เช้าวันถัดมา ในการประชุมช่วงเช้า หรงฉือได้อธิบายวิธีแก้ไขปัญหาที่พบระหว่างการทดสอบเมื่อวานนี้ออกมาอย่างละเอียดเดิมทีคิดว่าต้องใช้เวลาสองสามวันจึงแก้ไขได้สำเร็จ ไม่คิดว่าหรงฉือจะสามารถคิดหาวิธีได้เพียงในคืนเดียวประธานเฉิงและพนักงานคนอื่นของฉางโม่ต่างดีใจอย่างมากเมื่อคืนกู้เหยียนไม่ได้อยู่ที่ห้องหรงฉือนาน ก่อนที่จะออกไป เขาก็ถามถึงวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้ ตอนนั้นหรงฉือก็เล่าให้เขาฟังคร่าว ๆ แล้วแม้จะรู้ว่าหรงฉือมีวิธีแก้ปัญหาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เห็นคนอื่นกำลังทึ่งและชื่นชมความสามารถของหรงฉือ ตอนที่เธอกำลังพูดอยู่บนเวที กู้เหยียนเผลอยิ้มออกมา รู้สึกภูมิใจกับความสำเร็จของเธอเขากำลังคิดเพลินๆ แต่พอเหลือบไปเห็นเฟิงถิงเซินที่อยู่ตรงข้าม รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็จางหายไปในทันทีตอนนี้ เฟิงถิงเซินจ้องมองหรงฉือด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างไม่ละสายตาสายตาคู่นั้นบ่งบอกถึงความชื่นชมและความสนใจที่ไม่อาจปิดบังได้ และดูเหมือนว่าในสายตาที่เขามองหรงฉือจะมีบางอย่างมากกว่านั้นกู้เหยียนขบเม้มริมฝีปากเบา ๆไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่อวี้มั่วซวินที่นั่งห่างจากกู้เหยียนไปหนึ่งที่นั่งก็ตกตะลึงเช่นกันโปรเจกต์
เมื่อเห็นว่ากู้เหยียนตั้งใจมาหาหรงฉืออย่างชัดเจน เฟิงถิงเซินชะงักฝีเท้า ชำเลืองมองกู้เหยียนเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรเดินออกไปทันทีมองแผ่นหลังเฟิงถิงเซินที่เดินออกไป แล้วก็มองหรงฉือที่สวมชุดนอนเห็นได้ชัดว่าเพิ่งอาบน้ำเสร็จ หลังจากที่กู้เหยียนได้สติกลับมา ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าเฟิงถิงเซินก็มาหาหรงฉือเช่นกันแต่ระหว่างเฟิงถิงเซินและหรงฉือก็ไม่ได้มีความเกี่ยวพันอะไรกันต่อให้จะคุยเรื่องงาน ก็ควรให้ประธานเฉิงของเฟิงซื่อออกหน้ามาพูดกับอวี้มั่วซินจึงจะถูกต้อง มีเหตุจำเป็นอะไรที่เฟิงถิงเซินต้องมาหาหรงฉือด้วยตนเองในเวลานี้?เมื่อเห็นกู้เหยียนมองเธอและเฟิงถิงเซินด้วยท่าทางครุ่นคิด หรงฉือก็พอจะเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เธอไม่ได้พูดอะไรมาก เอ่ยปากถาม “ดึกขนาดนี้แล้วมีเรื่องอะไรเหรอ?”กู้เหยียนได้สติกลับมา กล่าวว่า “ผมเพิ่งจะคิดไอเดียออก อยากจะคุยกับคุณโดยละเอียดครับ”แน่นอนว่า ‘ไอเดีย’ ที่พูด หมายถึงไอเดียเรื่องงานอยู่แล้วหรงฉือพยักหน้า พลางกล่าว “เข้ามาสิคะ”ห้องพักของเธอเป็นห้องสวีทสุดหรู ภายในกว้างขวาง และยังมีพื้นที่ทำงานให้ด้วยหลังจากกู้เหยียนนั่งลงบนโซฟาแล้ว ท้ายท
กู้เหยียนเข้าร่วมการทดสอบระบบครั้งนี้ด้วยเช่นกันหลินอู๋คิดไม่ถึงว่ากู้เหยียนจะมาด้วย เมื่อเห็นเขา เธอก็ชำเลืองมองไปทางเขากู้เหยียนก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเธอและเฟิงถิงเซินก็จะมาด้วยเมื่อสังเกตเห็นสายตาที่เธอมองมา เขาเบือนหน้าหนีอย่างเย็นชาหลินอู๋อมยิ้มกับท่าทางเย็นชาของเขาที่เธอมาที่นี่ ที่จริงเธอก็จะไปทำงานนอกสถานที่เช่นกัน ไม่ได้จะไปเมืองจินเฉิงกับเฟิงถิงเซินเธอพูดกับเฟิงถิงเซิน“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ฉันไปก่อนนะ”เฟิงถิงเซิน“เดี๋ยวผมเดินไปส่งคุณ”หลินอู๋อมยิ้มกับคำพูดของเฟิงถิงเซิน พลางกล่าว “ไม่ต้องลำบากหรอก เดินไปไม่กี่ก้าวเอง คุณทำงานของคุณเถอะ เดี๋ยวถ้าเครื่องลงจอดแล้วฉันจะโทรหานะ”เฟิงถิงเซิน“โอเค”เมื่อเห็นดังนั้น พนักงานเฟิงซื่อและฉางโม่ก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบชื่นชมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเฟิงถิงเซินและหลินอู๋อวี้มั่วซวินยิ้มเย้ยหยันหรงฉือมองดูเงียบ ๆ ไม่ได้มีการแสดงสีหน้าใด ๆหลินอู๋ทักทายพนักงานเฟิงซื่อคนอื่นก่อน จึงค่อยเดินออกไปก่อนที่จะออกไป เธอไม่แม้แต่จะชายตามองหรงฉือและอวี้มั่วซวินแม้แต่น้อยหลังจากที่ขึ้นเครื่องบินแล้ว ที่นั่งของหรงฉือและเฟิงถิงเซินมีเพ
เมื่อหรงฉือเผลอเงยหน้าขึ้นโดยบังเอิญ ก็เห็นสายตาดูถูกและถือดีของหลินอู๋หลังจากที่สบตากับหรงฉือแล้ว หลินอู๋ก็ละสายตาหันไปมองทางอื่นอวี้มั่วซวินเบะปาก “เธอนี่อวดดีจริงๆ”หรงฉือมองแขกที่เข้าไปผูกสัมพันธ์อยากจะร่วมงานกับหลินอู๋และหลินลี่ไห่อย่างกระตือรือร้น เธอกำแก้วในมือแน่น พลางก้มหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “มีคนรักและคอยสนับสนุนเธอ จะอวดดีก็คงเป็นเรื่องปกติ”เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอหยุดไปครู่หนึ่ง พลางกล่าวต่อ “ทางตระกูลหลิน มีคนมากความสามารถอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว”อวี้มั่วซวินรู้ว่าที่จริงเธออยากจะทำอะไรบางอย่างกับหลินซื่อ แต่หรงฉืออาจจะกังวลว่าหากเขาเข้าไปพัวพันก็จะต้องรับผิดชอบไปด้วย ดังนั้นจึงไม่ยอมให้เขาถามอะไรมากนักตอนนี้ได้ยินเธอเอ่ยปากขึ้นมาก่อน ก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องคงไม่เป็นไปตามแผนเขาโน้มตัวเข้ามากระซิบ “ไม่ราบรื่นงั้นเหรอ?”“ใช่”เธอเคยลองเจาะระบบของหลินซื่อหลายครั้งแล้ว รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าระบบป้องกันของหลินซื่อไม่ได้ธรรมดาเหมือนแต่ก่อนแล้วทั้ง ๆ ที่เธอทำอย่างแนบเนียนที่สุดแล้ว แต่ก็เกือบถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคที่เฟิงถิงเซินเคยจ้างมาช่วยหลินซื่อก่อนหน้าน
ซุนเยว่ชิงโกรธจนแทบทนไม่ไหว เครื่องเพิ่งบินได้สักพักหนึ่ง ก็ขอน้ำหนึ่งแก้วจากแอร์โฮสเตสแล้วหลังแอร์โฮสเตสจากไป เธอก็จ้องไปทางหรงฉือ เธอซ่อนเครื่องดื่มไว้ด้านหลัง และเดินตรงไปหาหรงฉือซุนเยว่ชิงคาดเดาไว้แล้วว่าซุนลี่เหยาจะต้องลงมือทำอะไรบางอย่างแน่ดังนั้น ก่อนที่ซุนลี่เหยาจะเดินเข้ามาใกล้ เธอก็สังเกตเห็นแล้วเธอขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา แล้วส่ายหน้าไปทางซุนลี่เหยาอย่างไร้สุ้มเสียงเล็กน้อยซุนลี่เหยาโกรธอยู่ในใจ เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมรามือแต่เพียงเท่านี้สีหน้าของซุนเยว่ชิงเย็นชาเล็กน้อย แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความไปหาซุนลี่เหยา [กลับไปนั่งดี ๆ]แม้ซุนเยว่ชิงจะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่เมื่อซุนลี่เหยาเห็นข้อความ กลับเหมือนสามารถรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่หนักแน่น ไม่อนุญาตให้เถียงของซุนเยว่ชิงคุณยายซุนที่นั่งตรงกลางระหว่างซุนเยว่ชิงกับซุนลี่เหยาเห็นถึงตรงนี้ ก็เข้าใจความคิดของซุนลี่เหยาแล้วเธอก็ตบมือของซุนลี่เหยาเบา ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้เธอเชื่อฟังซุนลี่เหยาเม้มริมฝีปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจแต่ตอนนี้ในตระกูลหลิน ซุนเยว่ชิงกับหลินอู๋ก็คือผู้มีอำนาจเธอคุ้นชินกับการเชื่อฟังพวก
ในคืนวันนั้น หรงฉือก็มุ่งหน้าไปสนามบินเตรียมจะกลับไปเมืองตูเฉิงพร้อมกับคนอื่น ๆ ในครอบครัวพวกเขานั่งชั้นธุรกิจเฟิงจิ่งซินกับหรงอวิ๋นเฮ่อ และคนอื่น ๆ นั่งติดหน้าต่างฝั่งขวาหรงฉือกับคุณยายหรงนั่งอยู่ตรงกลางฝั่งซ้ายเฟิงจิ่งซินมีพวกหรงอวิ๋นเฮ่อดูแล ส่วนหรงฉือก็เข้ามาช่วยปรับเก้าอี้ให้คุณยายหรงเธอกำลังพูดกับคุณยายหรงอยู่ ซุนเยว่ชิงกับคุณยายซุนและคนอื่น ๆ ก็เดินตรงมาทางเธอคนในตระกูลซุนเห็นหรงฉือและคนอื่น ๆ ไม่เพียงแต่ไม่ตกใจเท่านั้น ตรงกันข้ามตอนที่มองพวกเขายังปรากฏรอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้าด้วย เห็นได้ชัดเจนมากว่า พวกเขารู้อยู่แล้วว่าคนในตระกูลหรงกลับไปเมืองเหยียนเฉิง และก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเขาก็นั่งเที่ยวบินนี้กลับไปเมืองตูเฉิงเช่นกันซุนลี่เหยามองหรงฉือ แสยะยิ้ม จงใจพูดขึ้นว่า “คุณยายคะ คุณอาคะ คนบางคนตอนคุณย่าเฟิงป่วยเข้าโรงพยาบาล ก็คอยไปเอาใจอยู่ทุกวัน คิดว่าถ้าเกาะติดคุณย่าไว้ หรือทำตัวดีต่อหน้าพี่เขย จะทำให้พี่เขยไม่หย่าได้”“ผลสุดท้ายพอคุณย่าเฟิงอาการเพิ่งดีขึ้น พี่เขยไม่ต้องให้พี่สาวพูดถึงเลย ก็นัดคนบางคนไปทำเรื่องหย่าทันที ก่อนหน้านี้คนบางคนล่าช้าไม่ยอมไปทำเรื่องหย่า