Home / LGBTQ+ / จะลูปไหนก็รักเธอ / บทที่ 21 ตามหาเวลาที่เหลืออยู่

Share

บทที่ 21 ตามหาเวลาที่เหลืออยู่

Author: Me.Daisy
last update Last Updated: 2025-03-06 19:07:55

              เขียนโดยเพนนี  ปัจจุบัน  ลูปที่ 6

              ฉันเจอแกรมม่าและเพียงออเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วนะ  แต่ก็ยังดีใจที่ได้เจอเธออยู่  หมายถึงแกรมม่าน่ะ แล้ววันนี้ฉันคิดจะถอยก้าวหนึ่ง  ก่อนจะไปต่อ  หมายความว่า  ฉันจะไม่หาทางไปจัดการบลูคิลเลอร์ในทันที  แต่อยากสืบเรื่องวนลูปก่อน  ในใจเต็มไปด้วยคำถามมากมาย

              ฉันใช้อ้อยอิ่งโทรด้วยวิดีโอหาลุงกาน ต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมทั้งสองคน

              "ลุงกานคะ  หนูอยากคุยกับนักวิทยาศาสตร์  เรื่องกาลเวลา"

              "แต่ว่า"

              "นะคะ  หนูขอคำตอบเท่าที่เรามีก็ได้  ไม่ต้องตอบให้กระจ่างชัดทุกเรื่องก็ได้"

              ฉันทำเสียงอ้อนเล็กๆ  และรู้ว่าลุงกานจะใจดีกับฉันเสมอ  เพราะอะไรนะ  เพราะฉันเป็นเด็กกำพร้า  หรือฉันเป็นคนโปรด  หรือเพราะฉันมีความสำคัญกับโลกใบนี้  แต่ไม่ว่าเพราะอะไร  ฉันก็จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดี

              "แกรมม่าจะไปด้วย"

              "แต่สุดท้ายเมื่อมีการวนลูป  แกรมม่าก็จะลืมอยู่ดี"  ฉันโบกมือเพื่อปฏิเสธ

              "แต่แกรมม่าจะช่วยฟัง  แล้วก็จะช่วยถามด้วย  เพื่อให้เพนนีได้ข้อมูลที่ดีที่สุดนะ"

              เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตาฉัน  ถ้าเธอจำเรื่องราวต่างๆได้  ฉันจะคิดว่าเธอซาบซึ้งใจที่เราผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย  และมีใจให้ฉัน  แต่นี่เราเพิ่งรู้จักกัน  เธอคงไม่ได้คิดอะไรหรอก

              "ตกลง"  ฉันถอนหายใจ  วางภาระหนักอึ้งลงบนไหล่แกรมม่าครึ่งหนึ่ง  ให้เธอเป็นคนช่วยผ่อนแรงอีกที 

              นักวิทยาศาสตร์ที่เราเจอ  ไม่เหมือนอย่างที่พวกเราคิดไว้  เขาตัดผมหน้าม้า  จมูกโด่ง  ดวงตากลมโต  และหุ่นดีราวกับนายแบบ  หวังว่ายัยตาหวานของฉันจะไม่หลงหมอนี่นะ

              "สวัสดีครับ  ผมชื่อเคลวิน"

              แหม  หน้าอย่างเกาหลี  ชื่ออย่างฝรั่ง  อะไรจะเพอร์เฟ็คขนาดนั้น  แต้มบุญสูงนะเนี่ย

              "สวัสดีค่ะ  เราเพนนี  และนี่แกรมม่า"

              ฉันแนะนำอย่างง่ายๆ แล้วนั่งลงบนโซฟา  ในห้องที่พวกเราอยู่เป็นห้องพักของนายเคลวินคนนี้  กลิ่นน้ำยาทำความสะอาด  ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในโรงพยาบาล  หรือห้องของนักวิจัยก็พอได้  เขายิ้มง่าย  และยิ้มกว้างส่งมาให้พวกเรา  อายุคงราวๆ ใกล้สามสิบ 

              "มีอะไรอยากถามผมไหมครับ"  เขารู้ว่าฉันสงสัยอะไรมากมาย  แต่ฉันเองก็ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี"

              "เล่าเท่าที่คุณเคลวินรู้เลยค่ะ"

              "อันดับแรก  ต้องรู้ก่อนว่าเวลาเดินทางไม่เท่ากันในแต่ละที่  เช่น  เวลาบนภูเขาเร็วกว่าเวลาในระดับน้ำทะเล  และด้วยเหตุที่เวลาแต่ละที่ไม่เท่ากัน  จึงเกิดแรงดึงดูดขึ้น  แน่นอนว่าแรงดึงดูดทำให้เราอยู่ติดกับโลก  และโลกเราโคจรรอบระบบสุริยะ  นะครับ”

              ฉันนึกภาพตาม  แต่ก็เข้าใจได้ไม่เต็มร้อย  แล้วเรื่องของฉันเกี่ยวอะไรกับระบบสุริยะ  ฉันอยากถาม  จะโดนหาว่ากวนไหมนะ

              “ทั้งนี้  เวลาจะไหลจากอดีตไปปัจจุบัน  จากปัจจุบันไปอนาคต  แต่เวลาของเพนนีไหลไป  แล้วไหลย้อนกลับ  ราวกับจับศรแห่งเวลาไปตามทิศที่ต้องการได้"

              "ก็ไม่เชิงว่าตามทิศที่ต้องการได้หรอกค่ะ"  ฉันแย้งนิดหนึ่ง  แต่ดูเขาจะไม่สนใจ

              "แล้วที่เราไม่รู้คือ  ทำไมถึงเป็นเพนนี  และการย้อนกลับของเวลามันเกิดขึ้นได้อย่างไร"

              เราตกอยู่ในภวังค์  เรื่องเวลาช่างยาก  และน่าค้นหา  แต่ก็ยังเข้าใจได้ไม่เท่าไหร่เท่านั้น

              "แล้วเรื่องหยุดเวลาล่ะคะ"

              ฉันเอ่ยเรื่องนี้เป็นครั้งแรกต่อหน้าแกรมม่า  แต่เธอไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย

              "เท่าที่ทราบ  เพนนีจะหมดแรงทุกครั้งที่ใช้พลังหยุดเวลาใช่ไหมครับ"

              "ค่ะ"

              "ผมพบว่า  ก่อนจะเกิดการไหลของเวลา  พลังจิตของเพนนีสามารถหยุดการไหลของเวลาได้  และพลังจิตนั้นมีกำลังไม่พอ  จึงหมดแรง  เช่นเดียวกับการวนลูปทำให้พลังชีวิตเพนนีหายไปด้วยเช่นกัน  เท่าที่เราทราบตอนนี้  พลังจิตเชื่อมโยงกับพลังชีวิตของเพนนีนะครับ"

              "ถ้าการหยุดเวลาทำให้หมดแรงไปไม่กี่ชั่วโมง  แล้วการวนลูปจะทำให้แรงหมดไปเท่าไหร่เหรอคะ  ตอนนี้เพนนีวนลูปไปห้าครั้ง"

              แกรมม่าถามตามข้อมูลที่รู้มาจากฉัน  เธออยู่ในโหมดจริงจัง  และลุ้นขอให้คำตอบออกมาเป็นบวกที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

              "พอจะทราบใช่ไหม  ว่าเราสามารถตรวจดีเอ็นเอแล้วจะทราบได้ว่าคนๆนั้นควรมีอายุกี่ปี  และเท่าที่เราตรวจเพนนี  เธอจะเป็นมะเร็งตายตอนอายุสี่สิบสามปี  และทุกครั้งที่เธอวนลูป  เวลาในชีวิตจะหายไปครั้งละสามปี  จากการคำนวนเท่ากับว่าเธอเหลือเวลาอีกหนึ่งปีเท่านั้นก็จะเสียชีวิต"

              ฉันอ้าปากค้าง  ไม่เคยมีใครบอกเรื่องนี้  ฉันไม่เคยมีโอกาสได้เตรียมตัว 

              อะไรวะเนี่ย!

              ฉันทำหน้าซึม  หันไปมองยัยตาหวาน  น้ำตาของแกรมม่าไหลออกมา  อาจเป็นบางส่วนในจิตใจเธอที่จำฉันได้  หรืออาจเป็นเพราะเธอเป็นคนจิตใจดี  เธอเลยรู้สึกเศร้าใจเกี่ยวกับเรื่องของฉัน

              "เพนนี  เลิกวนลูปเถอะนะ  อย่าทำให้ตัวเองต้องตายแล้วเริ่มต้นใหม่อีก  แกรมม่าขอนะ"

              "ถ้าเป็นไปได้  เพนนีก็ไม่อยากวนลูปหรอก  แต่ว่ามันจำเป็น  ถ้าเพนนีตายไปคนเดียว  แล้วคนรอดอีกนับล้าน  เพนนีก็ยอม"

              เธอยื่นมือน้อยๆนั่น  มาจับมือฉันไว้  สอดประสานเอาไว้ด้วยกัน 

              "มือเพนนีอุ่นจัง"

              "เพนนีเป็นคนอบอุ่นไง"

              ฉันยิ้ม  ปลอบใจเธอเหมือนเธอเป็นเด็กเล็กๆ ที่ต้องการความอบอุ่น

              "เพนนีรู้ไหม  ว่าเราเคยจับมือคนรักที่จากไป  จนกระทั่งมือคู่นั้นค่อยๆ เย็นต่อหน้าต่อตาเรา  ความรู้สึกนั้นทำให้แกรมม่าใจหาย  และรู้ว่าเราไม่มีทางเอาลมหายใจอุ่นกลับคืนมาได้อีกแล้ว"  เธอจับมือฉันมาแนบที่หน้า  "เพราะฉะนั้น  อย่าตายเลยนะ"

              "ใครจะอยู่ค้ำฟ้า  ใครจะเป็นที่พึ่งให้เราได้  นอกจากตัวเราเอง  แต่ว่านะ  เพนนียังเหลือเวลาอีกหนึ่งปี  แกรมม่าจะมีเพนนีเป็นเพื่อนไปอีกนานเลยนะ"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 29 เมื่อแสวงหารักที่ดีได้แล้ว(ตอนจบ)

    เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 4 เดือน ลูปที่ 6 ฉันพาแกรมม่ามาที่ห้องพักบ่อยครั้ง พวกเราค่อนข้างหวานแหวว ตัวติดกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกเปลี่ยนไปตั้งแต่มีเธอ นั่นคือ… อ้อยอิ่ง หุ่นยนต์แม่บ้านเอไอทำตัวแปลกออกไป อย่างที่ฉันสงสัยมาเสมอ ว่าเธอถูกใส่โปรแกรมให้รักเจ้านายเข้าไปด้วย หรือไม่วิวัฒนาการก็ทำให้เธอมีอารมณ์เหมือนมนุษย์ อ้อยอิ่งไม่ฮัมเพลงเวลาทำกับข้าว อ้อยอิ่งไม่รีบมาเวลาฉันเรียก และอ้อยอิ่งประชดประชันฉันบ่อยขึ้น “หุ่นยนต์เอไอ” ฉันเรียกเธอ “ค่ะ เจ้านาย” แทนที่จะต่อปากต่อคำให้ฉันเรียกชื่อเหมือนอย่างเคย แต่เธอกลับตอบรับอย่างไม่มีชีวิตชีวา “งอนเหรอ” “หุ่นยนต์ไม่สามารถมีความรู้สึกได้ นอกจากยินดีทำตามคำสั่งค่ะ และอ้อยอิ่งก็เป็นแค่หุ่นยนต์” ฉันต้องแคร์ไหมเนี่ย เอา ก็ได้วะ “ขอบคุณอ้อยอิ่งมาก ที่ทำงานรับใช้ฉันอย่างดีเสมอมา” ฉันไม่รู้จะจบประโยคนี้ได้อย่

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 28 แล้วครอบครัวที่หายไปก็กลับมา

    เขียนโดยนิวตัน เมื่อ 16 ปีก่อน พ่อแม่ของเรามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อยๆ จนพี่เพนนีจำหน้าพ่อกับแม่ได้ เธอจะยิ้มกว้างทุกครั้งที่เห็นพวกท่าน เพราะท่านจะเข้ามาพูดคุยกับเด็กๆ ไม่เว้นแม่แต่กับเธอ เด็กในนี้จะโหยหาความรัก และอยากให้คนมาสนใจ อันที่จริง เพราะอยากจะมีโอกาสได้คุยกับพี่เพนนีด้วย แต่ไม่อยากให้มันโจ่งแจ้งนัก กระทั่งพ่อกับแม่เป็นห่วงพี่เพนนีมาก จนแม่ต้องร้องไห้ทุกคืน “เดี๋ยวผมจะไปอยู่กับพี่เพนนีเองครับ” ผมอาสา “เราเสียลูกสาวให้ส่วนรวมไปแล้ว ยังต้องเสียลูกชายไปด้วยเหรอคะคุณ” แม่ทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ “ผมจะดูแลพี่เพนนี จะเอ็นเตอร์เทนจนพี่ต้องร้องขอพัก” ผมหัวเราะคิกคัก “ผมจะเล่าให้ฟังว่าเราทำอะไร กินอะไร นอนยังไงนะครับ แม่จะได้หายกังวล” หลังจากนั้นอีกสามวัน ผมก็เข้ามาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมเป็นเด็กใหม่ที่ค่อนข้างอ้วน หลายๆ คนจึงเข้ามาบูลลี่ผม เพราะเด็กที่นี่หุ่นสมส่วนทุกคน “ไอ้เด็กอ้วนๆ มันจะโดนไม้เสียบๆ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ ร

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 27 วันรวมญาติของเพนนี

    เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 93 วัน ลูปที่ 6 ภาพรอบๆ ตัวฉันเป็นสีขาวโพลน แวบแรกฉันคิดว่า นี่คือสวรรค์หรือไม่ก็โลกหลังความตาย มีคนตายกี่คนที่จะกลับมาบอกเราว่า โลกหลังความตายเป็นอย่างไร แล้วภาพก็ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น ฉันจึงเห็นว่าสวรรค์แห่งนี้ ดูเหมือนโรงพยาบาล "ตื่นแล้วเหรอ" "คอแห้งมากเลย" ฉันตอบกลับเสียงนั่นเบาๆ ก่อนจะเห็นว่าเป็นแกรมม่า เป็นแกรมม่าเวอร์ชั่นที่ไม่ได้เห็นนานแล้ว นั่นคือเวอร์ชั่นที่ไม่อมทุกข์ "รู้สึกอย่างไรบ้าง" ฉันสำรวจแขนขาตัวเอง ก็ยังผอมบางเหมือนเดิม แต่รู้สึกได้ว่ามีกำลังวังชายิ่งกว่าเดิม เหมือนได้รับยาเพิ่มพลังชีวิตอย่างไรอย่างนั้น "ก็ดี" "พูดให้เจาะจงหน่อย" "รู้สึกมีแรงมากขึ้น ตัวเบาขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน" "วิเศษมาก!!" แกรมม่าแทบจะตะโกน "ตอนนี้เพนนีหายแล้วนะ เพนนีจะไม่ตายแล้ว" "ว่าไงนะ บุญช่วยงั้นเหรอ" ฉันเอ่ยอย่างใสซื่อ ไม่รู้จะนึกเรื่องไหนได้อีกแล้ว "เพนนีจะไม่ตายจ

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 26 แล้วไวรัสก็ระบาด

    เขียนโดยเพนนี หลังจากนั้น 3 เดือน ลูปที่ 6 "เพนนีเป็นยังไงบ้าง" แกรมม่าถามเมื่อเห็นสีหน้าฉันขาวราวกับกระดาษ โธ่ ลืมปัดแก้มอีกแล้ว "ก็ยังสบายดีค่ะ เพนนีเคลียร์งานนี้เสร็จ จะไปกินข้าวด้วยนะ" "แกรมม่ามีเรื่องจะบอก" เธอทำหน้านิ่ง จนฉันกลัวอีกแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่น่ารู้ก่อนที่ฉันจะตายอีกไหมนะ แต่ก็อีกเป็นปีๆ แหละนะ "แกรมม่าจำได้ทั้งหมด ทุกครั้งที่มีการวนลูป" "หะ?" ฉันอุทาน "ได้ยังไง" "แกรมม่าจดจำเรื่องทุกอย่างได้เพราะ โธ่ อย่าทำหน้าตกใจขนาดนั้น ก็แค่จำได้ ลุงกานเลยคุยกับแกรมม่าเพื่อยืนยันเรื่องของเพนนี ตลอดเวลาที่เราวนลูป" "แล้วยังไงอีก" "หมายความว่าไง ก็บอกไปทุกเรื่องแล้ว" เธอก้มหน้าหงุด รู้ว่าถึงฉันจะวนลูป แต่ในใจก็มีเธอเสมอ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ ฉันได้บอกรักเธอ หน้าฉันเลยมีสีจัดขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ "แล้ว...แล้ว...แล้ว" "แล้วอะไร" แกรมม่าคงจะเขินจริงๆ "แล้วรักเพนนีบ้างหรือยัง"

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 25 ของใครก็ของคนนั้น

    เขียนโดยเรย์ หลังจากนั้น 8 วัน ลูปที่ 6 ภายหลังนาดาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ อาจารย์เพนนีก็มาหาผมที่บ้าน และขอคุยกับผมตามลำพังในห้องรับแขก “อาจารย์เข้าเรื่องเลยละกัน” “มีนัดต่อกับพี่แกรมม่าเหรอครับ” ผมดักทาง เหม็นกลิ่นความรัก “ขอเขกหัวทีเถอะ ไอ้เด็กนี่” ไม่พูดเปล่า แต่ยกมะเหงกขึ้นมาด้วย แต่ผมหลบไวกว่า ผู้หญิงหรือจะไวสู้ผู้ชายได้ อาจารย์เลยทำหน้าเคร่งขึ้นมา “มานั่งให้ดีๆ” “ครับ” “ไปหาคุณฮาริสที่เพนเฮาส์ ไปต่อหน้าอาจารย์นี่แหละ” “ครับ” ผมสวมเสื้อสูท VR ส่วนอาจารย์เพนนีเปิดแท็บเล็ตส่วนตัวเพื่อติดตามบทสนทนาระหว่างเรา ผมขึ้นลิฟท์ไปแบบอารยชน ไม่ได้ไปในฐานะขโมยหรือผู้ร้าย ผมรู้จากคำบอกเล่าของอาจารย์เพนนีที่ว่า ผมกระตุ้นให้เกิดเรื่องร้ายแรงในประเทศเรา และกำลังจะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเดือนร้อนจำนวนมาก ถึงขั้นตายเลยเสียด้วยซ้ำ “ผมขอโทษครับ” ผมก้มกราบคุณฮาริสที่อยู่ในรูปร่างบลูค

  • จะลูปไหนก็รักเธอ   บทที่ 24 ผมมาเพื่อปลดแอกนาดา

    เขียนโดยฮาริส หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ลูปที่ 6 ผมเข้าประชุมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อขอปลดแอกประเทศนาดาจากประเทศมหาอำนาจและช่วยให้พ้นความยากจน เพื่อทำแนวทางใหม่สู่ความยั่งยืนและความเสมอภาค ในเวทีนี้ ผมคาดหวังว่าจะได้รับไอเดียดีๆ และพันธมิตรที่จะมาช่วยเหลือนาดาได้สำเร็จ ประธานในที่ประชุมกล่าวต้อนรับเรา และชี้แจงวัตถุประสงค์ในการประชุมวันนี้ ผมตื่นเต้นจนมือเปียก น้ำลายหนืด แถมปากแห้งไปหมด ถึงอย่างนั้น แต่ผมหันหน้าสี่สิบห้าองศาให้กล้องที่กำลังถ่ายทอดสดพวกเราอยู่ แหม ต้องขอบคุณเพื่อนนายแบบที่สอนทริคนี้ให้ผม ส่วนตัวผมกล่าวขึ้นแถลงเป็นคนถัดไป ผมซ้อมมาหลายวันกว่าจะกล้าขึ้นเวทีในวันนี้ ผมบอกตัวเองหลายรอบแล้ว ว่าผมคือพระเอกในวันนี้ พระเอกที่ทำทุกอย่างอย่างที่ควรเป็น เลิกเสียทีการสละเลือดเนื้อ เพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน “ในประเทศของเรา ความยากจนเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะเชื่อมโยงความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาและสิทธิในการเข้าถึงโอกาสทางการปกครอง โดยเฉพาะเมื่อประเทศที่ปกครองเราอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status