บทที่4. วันคืนแสนโหดร้ายก็มาถึง
โดมินิคเริ่มต้นวันใหม่อย่างอารมณ์ดี วันนี้แล้วสินะ วันที่ทุกอย่างจะเป็นตามความต้องการของตัวเอง วันนี้โดมินิคจะได้พิสูจน์ให้ผู้หญิงคนนั้นได้รู้ว่า เงินมีอำนาจขนาดไหน ไม่ว่าอะไร แพงแค่ไหนก็ซื้อได้หมดแม้แต่คนที่ปฏิเสธเขาเสียงแข็งเพียงใด ก็ยังต้องพ่ายแพ้ต่ออำนาจเงินตรา วิธีการถึงจะต่ำช้าก็ช่างโดมินิคไม่สนใจ อะไรที่โดมินิคต้องการต้องได้เสมอ โดมินิคยกข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลาที่นาฬิกาเรือนหรูที่คาดอยู่บนข้อมือใหญ่ นี่ก็ผ่านไปนานจนเวลาถึง 11.00น.เข้าไปแล้ว เจ้าหล่อนทำอะไรอยู่ จนป่านนี้ยังไม่มาสักที ชายหนุ่มเริ่มกระวนกระวาย คิ้วขมวดชนกันจนแซมและการ์ด เริ่มแปลกใจ
“แซม... นายนัดเขาไว้เวลาเท่าไร ป่านนี้แล้วทำไมยังมาไม่ถึงอีก”
“นัดใครที่ไหนครับ กำหนดงานวันนี้หมดแค่นี้แล้วครับ หรือว่าเจ้านายมีนัดนอกเหนือจากนี้ที่ยังไม่บอกผมอีก”
“แล้วที่ฉันให้นายไปทำนะ เวลาสิ้นสุดคือวันนี้ไม่ใช่เหรอ จนป่านนี้เขายังไม่ติดต่อมาอีกหรือไง จะต้องให้รอจนถึงเมื่อไรวะ” โดมินิคพูดเสียงขุ่นผสมความหงุดหงิด
“อ๋อเรื่องนั้นนั่นเอง เวลาสิ้นสุดวันนี้ครับ ถึงเวลาเขาจะติดต่อมาเอง นี่ก็ยังเช้าอยู่เลยครับ คงประมาณเย็นโน้นแหละครับ คงต้องรอให้หมดเวลาทำงานของคุณวราก่อนครับ”
แซมอดอมยิ้มไม่ได้ นี่ก็คงรออยู่ว่าเมื่อไรวราพิชชาจะติดต่อมา แซมไม่เคยเห็นมาก่อนว่าโดมินิคจะอดทนจะต้องรอใครได้ นานๆ จะมีคนขัดใจสักที นี่ก็คงอยากเอาชนะเต็มที่ แต่คงจะลืมไปว่าทุกๆ คนก็มีหัวใจ ถ้าจะเล่นกับหัวใจคน งานนี้ไม่ตัวเจ้านายก็สาวน้อยคนนั้น ไม่ใครก็ใครคงต้องเสียใจและเจ็บช้ำกันบ้าง แซมจึงแอบถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม
ด้านวราพิชชาทำงานอย่างเหม่อลอย เธอแอบเช็ดน้ำตาบ่อยๆ ตลอดทั้งวัน แต่เพื่อความอยู่รอดของทุกคน เธอจำเป็นต้องทำเวลาแค่ หนึ่งปี ไม่นานเดี๋ยวก็ผ่านไป นับแต่นี้ทุกคนจะได้มีความสุขไม่ต้องหวาดระแวง มีที่หลับที่นอน ได้เรียนหนังสือ มีอนาคต วราพิชชาล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบนามบัตรซึ่งมีเบอร์โทรศัพท์ของเจ้าของที่คนใหม่ขึ้นมามอง วันนี้วราพิชชาต้องไปพบเขาเพื่อตกลงรายละเอียดที่ทางฝ่ายนั้นกำหนดขึ้นมา วราพิชชาอยากรู้นักเขาเป็นคนเช่นไร ทำไมถึงต้องการให้เธอไปอยู่ด้วย แม้ไม่ระบุมา วราพิชชาก็รู้ว่าฝ่ายนั้นต้องการอะไร เวลาทุกนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากนาทีเป็นชั่วโมง เผลอแปบเดียวก็หมดเวลาทำงานนี่คงถึงเวลาแล้วจริงๆ วราพิชชาล้วงโทรศัพท์ราคาปานกลางที่ใช้ประจำขึ้นมาถือไว้ เธอกลั้นใจกดเบอร์ที่อยู่ในนามบัตร อย่างจำใจ
เสียงโทรศัพท์ของแซมดังขึ้นมา โดมินิคจึงเสหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน ทำทีเหมือนไม่สนใจ แต่ก็คอยแอบฟังว่าแซมจะคุยอะไร จนได้ยินเสียงแซมถามขึ้นว่า
“จะไปพบเธอเลยเหรอเปล่าครับ”
“หืม ...ว่าไงนะ”
“คนที่นัดไว้ จะมาพบคุณในอีกห้านาทีที่จะถึงนี้ จะให้เธอมาเลยไหมครับ”
“อืม... ให้ไปรอที่นัดไว้นะ ฉันทำงานเสร็จจะไปพบเอง”
โดมินิคทำทีเหมือนงานยุ่งขึ้นมา ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันตั้งแต่เช้า ท่าทางกระวนกระวายของเขามีการ์ดคนไหนไม่เห็นบ้าง พอตกบ่ายก็นั่งฮึดฮัดจนถึงตอนนี้
“พาไปห้องที่จองไว้เลย สักพักเจ้านายจะตามไป” แซมกดวางโทรศัพท์ แล้วมองสบตาโดมินิค
“ผมสั่งอาหารเย็นไว้ให้แล้ว ถึงเวลาเขาจะไปเสิร์ฟ ถ้ามีอะไรโทรตามผมได้ตลอด ผมจะอยู่แถวๆ นี้ครับ”
“ไม่มีอะไรแล้ว ก็กลับไปทั้งหมดนั่นแหละ คืนนี้ฉันจะค้างที่นี่ พวกนายกลับกันได้เลย”
โดมินิคสั่งงานทั้งที่ยังไม่ยอมวางหนังสือที่อยู่ในมือลง เขาทำเหมือนสนใจหนังสือตรงหน้าเต็มประดา ทั้งที่ยังไม่ได้อ่านอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย เมื่อลดหนังสือลงก็ไม่เหลือใครในห้องแล้ว พอมองไปรอบๆ ไม่มีใครจึงได้ลุกขึ้นยืนอย่างกระปรี้กระเปร่า เพื่อจะไปยังจุดหมายที่ตั้งตารอ
วราพิชชานั่งรอภายในห้องๆ หนึ่งของโรงแรมแห่งนี้ เธอนึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมทนายความคนนั้นบอกให้รออยู่ที่ทำงาน เมื่อตอนที่วราพิชชาติดต่อไป จนได้มานั่งรออยู่ที่ห้องนี้ วราพิชชารออย่างกระวนกระวาย เหงื่อในอุ้งมือซึมออกมาตลอดเวลา จนต้องคอยเช็ดครบความเปียกชื้นกับกระโปงที่สวมใส่บ่อยๆ บีบมือเรียวจนเจ็บเพื่อระบายความตื่นเต้น จนเมื่อเวลาผ่านไป การได้อยู่คนเดียวเงียบๆ เธออดคิดด้วยความสงสัยไม่ได้ เธอเองไม่ได้สวยมากมายอะไร ทำไมคนที่ต้องการเธอ ถึงได้ทุ่มเงินจำนวนมาก เพื่อให้เธอมาอยู่ด้วย แลกกับจำนวนเงินที่ต้องเสียไปคิดยังไงก็ไม่คุ้ม เสียงประตูเปิด และปิดลงในเวลาไล่เลี่ยกัน เสียงรองเท้าหนักๆ ย่ำลงพื้นพรมดังกึกๆ สักพักเสียงเดินก็มาหยุดลงใกล้ๆ กับที่วราพิชชานั่งรออยู่
วราพิชชาอยากจะเงยหน้าดูแต่ก็ใจไม่กล้าพอ เธอก้มมองพื้นด้วยความเกรงกลัว ถ้าเขาเป็นคนหน้าตาอัปลักษ์ แก่ พิกลพิการจะทำอย่างไร แต่เมื่อตัดสินใจแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด วราพิชชาไล่มองตั้งแต่ปลายรองเท้า ไล่ขึ้นมาจนถึงชายกางเกง ดูจากเนื้อผ้าแล้วคงจะแพงน่าดู เนื้อผ้าเป็นมันเรียบกริบค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาทรงกางเกงเป็นแบบสมัยใหม่ รูปแบบใหม่คงไม่ใช่ชายสูงอายุ ชายเสื้อสอดอยู่ในกางเกงคาดเข็มขัดหนังเงาวับดูมีราคา เนื้อผ้าแนบติดลำตัวดูแล้วคงรักษาสุขภาพน่าดู ลำคอใหญ่ดูแข็งแรง
“รูปร่างของผมถูกใจเธอเหรอเปล่า มีอะไรต้องแก้ไข หรือเพิ่มเติมอีกไหม”
วราพิชชาผงะ รีบเงยหน้ามองด้วยควมตกใจ เสียงที่ได้ยินมันคุ้นหูจนไม่อยากจะคาดเดา เธอตกใจจนเกือบสิ้นสติ เธอน่าจะรู้และไม่มีข้อสงสัยเลยสักนิด ทำไมกันล่ะ ทำไมเจ้าของที่คนใหม่ถึงเจาะจงและระบุเธอ
“คุณนี่เอง วรานึกว่าใครที่ไหน วราไม่แปลกใจแล้วละว่าทำไมต้องเป็นวราเท่านั้น” น้ำเสียงหวานแหลมแฝงแววหดหู่แกมเย้ยหยันดังออกมาจากปากอิ่ม
โดมินิคแปลกใจ บรรยกาศในห้องนี้รู้สึกหดหู่และหม่นหมอง แต่ในขณะที่เธอเงยหน้ามามองเขาบรรยากาศเปลี่ยนไปทันที รู้สึกได้ถึงความกดดัน ปนเหยียดหยาม โดมินิคนึกละอายใจเหมือนกัน เขาไม่เคยใช้วิธีต่ำทรามเช่นนี้เพื่อกดดันใครมาก่อน แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้ วราพิชชาซิจะต้องจำนนต่อเขาสิ ไม่ใช่มองเขาด้วยแววตาอาฆาต
“เรามาคุยรายละเอียดกันดีกว่านะ เพื่อไม่ให้เสียเวลา” โดมินิครีบสลัดความรู้สึกกวนใจทิ้ง
“...” วราพิชชานิ่งฟังอย่างสงบ
“เธอเสนอมาได้เลย ต้องการอะไรเป็นพิเศษนอกเหนือที่ระบุในสัญญาอีกหรือเปล่า” โดมินิคเสนอ อย่างใจป้ำ
“ขอบคุณค่ะ ดิฉันคงไม่ต้องการอะไรเพิ่ม แค่อยากรู้ว่าดิฉันมีสิทธิทำอะไรได้บ้าง นับจากวันนี้เป็นต้นไปค่ะ” วราพิชชาขอบคุณเบาๆ และเงยหน้าขึ้นมาสบนัยน์ตากับโดมินิคอย่างไม่เกรงกลัว
“เธอหมายถึงอะไร เช่น...” โดมินิคเลิกคิ้วขึ้นสูง และถามอย่างสงสัยในคำตอบ
“ดิฉันสามารถทำงานอื่นได้ไหมคะ แล้วงานใหม่นี่ เวลาเข้างานเวลาเท่าไร เลิกงานเวลาเท่าไรคะ”วราพิชชาอธิบายและสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับหน้าที่ๆ ใหม่ เธอต้องทำอะไรบ้าง
“ได้สิ...ตามสบาย งานไม่ยากเกินกว่าที่เธอจะทำได้สาวน้อย แต่ถ้าเธออยากไปทำงานในตำแหน่งที่เคยทำอยู่ก็ตามใจ ฉันไม่ชอบบังคับใครหรอก ตามแต่เธอจะสะดวกก็แล้วกัน”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
“ส่วนเวลาทำงานก็แล้วแต่เธอ จะสะดวกผมยังไงก็ได้ทั้งนั้น”
“ค่ะ”
“ส่วนเวลาเลิกงาน ฉันไม่สามารถบอกได้แฮะ...มันกำหนดไม่ได้เสียด้วยนี่สิ” โดมินิคจบคำถามที่วราพิชชาถามมาด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่ม
ปรากฏรอยน้ำตาในนัยน์ตาสาวน้อยตรงหน้าเพียงแวบเดียว ก่อนจะจางหายไป วราพิชชาเชิดหน้าขึ้นถามจนโดมินิคได้แต่อึ้งตอบแทบไม่ทัน จากผู้หญิงที่กำลังอยู่ในห้วงทุกข์ กลายเป็นสาวกร้านโลกเข้มแข็งขึ้นมาดื้อๆ เธอเปลี่ยนไปจนโดมินิคอดแปลกใจไม่ได้ ผู้หญิงตรงหน้ามีบุคลิกหลายอย่างไม่เหมือนใคร มีอะไรให้ติดตามได้ตลอดเวลา เธอพร้อมสู้ทุกอย่าง ไม่ยอมแพ้โชคชะตา แม้จะโดนบีบจนไม่มีทางเดิน ก็พร้อมสู้อย่างไม่ยอมจำนน
“ดิฉันอยากทราบว่างานที่ทำปัจจุบันนี้นะคะ ดิฉันต้องทำอะไรบ้าง”
“หน้าที่หลักของเธอเลยนะ ก็แค่ทำให้ผมพอใจ ส่วนงานที่ทำอยู่ ถ้ามีแรงเหลือทำไหวก็เชิญตามสบาย ผมไม่ห้าม”
วราพิชชาอดค้อนให้โดมินิคไม่ได้ แต่ก็ต้องหน้าแดงทันที ที่โดมินิคพูดจบ อีตานี่คิดจะใช้งานเธอไม่ให้พักผ่อนเลยเหรอ จะให้รับใช้จนหมดแรง ไม่มีเรี่ยวแรงเหลือทำอย่างอื่นเลยหรือไง
“ที่ถามว่าเริ่มงานเวลาไหนก็แล้วแต่เธอสะดวก บอกได้เลยว่าเวลาไหนผมว่างตลอด ส่วนที่พักผมมีแล้ว ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไร เธอต้องพักกับผม จนกว่าจะครบกำหนดเวลาที่ระบุไว้”
“ดิฉันขอไห้ปิดเป็นความลับได้ใหมคะ เกรงว่าจะทำให้คุณเสียภาพพจน์ และอาจไม่ดีต่อชื่อเสียงของโรงแรมค่ะ”
“ตามใจผมยังไงก็ได้ วันนี้ผมเหนื่อยมาก ช่วยนวดไหล่ให้หน่อยแล้วกัน รู้สึกปวดต้นคอเหมือนจะหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ ผมอาบน้ำก่อนนะ เธอก็เตรียมตัวรอเถอะ ผมอาบน้ำไม่นานหรอก”
“เออ...”` วราพิชชามองตามโดมินิคที่หันหลังเดินไปทางห้องอาบน้ำอย่างอึ้งๆ นับจากนี้ วงจรชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนไป ต้องทำหน้าที่ๆ น่าอดสู แต่สถานะการแบบนี้จำให้เธอต้องทน เวลาแค่หนึ่งปีไม่นานก็จริง แต่กว่าที่วราพิชชาจะได้อิสรภาพคืนมามันคงนานพอดู นับจากนี้ไปคงต้องก้มหน้าจำทน จนกว่าทุกอย่างจะจบลง และจนกว่าโดมินิคจะพอใจยินยอมปล่อยวราพิชชาไปตามทางของเธอ โดยไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวหรือเกี่ยวข้องกัน
บทที่32.ตอนพิเศษ 2“คุณปู่คร๊าฟๆ...เอวาอยากเล่นน้ำ แต่แดร็กกลัวว่าจะดูเอวาไม่ไหว คุณแม่กับแด๊ดยังไม่ตื่นคร๊าฟ คุณปู่ไปดูแดร็กแปบหนึ่งได้ไหมคร๊าฟ” พาสกรในวัยหกขวบส่งเสียงเจื้อยแจ้วนำมาก่อนล่วงหน้า ตั้งแต่ยังไม่ทันเห็นตัว “ว่ายังไงละ ตัวแสบอ้อนจะเอาอะไรอีก แล้วทิ้งน้องไว้ไหนกันละ” เดวิดถามเมื่อหลานชายปรากฏตัวให้เห็น “เอวาอยากเล่นน้ำทะเลนะคร๊าฟ แต่แดร็กจับน้องไม่ไหว กลัวน้องจม พี่สำเรียงเลยให้แดร็กมาตามผู้ใหญ่ไปดูด้วยคร๊าฟ ”เด็กชายจีบปากจีบคอพูดคำพูดบอกกับคุณปู่ผู้สูงวัย “อ๋อ... เอวาจะเล่นน้ำ แล้วพ่อกับแม่เราไปไหนหมดละ เราถึงอยู่กับสำเรียง” “แดร็กไปดูที่ห้องนอน แล้วประตูปิดเคาะเรียกก็ไม่ยอมเปิด สงสัยแด๊ดกับแม่ยังหลับอยู่แดร็กก็เลยมาหาคุณปู่คร๊าฟ”&nb
บทที่31.ตอนพิเศษ1นับตั้งแต่วราพิชชาท้องลูกคนที่สองก็ดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล จนโดมินิคไม่ยอมห่างไปไหน วนเวียนอยู่ใกล้ๆ รวมทั้ง ไม่มีอาการแพ้ท้องเหมือนตอนตั้งท้องน้องบาส นิสัยก็เปลี่ยนไปขี้อ้อน ขี้ใจน้อยจนโดมินิคหัวหมุนไปหมด แม้จะยังทำงานอยู่แต่ก็เป็นเพียงที่ปรึกษา อาจจะเข้ารวมประชุมในบางครั้งที่ปัญาหามันใหญ่จริงๆ วราพิชชาซึ่งชื่นชอบทะเลเป็นพิเศษ โดมินิคจึงดูลู่ทางเพื่อทำธุรกิจเป็นของตัวเอง วางโครงการว่าจะทำรีสอร์ทชายทะเลเล็กๆ สักที่หนึ่ง จึงมัววุ่นวายอยู่กับการเตรียมเอกสารและหาทำเล จนทำให้ละเลยไม่ค่อยเข้าไปคลุกคลีกับวราพิชชา จึงเป็นสาเหตุให้วราพิชชาอดน้อยใจไม่ได้ เธอมักจะแอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวบ่อยๆ แพรไหมสังเกตเห็นว่าวราพิชชาจะสดใสร่าเริงเวลาอยู่ต่อหน้าทุกๆ คนแต่มักจะแอบไปนั่งเงียบๆ คนเดียว จึงคิดว่าจะต้องตักเตือนโดมินิคให้รู้ตัวก่อนว่าคนท้องต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่มากขึ้นกว่าเดิม เพราะมักจะคิดเองเออเอง ธรรมดาวราพิชชาก็อยู่ในจำพวกคิดมากอยู่แล้ว&nb
บทที่30.งานวิวาห์ของโดมินิค-วราพิชชาพิธีการแบบไทยๆ จัดขึ้นในเวลาเช้าตรู่ที่สถานเลี้ยงเด็ก ’อุ้มรัก’ ตามคำขอของวราพิชชาโดยมีการรดน้ำสังข์ตามประเพณีไทยดั่งเดิม วราพิชชาดูงดงามในชุดไทยประยุกค์แขนยาว ปกปิดจนมิดตามที่โดมินิคต้องการเหมือนกัน โดมินิคอยู่ในชุดไทยโบราณ “ราชประแตน” เสื้อแขนยาวสีขาวกระดุมสีทองดูโดดเด่น โจงกระแบนสีแดงมะปรางส่งให้เขาดูสง่าสมชาชาตรี หน้าตายิ้มแย้มพร้อมขบวนขันหมากเยียดยาวที่ตั้งรออยู่ด้านนอก โดมินิคเดินนำหน้าเดวิดและแพรไหมเข้ามาด้านใน ปล่อยให้ขบวนขันหมากที่ถูกจัดเตรียมไว้รออยู่ด้านนอก เมื่อถึงเวลาค่อยเข้ามาตามประเพณี เสียงเพลงที่เปิดไว้ดังจากลำโพงแผ่วๆ พาให้บรรยากาศในงานรื่นรม ผอ.ชลธิชาและสามารถ เพียงใจที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงเดินเข้ามาต้อนรับ เมื่อโดมินิคพาเดวิดและแพรไหมเข้ามา ข้าวปลาอาหารถูกจัดเตรียมไว้เพื่อรอให้โดมินิคและวราพิชชาได้ถวายให้พระสงค์ร่วมกันเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ร่วมกันตามประเพณีไทย “วราจับทัพพีเหนือมือคุณโดมินิคนะ... แม่บอกมา” เสียงน
บทที่29.ผิดไปแล้วดีกันนะเมื่อเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ โดมินิคเดินทางกลับมายังประเทศไทยด้วยความร้อนใจ ป่านนี้วราพิชชาจะเป็นอย่างไรบ้าง รับรู้และเข้าใจเขามากเพียงใด โดมินิคและเดวิดลงจากรถยนต์ที่ทางสนามบินจัดไว้ให้ เมื่อมาถึงยังท่าอากาศยานสุวรรณภมิ เขาเปิดประตูรั้วหน้าบ้านเดินเข้าไปภายใน เวลาที่มาถึงยังเช้าอยู่ และทุกคนอาจจะยังไม่ตื่น สำเรียงชะโงกหน้าออกมามองเมื่อได้ยินเสียงรั้วที่ดังขึ้น ก่อนจะสะบัดหน้าหนี เมื่อเห็นว่าเป็นใครเดินเข้ามา ในแววตาแสดงออกมาชัดเจนถึงความไม่พอใจจนโดมินิคใจเสีย ขนาดคนที่เป็นพี่เลี้ยงลูกเขา ยังไม่พอใจขนาดนี้ วราพิชชาจะแสดงอาการอย่างไรบ้าง เขาหยุดเดินสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ หันมามองแด๊ดอย่างขอความเห็นใจ เดวิส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ “ทำใจดีๆ ไว้มันอาจจะไม่ร้ายแรงขนาดนั้นก็ได้ แด๊ดว่าเข้าไปพิสูจน์กันเลยดีกว่า” เดวิดพู
บทที่28.จบปัญหาซะทีอยากกลับบ้าน (คิดถึงลูก)เมื่อตกลงกับญาติทุกคนได้ ก็เหลือแต่การเจรจากับทอมสันและลิซ่า จากนั้นโดมินิคจะกลับบ้านเพื่ออธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับวราพิชชา แม่ส่งข่าวมาเมื่อไปถึงเมืองไทยว่าวราพิชชายอมฟังที่แม่อธิบายทั้งหมดโดยดีแต่ขอตัดสินใจอีกที โดมินิคเชื่อว่าเขาสามารถอธิบายเหตุผลทั้งหมดได้ และวราพิชชาคงจะให้อภัย แต่ข่าวที่แม่บอกมาทางโทรศัพท์แทบจะทำให้เขาถลากลับบ้านซะตั้งแต่ตอนนี้เลย คราวนี้ละโดมินิคสัญญากับตัวเองว่าจะต้องดูแลวราพิชชาจนกว่าจะคลอดลูกเลยเชียว เมื่อบอกแด๊ดว่าวราพิชชาตั้งครรภ์ได้สี่สัปดาห์แล้วแด๊ดยิ้มไม่หยุด ท่านเตรียมการที่จะไปคุยกับทอมสันให้รู้เรื่อง คุณปู่ป้ายแดงกับคุณพ่อลูกสองตกลงใจว่าต้องจัดการให้เสร็จภายในเวลาไม่นาน อีกทั้งโดมินิคยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับลิซ่าเรื่องมันก็น่าจะง่ายขึ้น โดมินิคเดินทางมายังบ้านพักของทอมสัน หลังจากนัดหมายเจ
บทที่27.ข้อเสนอของภรรยาอีกคนหนึ่ง(ทำอย่างไรดี)โดมินิครู้สึกรุ่มร้อนไปทั้งร่างกาย ข่าวที่หลุดลอดออกไปจากการปล่อยข่าวของครอบครัวของทอมสัน เขาและแด๊ดโดนทอมสันหลอกมาตลอดว่าลิซ่าป่วยเป็นโรคร้าย ทั้งที่ลิซ่าแค่ร่างกายอ่อนแอ หลังจากที่โดมินิคเข้าพิธีแต่งงานตามคำขอของแด๊ด ข่าวหลุดออกไปหลังจัดงานไม่กี่ชั่วโมง ทำให้โดมินิควุ่นวายกับการปิดข่าวที่หลุดออกไป ความหวังดีที่มีให้ส่งผลกระทบตามมาอย่างมากมาย โดมินิคห่วงแค่ความรู้สึกของวราพิชชาเท่านั้น ถ้าวราพิชชารู้ข่าวจะเกิดอะไรขึ้น โดมินิคไม่อยากจะคิดเพิ่งจะคืนดีกันได้ไม่เท่าไร ก็เจอกับปัญหาอีกแล้ว โดมินิคและแด๊ดปรึกษากันอย่างเข้มข้น แด๊ดเสนอให้แพรไหมเดินทางกลับไปยังประเทศไทยเพื่ออธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับวราพิชชาก่อน โดมินิคเห็นด้วยกับความคิดนี้ ทอมสันขู่ว่าจะถอนหุ้นออกไปถ้าโดมินิคทอดทิ้งลิซ่า ทำให้เขาและบิดาจึงต้องนัดบรรดาญาติ และผู้ถือหุ้นมาประชุมร่วมกัน เพื่อเสนอแนวทางแก้ไข เห็นแก่ความเป็นเ