วันนี้ช่วงสายสมาชิกในวงมารวมตัวกันที่ห้องพักคนป่วย เพื่อมาคุยรายละเอียดการแสดงรอบที่สองในวันพรุ่งนี้ ถึงแม้รายละเอียดงานจะจบแต่ทุกคนก็ยังปักหลักกันอยู่ แต่ก็ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของคนป่วย เพราะทุกคนอยากมีส่วนช่วยตามหาความทรงจำบางช่วงเวลาที่หายไปกลับมา โดยการสร้างบรรยากาศแบบที่คุ้นเคยกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา
หนูนาเห็นว่าทุกคนต่างพร้อมหน้ากัน เธอก็เลยหลบไปนั่งห้องรับรองแขกของห้องพักคนป่วยอีกโซน และวันนี้เธอเองก็รู้สึกดีมาก คิดถึงการตื่นมาเมื่อเช้าถึงแม้มันจะไม่ครบสูตรนาฬิกาปลุกส่วนตัว แต่ก็ทำให้เธอชุ่มฉ่ำหัวใจยิ่งนัก ทำให้ลืมหมดสิ้นถึงความแห้งแล้งของหัวใจที่ผ่านมาสองวันก่อน เธอเลยแยกตัวออกมาหยิบ MacBook ประจำกายที่มาเซลนำมาให้ด้วยขึ้นมาเพื่อปั่นนิยายที่ไม่ได้แตะต้องมากว่าสามวัน บอกตรงๆ ว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอารมณ์จะเขียนอะไรเลย แต่ตอนนี้ไอเดียพุ่งตามอารมณ์ความสุขที่ได้รับจากคนป่วยที่รัก
ปีเตอร์ก็ได้แต่ยิ้มกับสีหน้าของสตี
หนูนาสูดอากาศที่สดชื่น วิวด้านนอกที่สวยงาม ทะเลสาบน้ำใสดูแล้วสวย แต่ก็น่าสะพรึงกลัวในจินตนาการของเธอที่ดูหนังมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ภายใต้ทะเลสาบนั้น หนูนาอยากจะหัวเราะกับจินตนาการของตัวเองไปไกลละนี่มันชีวิตจริงนะ เธออยากจะจดจำธรรมชาติที่นี่ไว้ เพื่อเป็นข้อมูลในนิยายของเธอ หรือว่าเรื่องหน้าเธอจะเขียนเป็นเรื่องราวความรักที่แบบเหนือธรรมชาติดูบ้างนะ หนูนาหลงอยู่ในความคิดของตัวเองจนไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน เมื่อนึกได้ว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว หนูนาก็หันหลังไปดูผู้ร่วมห้อง “เขาหลับหรือเปล่านะ?” หนูนาพึมพำกับตัวเองเบาๆ เพราะเห็นปีเตอร์นอนหลับตาการหายใจสม่ำเสมอ หนูนาค่อยๆเดินเข้าไปช้าๆและเงียบที่สุด แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจนมั่นใจว่าปีเตอร์คงหลับไปแล้ว จึงเดินไปใกล้เตียงและก้มมองเขา “สงสัยคงจะ...ว้าย!” หนูนาร้องออกมาทันที เมื่อหันหลังกลับจะเดินไปที่ตัวเองจากมาเมื่อครู่ ปีเตอร์ที่เธอเข้าใจว่าเขาหลับกลับรั้งเอวเธอไว้ ทำให้เธอล้มลงไปนอนอยู่ในอ้อมกอดเขา และเขาหมุนตัวให้เธออยู่ใต้ร่างเขาทันที
“จะ!....ไปไหนคะ?” หนูนาร้องถามออกมาทันที เมื่อรถเข้ามาจอดใน คฤหาสน์เรียกว่าอย่างนี้เหมาะสมแล้ว เพราะคำเรียกที่ปีเตอร์เรียกว่า ‘บ้าน’ มันใหญ่มาก ตัวบ้านวัสดุที่นำมาประกอบให้บ้านหลังนี้ได้ใหญ่โตสมฐานะ มองไปเหมือนเป็นหินที่มีลวดลายสวยงามโทนน้ำตาล แสงไฟมองดูแล้วอบอุ่น บริเวณทางเดินโดยรอบปูด้วยหิน และมีธารน้ำไหล ต้นไม้นานาพันธุ์ที่เธอไม่รู้จัก แต่ที่แน่ๆ คฤหาสน์หลังนี้ยังกับฝันเลย และมันตั้งตระหง่านเพียงหลังเดียวจากบริเวณโดยรอบที่ห่างไกลชุมชนและผู้คน ปีเตอร์บอกเธอว่าตั้งแต่ทิวไม้ไปต่อจากนี้คืออาณาบริเวณของคุณตาทั้งหมด จากที่ปีเตอร์บอกรถก็แล่นมาอีกประมาณยี่สิบนาที จากทิวต้นไม้ก็กลายเป็นกำแพงสูง กว่าจะมาถึงประตูทางเข้าของกำแพง รถแล่นมาอีกประมาณห้านาที และเมื่อประตูใหญ่ถูกเปิด บริเวณโดยรอบอย่างกับเข้ามาในดินแดนเทพนิยาย ต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ ตลอดสองข้างทาง เส้นทางที่รถวิ่งเข้ามาก็นำพาถึงหน้าคฤหาสน์แห่งนี้ แต่ทันทีที่ลงจากรถปีเตอร์กลับจูงมือเธอเดินอ้อมไปอีกทางจะมีทางเล็กๆ ที่เหมือนซุ้มเดินตัดผ่านคฤหาสน์ไปด้านหลัง
“วันนี้ก็กวนคนป่วยมาทั้งวัน เจอกันพรุ่งนี้ที่เวทีนะพีทพักผ่อนเยอะๆ” จอนนี่เป็นฝ่ายพูดและทุกคนก็เห็นด้วยและกล่าวลา หนูนากล่าวลาทุกคนในแบบฉบับของเธอเหมือนเดิมด้วยรอยยิ้มที่น่ารักของเธอ และเมื่อทุกคนต่างออกไปกันหมดแล้ว หนูนาก็มาสนใจ MacBook เหมือนเดิม ปีเตอร์ยังอยู่บนเตียงที่เดิม แต่สายตาจับจ้องมาที่เธอตลอด หนูนารู้สึกได้แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจคนไม่มีเหตุผล ปีเตอร์เองก็รู้สึกไม่ชอบความหมางเมินของเธอนักเพราะถึงแม้เขายังจำเธอไม่ได้แต่ความรู้สึกมันบอกว่าเธอคือคนที่ใช่ และยิ่งเขาได้ทั้งนอนกอดและเมคเลิฟกับเธอ เขาก็ยิ่งต้องการเธอมากขึ้นจนไม่รู้จักและคงไม่มีทางอิ่มในตัวเธอแน่นอน “ขออนุญาตค่ะ” หนูนาหันไปตามเสียง เป็นพยาบาลเข้ามาเพื่อทำการตรวจร่างกายปีเตอร์โดยทั่วไปเป็นประจำทุกวัน หนูนาพยักหน้าอนุญาตให้พยาบาลทำหน้าที่ “พรุ่งนี้หลังจาก
“นาย” มาเซลกล่าวทัก เจ้านายที่เปิดประตูห้องออกมา “หลังจากคอนเสิร์ต...ฉันจะกลับบ้าน...นายเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย..และเพื่อนๆ ฉันด้วยนะ” ปีเตอร์พูดแค่นั้นเมื่อมาเซลกล่าวตอบรับ เขาก็เดินกลับเข้าห้องไป ปีเตอร์เดินขึ้นไปบนเตียงนอนที่มีหมอนข้างแสนวิเศษรออยู่ ปีเตอร์จุมพิตส่งนางฟ้า และเข้านอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายและนอนกอดหมอนข้างวิเศษ “หนูนา...คือชื่อของเธอสินะ” ปีเตอร์พึมพำมองหน้านางฟ้า เพราะเขาได้ยินชื่อนี้ในหัวเขาตอนที่เขากำลังถึงจุดสุดยอดกับเธอเมื่อสักครู่ หนูนามองทิวทัศน์สองข้างทางจากในรถตู้ตอนนี้เธอปีเตอร์และรวมถึงสมาชิกของวงทุกคนและอีกสองสาวที่ได้รับเชิญ แคทรีน กับ เจนนี่ ที่ร่วมเดินทางไปพักผ่อนด้วยเช่นกัน ด้วยยานพาหนะสองคันที่ขับตามกันมา บ้านของปีเตอร์อยู่ที่เมือง 
“ผมไม่ต้องการให้มีอะไรหลงเหลือบนตัวคุณทั้งนั้น” ปีเตอร์ออกคำสั่งต่อกับปราการชิ้นสุดท้ายของเธอที่ปกปิดตัวตนของตัวเองที่มีเพียงแต่ผู้ที่ออกคำสั่งคนนี้เท่านั้นที่ได้เห็น...หนูนาขยับสะโพกไปมาเพื่อที่จะกำจัดปราการด่านสุดท้ายต่อ ปีเตอร์เกร็งตัวทันทีที่เธอขยับสะโพกไปมา การเสียดสีระหว่างด้านหน้าเขากับด้านหลังเธอ ทำให้อดยอมรับไม่ได้ว่าเขามีความต้องการมากมายกับเธอคนนี้ปีเตอร์บีบดอกไม้ตูมแรงขึ้นเต็มมือเขาทั้งสองข้าง และกดตัวเธอให้แผ่นหลังเธอแนบชิดหน้าอกกว้างเขาแนบแน่นขึ้น จมูกปากของเขากลับมาที่ลำคอและใบหู หนูนาขนลุกเสียวซ่านไปทั้งตัว และเมื่อปราการด่านสุดท้ายหลุดจากร่างกายเธอ ทำให้ทั้งเขาและเธอต่างก็เท่าเทียมกัน ปีเตอร์ลูบไล้มือจากหน้าอกลงไปเรื่อยๆที่หน้าท้องแบบราบ และเมื่อไปหน้าขาเธอ เขาแยกขาเธอออกเล็กน้อยและมือเขาก็ค่อยๆแยกกรีดกรายกลีบดอกกุหลาบลูบไล้บริเวณโดยรอบ ดอกกุกลาบนี้เปรียบได้กับดอกไม้ยามเช้าที่ยังคงหลงเหลือน้ำค้างตามกลีบดอกเพราะมันชุ่มฉ่ำยิ่งนัก ปีเตอร์ลูบไล้และบีบหยอกล้อเล็กน้อย
“อย่านะ...พีทปล่อยนะ” หนูนาร้องออกมาทันทีเมื่อปีเตอร์ปล่อยปากเธอให้เป็นอิสระ “ทำไมต้องปล่อย...รู้มั้ย? ผู้หญิงที่เรียกผมว่า ‘พีท’ ได้นั้น แสดงว่าเธอคนนั้นต้องลึกซึ้งกับผมแล้วเท่านั้น...คุณก็ไม่ต่างกัน” หนูนาตาโตตกใจอีกแล้วกับคำพูดของเขา “ถ้างั้นฉันจะเรียกคุณว่าปีเตอร์แล้วกัน...ปล่อยนะ” หนูนาตอบออกไปและดิ้นเพื่อต้องการอิสระอีกครั้ง “ก็ตามใจ...แต่ผมต้องคิดบัญชีที่คุณเรียกว่า ‘พีท’ ย้อนหลังอยู่ดี” “อร้ายยยย!!!....ไม่นะ...ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ...ไม่งั้นฉันจะร้องให้ลั่นโรงพยาบาลเลยคอยดู” “ไม่มีใครได้ยินหรอก...และถึงแม้เสียงจะเล็ดรอดออกไปได้ย