Share

บทที่ 10

last update Huling Na-update: 2024-12-11 22:35:05

บทที่ 10 เตรียมของไปขาย ‘ที่แห่งนั้น’

หลังจากที่หยางซีซีให้ทุกคนฝึกลองใช้ตะกร้ามิติ จนทุกคนเข้าใจและสามารถที่จะทำเองได้แล้ว จากนั้นคนในตระกูลหยางก็เดินเรียงกันกลับไปที่สวนและเล้าไก่อีกครั้ง เมื่อไก่สองตัวที่กำลังนอนพักอยู่เห็นคนบ้านนี้เดินกลับมาหาพวกมันอีกแล้วพวกมันก็หันมองหน้ากันอย่างสงสัยก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาเหมือนจะเป็นการถามว่า พวกเขามาทำไมกันอีก...ไข่ก็ไข่ให้ไปแล้วอย่างไร...เมื่อพวกมันมองไปด้านหลังเห็นเจ้าหนุ่มคนเดิมหอบผักกาดขาวมาหอบใหญ่เข้ามา พวกมันมองหน้ากันอีกครั้งอย่างบอกนะว่า.….

ตอนที่คนตระกูลหยางกลับออกไปพวกเขาได้ไข่ที่เจ้าไก่ทั้งสองตัวช่วยกันเบ่งจนจะเป็นลมไปอีก 20 ใบ...ตอนนี้พวกมันสองตัวต่างก็พยายามที่เงยคอขึ้นมามองแต่ก็ทำไม่ได้เพราะความเหนื่อย หยางซีซีเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะเบาๆ ก่อนพูดกับพวกมันว่าช่วงนี้พวกมันอาจจะต้องเหนื่อยหน่อยนะ จากนั้นเธอก็เทน้ำที่ใช้มือหัตถ์เทวะจุ่มลงไปและใส่พลังลงไปมากหน่อยให้พวกมันดื่มกิน และทันทีที่พวกมันกินน้ำอาการเหนื่อยล้าจากการเบ่งไข่มากมายนั้นก็หายเป็นปลิดทิ้งทันทีตอนนี้หากสังเกตดูดีตัวของพวกมันเหมือนจะอ้วนขึ้นและมีขนสีทองแซมออกมาหลายเส้นทีเดียว

เมื่อได้ไข่แล้ว ตอนนี้กลุ่มคนตระกูลหยางก็เดินเรียงมาที่แปลงผักทันที พวกเขาทั้งหมดต่างก็ช่วยกันเก็บผักและถอนผักทั้งหมดทันที ขณะนั้นเองคุณแม่หยางที่กำลังถอนผักกาดขาว เธอก็ได้สัมผัสกับพลังมากมายที่ถูกปล่อยออกมาจากผักเหล่านั้น แม้เพียงแค่สัมผัสยังไม่ทันได้กินเข้าไปพวกเขาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นและพลังที่เปล่งออกมาจากผักเหล่านี้ ในตอนนั้นความคิดของทุกคนก็เหมือนกันคือ ผักนี้ขายไม่ได้แล้ว เพราะมีพลังวิญญาณมากเกินไป

หยางฟู่หลงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า

“น้องสะใภ้สามพี่ใหญ่คิดว่าผักเหล่านี้เราไม่สามารถที่จะนำไปขายได้แล้วหล่ะ เพราะว่ามันมีพลังมากเกินไป หากว่าพวกเรานำไปขายมันจะต้องสร้างปัญหาให้พวกเราแน่นอน”

ตอนนี้ทุกคนต่างก็ถือต้นผักที่ตัวเองตัดและถอนอยู่ในมือแม้ขณะอยู่ในมือของพวกเขามันยังเปล่งประกายพลังออกมามากมายซะขนาดนี้หากว่านำออกไปวางขายพวกเขาจะต้องมีปัญหาแน่นอน...

หยางซีซีมองไปที่แปลงพลังที่ส่งแสงระยิบระยับเปล่งประกายอยู่จึงนึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่เธอส่งพลังจากฝ่ามือหัตถ์วิญญาณนั้นเธอส่งพลังมากไปจริงๆ

“เช่นนั้นพวกเราปลูกใหม่ดีหรือไม่คะ แล้วค่อยนำไปขาย รอบหน้าฉันจะไม่สัมผัสพวกมันโดยตรงแล้วแต่ใช่ทำเป็นน้ำเพื่อจะรดพวกมันแทนหากเป็นแบบนั้นมันน่าจะโตเร็วกว่าปรกติแต่ว่ามีพลังวิญญาณน้อยกว่านี้มาก"

“เอาแบบนี้ดีกว่านะพ่อว่า ถ้าเราปลูกผักใหม่ แล้วค่อยรดด้วยน้ำที่มีพลังวิญญาณผสมอยู่ ผักที่ได้น่าจะยังคงมีพลังวิญญาณอยู่บ้าง แต่ก็คงจะไม่มากเท่ากับการสัมผัสโดยตรงแบบนี้"

คุณพ่อบางทีก็มีความคิดดีๆ เหมือนกัน นี่คือสิ่งที่ลูกๆ ของเขาคิด

คุณพ่อหยางพูดขึ้นมาอีกว่า "ว่าแต่เราจะทำยังไงกับผักที่เก็บเกี่ยวมาแล้วล่ะลูก? มันเสียดายมากเลยนะ"

"พ่อคะผักพวกนี้เราสามารถเก็บเอาไว้ทำอาหารสำหรับครอบครัวเราได้ค่ะ" หยางซีซีกล่าว "หรือไม่ก็อาจจะนำไปแบ่งปันให้กับคนที่เรารู้จักที่มีบุญคุณกับเรา เพราะหากว่าพวกเขาได้กินผักเหล่านี้ร่างกายจะต้องแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายแน่นอน"

ในตอนที่หยางซีซีพูด หยางจิ้งและหยางฟู่เหยาต่างก็หันมองกันแล้ว พวกเขาสองคนคิดเหมือนกันนั้นคือจะต้องแบ่งผัก หรือทำอาหารจากผักเหล่านี้ไปให้พี่ใหญ่จางในเมืองให้ได้

เมื่อทุกคนเห็นด้วยที่จะไม่นำผักไปขายแต่จะเก็บเอาไว้กินแทน จากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันเก็บผักในแปลงทั้งหมดและใส่เข้าไปในตะกร้ามิติทันที แบบนี้ก็สามารถเก็บเอาไว้ได้นานเลย แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจอีกครั้งนั้นคือ คุณพ่อหยางเฉินที่กำลังแบกฟักทองยักษ์ขนาดใหญ่ที่น่าจะหนักเกือบ 30 กิโลกรัมได้คนเดียวแถมเดินไปมาสบายๆ ด้วยสิ คุณพ่อหยางเดินเก็บฟักทองที่มีขนาดเท่าๆ กัน ไปมาอยู่หลายเที่ยวจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติในตัวเอง เมื่อเดินไปถึงฟักทองยักษ์ที่เขากำลังจะเด็ดเขาก็นึกขึ้นมาได้ ...ทำไมเขาถึงได้สามารถแบกฟักทองใหญ่ขนาดนี้คนเดียวโดยที่ไม่มีความเหน็ดเหนื่อยเหรือต้องออกแรงเลยเล่า เขาลองพิสูจน์อีกครั้งโดยการเด็ดฟักทองและลองยกมันขึ้นด้วยมือเพียงข้างเดียว ...

"นี่มันอะไรกันเนี่ย!"

คุณพ่อหยางเฉินร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ เมื่อเขาสามารถยกฟักทองยักษ์น้ำหนักเกือบ 30 กิโลกรัมขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นของเล่นชิ้นเล็กๆ

ก่อนหน้านี้ เขาเคยรู้สึกว่าร่างกายของเขามีเรี่ยวแรงมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ที่เขาได้ลองยกฟักทองหนักๆ ดู เขาก็ถึงกับต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจคุณพ่อหยางเฉินลองยกฟักทองขึ้นมาลงหลายครั้งเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องจริง เขารู้สึกแข็งแรงผิดปกติ ร่างกายเบาเหมือนปุยฝ้าย และกล้ามเนื้อก็ตึงกระชับราวกับนักกีฬาอาชีพ

“ทำไมฉันถึงได้มีพลังมากขนาดนี้เนี้ย และอาการป่วยข้อป่วยหลังก็หายไปหมดแล้วด้วย” หยางเฉินพึมพำกับตัวเอง

"พ่อ...พ่อแข็งแรงขึ้นมากเลย" หยางจิ้งพูดด้วยความทึ่ง

"ใช่แล้วล่ะ" คุณแม่หยางตอบรับด้วยความดีใจจากนั้นเธอก็มองเห็นที่ควรจะเหี่ยวแห้งของเขาตอนนี้กลับเหมือนจะมีกล้ามขึ้นมาเล็กๆ แล้ว

ทุกคนต่างก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย ก่อนที่จะนึกถึงผักวิญญาณที่พวกเขากินไปเมื่อไม่นานมานี้

"หรือว่าจะเป็นเพราะผักวิญญาณที่พวกเขากินเข้าไปเมื่อเช้า" สะใภ้ใหญ่เอ่ยขึ้นมาเบาๆ

ทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของสะใภ้ใหญ่พวกเขาเริ่มเชื่อมโยงความแข็งแรงผิดปกติของพ่อหยางเข้ากับพลังของผักวิญญาณ และดูเหมือนว่าพวกเขาก็รู้สึกมีพลังมากเหมือนกันนะ

"ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าผักวิญญาณไม่เพียงแต่จะให้พลังงานกับเรา แต่ยังทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงขึ้นด้วย"

คุณพ่อหยางกล่าวด้วยความตื่นเต้นการค้นพบครั้งนี้ทำให้ครอบครัวหยางตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจผักวิญญาณมีพลังอันมหัศจรรย์จริงๆ

หยางซีซียิ้มก่อนจะพยักหน้าและบอกพวกเขาว่านั้นคือผลลัพธ์ของการกินผักและอาหารที่มีพลังวิญญาณนั้นเอง แต่ว่าตอนนี้เธอยังไม่สามารถที่จะบอกคุณสมบัติของพวกมันได้ทั้งหมด เพราะว่า ตอนนี้เธอคิดว่าพวกเขาควรจะขึ้นเขาและไปเอาเนื้อเพื่อนำไปขายกันได้แล้ว เพราะว่าตอนนี้พวกเขามีเพียงเนื้อไก่เท่านั้นดังนั้นพวกเขาจะต้องมีเนื้อหมูเยอะหน่อยถึงจะดี

แม่หยางจึงแบ่งงานทันทีโดยเธอให้สะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองจะช่วยกันทำความสะอาดไก่ ทั้ง 20 ตัว ส่วนพวกผู้ชายให้ไปเอาเนื้อแล้วค่อยมาแล่ทำเป็นชิ้นกันที่บ้าน ซึ่งพวกเขาทั้งหมดก็ลงมือทันที ที่ต้องให้พวกผู้ชายไป เพราะว่าหยางซีซีนั้นจะทำให้ชิ้นหมูมีชีวิตกลายเป็นหมูเป็น 1 ตัวดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องฆ่าหมูกันเองและนำกลับมา และแน่นอนว่าหากว่าจะฆ่าหมูก็ต้องไปทำที่ภูเขาเพื่อที่จะได้ไม่มีใครรู้นั้นเอง ....

คุณพ่อหยาง ลูกชายทั้งสองและลูกสะใภ้สามจากไปเกือบ 1 ชั่วโมงก็พากันกลับมาโดยที่สภาพของเสื้อผ้าของพวกเขานั้นยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (ความจริงคือโชกเลือดของหมูแต่ว่าหยางซีซีจัดการให้เสื้อผ้ากลับมามีสภาพเหมือนเดิมนั้นเอง)

เมื่อกลับเข้าบ้านมา พวกเขาก็รีบนำเนื้อออกมาหันเป็นชิ้นๆ ทันที โดยพวกเขาทำเป็นชิ้นละ 1 – 5 ชั่ง เพราะอาจจะมีบ้างคนที่อยากจะได้ชิ้นใหญ่บ้าง เล็กบ้าง คนทั้งครอบครัวช่วยกันทำงานจนกระทั่งเวลาเกือบจะ 11 โมงจึงได้เสร็จ

“เอาหล่ะเดี๋ยวฉันกับน้องสะใภ้สามจะเข้าไปที่แห่งนั้นเอง พวกคุณแม่ก็รออยู่ที่บ้านนะคะ”

หยางฟู่เหยาเป็นคนเอ่ยขึ้นมา เหตุที่เธอจะเป็นคนไปเพราะว่า เธอทราบดีว่าที่แห่งนั้นอยู่ตรงไหน และอีกอย่างพวกเธอก็ไม่ได้แบกของอะไรหนักดังนั้นพวกเธอนำไปขายก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

“ผมเป็นห่วงให้ผมไปด้วยเถอะ”

หยางจิ่งไม่อยากจะให้เมียรักและน้องสะใภ้สามเข้าเมืองกันเพียง 2 คนจึงได้เอ่ยขึ้นมา

“เอาแบบที่เจ้ารองพูดเถอะสะใภ้รอง ให้เจ้ารองไปด้วยไปกันผู้หญิง 2 คนแม่เป็นห่วง ส่วนพวกเราที่เหลือก็ช่วยกันทำแปลงผัก เตรียมปลูกใหม่อีกครั้ง”

คุณแม่หยางสรุปทันที และแน่นอนไม่มีใครสามารถแย่งได้ จากนั้นทั้งสามคนก็เดินออกจากบ้านเพื่อเข้าเมืองทันที

หมู่บ้านหลี่ฮวานั้นห่างจากตัวเมืองหางโจวประมาณ 30 กิโลเมตรคนตระกูลหยางทั้ง 3 เดินเกือบ 2 ชั่วโมงจึงได้ถึงเมืองหางโจว หากว่าเป็นเวลาปกติจะมีรถแทรกเตอร์ของหัวหน้าหมู่บ้านที่จะเข้าไปในเมือง ซึ่งรถแทรกเตอร์จะออกเวลา 6.โมงเช้าของทุกวันและกลับประมาณ บ่าย 2 หากคนในหมู่บ้านต้องการจะเข้าเมืองและกลับพร้อมกัน ก็ต้องมารอให้ตรงเวลา หรือหากว่าบ้านไหนมีฐานะหน่อยก็จะมีจักรยานเป็นของตัวเองซึ่งก็จะทำให้สะดวกมากในการที่จะเข้าเมือง

เมื่อทั้ง 3 มาถึงเมืองก็เป็นเวลา บ่ายโมงแล้วตอนนี้พวกเขาไม่หิวเลยอาจจะเป็นเพราะว่าอาหารเช้ากินกันไปเยอะ และอาหารที่มีพลังวิญญาณเยอะขนาดนั้นทำให้พวกเขาสามารถที่จะอดทนได้มากกว่าคนปรกติหลายเท่า..

พวกหยางจิ่งเดินตรงไปที่ ที่แห่งนั้นตามที่พี่ใหญ่จางเคยบอกเอาไว้ทันที เมื่อไปถึงพวกเขาเห็นประตูสังกะสีเก่าๆ ที่เกือบจะพังแล้วปิดอยู่และด้านหน้ามีชายร่างใหญ่เดินไปมาพวกเขาเดินไปที่ประตู หยางจิ่งเดินไปหาและเอ่ยรหัสขึ้นมาเบา ชายร่างใหญ่มองพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาว่า

“ 15 เหมา..”

ใช่แล้ว!!ค่าเข้าไปขายของซื้อของในตลาดนั้นคือคนละ 5 เหมานั้นเองซึ่งก็ถือว่าแพงเอาการอยู่ แต่ว่าเมื่อมาแล้วก็ต้องเข้า หยางจิ้งจ่ายเงินชายคนนั้นก็เปิดประตูให้ พวกเขาจึงเดินเข้าไปทันที ....

ประตูสังกะสีเก่าผุพังถูกผลักออกอย่างเงียบเชียบ เสียงบานพับร้องครางเบาๆ เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าพวกเขากำลังก้าวเข้าสู่โลกอีกใบ โลกที่เต็มไปด้วยความลับและอันตรายของคนในยุคนี้ก็ว่าได้

พวกของหยางซีซีก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปในตลาดมืดที่เคยได้ยินชื่อเสียงมาโดยตลอด แสงไฟสลัวๆ จากหลอดไฟเก่าๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของผู้คนที่เดินสวนไปมา ทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวและตื่นเต้นไปพร้อมกัน

"ว้าว! ที่นี่มัน..."

หยางจิ้งอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจเขานั้นเพียงเคยได้ยินชื่อตลาดมืดเท่านั้นแต่ยังไม่เคยเข้ามาในนี้มาก่อนเลย เสียงพูดคุยเจรจาต่อรองดังก้องไปทั่วตลาด มองไปทางไหนก็เห็นแต่ผู้คนเดินขวักไขว่ ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันอย่างคึกคัก แม้จะยังไม่ถึงเวลาพลบค่ำซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดมืดมักจะคึกคักเป็นพิเศษ แต่ที่นี่ก็ดูเหมือนจะมีผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยกันตลอดเวลา

"คนเยอะมากเลยนะเนี่ย" หยางฟู่เหยาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

หยางซีซีพยักหน้าเห็นด้วย "ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนเยอะขนาดนี้นะคะพี่สะใภ้รอง"

พวกเขาเดินลึกเข้าไปในตลาดมืดเรื่อยๆ ผ่านร้านค้าต่างๆ ที่ขายสินค้าหลากหลายชนิด ทั้งขายข้าว ขายเนื้อแต่ดูไม่สดนักและมีน้อยมาก มีพวกอาหารป่าอยู่บ้าง และมีแม้แต่ของผิดกฎหมายบางอย่าง กลิ่นอายของความตื่นเต้นและอันตรายคละคลุ้งไปทั่ว

"นี่แหละคือตลาดมืดที่แท้จริง"

หยางฟู่เหยากล่าวขึ้นมา ตอนนี้เธอไม่มีความกลัวใดๆ หรือออกจะรู้สึกตื่นเต้นมาด้วยซ้ำ

"เราจะไปขายของตรงไหนดีคะ" หยางซีซีถาม

"ดูเหมือนว่าตรงนั้นจะมีคนน้อยกว่าที่อื่น ลองไปดูกันไหม" เธอชี้ไปยังซอยเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังของตลาด

พวกเขาทั้งหมดเดินตามไปยังซอยที่เธอชี้ เมื่อเดินเข้าไปในซอยก็พบว่ามีร้านค้าเล็กๆ ตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทาง ซึ่งแตกต่างจากส่วนอื่นๆ ของตลาดที่คึกคัก พวกเขาตัดสินใจเลือกที่จะตั้งแผงขายของตรงบริเวณนี้

เมื่อได้ที่แล้วหยางจิ้งก็นำผ้ามาวางกับพื้นและดึงเนื้อหมูและไก่ออกมาจากตะกร้าโดยนำไก่ออก3-4 ตัว ส่วนเนื้อหมูเขานำออกมาทั้งหมด 5 ชิ้นใหญ่ เนื้อที่ทั้งสดและแดงสวยเรียกสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาทันที เพียงไม่นานก็มีหญิงชราเดินถือตะกร้าและตรงมาที่พวกเขาทันที

“เนื้อ!!!…มีเนื้อสดขนาดนี้ขายด้วยจริงๆ หรือเนี้ย พ่อหนุ่มขายเนื้อสดนี้อย่างไรหรือ?”

ลูกค้าคนที่ 1 และ 2 และ 3 เดินพุ่งมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็วทันทีราวกับกลัวว่าหากช้ากว่านี้พวกเธอจะซื้อไม่ทัน

หยางจิ้งและภรรยาต่างก็ยืนขายเนื้อสัตว์ มือไม้สั่นระรัวด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจกับการค้าขายครั้งแรกในตลาดมืด ขณะที่ทั้งคู่กำลังวุ่นวายกับลูกค้า หยางซีซีก็ใช้โอกาสนี้สอดส่องดูบรรยากาศโดยรอบด้วยความสนใจ

สายตาของเธอปัดไปมาทั่วตลาด พบเห็นทั้งของแปลกตาและสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็นมาก่อน ในชาติภพที่แล้ว เธอไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสกับบรรยากาศที่คึกคักและเต็มไปด้วยสีสันเช่นนี้

ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินกับการสำรวจตลาดอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นสองตาหลานที่ร่างกายผอมแห้งน่าสงสารที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากแผงขายของของครอบครัวเธอ พวกเขานั่งเงียบๆ มองมาที่แผงเนื้อของครอบครัวเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอยากอาหาร สองตาหลานมองดูเนื้อสัตว์ด้วยความกระหายราวกับว่าไม่ได้กินมานาน

หยางซีซีสังเกตเห็นว่าแผงขายของของสองตาหลานนั้นเงียบเหงา ไม่มีใครสนใจเลย เธอจึงหันไปมองสิ่งของที่พวกเขานำขาย และแล้วเธอก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าสองตาหลานกำลังขายทองคำและเครื่องประดับต่างๆ ที่ดูมีค่ามากกองอยู่ตรงหน้าเหมือนของไม่มีค่าก็ว่าได้

"นั้นมัน… ทองคำนี้!!! " หยางซีซีกระซิบกับตัวเองอย่างตกใจ

เธอมองไปที่กองทองคำและเครื่องประดับเหล่านั้นอีกครั้งด้วยความสงสัย ทำไมสองตาหลานถึงมีของมีค่าแบบนี้มาขายในตลาดมืดได้ และทำไมถึงไม่มีใครสนใจที่จะซื้อเลย หยางซีซีมองจ้องไปที่กองทองคำและเครื่องประดับอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาสองตาหลานทันที….

****ตอนหน้าน้องซีซีจะเอาเนื้อแลกทองกับสองตาหลานนั้นแน่เลย…****
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • (จบแล้ว ) 70‘s หยางซีซีฮองเฮาทะลุมิติพร้อมมือวิเศษ   บทที่ 243

    ท่านยมทูตที่ยืนมองทั้งสองคนพูดคุยกันเงียบๆ ค่อยๆ ก้าวเข้ามา พร้อมกล่าวขึ้นด้วยเสียงที่หนักแน่นและทรงพลัง "เจียงกุ้ยเฟย เจ้าจะต้องถูกจองจำในนรกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน วิญญาณที่เจ้าทำร้ายจะได้รับการชดเชย และเจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับผลของการกระทำชั่วที่เจ้าก่อไว้ตลอดชั่วนิรันดร์…"วิญญาณที่อาฆาตของเจี

  • (จบแล้ว ) 70‘s หยางซีซีฮองเฮาทะลุมิติพร้อมมือวิเศษ   บทที่ 242

    ท่านยมทูตดำพยักหน้าเบา ๆ และกล่าวทิ้งท้าย"ข้าขอให้ครอบครัวของเจ้าพบแต่ความสุขและความสงบ เจ้าได้ผ่านพ้นสิ่งที่ยากลำบากมาแล้ว และขอให้เวลาต่อจากนี้เป็นเวลาที่เจ้าจะได้พบกับความรักและความอบอุ่นที่แท้จริง"หลังจากนั้นเงาทะมึนของท่านยมทูตดำค่อยๆ หายไปในความมืด เหลือเพียงครอบครัวหยางที่เต็มไปด้วยความสุขแ

  • (จบแล้ว ) 70‘s หยางซีซีฮองเฮาทะลุมิติพร้อมมือวิเศษ   บทที่ 241

    บทสุดท้าย : ฝาแฝดหงส์มังกร / การเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายวันเวลาผ่านไปหลายเดือนจนกระทั่งครรภ์ของหยางซีซีนั้นตั้งครรภ์ครบเก้าเดือน ครอบครัวหยางก็กำลังเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์สำคัญของตระกูล พวกเขาจองห้องพิเศษที่โรงพยาบาลเอาไว้และหยางซีซีก็เข้าพักทันทีในวันคลอด หยางซีซีต้องเผชิญกับความเจ็บปวดอย่างหนัก

  • (จบแล้ว ) 70‘s หยางซีซีฮองเฮาทะลุมิติพร้อมมือวิเศษ   บทที่ 240

    ท่านนายพลเซี่ยไม่ได้มีความคิดแบบครึ่งๆ กลางๆ หากเขาต้องการอะไรแล้ว เขาต้องทำให้ได้อย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะเมื่อมันเกี่ยวกับครอบครัวของเขาเอง เมื่อตั้งใจว่าต้องการให้ ดร.หยางไป่หลง มาเป็นลูกเขยของเขา ก็ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งได้ ท่านนายพลจึงตัดสินใจเริ่มต้นปฏิบัติการทันที โดยการให้ลูกสาวนั้นเชิญ ดร.หยางไป่ห

  • (จบแล้ว ) 70‘s หยางซีซีฮองเฮาทะลุมิติพร้อมมือวิเศษ   บทที่ 239

    "อาจารย์หยางค่ะ ฉันคิดว่าเราอาจจะมีปัญหากับผลลัพธ์การทดลองนี้ ฉันไม่แน่ใจว่าเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลทำงานถูกต้องหรือไม่"หยางไป่หลงเงยหน้าจากบันทึกการทดลองของเขา และเดินตรงมาที่โต๊ะของเซี่ยจื่อหาน เขามองเห็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ผิดปกติ บนหน้าจอนั้นมีกราฟที่ไม่สอดคล้องกับค่

  • (จบแล้ว ) 70‘s หยางซีซีฮองเฮาทะลุมิติพร้อมมือวิเศษ   บทที่ 238

    หยางไป่หลงหันมองเธอพร้อมกับยิ้มเล็กๆ“ใช่ครับ ผมกำลังทำงานวิจัยเกี่ยวกับการใช้ AI ในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ คุณสนใจมาร่วมงานด้วยหรือครับ?”เขาพูดอย่างสุภาพ แต่ในน้ำเสียงมีความเป็นทางการเล็กน้อย“สนใจค่ะ แต่ฉันคิดว่ามีหลายประเด็นที่คุณอาจจะมองข้ามไป เช่น ความเสี่ยงทางจริยธรรมในการใช้ AI ในก

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status