หวังซานเย่เดินขึ้นบันได้มาหยุดยังบานประตูไม้เรียบหรู วันนี้เป็นวันที่เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก ไหนจะต้องสะสางงานในกองทัพ ไหนจะต้องไปเจรจากับหยางตงฉวน มิหนำซ้ำยังต้องมาอธิบายให้คุณแม่เข้าใจเรื่องที่เขาซื้อฉินเจินเจินมาอีก ตอนนี้เขาแทบจะหมดแรงจนอยากจะอาบน้ำและพักผ่อนเต็มที ร่างสูงผลักฝ่ามือลงบนบานประตูเข้ามายังห้องนอนของตัวเองดังเช่นทุกวัน
ดวงตาคู่คมที่พร่ามัวสะลึมสะลือด้วยอาการง่วงนอน กวาดมองไปยังเตียงนอนของตัวเองดังเช่นเคย แต่ทว่าเขากลับต้องเบิกตากว้างขึ้นเมื่อภาพเบื้องหน้าปรากฏหญิงสาวในชุดกี่เพ้าสีชมพูบางเบานั่งไขว่ห้างโชว์เรียวขาพร้อมกับส่งสายตาสุดเย้ายวนมาให้ เห็นทีคุณป้าหวังและฉินเจินเจินคงเข้าใจผิดไปกับคำพูดของเขาอยู่ไม่น้อย การที่เขาเอ่ยปากออกไปเช่นนั้นไม่ได้สื่อความหมายว่าตัวเองต้องการให้เธอมาเป็นนางบำเรอในค่ำคืนนี้ แต่เขาต้องการให้เธอเข้ามามารอที่ห้องนอนของตัวเอง นั่นก็เพื่อที่จะหลบหลีกสายตาของคุณแม่และคนอื่นที่ภายในคฤหาสน์ต่างหาก ดวงตาของเขาทอประกายขึ้นอย่างวาบหวาม เมื่อเผลอไผลจ้องมองไปตามร่างกายสาวของสาวน้อยวัยแย้มยิ้ม เธอช่างดูงดงามอย่างไร้ซึ่งที่ติ ผิวพรรณนั้นขาวผ่องเป็นยองใย แม้จะมีรอยเขียวช้ำในบางจุดจากการถูกครอบครัวข่มเหงรังแก ทรวงอกอิ่มกลมกลึงคู่นั้นก็ช่างเด่นหราทะลุออกมาจากกี่เพ้าตัวบางจนต้องลอบกลืนน้ำลายด้วยความกระหาย เขาเองก็ห่างเหินจากผู้หญิงมานานหลายปี แม้ว่าจะอายุมากขึ้นเข้าไปทุกทีแต่ความเป็นชายไม่ได้พร่องลงไปเลยแม้แต่น้อย เมื่อได้พบเจอกับเธอ มิหนำซ้ำใจเจ้ากรรมกลับเต้นตึกตักขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ความอัดแน่นกลางกายดุนดันกางเกงเครื่องแบบทหารขึ้นมาจนรู้สึกรวดร้าว ผู้บัญชาการถึงกับยกมือฝ่ามือขึ้นมาทาบบนหน้าผากและพยายามตั้งสติ ก่อนจะส่งเสียงตวาดเธอออกไปเบา ๆ ทั้งที่ภายในใจนั้นทั้งรู้สึกสงสารและเลือดลมสูบฉีดขึ้นบนใบหน้าและอวัยวะส่วนอื่นจนอยากจะกระโจนเข้าหาเธอราวกับเสือร้ายที่พร้อมจะขย้ำกระต่ายตรงหน้าใจแทบขาด แต่เขาไม่คิดจะล่วงเกินเธอ จึงได้แต่บอกเธอออกไปว่าสิ่งที่เขาต้องการคือ ซื้อเธอมาเพื่อเป็นสาวรับใช้เพียงเท่านั้น หวังซานเย่หมุนตัวหันหลังให้กับเธอ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเห็นภาพที่แสนจะยั่วเย้าอารมณ์เหล่านั้น แต่ทว่ารอบเอวของเขาตอนนี้กลับมีท่อนเเขนเล็กยื่นเข้ามาโอบกอดเขาเอาไว้อย่างแน่นเหนียวราวกับฝ่ามือของตุ๊กแกก็ไม่ปาน “เจินเจิน คะ...คุณทำอะไรของคุณ” เสียงทุ้มเข้มแข็งแกร่งของชายชาตรีเอ่ยออกไป มันตะกุกตะกักจนแทบจะไม่เหลือมาดของนายทหารยศสูงเลยแม้แต่น้อย “ท่านคะ ฉันไม่อยากเป็นคนใช้นี่คะ” ฉินเจินเจินฝังใบหน้าได้รูปลงบนแผ่นหลังกว้างของเขาจนได้กลิ่นกายอ่อน ๆ ที่หอมสะอาดบนตัวของเขา โดยที่เธอยังคงกระชับท่อนแขนโอบรอบเอวของเขาเอาไว้แน่น น้ำเสียงของเธอนั้นออดอ้อนและฟังดูกระเส่าเพื่อหวังให้นายทหารคนนี้รับเธอไว้ในฐานะอื่นที่ไม่ใช่ฐานะคนใช้ “เป็นคนใช้ที่นี่ คุณไม่ได้ลำบากเหมือนอยู่กับหยางตงฉวนและคุณแม่ของคุณหรอกนะเจินเจิน คุณยังมีอิสระ” เขาสูดลมหายใจด้วยความยากลำบาก มันช่างติดขัดไปเสียหมด เมื่อก้อนเนื้อกลมกลึงของเธอบดเบียดอยู่บนแผ่นหลังของเขาจนแทบจะอดใจไม่ไหวอีกต่อไป ฉินเจินเจินที่ได้ฟังเช่นนั้นถึงกับหน้าเสียไม่น้อย ‘ฉันไม่เคยลำบาก ไม่ว่าอย่างไรชีวิตใหม่ฉันก็จะต้องไม่ลำบาก’ เธอยังคงฮึดสู้สุดใจ ถึงอย่างไรอยู่ที่นี่เธอก็ตัวคนเดียว อย่างน้อยได้เป็นคนใกล้ชิดของเขาในฐานะคนร่วมเตียงก็ยังคงดีเสียกว่าเป็นคนใช้ที่แก่งแย่งชิงดีกัน เธอเดินหน้ายั่วยวนเขาเต็มที่ ฝ่ามือเล็กลูบไล้ลงบนแผงอกแผงใหญ่ของเขาจากทางด้านหลังไปพร้อมกับการคลึงเต้าถูไถลงบนแผ่นหลังไปด้วยพร้อมกัน ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชายอกสามศอกมีหรือจะไม่หวั่นไหว มะ...หมับ “อ่ะ” ในขณะที่เธอไม่ทันได้ระวังตัว หวังซานเย่ก็พลิกตัวกลับมาพร้อมกับรวบข้อมือเล็กของเธอเอาไว้ด้วยแรงมหาศาล พร้อมกับดันร่างบางของเธอเข้าประชิดกับกำแพง ความเจ็บแปลบที่ข้อมือน้อยทำให้เธอต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บที่น้ำตาเริ่มคลอ “นี่คุณจะพลีกายให้กับผู้ชายทุกคนที่ซื้อคุณมาอย่างนั้นหรือ !” หวังซานเย่กดเสียงต่ำลอดไรฟัน จนเผลอกดแรงลงบนข้อมือเล็กอย่างลืมตัว จู่ ๆ เขาก็รู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมา เมื่อเธอรุกเขามากจนเกินไป หรือเธอคิดจะทำแบบนี้กับผู้ชายทุกคนที่ซื้อเธอมา เพื่อหวังจะบำเรอกามแลกความสบายในชีวิต “ปะ...เปล่าค่ะ คุณปล่อยฉันก่อนจะได้ไหม ฉันเจ็บ” ฉินเจินเจินสะดุ้งเฮือกไปกับน้ำเสียงและสีหน้าของเขา โดยเฉพาะแววตาที่เจือความผิดหวังเล็ก ๆ ในนั้น หยาดน้ำตาเม็ดโตไหลอาบพวงแก้มด้วยความเจ็บสะท้านบริเวณข้อมือที่ถูกบีบเอาไว้ เธอไม่ได้มีความคิดอย่างที่เขากล่าวหา เพียงแต่ที่เธอกล้าทำเช่นนี้ นั่นก็เพราะว่าเขาดูเป็นผู้ชายที่ดีและไว้ใจได้ อยู่ในโลกใบนี้เธอจะได้มีที่พึ่งพึงโดยไม่ต้องหวาดระแวงสิ่งใด หวังซานเย่เห็นน้ำตาไหลอาบแก้มของเธอ เขาจึงได้สติและคลายแรงบีบที่ฝ่ามือออก ก่อนจะย้ายฝ่ามือหยาบใหญ่เข้าไปปาดน้ำตาให้กับเธอด้วยความรู้สึกผิด “ผะ...ผมขอโทษ...” น้ำเสียงที่ดุดันในตอนแรก อ่อนโยนลงในทันทีที่เห็นน้ำตาของเธอ “อยู่ที่นี่ฉันมีแค่คุณเพียงคนเดียว แล้วคุณก็เป็นผู้ชายที่ฉันสามารถฝากชีวิตเอาไว้ได้ การที่ฉันจะพลีกายให้กับคุณเพื่อให้คุณเป็นร่มไม้ใหญ่ให้ฉันได้พักพิงมันผิดด้วยหรือคะ” เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา แพขนตางอนงามเปียกชื้น ดวงตาแดงก่ำฉ่ำไปด้วยคราบน้ำตา ในขณะที่เขายังคงยันฝ่ามือเอาไว้กับกำแพงจนเธอไม่สามารถออกไปจากอ้อมแขนของเขาได้ หวังซานเย่จ้องมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวราวกับต้องการค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเธอ แม้อายุของเธอจะน้อยกว่าเขาเกือบเท่าตัว ทว่าการแสดงออกผ่านทางดวงตาและถ้อยคำที่ออกมาจากปากของเธอนั้น เหมือนกับผู้ใหญ่ในวัยเดียวกันกับเขาไม่มีผิด “การที่คุณจะพักพิงผม คุณไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าแลกหรอกนะเจินเจิน ผมไม่สามารถมีความสัมพันธ์ชั่วคราวกับคนที่ผมเพิ่งจะรู้จักไม่ทันข้ามคืนได้หรอกนะ” เขาบอกกับเธอด้วยสายตาที่แสนอบอุ่นและอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะปัดปอยผมที่ปรกหน้าให้กับเธอ “แต่ฉัน...” เธอยังคงคิดจะโต้แย้งกับเขา แต่เขากลับวางนิ้วมือลงบนริมฝีปากของเธอ เพื่อเป็นการปรามให้เธอไม่ต้องเอ่ยสิ่งใดออกมาอีก “คุณรับใช้ผมเพียงแค่คนเดียว ที่นี่จะไม่มีใครรังแกคุณได้ สิ่งนั้นมีค่ากับผู้หญิงเช่นคุณ เก็บเอาไว้ให้ผู้ชายที่รักคุณและคุณรักเถอะครับ” สิ่งที่เธอได้ยินจากปากของเขา ทำให้เธอตัวเกร็งไปแทบจะทุกส่วนของร่างกาย เขาช่างเป็นผู้ชายที่ดีเหลือเกิน ไม่คิดจะหวังผลจากร่างกายของสตรีเลยแม้แต่น้อย ช่างเป็นผู้ชายที่น่าเคารพเหลือเกิน และเป็นผู้ชายที่เธอไม่เคยได้พบเจอมาก่อน “จะเป็นอะไรไหม หากฉันจะเริ่มจากการหลงรักคุณ” ฉินเจินเจินฉีกยิ้มกว้างส่งให้กับเขา ดวงตาของเธอเป็นประกายและมีความหวังขึ้นมาในชีวิตใหม่ ‘นี่สินะสิ่งที่เธอควรค่า ผู้ชายที่ดีอย่างเขา ในโลกใบนี้เธอจะต้องคว้าเอาไว้ให้ได้’ “นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณ ว่าคุณจะทำให้ผมหลงรักคุณได้หรือไม่” เขาขยิบตาส่งให้กับเธอ พร้อมกับรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันเหลือล้น เขาไม่ได้ปิดกั้นเธอแต่อย่างใด หากเธอเข้าหาเขาอย่างถูกวิธี เพราะตัวเขาเองก็รู้สึกหวั่นไหวกับเธอที่อายุน้อยกว่าอยู่ไม่น้อย เพียงแต่เขาไม่อยากเอาเปรียบ หรือข่มเหงรังแกใครก็เท่านั้น หากเธอไม่ได้รักหรือมีใจให้กับเขา เขาก็จะไม่มีวันฝืนใจเธอเพราะเรื่องบนเตียงโดยเด็ดขาด “ค่ะ ฉันจะพยายามทำให้คุณรักให้ได้นะคะ” “เอาล่ะ หน้าที่แรกที่คุณต้องทำตอนนี้ก็คือไปนอน อ่อ นี่ชุดคลุมของคุณ คลุมเอาไว้เสีย แล้วพรุ่งนี้ผมจะคุณไปซื้อชุดใหม่” เขาเบี่ยงหน้าหนี พร้อมกับก้มลงหยิบชุดคลุมที่บางเบาไม่ต่างจากกี่เพ้า ก่อนจะโยนให้กับเธอ แล้วโบกมือไล่ให้เธอออกไป “ค่ะ…” เธอรับชุดคลุมมาจากมือของเขาด้วยความเขินอาย ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้มที่หุบไม่ลง โดยที่เธอไม่ได้ตอบคำถามใครเลยสักคน ในขณะที่ทุกคนก็ได้แต่แสดงสีหน้างุนงงไปตามกัน และพากันคิดไปต่าง ๆ นานาว่าคืนนี้คุณหนูคนนี้คงปฏิบัติหน้าที่บนเตียงให้กับคุณชายของพวกเธอเป็นอย่างดี ฉินเจินเจินทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างด้วยความอิ่มเอม สิ่งที่เธอได้สัมผัสถึงตัวตนของเขาในวันนี้ ทำให้เธอปลาบปลื้มใจเหลือเกิน ในที่สุดเธอก็ได้เจอผู้ชายที่แสนดีกับเขาเสียทีบรรยากาศภายในห้องนอนของผู้บัญชาการหวังและภรรยาของเขา ถูกตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นและมีแสงไฟสลัว ๆ เต็มไปด้วยความเงียบสงบตามคำสั่งของเขา เพื่อสร้างบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกสำหรับทำกิจกรรมกระชับรักหวังซานเย่กำลังนั่งข้างเตียง ฝ่ามือของเขาวางอยู่บนท่อนแขนของภรรยาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มด้วยความหลงใหล ใบหน้าของเธอยังคงเปล่งประกายอ่อนหวานเหมือนทุกวัน แต่ทว่าในตอนนี้ดูเหมือนเธอจะอ่อนแอลงไปบ้างหลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป หวังซานเย่ตั้งอกตั้งใจที่จะเร่งผลิตทายาทให้กับตระกูลหวังของเขาด้วยความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ และดูเหมือนว่าความเหน็ดเหนื่อยของเขาและภรรยาจะบังเกิดผล เมื่อฉินเจินเจิน เมียเด็กของเขาเริ่มมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันด้วยความดีอกดีใจจนไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร โชคดีที่ป้าหวังให้คำแนะนำวิธีการดูแลเธอได้อย่างดีเยี่ยม และไม่ลืมที่จะรีบพาเธอไปพบกับคุณหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจอาการของเธอให้แน่ใจอีกครั้งเมื่อผลการตรวจออกมา ชายวัยสี่สิบที่ยังหนุ่มแน่น แข็งแรงและมั่นคงก็คงต้องอ่อนแรงลงไป หลังจากที่ได้ยินคุณหมอเอ่ยบอก"ภรรยาของคุณกำลังตั้งครรภ์ครับ อายุครรภ์ตอนนี้ก็รา
แสงแดดในยามเช้าของวันใหม่ยังคงสาดส่องและทอประกายแสงที่เจิดจ้า เล็ดลอดผ่านบานหน้าต่างไม้เก่าแก่ภายห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ผู้บัญชาการหวังด้วยความสดใส แสงที่ส่องสะท้อนกับผนังสีขาวสะอาด นั้นดูอบอุ่นและเงียบสงบราวกับไร้ผู้คน แม้แต่เสียงฝีเท้าของคนในบ้านยังคงเงียบเชียบหวังซานเย่ นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องทำงานของเขา ดวงตาอันแสนจะเคร่งขรึมจ้องมองไปยังเอกสารต่าง ๆ ที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ตัวอักษรบนกระดาษเหล่านั้นเต็มไปด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับการค้าขาย และการบริหารจัดการสิ่งของมีค่าของตระกูลหวังที่ยังคงต้องดำเนินต่อไปแม้จะไร้เงาของอดีตคุณนายหวัง และแม้ว่าหวังไห่เถิงจะออกจากบ้านไปแล้วก็ตาม แต่การบริหารงานของตระกูลยังคงต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดจากเขาและภรรยาผู้บัญชาการหวังรู้สึกว่าชีวิตในคฤหาสน์นั้นเริ่มเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่หวังไห่เถิงและมารดาตัดสินใจออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง ด้วยภาระหน้าที่ภายในกองทัพ และภรรยาที่เพิ่งจะเข้ามาจัดการดูแลความเรียบร้อยของทุกอย่างภายในตระกูล ทำให้ทุกสิ่งยังไม่เข้าร่องเข้ารอย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ดวงตาคู่คมของเขายังคงจับจ้องไ
หวังไห่เถิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว เขาคว้าอาวุธปืนที่วางอยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาหวังซานเย่ด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นหวังซานเย่หันมองหวังไห่เถิงอย่างไม่สะทกสะท้านและไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย"คิดว่าฉันจะกลัวนายหรือ"เขาเอ่ยถามน้ำเสียงเย็นชา แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย แต่การที่ต้องเผชิญกับความโกรธของหวังไห่เถิง ทำให้เขาคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เสียมากกว่าหวังไห่เถิงก้าวไปข้างหน้า ภายในมือของเขาจับอาวุธปืนเอาไว้แน่น เขารู้สึกว่าการแก้แค้นอาจจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาจะรู้สึกมีอำนาจในการควบคุมชีวิตของตัวเองได้ ไม่ว่าจะต้องสูญเสียอะไรไปก็ตามแกรก"หวังซานเย่...ทุกอย่างมันต้องจบที่นาย!"หวังไห่เถิงตะโกนลั่น ในขณะจ่อปากกระบอกปืนไปที่ขมับของหวังซานเย่ แต่ทว่ามือของเขากลับสั่นเพราะความโกรธ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความรู้สึกที่อยากจะหลุดพ้นจากทุกสิ่งที่ต้องเผชิญ"ซานเย่!" ฉินเจินเจินตกใจมาก เธอวิ่งเข้าไปหาเขาด้วยความกลัว แต่ทว่ากลับถูกห่าวอู๋คว้าตัวเอาไว้เสียก่อน เพราะกลัวว่าเธอจะไม่ปลอดภัยหวังซานเย่เหลือบมองปืนที่จ่อศีรษะ เขาไ
ท่ามกลางเสียงตะโกนและการโต้เถียงที่ดังสนั่นภายในสวนด้านหลังของตระกูลหวัง เกิดการต่อสู้ในระหว่างพี่น้องที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ง่าย ๆ หวังซานเย่บุตรชายคนโตของตระกูลหวัง จ่อปากกระบอกปืนเข้ากับศีรษะของหวังไห่เถิงอย่างไร้ความปรานี"ซานเย่...อย่าทำร้ายเขา!"เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้หวังซานเย่หยุดนิ่ง ความโกรธแค้นยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ขณะที่สายตายังจ้องมองไปที่ผู้ที่เดินเข้ามาใหม่"คุณแม่" เสียงหวังซานเย่นั้นเรียบเฉยและไม่ได้ดูตกใจเท่าไรนักคุณนายหวัง มารดาที่เคยแสดงออกถึงความเมตตาและความห่วงใยของเขา แต่ในขณะนี้ดวงตาของเธอที่มักจะอ่อนโยน กลับแฝงด้วยความเด็ดขาดและบางครั้งก็เห็นสายตาที่ซ่อนความรู้สึก ในแบบที่เขาไม่เคยเห็นจากเธอมาก่อน"ซานเย่! อย่าทำแบบนี้!"คุณนายหวังเดินเข้ามาหาเขาและยกมือขึ้นจับแขนของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าหวังซานเย่กลับสะบัดมือของเธอออกแล้วจ้องมองไปที่หวังไห่เถิงด้วยความเจ็บปวด"นี่คือสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับ!" หวังซานเย่พูดด้วยเสียงแหบแห้ง ความโกรธปะทุขึ้นอีกครั้ง"ซานเย่...แต่เขาเป็นน้องชายของลูก" คุณนายหวังพูดเสียงเบาลง พร้อมกับหายใจเข้าลึก"คุณแน่ใจหรือครับ ว่าเขา
"หวังไห่เถิง....ถอยไป" เสียงนั้นหนักแน่นและทรงพลังดังขึ้น ผู้บัญชาการยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นการข่มขู่หวังซานเย่ เดินมาจากทางเดินที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร ด้านหลังของเขาคือที่ที่แสงจันทร์สาดส่อง จึงทำให้เขาดูเหมือนกับผู้ที่ออกมาจากเงามืด เขาส่งสายตามองไปยังฉินเจินเจินแล้วยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยดี ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับหวังไห่เถิงอีกครั้ง"ซานเย่ในที่สุดคุณก็มาทันเวลา" ฉินเจินเจินพึมพำออกมาในใจ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความโล่งอกแต่ทว่าคำพูดของหวังไห่เถิงก็ดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ย"รู้ตัวเร็วกว่าที่คิดนะ...พี่ชาย ฮ่า"หวังซานเย่ยืนอยู่ตรงกลางลานกว้างของสวนด้านหลังคฤหาสน์ ใบหน้าคมเข้มของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวที่พยายามกดไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ร่างสูงใหญ่นั้นเปี่ยมไปด้วยอำนาจดูน่ากลัวกว่าที่เคยเป็น ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เขาพยายามรักษาความสัมพันธ์ของครอบครัวเอาไว้ แต่ทว่าในตอนนี้น้องชายกลับทำในสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้อีกต่อไป"ไห่เถิง!" เสียงทุ้มต่ำของหวังซานเย่ดังก้องขึ้น"..." เจ้าของชื่อหาได้มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย"หวังไห่เถิง นายกล
เสียงของสายลมที่พัดผ่านต้นไม้ใหญ่ ท่ามกลางความเงียบสงัดแต่ทว่าบรรยากาศของคฤหาสน์ผู้บัญชาการในตอนนี้กลับเปรียบเสมือนเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่ดังขึ้นภายในเงามืด เงาทึมของพระจันทร์เสี้ยวทอแสงลงมากระทบบนพื้นดินด้วยความเยือกเย็น ความมืดมิดปกคลุมทุกอย่าง ราวกับว่าทุกสิ่งในคฤหาสน์นี้กำลังหลบซ่อนตัวเองจากความน่ากลัวภายในมุมหนึ่งที่มืดสนิท ฉินเจินเจินยืนหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เมื่อเสียงฝีเท้าของ หวังไห่เถิง ดังกระหึ่มมาจากทางเดิน และนั่นยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าทวี เธอหันกลับไปมองบานประตูไม้ทึบที่เปิดอ้าออกไว้เล็กน้อย ใจหนึ่งก็อยากจะหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่เธอก็รู้ดีว่าไม่อาจหนีออกจากคฤหาสน์หลังนี้ไปได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน"เจินเจิน คุณอยู่ไหนกัน ผมหวังว่าคุณคงไม่อยากทำให้ผมโกรธหรอกกระมัง"เสียงของหวังไห่เถิงดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ดวงตาคู่สวยของเธอกลับมองเห็นว่าในมือของเขาถือดาบรูปทรงโบราณ ส่องสะท้อนแสงจันทร์ ทำให้เงานั้นช่างดูดุดันและน่าสะพรึงกลัว‘บ้าชิบ นี่มันคนวิปริตชัด ๆ ถึงกับจะฆ่าจะแกงกันเลยหรืออย่างไร’ เธอคิดในใจ ก่อนจะกัดฟันแน่น เธอรู้ดีว่าไม่สามารถเอาชนะเขาได้ด้วย