Share

บทที่ 4

เฮ่อเหยียนสือผลักคนเข้าไปนั่งบนตำแหน่งข้างคนขับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะหันกลับไปนั่งบนเบาะคนขับ ปิดประตูดัง ‘ปัง’

อวิ๋นซูนั่งหดตัวด้วยความตกใจ เธอลอบมองสีหน้าที่ดูแย่ลงของเฮ่อเหยียนสืออย่างไม่เข้าใจ

คนที่สมควรต้องโกรธควรเป็นเธอ ทำไมเฮ่อเหยียนสือเหมือนจะโกรธมากกว่าเธออีกล่ะ?

วินาทีต่อมา เฮ่อเหยียนสือรีบสตาร์ทรถทันที จากนั้นรถก็พุ่งทะยานราวกับลูกธนูที่พุ่งตัวออกไป

อวิ๋นซูก็แทบจะลอยออกไป เธอจับที่ยึดไว้มั่น แม้แต่โทนเสียงก็ยังเพี้ยนไปตามแรงลม “คุณจะทำอะไรกันแน่?”

เฮ่อเหยียนสือเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเธอ เหยียบคันเร่งมิดเท้า นัยน์ตาสีดำขลับจ้องมองไปข้างหน้าด้วยสายตาดุดันราวกับสัตว์ป่าในเวลากลางคืน

พริบตาเดียว A6 รถออดี้รุ่นธรรมดาก็วิ่งอย่างไม่เกรงกลัวไปตามถนนที่เงียบสงัด ราวกับน้ำหลากที่ทะลุเขื่อนกั้นน้ำอย่างไรอย่างนั้น

สีหน้าของอวิ๋นซูซีดเผือด จากนั้นก็จับที่ยึดด้วยแรงทั้งหมดที่มี ก่อนจะตะโกนเสียงดัง ทว่ากลับไม่เป็นผล เสียงลมกรรโชกก็ยังพัดผ่านจนกลบเสียงเธอจนมิด

ไม่นานอวิ๋นซูก็ค่อย ๆ หยุดดิ้น และปล่อยให้เส้นผมพัดสยายไปตามแรงลม ปล่อยให้เฮ่อเหยียนสือที่เหมือนกับคนบ้าพาเธอไปในที่ที่เธอก็ไม่รู้จัก

เมื่อสามวันก่อน เธอเคยอยากฆ่าตัวตาย

แต่ฆ่าตัวตายไปก็เจ็บเปล่า ๆ เธอทำไม่ได้

อีกอย่างตอนนั้นเธอคิดได้ แม้ว่าพ่อแม่อยากให้เธอกลายเป็นสะใภ้ของตระกูลเฮ่อ แต่ตราบใดที่ได้ยินเงื่อนไขเหลวไหลที่เฮ่อหย่วนเจ๋อเสนอออกมา จะต้องเข้าใจเธอแน่นอน

นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเธอกล้าพาเฮ่อเหยียนสือมาหาพ่อแม่ของเธอ

ไม่คิดว่า ในสายตาของพ่อแม่ ความรุ่งเรืองของตระกูลอวิ๋นจะสำคัญกว่าความสุขของเธอ

ช่วงเวลาที่งดงามตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาพังทลายลงในพริบตา

สายลมเย็นเยียบกระทบใบหน้าของเธอ ทำให้เธอร้องไห้ไม่ออก

หัวใจ...ตายด้านไปแล้ว

ความเร็วที่ไม่รู้ว่าเร็วเท่าไหร่ค่อย ๆ ลดลง อวิ๋นซูมองไปยังนอกรถอย่างคนเหม่อลอย

รถจอดอยู่ข้างชายหาด ชายหาดยามอาทิตย์อัสดงเหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น คล้ายกับจุดดำที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ ดวงอาทิตย์ที่ตกห่างออกไปสาดแสงปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า แสงสีแดงอมส้มที่กินพื้นที่อย่างกว้างขวางยังคงสาดแสง ความเงียบสงบได้เยียวยาหัวใจโดยไม่รู้ตัว

อวิ๋นซูใช้ชีวิตอยู่ในเมืองตอนเหนือมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่ยักจะรู้ว่าที่นี่ยังมีสถานที่ที่สวยงามแบบนี้หลงเหลืออยู่

“ไม่ลงไปดูหน่อยเหรอ?”

เฮ่อเหยียนสือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน

อวิ๋นซูหันกลับมา พบกว่าใบหน้าของเฮ่อเหยียนสือกลับมาเป็นปกติแล้ว ราวกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่เป็นเธอที่มองผิดไปเอง

เขาจับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างพาดลงบนพนักเบาะ นัยน์ตาสีดำทมิฬมองไปยังชายหาดที่ไกลออกไป

เขามีท่าทีสบายและหยิ่งในเวลาเดียวกัน ใบหน้าภายใต้เส้นผมที่ยุ่งเหยิงนั้นดูมีเสน่ห์มาก แม้จะรู้ว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดา วินาทีนี้หัวใจของอวิ๋นซูสั่นระริกอย่างไม่อาจควบคุมได้

เธอรีบก้มหน้างุด เพื่อหลบเลี่ยงออร่าอันแสบตาที่แผ่ขยายออกมาจากตัวของเฮ่อเหยียนสือ “ไม่ต้องหรอก”

มองจากที่ไกล ๆ ตรงนี้ก็พอแล้ว

เฮ่อเหยียนสือเบนสายตากลับมายังนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวและว่างเปล่าของหญิงสาว

เขานึกถึงนัยน์ตาที่เจ็บปวดแต่กลับยังมุ่งมั่นของเธอได้

นิ้วเรียวยาวเคาะพวงมาลัยเบา ๆ เขาเบนสายตากลับไปมองนกอินทรีที่บินอยู่ที่ไกล ๆ “ไม่คิดจะแก้แค้นหน่อยเหรอ?”

อวิ๋นซู “?”

“ว่าที่คู่หมั้นของคุณ” เฮ่อเหยียนสือคลำหน้าอกของตัวเอง เหมือนเพิ่งนึกได้ว่าบนตัวของตัวเองในตอนนี้ไม่มีซีการ์ สุดท้ายก็เคาะพวงมาลัยอย่างหัวเสีย ก่อนจะพูดต่อว่า “ดูท่าทางจะเป็นคนระยำคนหนึ่ง คุณไม่อยากแก้แค้นเขาหน่อยเหรอ?”

อวิ๋นซูเหยียดยิ้ม นัยน์ตาเหม่อลอย “ทำไมจะไม่อยากล่ะ แต่ฉันจะไปมีสิทธิ์อะไร”

เฮ่อหย่วนเจ๋อเป็นถึงว่าที่ทายาทของตระกูลเฮ่อ เธอก็แค่มดตัวเล็ก ๆ ที่บี้ก็ตายแล้ว

พอคิดได้ เฮ่อหยวนเจ๋อเกลียดเธอขนาดนั้น แต่กลับอนุญาตให้เธออยู่ข้างกายของเขา ทั้งหมดเป็นเพราะปู่เฮ่อ ถ้าปู่เฮ่อลาจากโลกนี้ไป ด้วยความเกลียดชังที่เขามีต่อเธอ เกรงว่าเขาต้องฆ่าเธอจริง ๆ ในสักวัน?

“ผมช่วยคุณได้นะ”

เฮ่อเหยียนสือเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ เขามองอวิ๋นซูแวบหนึ่ง ก่อนจะเบนสายตากลับไปมองนกอินทรีที่โฉบลงมากินปลาตัวหนึ่งจากระยะไกล

ทันทีที่โพล่งประโยคนี้ออกมา เขาก็รู้สึกเฉย ๆ

อวิ๋นซูหัวเราะ คิ้วเลิกสูงขึ้นเล็กน้อย “ขอบคุณในความปรารถนาดีของคุณนะ คุณเป็นคนดี แต่เขาไม่ใช่คนธรรมดา”

พอได้ยินความคิดของอวิ๋นซู นัยน์ตาของเฮ่อเหยียนสือฉายรอยยิ้มบาง ๆ

คนดี?

เขาอยู่บนโลกนี้มาเกือบสามสิบปีแล้ว ยังไม่เคยมีใครบอกว่าเขาเป็นคนดีสักคน

กระทั่งคนนี้....

“สัญญาของผมมีขีดจำกัด แต่ผมช่วยคุณแก้แค้นเรื่องนี้ได้ ขอแค่คุณเอ่ย ผมช่วยคุณได้แน่นอน”

อวิ๋นซูเหยียดยิ้ม ก่อนตอบตกลงอย่างคร้านอธิบาย “ได้”

แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ ถ้าเฮ่อเหยียนสือรู้ว่าอีกฝ่ายที่เขาอยากแก้แค้นคือเฮ่อหย่วนเจ๋อคุณชายใหญ่ตระกูลเฮ่อ เขาจะทำหน้าอย่างไร

ในตอนนี้เอง เสียงโทรศัพท์ของเฮ่อเหยียนสือก็ดังขึ้น

เขากดรับสาย เปิดประตูรถและเดินออกไปไกลพอสมควรแล้วถึงจะเอ่ย “ว่ามา”

“คุณผู้ชาย คนขับที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแล้ว เรายังไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เลยครับ”

นัยน์ตาของเฮ่อเหยียนสือเฉียบคมดุจคมมีด เปลี่ยนเป็นคนละคน

“มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าฉันกลับมา จับตาดูคนพวกนี้ไว้ให้ดี”

“ครับ” ลูกน้องตอบรับ และพูดต่อ “จริงสิ คุณผู้ชาย เมื่อกี้เฮ่อเหล่าโทรศัพท์มาหาบอกว่าอยากเชิญคุณไปทานอาหารเย็น คุณว่า...”

เฮ่อเหยียนสือหันกลับไปจ้องเขม็งอวิ๋นซูที่กำลังจ้องมองก้อนเมฆอย่างเหม่อลอย “เตรียมการได้เลย”

“ครับ”

ลูกน้องเข้าใจ

เฮ่อเหยียนสือวางสายแล้วเดินไปหาอวิ๋นซู

เขาล้วงกระเป๋า “ผมมีเรื่องต้องกลับไปจัดการ”

“คุณไปเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน” อวิ๋นซูคลี่ยิ้มที่สดใสที่สุด “ฉันไม่เป็นไร”

เฮ่อเหยียนสือกวาดตามองเธอด้วยสีหน้านิ่วคิ้วขมวด “ฉันไม่อยากรับชื่อเสียงของภรรยาให้หนักใจ”

อวิ๋นซู “....”

ทำไมคนดี ๆ ถึงได้ปากแบบนี้

.....

หลังจากที่เฮ่อเหยียนสือขับรถจากไป อวิ๋นซูก็รับสายหลินเหมียวเหมียวเพื่อนสนิทของเธอ

ทันทีที่รับสาย เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธของหลินเหมียวเหมียวก็ดังขึ้นทันที “ที่รัก ไอ้สารเลวเฮ่อหย่วนเจ๋อมันอยู่กับอวิ๋นซือฉิง เมื่อกี้ฉันไปเยี่ยมแม่ของฉัน....”

“ฉันรู้แล้ว” อวิ๋นซูเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันนี้ให้อีกฝ่ายฟังก่อนที่อีกฝ่ายจะถาม

เมื่อหลินเหมียวเหมียวฟังจบ เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนเกือบจะคว่ำโต๊ะเลยทีเดียว “เวรเอ๊ย หญิงก็ร้ายชายก็เลว เก็บตัวกันเก่งจริง ๆ ก็ว่าอยู่ว่าทำไมก่อนหน้านั้นถึงมองพวกเขาไม่ออก เสี่ยวซู เธอคงไม่ได้จะปล่อยสองคนนั้นไปจริง ๆ หรอกนะ?”

“ไม่อย่างนั้นล่ะ” อวิ๋นซูจนปัญญา “เพื่อที่ฉันไม่ต้องบริจาคไต ฉันจึงต้องแต่งงานกับคนอื่น ฉันคนเดียวจะเอาอะไรไปแก้แค้นเขาได้?”

“เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ เธอ ๆ ๆ ๆ ....เธอว่าไงนะ?!แต่งงาน!เธอแต่งงานแล้ว?! แฮก ๆๆๆ .....”

หลินเหมียวเหมียวส่งเสียงไอหลายวินาที ก่อนจะตะคอกใส่โทรศัพท์ว่า “เธอแต่งงานกับใคร? เวรเอ๊ย คงไม่ใช่ไอระยำเฮ่อหย่วนเจ๋อหรอกนะ? แม่งเอ๊ย แค่นี้มันระบายความแค้นได้เหรอ ถ้าเฮ่อหย่วนเจ๋อรู้เข้า จะต้องอกแตกตายแน่!”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status