษย์ของเกากงกงได้รับมอบหมายให้มาแจ้งรับสั่งในยามดึก"เข้าใจแล้ว มีอะไรอีกหรือไม่""ไม่มีแล้วขอรับ ข้าน้อยขอตัวก่อน""หยวนคัง พรุ่งนี้เจ้ากลับจวนไปก่อน ไม่ต้องตามข้าเข้าวัง" ไป๋หยวนคังเป็นบุตรชายของไป๋ซานพ่อบ้านใหญ่ตำหนักชินอ๋องเดิมทีพ่อบ้านใหญ่นั้นเป็นทหารในสังกัดของชินอ๋องมาก่อนแต่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ ชินอ๋องจึงได้เสนอให้มาเป็นพ่อบ้านใหญ่ ตอนนี้ดำรงตำแหน่งนายกองอีกทั้งยังเป็นคนสนิทของจ้าวหนานหลิงอีกด้วย"ขอรับซื่อจื่อ งั้นข้าน้อยขอตัวก่อน" หยวนคังนั้นพึ่งกลับมาจากเมือ
"ทูล..ทูลรัชทายาท เป็นๆแผนการของฮูหยินผู้เฒ่ากับคุณหนูรองเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการช่วยให้คุณหนูรองได้หมั้นหมายกับหว่างซื่อจื่อ" จูถิงลนลานรีบสารภาพทันที ถ้านางไม่สารภาพตอนนี้ ก็คงต้องโดนทรมารเป็นแน่ จูจินเองเมื่อเห็นว่าสหายสารภาพแล้วตนก็สารภาพบ้าง"เดิมทีนายหญิงผู้เฒ่าไม่ชอบฮูหยินใหญ่ ต้องการให้เจียงอี๋เหนี๋ยงหลานสาวของตนมาเป็นฮูหยินเอก จึงได้ทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้างยามที่อี๋เหนี๋ยงวางยาให้ฮูหยินใหญ่ตายเมื่อสามปีก่อน เพราะอี๋เหนี๋ยงต้องการให้คุณหนูรองหมั้นหมายกับหว่างซื่อจือ แต่ตอนนั้นคุณหนูรองยังไม่ปักปิ่น วิธีเดียวที่จะหยุดการหมั้นหมายได้และตำแหน่งฮูหยินราชครูจะว่างลงคือให้ฮูหยินใหญ่ตายเจ้าค่ะ" จูจินสารภาพทุกสิ่งที่ตนรู้ออกมาจนหมดไส้หมดพุงเมื่อได้ยินคำสารภาพของจูจินแล้วฮูหยินผู้เฒ่าจากที่คราแรกนั้นเกรงกลัวรัชทายาทอยู่แล้ว ซ้ำตอนนี้ยังมาโดนเปิดเผยเรื่องที่ตนเองทำมาก่อนจึงเป็นลมทันที "พวกเจ้าใส่ร้ายข้า กล้าป้ายสี หักหลังข้า เนรคุณเลี้ยงไม่เชื่อง ท่านพ่อ
ในขณะที่ลู่จื่อหลานสิ้นหวังว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสรอดแล้วจึงเตรียมที่จะกัดลิ้นตาย ทันใดนั้น 'ปัง' บานประตูถูกถีบให้เปิดออกโดยชายผู้หนึ่ง ลู่จื่อหลานเริ่มสะอื้นพยายามร้องขอให้ช่วยด้วยเสียงอู้อี้ ม่านน้ำตาคลออยู่ทำให้นางมองไม่ชัดนักว่าเป็นผู้ใด"พวกเจ้าช่างกล้าไม่เบา ถึงกับกล้าทำร้ายคุณหนูใหญ่ของจวนราชครู " "เจ้าเป็นใครกัน คุณชายนี่ไม่ใช่เรื่องของท่าน" ว่าแล้วต้าหลางกับเอ่อหลางก็พุ่งเข้าไปทำร้ายรัชทายาท องค์รักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่รีบออกจากที่มืดมาคอยคุ้มกันผู้เป็นนายทันทีอีกมุมนึงลู่จื่อหลานที่โดนฤทธิ์ธูปปลุกกำหนัดก็นั่งขดอยู่ที่มุมนึงของเตียงนางพยายามทำให้ตนเองมีสติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าตนเองนั้นจะทำเรื่องน่าอายอันใดออกไป องค์รักษ์เงาจัดการสองพี่น้องอันธพาลได้ภายในพริบตาจึงคุมตัวออกไปที่นอกห้องรอเจ้านายสั่งการ รัชทายาทเห็นว่าจัดการคนร้ายเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินตามออกไปเช่นกัน แต่ก็ต้องชะงักเพราะตนเองนั้นเริ่มมีอาการของคนโดนพิษปลุกกำหนัด เมื่อหันไปมองรอบห้องจึงเห็นว่ามีธูปถูกจุดอยู่จึงได้หันไปหยิบฝากาน้ำชานำไปครอบไว้ เพราะถ้าใช้น้ำสาดควันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นขณะที่ก







