หลังจากเลขาออกไป อารมณ์ของหลินอู๋ก็เปลี่ยนเป็นหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ เทคโนโลยีคือรากฐานของการพัฒนาบริษัทเมื่อมีเจี๋ยเซี่ยวโดดเด่นอยู่ข้างหน้า หากซวิ่นตู้อยากจะมีที่ยืนในตลาดรถยนต์ไร้คนขับ ซวิ่นตู้จำเป็นต้องพัฒนาเทคโนโลยีให้ได้อีกครั้งแต่การพัฒนาเทคโนโลยีมันยากเกินไปจนถึงตอนนี้ เธอลงทุนในซวิ่นตู้ไปสามหมื่นล้านถึงสามหมื่นห้าพันล้านบาทแล้วแต่เจี๋ยเซี่ยวเข้ามาป่วนสถานการณ์ ตอนนี้อนาคตของซวิ่นตู้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หากยังลงทุนต่อไป แล้วสุดท้ายซวิ่นตู้ไม่สามารถสร้างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มีอิทธิพลได้ เงินเป็นหมื่น ๆ ล้านก็เท่ากับว่าลงทุนไปสูญเปล่าหากหยุดไว้แค่นี้ เธอก็ไม่เต็มใจอีกตอนนี้เธอควรจะบุกหรือว่าถอย...คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็นึกถึงเฟิงถิงเซินขึ้นมาแต่ทว่า ในอนาคตบริษัทจะสร้างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ได้หรือไม่ แม้จะเป็นเขา ก็ไม่อาจแน่ใจได้หรือเปล่า?ดังนั้น ต่อให้ถามเขา เขาก็คงไม่สามารถให้คำตอบที่สมบูรณ์ได้ใช่ไหม?หลินอู๋นั่งครุ่นคิดอยู่ที่เดิมนานมาก จนกระทั่งเลขาของเธอเคาะประตูเข้ามาอีกครั้ง เธอจึงเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้ก็เที่ยงแล้วเลขาของเธอถามว่า
หลังจบงานแถลงข่าว ช่วงบ่าย หรงฉือกับอวี้มั่วซวินก็กลับไปประชุมที่ฉางโม่ในห้องประชุม พอเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคเห็นหรงฉือ ก็โห่ร้องด้วยความตื่นเต้นขึ้นมาในทันทีเรื่องในงานแถลงข่าวของเจี๋ยเซี่ยว พวกเขารู้เรื่องทั้งหมดแล้วในการทำงาน พวกเขาติดต่อกับหรงฉือถือว่าค่อนข้างมากพวกเขารู้มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าหรงฉือนั้นเป็นคนเก่ง แต่หลังจากที่ดูงานแถลงข่าวจบ พวกเขาก็พบว่า หรงฉือเก่งกว่าที่พวกเขาเคยเข้าใจอีกมากเห็นทุกคนต่างแสดงความยินดีกับเธอ หรงฉือก็ยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณทุกคนมากค่ะ”หลังจากภายในห้องประชุมคึกคักอยู่สองสามนาที จึงจะเริ่มเข้าสู่หัวข้อการประชุมอย่างเป็นทางการในห้องประชุม กู้เหยียนมองหรงฉืออย่างเงียบ ๆ ในระยะนี้ เขาหาโอกาสเจอหรงฉืออยู่หลายครั้ง แต่ทว่า เพราะหรงฉือติดธุระอยู่ตลอดจึงนัดหมายไม่สำเร็จสักทีเดิมทีเขาคิดว่าอีกสองสามวันค่อยหาโอกาสนัดเจอเธอสักหน่อย แต่ตอนนี้...เพราะเขามักจะหาเหตุผลเพื่อเข้าใกล้หรงฉือ และขอคำแนะนำจากเธอ ดังนั้น เขาจึงคิดไปเองว่ารู้จักความสามารถของหรงฉือดีพอแล้วอย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับวิศวกรคนอื่น ๆ จนถึงวันนี้ เขาเพิ่งจะรู้ว่าหรงฉือ
เนื่องจากบริษัทยังมีเรื่องสำคัญ หลินลี่ไห่ถูกโทรศัพท์สายหนึ่งเรียกตัวก็จากไปแล้วหลินอู๋สีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไร ซุนเยว่ชิงเดาว่านอกจากเธอจะถูกหรงฉือโจมตีด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมในวันนี้แล้ว ก็คงจะยังมีเรื่องอื่นเกิดขึ้นอีกแน่เธอจึงถามว่า “ในงานแถลงข่าว ถิงเซินมีท่าทีอย่างไรต่อหรงฉือ?”หลินอู๋ก้มหน้าก่อนจะพูดว่า “ชื่นชมค่ะ”สีหน้าของซุนเยว่ชิงค่อย ๆ หม่นหมองลงเมื่อก่อนเฟิงถิงเซินไม่เคยให้ความสำคัญต่อหรงฉือ ในสายตาของเขา หรงฉือแทบจะไร้ค่าแล้วเขาก็ไม่เคยชื่นชมอะไรในตัวหรงฉือเลยแต่ตอนนี้...“เทคโนโลยีที่หรงฉือพูดในงานแถลงข่าว ลูกคิดว่าเป็นฝีมือของเธอจริง ๆ หรือเปล่า?”โอกาสที่เธอได้อยู่ร่วมกันกับเฟิงถิงเซินมีน้อย แต่จากที่ได้ยินลูกสาวพูดถึงอยู่บ่อย ๆ เธอรู้ว่าเฟิงถิงเซินเองก็มีความรู้ด้านเทคโนโลยีเช่นกัน แถมเขายังให้ความเคารพต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคมาโดยตลอดหากหรงฉือมีความสามารถแบบนั้นจริง การที่เฟิงถิงเซินเปลี่ยนไปจากเดิม กลายมาเป็นชื่นชมหรงฉือ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหลินอู๋ยังไม่ทันได้พูดอะไร ซุนลี่เหยาก็พูดอย่างร้อนใจว่า “นั่นจะต้องไม่ใช่ผลงานของเธออย่างแน่นอน เธอเป็นแค่
“เสี่ยวฉือเข้าใจเครื่องยนต์และชิพอย่างนั้นเหรอ? จะเป็นไปได้อย่างไร?”วิทยานิพนธ์ที่หรงฉือตีพิมพ์ก่อนหน้านี้ได้สร้างความฮือฮาอย่างมาก จนถึงตอนนี้หลินลี่ไห่ก็ยังไม่เชื่อว่านั่นจะเป็นผลงานที่หรงฉือเขียนขึ้นเองจริง ๆ ตอนนี้ซุนเยว่ชิวกลับบอกเขาว่า หรงฉือเก่งในด้านเครื่องยนต์และชิพอย่างนั้นเหรอ?จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?ซุนเยว่ชิงหลุบสายตาลงต่ำจะเป็นไปได้หรือไม่นั้น เข้าไปดูบนอินเทอร์เน็ตก็รู้แล้วหลังจากนั้นไม่นาน หลังดูเนื้อหาส่วนที่หรงฉือพูดในงานแถลงข่าวจบ หัวใจของซุนเยว่ชิงก็ค่อย ๆ หนักอึ้งขึ้นส่วนหลินลี่ไห่ยังคงไม่อยากจะเชื่อเวลานี้ ซุนลี่เหยาพูดอย่างเดือดดาลผ่านสายโทรศัพท์ว่า “เธอจงใจชัด ๆ ก่อนหน้านี้เธอขัดขวางโปรเจกต์การขนส่งของบริษัทคุณลุงก็แล้วไป ตอนนี้เธอยังจะมาป่วนบริษัทของพี่สาวอีก!” เรื่องนี้ หลินลี่ไห่กับซุนเยว่ชิงก็มองออกเช่นกันไม่ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในงานแถลงข่าวจะเป็นผลงานของหรงฉืออย่างที่ทุกคนเห็นจริง ๆ หรือไม่ แต่อย่างหนึ่งที่แน่นอนคือ งานแถลงข่าวของเจี๋ยเซี่ยวครั้งนี้จะส่งผลกระทบรุนแรงถึงขั้นทำลายล้างต่อซวิ่นตู้แน่นอน!แต่ทว่า พวกเขายังไม่ทันได้พูดอะ
ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินอยู่ตลอดว่าแฟนของเฟิงถิงเซินคือนักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ และยังเป็นอัจฉริยะด้านเทคโนโลยีด้วยแต่ทำไมไม่ค่อยได้ยินว่าเธอทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย?แม้ช่วงก่อนหน้านี้ซวิ่นตู้จะมีความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยี แต่น่าจะเป็นอิทธิพลที่เฟิงถิงเซินทิ้งไว้ตอนที่เขาอยู่ซวิ่นตู้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวหลินอู๋เองหรอกล่ะมั้ง?ตรงกันข้าม หรงฉือไม่เคยอวดอ้างว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถอะไร ตอนนี้กลับสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนเพียงครั้งเดียวเห็นแบบนี้แล้ว บางทีภาพลักษณ์ผู้หญิงที่มีความสามารถของแฟนของประธานเฟิงคนนี้ อาจจะไม่ใช่ของจริงทั้งหมดก็ได้แม้ทุกคนจะไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาที่เปรียบเทียบไปมาระหว่างเธอกับหรงฉือ ต่อให้หลินอู๋ไม่อยากใส่ใจก็ยังเป็นเรื่องยากสีหน้าเธอไม่สู้ดีอยู่แล้วตอนนี้เห็นทุกคนเปรียบเทียบเธอกับหรงฉือ สายตานั้นปรากฏความสงสัยที่มีต่อเธออย่างชัดเจน มันทำให้เธอกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวแม้เธอจะไม่ได้วิจัยเทคโนโลยีอะไรออกมา แต่คุณวุฒิทางการศึกษาของเธอนั้นเป็นของจริง ไม่ใช่ใครจะมาดูแคลนก็ได้! แต่ทว่า คนอื่นไม่ได้พูดอะไร แค่เธออยากจะแก้ต่าง
เฟิงถิงเซินจดจ่ออยู่บนเวที ไม่ได้สังเกตเห็นสายตาของเธอหลินอู๋เม้มริมฝีปาก แล้วชักสายตากลับการแถลงข่าวของเจี๋ยเซี่ยวในครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากตอนหรงฉือกับประธานเจี่ยงลงมาจากเวที ก็ยังได้รับเสียงปรบมือที่ดังสนั่นอีกหนึ่งครั้งเหล่าผู้ผู้บริหารใหญ่ที่ได้รับเชิญต่างก็ลุกขึ้นในทันที เพื่อไปกล่าวแสดงความยินดีกับท่านประธานเจี่ยงและหรงฉือที่เดินลงมาจากเวทีอวี้มั่วซวินก็เดินไปหาหรงฉือในทันทีเช่นกันรถยนต์ไร้คนขับของเจี๋ยเซี่ยวจะสร้างความฮือฮาทั้งในและต่างประเทศได้อย่างไรนั้น ก็เป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ไม่ยากแล้วมูลค่าของหรงฉือก็จะเพิ่มสูงขึ้นอีกในฐานะรุ่นพี่ที่รู้จักกันมานาน อวี้มั่วซวินดีใจแทนหรงฉือจากใจจริง ตอนที่เขาเดินไปหาหรงฉือ ก็อดไม่ได้ที่จะกอดเธอหนึ่งทีแล้วพูดว่า “ยินดีด้วยนะ”หรงฉือยิ้มแล้วพูดว่า “ขอบคุณนะ รุ่นพี่”เสียงของหรงฉือไม่ได้ดังมาก คำที่เธอเรียกเขาว่ารุ่นพี่ จึงไม่มีใครได้ยินบรรดาเจ้าของบริษัทที่อยู่ในงานต่างทำธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี ย่อมเข้าใจถึงความสำคัญของบุคคลที่มีความสามารถอยู่แล้วดังนั้น พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับหรงฉือมากกว่าประธานเจี่ยงอย่าง