เฮ่อเหยียนสือผลักคนเข้าไปนั่งบนตำแหน่งข้างคนขับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะหันกลับไปนั่งบนเบาะคนขับ ปิดประตูดัง ‘ปัง’ อวิ๋นซูนั่งหดตัวด้วยความตกใจ เธอลอบมองสีหน้าที่ดูแย่ลงของเฮ่อเหยียนสืออย่างไม่เข้าใจคนที่สมควรต้องโกรธควรเป็นเธอ ทำไมเฮ่อเหยียนสือเหมือนจะโกรธมากกว่าเธออีกล่ะ?วินาทีต่อมา เฮ่อเหยียนสือรีบสตาร์ทรถทันที จากนั้นรถก็พุ่งทะยานราวกับลูกธนูที่พุ่งตัวออกไปอวิ๋นซูก็แทบจะลอยออกไป เธอจับที่ยึดไว้มั่น แม้แต่โทนเสียงก็ยังเพี้ยนไปตามแรงลม “คุณจะทำอะไรกันแน่?”เฮ่อเหยียนสือเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเธอ เหยียบคันเร่งมิดเท้า นัยน์ตาสีดำขลับจ้องมองไปข้างหน้าด้วยสายตาดุดันราวกับสัตว์ป่าในเวลากลางคืนพริบตาเดียว A6 รถออดี้รุ่นธรรมดาก็วิ่งอย่างไม่เกรงกลัวไปตามถนนที่เงียบสงัด ราวกับน้ำหลากที่ทะลุเขื่อนกั้นน้ำอย่างไรอย่างนั้นสีหน้าของอวิ๋นซูซีดเผือด จากนั้นก็จับที่ยึดด้วยแรงทั้งหมดที่มี ก่อนจะตะโกนเสียงดัง ทว่ากลับไม่เป็นผล เสียงลมกรรโชกก็ยังพัดผ่านจนกลบเสียงเธอจนมิดไม่นานอวิ๋นซูก็ค่อย ๆ หยุดดิ้น และปล่อยให้เส้นผมพัดสยายไปตามแรงลม ปล่อยให้เฮ่อเหยียนสือที่เหมือนกับคนบ้าพาเธอไปในที่ที่เธอก็ไม่
อวิ๋นซูตลกขบขันกับความคิดแหวกแนวของหลินเหมียวเหมียว “เธอเนี่ยนะ อ่านนิยายมากเกินไปใช่ไหม ฉันก็แค่หาคนไปเรื่อย เขาไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฮ่อ เรื่องเดียวที่เกี่ยวกับเขาคือเขาทำงานให้กับตระกูลเฮ่อ”“อ่า” หลินเหมียวหมียวรู้สึกผิดหวัง “เธอกำลังจะบอกว่าเขาเป็นลูกน้องของเฮ่อหย่วนเจ๋อ ต่อไปถ้าเฮ่อหย่วนเจ๋ออยากจะรังแกเธอ เขาก็ทำได้ตามใจชอบเลยนะสิ?”นัยน์ตาของอวิ๋นซูหมองลง “น่าจะ...ไม่หรอกมั้ง เห็นแก่ปู่เฮ่อ แล้วฉันเองก็แต่งงานแล้ว เฮ่อหย่วนเจ๋อคงไม่มาหาเรื่องฉันหรอก”หลินเหมียวเหมียวโล่งใจเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงความชั่วของเฮ่อหย่วนเจ๋อแล้ว เธอก็อดปกป้องเพื่อนสนิทไม่ได้ “ถ้าจะให้ฉันพูด ตอนนั้นฉันน่าจะตบเขาสักฉาด เขาไม่รู้รึไงว่าเธออยากแต่งงานกับเขาแค่ไหน...”อวิ๋นซูตัดบท “มันผ่านไปแล้ว เหมียวเหมียว ต่อไปฉันกับเฮ่อหย่วนเจ๋อเราต่างคนต่างเดิน ไม่เกี่ยวข้องกันอีก”“แล้วการหมั้นหมายของพวกเธอ...” หลินเหมียวเหมียวพูด “คุณท่านไม่รู้ใช่ไหม? ถ้าคุณปู่เฮ่อเขาจะต้องเสียใจมากแน่นอน”ความมืดครึ้มที่เพิ่งสงบลงของอวิ๋นซูได้กลับมาอีกครั้งพอเอ่ยถึงคุณท่านเฮ่อ ปู่ของเฮ่อหย่วนเจ๋อ ในใจของอวิ๋นซูก็เหลือเพียงแค่ความ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา อวิ๋นซูขึ้นไปนั่งบนรถที่ปู่เฮ่อจัดเตรียมไว้ มุ่งหน้าไปที่โรงแรมเทียนไห่เมื่อถึงทางเข้าห้องส่วนตัว อวิ๋นซูเพิ่งได้รู้จากแม่บ้านว่าคืนนี้เป็นงานเลี้ยงของตระกูล“เฮ่อหย่วนเจ๋อก็อยู่ที่นี่เหรอคะ” อวิ๋นซูถามขึ้น เธอไม่อยากพบเขาในตอนนี้แม่บ้านเข้าใจผิด ยิ้มและเอ่ยว่า “คุณหนูอวิ๋นซูไม่ต้องห่วงนะคะ อีกสักครู่คุณชายก็มาแล้วค่ะ”อวิ๋นซู “...”ถ้าออกไปตอนนี้จะทันไหมนะประตูที่อยู่ด้านหลังได้เปิดออกอวิ๋นซูไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องเป็นฝ่ายทักทายก่อน “คุณปู่”“กะพริบตา!” ทันทีที่ชายชราเห็นอวิ๋นซู ก็ยิ้มกว้างจนรอยเหี่ยวย่นขยายออก “เสี่ยวซูมาแล้วเหรอ เร็วๆๆ มานั่งข้างปู่นี่”อวิ๋นซูนั่งลงข้าง ๆ คุณปู่เฮ่อหลังจากนั่งลงแล้ว ถึงพบว่าทุกคนยังไม่ได้ขยับตะเกียบเลยเดาว่ากำลังรอแขกคนสำคัญอะไรประมาณนั้นราวกับมองทะลุความคิดของอวิ๋นซู ปู่เฮ่อหัวเราะเหอะ ๆ และเอ่ย “ที่สำคัญคืนนี้ก็เพื่อเลี้ยงฉลองการกลับมาของอารองของหย่วนเจ๋อ”ถึงแม้ว่าเฮ่อเยียนสือจะขอให้ปิดข่าวเรื่องที่จะกลับมา แต่ว่าชายชราก็ไว้ใจอวิ๋นซูมากเชื่อว่าเธอคงไม่พูดไปเรื่อยอวิ๋นซูอึ้งไปชั่ววินาที ถึงนึกขึ้นได้ปู
ทั้งสองคนออกจากห้องส่วนตัวไปทีละคน เมื่อออกมาจากห้องส่วนตัว เฮ่อหย่วนเจ๋อบีบเข้าที่ต้นคอบางของอวิ๋นซูไว้ "อย่านึกว่าคุณปู่โปรดปรานเธอ แล้วเธอจะทำตัวไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดได้!"อวิ๋นซูถูกบังคับให้หายใจอย่างอยากลำบาก แต่ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าก็ยังไม่เลือนหายไปเธอเอ่ยขึ้นแต่ละคำด้วยความยากลำบาก "งั้นนายก็อย่าได้คิดถึงเรื่องการเปลี่ยนไตด้วยการแต่งงานอีก นายควรบอกให้คุณปู่เข้าใจให้เร็วหน่อยนะ ไม่อย่างนั้น มันก็ยากที่จะรับประกันว่าครั้งต่อไปฉันจะพูดอะไร!"เฮ่อหย่วนเจ๋ออึ้งไปชั่วขณะอวิ๋นซูที่อยู่ต่อหน้าเขา ไม่ยอมจำนนต่ออำนาจของผู้อื่นอีกต่อไปแล้วราวกับว่า...เปลี่ยนเป็นคนละคนมือที่บีบต้นคอไว้ กระชับแน่นเข้าอย่างอดไม่ได้ในที่สุดเขาจึงได้เอ่ยเตือนขึ้น "เธออย่าได้คิดจะมาเล่นลูกไม้ตื้น ๆ ยกเลิกงานหมั้นไม่มีทางซะหรอก! ไตของเธอให้ได้แค่ซือฉิงเท่านั้น!"พูดจบ เขาก็หมุนตัวกลับไปอวิ๋นซูมองตามหลังแน่วแน่ของเขาไป ทันใดนั้นก็เกิดมีความรู้สึกที่ไม่เข้าใจเล็กน้อย ว่าทำไมเมื่อแปดปีก่อนเธอถึงได้ตกหลุมรักเฮ่อหย่วนเจ๋อเธอเองก็ไม่ได้สืบสาวราวเรื่องต่อ หมุนตัวกลับ และกำลังจะถามพนักงานเกี่ยวกับอารองขอ
คนอื่น ๆ ที่เพิ่งตอบสนอง ก็ผลักอวิ๋นซูออกไปอย่างทำอะไรไม่ถูก เพื่อเข้าไปเช็ดให้กับอวิ๋นซือฉิงแต่ถึงอย่างนั้น หนังศีรษะของอวิ๋นซือฉิงก็ยังคงเจ็บปวดราวกับว่าแยกออกจากกัน น้ำตาไหลพรากลงบนพื้นพยาบาลผู้ดูแลที่เห็นเหตุการณ์ โกรธจนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตือน "เธอเป็นใคร เธอรู้ไหมว่าเธอกำลังหาเรื่องใครอยู่"อวิ๋นซูเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา "ก็คู่หมั้นที่ยังไม่ได้ถอนหมั้นของเฮ่อหย่วนเจ๋อน่ะสิ"ทั้งหมดต่างตกอยู่ในความตะลึงมองดูสายตาที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปของอวิ๋นซือฉิงอวิ๋นซือฉิงที่กำลังผ่อนคลายชั่วพริบตาก็พลันตื่นตระหนกขึ้น รีบอธิบายอย่างร้อนรนราวกับเสือติดจั่น "พวกพี่ตกลงเป็นคู่หมั้นกันตั้งแต่ตอนเด็ก ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อกันเลย ฉันกับพี่หย่วนเจ๋อสิถึงเรียกว่าความรักจริงๆ พี่คะพี่คืนพี่หย่วนเจ๋อให้ฉันได้ไหมคะ"ทุกคนค่อย ๆ มองมาที่อวิ๋นซูด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามอวิ๋นซูถอนหายใจเฮ้อน้องสาวของเธอคนนี้คือที่สุดของความสตรอว์เบอร์รี่เลย!มือทั้งสองข้างของเธอวางทับกัน และโต้ตอบอย่างนิ่ง ๆ "ในเมื่อพวกเธอทั้งสองคนรักกันอย่างมีความสุข เฮ่อหย่วนเจ๋อทำไมถึงไม่เสนอให้ยกเลิกการหมั้นกับคุณปู่ล่ะ
เย่ชางเหยียนอยู่ห่างจากเตียงผ่าตัดออกไป เขาไม่สามารถมองเห็นหญิงสาวนอนอยู่บนเตียงได้อย่างชัดเจนเมื่อเขาได้ยินคำพูดของเฮ่อหย่วนเจ๋อ เขาก็พยักหน้าเล็กน้อยในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางด้านไตที่เก่งที่สุดในโลก การผ่าตัดแบบนี้ ถือเป็นเรื่องง่าย ๆ ในสายตาของเขาเพียงเท่านั้นเหตุผลที่เขากลับมาจากเมืองนอก ก็เพื่อรับช่วงต่อการผ่าตัดนี้ ทั้งหมดก็เพื่อเห็นแก่หน้าตาของเฮ่อเหยียนสือ"ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ตรงนี้ให้เป็นหน้าที่ของคุณหมอ"เฮ่อหย่วนเจ๋อพูดคุยกับเย่ชางเหยียนอีกครั้ง ถึงได้หันหลังจากไปขณะนี้ด้านนอกที่ว่าการอำเภอทันทีที่เฮ่อเหยียนสือหยุดรถ ก็ยิ่งเป็นที่ดึงดูดความสนใจของคนมากมายถึงบนตัวของเขาจะไม่ได้ประดับด้วยแบรนด์ดัง ๆ อะไร รถก็เป็นรถธรรมดา แต่บุคลิกลักษณะของเขาช่างโดดเด่นจริง ๆ แล้วยิ่งเครื่องหน้าที่หล่อเหลาและร่างกายที่สมบูรณ์แบบ เป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนไม่สนใจเมื่อเผชิญกับการเป็นที่สนใจของคนทั้งหมด เฮ่อเหยียนสือกลับยืนอยู่ด้านข้างทางเข้าที่ว่าการอำเภอที่ไม่ค่อยมีคน ยกข้อมือขึ้น เผยให้เห็นเส้นกล้ามเนื้อของแขนเรียบเก้าโมงสิบนาทีแล้ว อวิ๋นซูก็ยังไม่มาปรากฏตัวเขาไม่ชอบค
"คุณหมอเย่" คุณหมอเจ้าของไข้ของอวิ๋นซือฉิงส่งสายตามีเลศนัยให้กับอวิ๋นซือฉิง แล้วพูดกับเย่ชางเหยียน "การผ่าตัดเล็ก ๆ แบบนี้ ไม่ขอรบกวนคุณหมอให้ลงมือด้วยตัวเองหรอกครับ"เย่ชางเหยียนเสมองไปทางอื่น และยังนึกไม่ออกว่าเคยเจอกับอวิ๋นซูที่ไหนผู้หญิงสวย ๆ ก็เหมือนกันไปหมดเขาอาจจะคิดมากเกินไปเขามองไปที่หมอเจ้าของไข้เมื่อคืนตั้งแต่ปรึกษาหารือกันเสร็จ หมอเจ้าของไข้ท่านนี้ก็ยืนกรานว่าเขาจะทำการผ่าตัดด้วยตัวเองเห็นเขามีความกระตือรือร้นแบบนี้ เย่ชางเหยียนจึงเห็นด้วย "ก็ได้"ในที่สุดเมื่อได้รับการอนุมัติ คุณหมอเจ้าของไข้ก็ถอนหายใจยาว ๆ ออกมา แล้วเอ่ยกับหมอวิสัญญี "ยังไม่รีบวางยาสลบอีก"หมอวิสัญญีหยิบกระบอกเข็มฉีดยาขึ้นมา แทงเข้าไปที่แขนของอวิ๋นซูอวิ๋นซูมองของเหลวที่ค่อย ๆ ไหลเข้ามาในร่างกายของตัวเอง พูดอย่างอ่อนแรง "ปล่อย...ฉันไป...ปล่อยฉัน..."เมื่อของเหลวระบายออกไปหมด เปลือกตาของอวิ๋นซูก็หนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆภายในหัวของเธอ ราวกับผู้คนมากมายเดินผ่านไปผ่านมาอย่างรวดเร็วมีคุณพ่อคุณแม่ เฮ่อหย่วนเจ๋อ ญาติและเพื่อนๆ แต่ว่าทุกคนก็หยุดอยู่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้นจนกระทั่ง...เฮ่อเ
แค่เพียงสายตาก็ทำบอดี้การ์ดตัวสั่นไปทั้งตัว"ชั้นสองห้อง 208"หลังจากได้รับข้อมูลที่ เหอเหยียนสือก็ยกไปเหยียบเพจเจอร์ด้วยเท้าข้างเดียว แล้วหันหลังกลับไปชั้นบนเมื่อมองไปที่เพจเจอร์ที่ถูกแตกไปเป็นชิ้นๆ ทำให้ทุกคนล้วนก็มองหน้ากันไม่มีใครกล้าขยับจนกระทั่งเหอเหยียนสือเข้าไปในลิฟต์ เขาไม่กล้าหยิบเพจเจอร์ออกมาที่โทรหาผู้อื่นเพื่อขอความช่วยเหลือไม่นานลิฟต์ก็ขึ้นมาถึงชั้นสองเหอเหยียนสือเดินออกจากลิฟต์ สายตามองห้องห้องฉุกเฉิน208ไปที่ไฟสีแดงหน้าห้องฉุกเฉินสว่างอยู่ตาแดงที่ลุกราวกับใบมีดที่กรีดบาดแผลแทงตรงเข้าไปในหัวใจของเหอเหยียนสือเขากำหมัดแน่นจนสั่นเมื่อเดินถึงหน้าประตู เขาก็ยกมือขึ้นเคาะประตูประตูไม้เนื้อแข็งก็ถูกเปิดออกทุกคนที่อยู่ในห้องผ่าตัดต่างก็ตกใจแล้วมองไปที่ประตูกวาดตาก็มีคนยืนไปที่ประตูด้วยตาแดงก่ำเหมือนว่าเหอเหยียนสือนั้นควบคุมตัวเองไม่ได้คนอื่นๆไม่รู้จักเขา แต่พวกเขายังคงหวาดกลัวจนเงียบที่น่ากลัวของเขามีแค่เย่ชางแหยน หลังจากประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า"หยานซี คุณเป็นอะไรไป" ในความทรงจำของฉันไม่ว่าจะตอนไหน เหอเหยียนสือก็เป็นคนสงบใจเย็นคนนึงวันนี้เก