บทที่9 สร้างมิติใส่ของ
“..ฉันรู้รหัสค่ะ”
สะใภ้รองผู้งดงามและเป็นคนเงียบ ๆ เอ่ยขึ้นมาเบาๆ
“พี่ใหญ่ของฉันแอบส่งมาให้ฉันพร้อมกับของที่ส่งมาให้รอบล่าสุดค่ะ”
เธอเฉลยให้ทุกคนได้ฟังว่าได้รหัสมาอย่างไร เพราะการที่จะได้รหัสที่จะเข้าไปในตลาดมืดนั้นไม่ง่ายนัก ต้องคนที่เคยเข้าไปเท่านั้นถึงจะได้มา เพราะตลาดมืดนั้นเป็นการสร้างขึ้นมาโดยผู้มีอิทธิพลกลุ่มหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นทหารเก่าอะไรสักอย่างและหากว่าหยางฟู่เหยาจำไม่ผิดพี่ชายเธอเคยบอกว่าเจ้าของตลาดคือทหารเก่าที่ผันตัวมาเป็นเจ้าพ่อน่าจะชื่อฉีฮ้าว อะไรสักอย่างเธอก็จำไม่ค่อยได้เพราะว่าเส้นทางของภรรยาพวกชาวนาอย่างเธอนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเจ้าพ่ออยู่แล้วก็เลยไม่อยากจะใส่ใจจำ
พูดถึงพี่ใหญ่ของหยางฟู่เหยาเขาคือจางอี้เฉิง พี่ใหญ่จางทำงานที่โรงงานเหล็กในตัวเมืองเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ ทำให้หน้าที่การงานและการเงินถือว่าดีมาก เพราะว่าสมัยนั้นการได้ทำงานโรงงานนั้นถือว่ามีชามข้าวเหล็กอยู่ในมือ กินใช่อย่างไรก็ไม่หมด คนส่วนใหญ่จึงอยากจะให้ลูกหลานเข้าทำงานในโรงงานกันมาก วันที่เธอได้พบพี่ใหญ่นั้นหยางฟู่เหยาจำได้ดี วันนั้นเธอกับหยางจิ้งเดินทางเข้าเมืองเพื่อซื้อของใช้จำเป็น พวกเขาเดินวนเวียนอยู่แถวโรงงานเหล็กแห่งหนึ่ง จู่ๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงโปร่งที่คุ้นเคยกำลังยืนอยู่หน้าโรงงานเหล็กแห่งนั้น หยางฟู่เหยามองอยู่นานจนแน่ใจว่าร่างสูงนั้นคือ เป็นพี่ใหญ่ของเธอ
จางอี้เฉิงนั้นเมื่อเห็นสภาพของน้องสาวและหยางจิ้งในตอนนั้นดูไม่ค่อยดีนัก เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูเก่าและรองเท้าก็ดูจะไม่ค่อยสมบูรณ์ พี่ใหญ่จางของเธอเห็นสภาพเช่นนั้นก็อดที่จะรู้สึกสงสารไม่ได้ เขาเดินเข้ามาหาและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบน้องสาวคนเล็กด้วยความเป็นห่วง
"เหยาเหยา...เป็นยังไงบ้าง" เสียงของพี่ใหญ่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
หยางฟู่เหยาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "สบายดีค่ะพี่"
พี่ใหญ่ของเธอเห็นว่าน้องสาวและน้องเขยของเธอดูลำบาก จึงตัดสินใจให้เงินและของใช้จำเป็นแก่พวกเขา แต่หยางฟู่เหย่าและหยางจิ้งปฏิเสธที่จะรับ
"ไม่เป็นไรค่ะพี่ใหญ่ ฉันพอมีพี่ใหญ่เก็บไว้ใช้เถอะ"
หยางฟู่เหยาปฏิเสธด้วยความจริงใจ เพราะเธอรู้ดีว่าเธอเลือกที่จะเดินออกมาก็ต้องยอมรับไม่ว่าชีวิตจะสุขหรือทุกข์เธอจะไม่ขอกลับไปที่บ้านใหญ่อีก
แต่พี่ใหญ่จางของเธอไม่ยอมรับคำปฏิเสธ เขายัดเงินและของใช้ให้กับหยางฟู่เหยา โดยไม่รับการปฏิเสธใดๆ และยังถามถึงที่อยู่ของพวกเธอด้วย หลังจากนั้นมา พี่ใหญ่ของเธอก็มักจะส่งของมาให้พวกเขาเป็นประจำทุก 2-3 เดือนเสมอ
หยางจิ้งรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของพี่ใหญ่จางอี้เฉิงเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าพวกเขาติดหนี้บุญคุณพี่ใหญ่คนนี้มากมาย จึงแอบนำผักป่าและเห็ดแห้งที่เก็บมาได้ไปให้พี่ใหญ่ที่โรงงานเป็นครั้งคราว เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจ และครั้งล่าสุดนี้ของที่ส่งมานั้นมีรหัสเข้าตลาดมืดมาด้วย เพราะพี่ใหญ่นั้นคิดว่าบ้านของพวกเธอนั้นมีของป่าอาจจะอยากจะแอบนำไปขายที่นั่นบ้างนั้นเอง
“หากว่ามีรหัสแล้วเราก็สามารถที่จะเข้าไปขายของได้แล้วสิคะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เอาไก่และเนื้อกับผักพวกนี้บางส่วนไปขายกันเถอะ”
หยางซีซีนั้นเหมือนเห็นว่าปัญหาได้รับการแก้ไขแล้วเธอก็เสนอทันที เพราะว่าจากสภาพของบ้านตระกูลจางตอนนี้นั้นพวกเขาต้องการเงินมากจริงๆ ทั้งเพื่อนำมาซ่อมแซมบ้านหลังเล็กนี้และเพื่อซื้อของอื่นๆ เพราะเท่าที่หยางซีซีเห็นด้วยตาเปล่าตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้าของพวกเขานั้นล้วนแต่ทั้งเก่าขาดและมีรอยปะอยู่เกือบทุกตัวก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถทำให้เสื้อผ้าเหล่านี้ของพวกเขากลับมาใหม่ได้ แต่ว่าด้วยคุณภาพของเสื้อผ้ารองเท้าเหล่านี้ก็ไม่ได้ดีมาก ดังนั้นหากมีมาเพิ่มและหาซื้อของมีคุณภาพมันย่อมดีกว่า ไหนจะพวกเครื่องปรุงต่างๆ ที่อยู่ในครัวที่มีน้อยนิดนั้นด้วย
เมื่อทุกคนเห็นด้วยกับความคิดของเธอหยางซีซีก็มองไปรอบๆ บ้านหลังน้อยนี้ทันที มองหาไม่นางเธอก็จ้องตะกร้าสานใบเก่าของพ่อหยางที่วางอยู่ในครัว สายตาของเธอเต็มไปด้วยความตั้งใจ เธอจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยใช้พลังของหัตถ์เทวะสร้างพื้นที่มิติขนาดเล็กได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าตอนนั้นสิ่งที่เธอใช้เป็นวัตถุรองรับคือหยกจักรพรรดิชั้นยอด (พอดีตอนนี้ไม่มีหยกธรรมดาเลยค่ะ มีแต่ของชั้นยอด5555) แต่ว่าคราวนี้เธอจะลองใช้ตะกร้าไม้ไผ่สานเพื่อเป็นวัตถุรองรับพื้นที่มิติดู ครั้งนี้เธอจึงคิดจะนำความรู้ที่อาจารย์ได้สอนมาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาเรื่องการเก็บของที่จำเป็นต้องนำไปขายที่ตลาดมืด เพราะหากว่าเป็นตะกร้าสานเก่าๆ มันก็จะไม่เป็นที่ดึงดูดสายตาผู้คนมาก เพราะว่าคนที่นี่นิยมใช่ตะกร้าไม้ไผ่สานกันมาก
หยางซีซีหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะวางมือทั้งสองข้างลงบนตะกร้าสานใบเก่า พลังงานสีขาวนวลบริสุทธิ์ค่อยๆ แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเธอและหลั่งไหลไปที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง จากนั้นก็ไหลเวียนไปรอบตัวตะกร้าไม้ไผ่สาน พลังงานเหล่านี้ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในเนื้อไม้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
ทันใดนั้นเอง ตะกร้าสานใบเก่าก็เริ่มเปล่งประกายสีขาวจ้าขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ บิดเบี้ยวและขยายตัวยืดออกไปกว้างประมาณ 5 เมตร หรือเท่ากับห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งจากนั้น จากนั้นมันก็ค่อยๆ หดตัวลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเท่าขนาดเดิมของมัน แต่ว่าภายในตะกร้าสานใบนี้มีอีกมิติหนึ่งซ่อนอยู่นั้นเอง
ดวงตาของสมาชิกตระกูลหยางเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจและตื่นตะลึง พวกเขามองดูหยางซีซีที่กำลังสร้างตะกร้ามิติด้วยความทึ่ง สิ่งที่พวกเขากำลังเห็นอยู่ตรงหน้ามันช่างเกินความคาดหมายเกินกว่าที่จินตนาการจะคิดถึง
ความจริงแล้ว พวกเขาไม่เคยเชื่อเรื่องราวเหนือธรรมชาติมาก่อน การที่หยางซีซีจะสร้างสิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้ขึ้นมาได้ มันเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับ แต่เมื่อได้เห็นด้วยตาตัวเอง ได้สัมผัสกับประสบการณ์จริง ๆ พวกเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป
ทุกครั้งที่หยางซีซีทำอะไรที่น่าทึ่ง พวกเขาก็จะอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความชื่นชมและความภาคภูมิใจในตัวเธอและพวกเขาก็อดดีใจไม่ได้ที่เจ้าสามหยางเฟยหลงเก็บภรรยามาได้ดีจริงๆ เขาถึงกับเก็บนางฟ้าเข้ามาอยู่ในบ้านตะกลูหยางของพวกเขาได้…เจ้าสามช่างสามารถ
"นี่มัน...มันเหลือเชื่อจริงๆ"
คุณพ่อหยางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแม้ว่าเขาพยายามที่จะระงับเอาไว้แล้วก็ตาม
“ซีซีลูกเก่าจริงๆ ทำได้อย่างไรกัน”
คุณแม่หยางเอ่ยซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้ต้องการคำตอบแต่อย่างใด จากนั้นสมาชิกตระกูลหยางก็ไม่ได้ถามอะไรอีก พวกเขาเข้าใจดีว่าบางสิ่งบางอย่างมันอธิบายด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้
“นี่มันคืออะไรกันหรือสะใภ้สาม”
เป็นคุณพ่อที่อดรนทนไม่ไหวถามออกมา ก็เขาเห็นตะกร้าไม้ไผ้ที่เขาสานและใช้งานมานานนั้นอยู่ๆก็ยืดออกกว้างจนเท่าห้องใหญ่ๆ หนึ่งห้องจากนั้นมันก็หดตัวลงกลับมาขนาดเท่าเดิมจะไม่ให้เขาถามได้อย่างไรเล่า และแน่นอนสีหน้าของสมาชิกทุกคนก็แสดงออกมาว่าอยากรู้มากจริงๆ
“นี่คือพื้นที่มิติที่ฉันสร้างขึ้นมาเองค่ะ” หยางซีซีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ฉันจะใช้มันในการเก็บของที่เราจะนำไปขายที่ตลาดมืดค่ะ”
จากนั้นหยางซีซีก็แสดงวิธีการใช้พื้นที่มิตินี้ให้ทุกคนได้รู้ โดยเธอเริ่มนำเอาเก้าอี้โต๊ะเอาไปอย่างรวดเร็ว สมาชิกในตระกูลย่อมตกใจที่อยู่ๆ โต๊ะเก้าอี้ที่พวกเขานั่งอยู่ก็หายวับไปกับตา จากนั้นไม่นานสะใภ้สามพึมพำอะไรเบาๆ สักอย่างชุดโต๊ะเก้าอี้ชุดเดิมก็กลับออกมาและวางอยู่ที่เดิมด้วย
ตอนนี้นั้นสามารถพูดได้ว่าปากของทุกคนนั้นอ้ากว้างจนแมลงสามารถบินเข้าไปได้แล้วจริงๆ
จากนั้นหยางซีซีก็เรียกสติพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งจนพวกเขาสามารถกลับมามีสติสัมปชัญญะได้ปกติอีกครั้ง หยางซีซีจึงได้บอกวิธีการใช้ให้ทุกคนได้รู้ นั้นคือวิธีการผูกพันกับตะกร้ามิติ โดยตะกร้าใบนี้จะเป็นตะกร้าที่จดจำเจ้าของ หากว่ามีคนมาขโมยหรือแย่งไป มันจะกลับมาหาเจ้าของเอง ดังนั้นหากว่าต้องการแสดงความเป็นเจ้าของและผูกพันกับตะกร้าทุกคนต้องใช้เลือดของตัวเองปาดลงไป บริเวณใดก็ได้ของตะกร้าใบนี้ ซึ่งเมื่อได้ยินคุณพ่อหยางเป็นคนแรกที่หาเข็มเล็กๆ มาทิ่มนิ้วของตัวเองและป้ายลงไปในตะกร้าทันที เขาอยากจะลองใช้มันจริงๆ นี่น่า จากนั้นทุกคนก็ต่างพากันปาดนิ้วที่มีเลือดหยดเล็กไปตามส่วนต่างๆ ของตะกร้า เมื่อหยางซีซีจับที่ตะกร้าอีกครั้งแสงสีขาวก็ผสมกับเลือดที่ป้ายอยู่จากนั้นเลือดเล็กๆ เหล่านั้นก็ซึมเข้าไปในตะกร้าสานใบเก่านี้ทันที
ในขณะนั้นเอง ทุกคนต่างรู้สึกถึงความผูกพันกับตะกร้าใบนี้มากขึ้น ราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ราวกับมันคือส่วนหนึ่งของร่างกายนั้นเอง
หลังจากนั้นหยางซีซีก็ได้ บอกกับทุกคนถึงคุณสมบัติของพื้นที่มิติที่เธอสร้างว่าสามารถที่จะทำอะไรได้ เช่น
ความจุภายในตะกร้าใบนี้ มีพื้นที่มิติที่กว้างประมาณ 5 เมตร สามารถเก็บของได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ผัก ผลไม้ เครื่องมือ หรือแม้แต่เสื้อผ้า"
รักษาความสด :อาหารและพืชผักที่เก็บไว้ภายในพื้นที่มิติจะคงความสดใหม่ได้นานเป็นพิเศษ เหมือนเพิ่งเก็บมาจากสวน
ป้องกันการเน่าเสีย: ของใช้ต่างๆ ที่เก็บไว้จะไม่เกิดการเน่าเสียหรือเสียหาย ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่หรือมันจะคงสภาพเดิมตลอดไปนั้นเอง
ป้องกันการสูญหาย: ของที่เก็บไว้ภายในพื้นที่มิติจะปลอดภัยจากการสูญหาย หรือถูกทำลายจากภายนอก และหากมีคนขโมยก็ไม่ต้องกังวลเพราะมันจะกลับมาหาเจ้าของของมันเอง
เคลื่อนย้ายสะดวก: แม้ว่าภายในตะกร้ามิติจะมีพื้นที่กว้างใหญ่ แต่ตัวตะกร้าเองก็ยังคงมีขนาดเท่าเดิม ทำให้สะดวกในการพกพา แต่สะพายก็สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างสบาย
หยางซีซีอธิบายต่อว่า
"นอกจากนี้ พื้นที่มิติยังสามารถปรับอุณหภูมิได้เอง เพื่อให้เหมาะสมกับสิ่งของที่เก็บอยู่ภายใน เช่น ถ้าเราเก็บผลไม้ไว้ ก็สามารถปรับอุณหภูมิให้เย็นเพื่อรักษาความสดได้ค่ะ"
การใช้งานตะกร้ามิติก็ง่ายมาก เพียงแค่จินตนาการถึงสิ่งของที่ต้องการจะเก็บ แล้วเอื้อมมือเข้าไปในตะกร้า สิ่งของนั้นก็จะปรากฏขึ้นมาทันที หรือถ้าต้องการนำของออกมา ก็เพียงแค่จินตนาการว่าต้องการนำสิ่งของนั้นออกมา สิ่งของนั้นก็จะออกมาจากตะกร้า
หยางซีซีอธิบายให้ทุกคนฟังอย่างละเอียดว่าควรจะใช้ตะกร้ามิติใบนี้อย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและปลอดภัย ทุกคนในครอบครัวต่างก็ตื่นเต้นและดีใจกับสิ่งประดิษฐ์อันน่าอัศจรรย์นี้ พวกเขาเชื่อว่าตะกร้ามิติใบนี้จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน
ทุกคนในครอบครัวต่างก็ฟังด้วยความสนใจและตื่นเต้น พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีสิ่งของวิเศษเช่นนี้อยู่ในโลก
"นี่มันเหมือนของวิเศษในนิทานเลยนะ" คุณแม่หยางพูดขึ้นมาด้วยความทึ่ง
"ใช่ค่ะคุณแม่ (มันคือนิยาย 5555) " หยางซีซีตอบกลับ "แต่สิ่งนี้เป็นของจริงที่เราสร้างขึ้นมาด้วยกันค่ะ และใช้งานได้ง่ายด้วย เอาไว้พอเรามีเวลาฉันจะสร้างพื้นที่มิติให้กับทุกคนจะได้มีเป็นของตัวเองดีไหมค่ะ"
“ดี!!!” ครอบครัวหยางประสานเสียงกันเซ็งแซ่ขึ้นมาทันที
****อยากมีตะกร้ามิติเป็นของตัวเองจัง****