เจ้านะหรือช่วยคน
"อาฉี อาฉี...พี่สาว พี่สาว เด็กตกน้ำที่จุดใดเจ้าคะ"
"ตรงนั้น ตรงนั้น"
เจียอีวิ่งหน้าตาตื่นมายังริมสะพานที่คนมุงดูกันหนาแน่น ผู้คนต่างชี้นิ้วแล้วก้มลงมองผืนน้ำเบื้องล่าง บริเวณที่คาดว่าเด็กจะตกลงไปน้ำยังกระเพื่อมเป็นวงกว้างให้เห็นร่องรอยอยู่ เจียอีไม่รอช้ากระโดดลงไปในน้ำทันที นางดำผุดดำว่ายอยู่อย่างนั้น ปากก็ร้องเรียกชื่ออันฉีไปด้วยจนเสียงแหบเสียงแห้ง มุดลงไปในน้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่นานก็คลำเจอบางสิ่งใต้น้ำ เจียอีรีบดึงตัวเด็กชายอุ้มขึ้นจากน้ำ วางร่างนั้นนอนราบบนพื้นสะพาน ทว่าพอได้เห็นใบหน้าเด็กน้อยผู้นั้นถนัดตาปรากฏว่าเขาไม่ใช่อันฉี
แล้วอันฉีหายไปไหนนางคิดในใจ แต่ในสถานการณ์เร่งรีบเช่นนี้ควรช่วยชีวิตคนก่อนเป็นอันดับแรก เจียอีมองร่างที่นอนแน่นิ่งหมดสติ ในหัวก็คิดหาวิธีการช่วยเหลือ
"แม่นาง เด็กสิ้นใจไปแล้วหรือยัง"
"เขาไม่หายใจแล้ว ตอนนี้อาจจะยังช่วยได้ทัน"
เจียอีปาดหยดน้ำใต้คาง ก้มลงไปผายปอดให้เด็กน้อย ใช้ริมฝีปากตนเองประกบริมฝีปากเด็กชายเป่าลมเข้าปากสลับกับกดหน้าอก ในบางจังหวะก็ก้มลงไปใช้หูแนบฟังเสียงหายใจเป็นระยะ บรรดาผู้ที่มามุงดูต่างตกตะลึงอ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน วิธีการแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน ชาวบ้านต่างหันหน้าเข้าหากันซุบซิบไปมาจนหนาหู บ้างก็ว่าวิธีการนี้จะช่วยเด็กได้อย่างไร บ้างก็ว่าวิธีการของนางนั้นแปลกประหลาดผิดจารีต คิดไม่ดีแม้กระทั่งกับเด็กน้อยตาดำ ๆ หากไม่ใช่ว่ากำลังต้องรีบช่วยเหลือคนนางคงโก่งคอถามออกไปว่าเอาสมองส่วนไหนคิด คนพวกนี้น่าถีบตกน้ำเสียให้หมดนัก
"นั่น ฟื้นแล้ว เด็กฟื้นแล้ว นางช่วยเขาได้จริง ๆ"
"ใช่ ๆ เด็กลืมตาแล้ว"
"ฟื้นแล้ว ๆ"
เด็กน้อยสำลักน้ำออกมาก่อนจะลืมตาขึ้นมาช้า ๆ แล้วก็หมดสติไปใหม่ เช่นนี้ก็ไม่อะไรให้เป็นห่วงแล้ว เจียอีเริ่มยิ้มออก ดีจริง ๆ ที่เขาไม่ตาย นางยืนขึ้นอย่างอ่อนแรงกวาดสายตามองหาอันฉีไปรอบ ๆ
"อาเฉิง อาเฉิง"
เสียงร้องของคนผู้หนึ่งดังแทรกออกมาจากกลุ่มคน เจียอีหันกลับไปมองพบว่าเสียงนั้นเป็นของพ่อค้าหล่างคุณ เขาวิ่งหน้าตาตื่นมากอดร่างเด็กชายไว้ด้วยความตกใจร้องโวยวายอย่างคนเสียสติ
"เขาปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ เขาแค่สลบไป"
หล่างคุนเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง พบว่าเป็นเจียอี หญิงสาวที่เพิ่งจะไปขอร้องให้เขารับสินค้านางไปเปิดตลาดทางใต้ เสื้อผ้าที่นางสวมใส่อยู่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ เท่านั้นเขาก็พอเดาออกได้ว่าคนที่กระโดดลงไปในน้ำอันเย็นเยียบเพื่อช่วยหลานของเขาขึ้นมาก็คือหลินเจียอีนั่นเอง
"เจ้าเป็นคนช่วยหลานข้าไว้หรือ"
"ใช่ แม่นางผู้นี้เป็นคนกระโดดลงน้ำไปช่วยหลานชายท่าน"
"ใช่ ข้านึกว่าเขาจะตายไปแล้ว แม่นางผู้นี้เก่งจริง นางสามารถกู้ชีพจรหลานท่านกลับคืนมาได้ด้วย"
"ข้าเห็นด้วย นางเก่งมาก ๆ"
ถึงนางไม่เอ่ยปากชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ก็พร้อมที่จะตอบแทนอย่างชื่นชม หล่างคุนซาบซึ้งใจจนพูดไม่ออก เขาคลายอ้อมกอดจากเด็กน้อยลุกขึ้นยืนหันหน้าเขาหาหญิงสาว
"แม่นางโปรดรับคำขอบคุณจากข้า ข้าขอคารวะแม่นางด้วยใจจริง ขอแม่นางรับการคารวะจากข้าด้วย"
"เถ้าแก่หล่างคุน อย่าเลย อย่าเจ้าค่ะ"
เมื่อห้ามเขาไว้ไม่ทันแล้วเจียอีจึงรีบรับการคารวะจากเขาแทน ตอนแรกนางคิดว่าเป็นน้องชายของนางที่ตกน้ำก็จริง แต่เมื่อมารู้ตอนหลังว่าไม่ใช่อันฉีนางก็ยังคงพยายามช่วยชีวิตอย่างสุดกำลัง จนในที่สุดเจียอีก็สามารถยื้อชีวิตของหลานชายหล่างคุนสำเร็จ
"การช่วยคนสำคัญกว่า เป็นเรื่องดีที่เขารอดปลอดภัยกลับมา ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทน"
"อาเฉิงช่างอาภัพนัก พ่อแม่ตกตายตั้งแต่เขายังเด็ก ขาดคนรับเลี้ยงดูแล ข้าซึ่งมีศักดิ์เป็นน้ารับเลี้ยงเขามาตั้งแต่อายุ 3 หนาว เขาออกเรือกับข้ามาตลอด ตัวข้าเองเพิ่งจะสอนเขาว่ายน้ำไม่ทันจะเป็นด้วยซ้ำเขายังมาพลัดตกลงไปในน้ำซะได้"
"อาเฉิงช่างน่าสงสารยิ่งนัก แต่เขายังโชคดีที่มีเถ้าแก่หล่างคุนที่รักและเป็นห่วงเขามากมายขนาดนี้ ข้าว่าท่านรีบพาเขากลับไปทำให้ตัวอุ่นก่อนเถิดเจ้าค่ะ น้ำในแม่น้ำเย็นยะเยือกเดี๋ยวเขาจะไม่สบาย"
"ได้ ข้าจะพาเขาไปเดี๋ยวนี้"
หล่างคุนอุ้มเด็กน้อยจากไปแล้ว เจียอีก็ตั้งใจจะเดินตามหาอันฉีต่อ ทว่ายังออกเดินได้ไม่ถึงห้าก้าวร่างของอันฉีก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าไม่ไกล เขาจ้องมองนางอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ยืนทำตาปริบ ๆ ไม่รู้ตัวเลยว่านางเป็นห่วงเขามากเพียงใด ในเมื่อเจอตัวแล้วเจียอีก็รีบวิ่งเข้าหาจับแขนทั้งสองข้างของน้องชายเขย่าถาม ทั้งโมโหทั้งเป็นห่วงอย่างสุดหัวใจ
"เจ้าไปไหนมา ทำไม ทำไมไปไหนไม่บอกกล่าว พี่จะตีเจ้า พี่จะตีเจ้าเดี๋ยวนี้ ไม้เรียวอยู่ไหนไปหาไม้มา!"
เจียอีโมโหหนักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อันฉีตกใจกลัวจนขอบตาแดง กลืนก้อนสะอื้นลงคอ ค่อย ๆ ตอบคำถามเจียอีด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
"ทะ ท่านพี่ ท่านพี่ข้าขอโทษ ข้าแค่เดินไปโรงเตี๊ยมไม่ไกล ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้เลยยามอู่ไปหรือยัง เมื่อเช้านี้ท่านพี่ก็ยังไม่ได้กินอะไร ฮื่อ ขะ ข้ากลัวท่านพี่จะหิวขอรับ"
ว่าแล้วอันฉีก็เอามือน้อย ๆ ล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบหมั่นโถว
ออกมายื่นให้เจียอี นางมองหมั่นโถวในมือน้องชายรู้สึกตื้นตันจนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะทำโทษเขาก็ตัดใจทำไม่ลงจึงได้แต่คว้าตัวเด็กชายมาสวมกอดไว้
"ข้าขอโทษขอรับ ถ้าท่านพี่จะตีข้าก็กินหมั่นโถวก่อนเถิด จะได้มีแรง"
"นี่เจ้า...เจ้าเป็นเช่นนี้แล้วข้าจะตีเจ้าลงได้อย่างไร เด็กโง่"
"ท่านพี่ไม่ตีข้าแล้วใช่ไหมขอรับ"
อันฉียิ้มออกมาแต่น้ำตายังร่วงกราวเปื้อนใบหน้า เจียอีจึงใช้มือปาดน้ำตาบนแก้มเขาออกให้จนแห้งดี นางพยักหน้าเป็นสัญญาณบ่งบอกว่านางจะไม่ลงโทษเขาแล้ว
"ไม่แล้ว แต่ถ้าจะไปไหนเจ้าต้องบอกพี่ก่อนทุกครั้งเข้าใจไหม"
"ข้าเข้าใจแล้วขอรับ แต่ทำไมท่านพี่ถึงได้ตัวเปียกเช่นนี้ขอรับ"
"เมื่อครู่นี้มีเด็กพลัดตกน้ำ"
"เขาเป็นอย่างไรบ้างหรือขอรับ"
"ปลอดภัยแล้วล่ะ เราเองก็กลับบ้านเรากันเถอะ"
"ขอรับท่านพี่"
สองพี่น้องเดินไปจ้างรถม้าหลังตลาด ทั้งสองกินหมั่นโถวในรถม้ารองท้อง แม้หมั่นโถวจะมีเพียงชิ้นเดียวแต่ก็ยังแบ่งกันกินคนละครึ่ง พอกลับถึงบ้านลู่เสียนวิ่งออกมาดูเห็นอาภรณ์ที่เจียอีสวมใส่อยู่ยังเปียกชุ่มก็ตกใจ นางรีบวิ่งไปนำผ้ามาคลุมตัวเจียอีด้วยความเป็นห่วงเกรงว่านางจะจับไข้ได้ป่วย
"เจ้าถูกกลั่นแกล้งอีกแล้วใช่ไหม ต้องเป็นคุณหนูลู่จิวบ้านหยวนอีกแน่ คราวนี้แม่ไม่ยอมแล้วนะ แม่จะตามไปเอาเรื่องที่บ้านหยวน"
ลู่เสียนโมโห นางกล่าวเสียงแข็งตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไปเอาเรื่องลู่จิวให้ได้ หากเจียอีโดนรังแกมาอีกแล้วจริง ๆ เท่ากับว่านี่เป็นครั้งที่สาม นางไม่รู้เลยว่าลูกสาวของนางถูกลู่จิวผลักตกน้ำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ครั้งหลังที่ตัวเปียกกลับมาเพราะแสบสันทำตัวเองล้วน ๆ ทว่าครั้งล่าสุดนี้นางเปียกปอนกลับมาเพราะช่วยชีวิตคน
"ท่านแม่ระงับโทสะก่อนเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ถูกแม่นางลู่จิวกลั่นแกล้งมา ข้ากระโดดน้ำลงไปช่วยคนที่ท่าเรือเจ้าค่ะ มีเด็กตกน้ำ"
"เอ๋ กระโดดลงไปช่วยคน"
"เจ้าค่ะ ช่วยคน"
"กระโดดลงน้ำในแม่น้ำที่ท่าเรือ"
"เจ้าค่ะ น้ำในแม่น้ำที่ท่าเรือ"
ลู่เสียนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ นางมองเจียอีด้วยแววตาประหลาดแปลกไป ก่อนหน้านี้นางพอเข้าใจได้ว่าแม้ถูกผลักตกน้ำในลำธาร แต่น้ำในลำธารก็ลึกสุดแค่ระดับเอว ทว่าน้ำในแม่น้ำบริเวณท่าเรือนั้นลึกมากนัก นางจะลงไปช่วยคนได้อย่างไรในเมื่อนางว่ายน้ำไม่เป็น
"ข้าขอถามอีกครั้ง...เจ้าน่ะหรือลงไปช่วยคน"
"เจ้าค่ะ"
"เจ้าว่ายน้ำไม่เป็น"
"...!"
ใครจะไปรู้กันเล่าว่าเจ้าของร่างนางว่ายน้ำไม่เป็น เมื่อลู่เสียนถามมาเจียอีก็แค่ตอบตามความจริง นางไม่คิดว่าลู่เสียนจะถามเพราะต้องการทดสอบนาง เจียอีหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ กลัวเหลือเกินว่าจะถูกจับได้
"ข้ารู้แล้ว ข้ารู้ทั้งหมดแล้ว"
"ระ รู้ รู้อะไรเจ้าคะ"
ผู้เป็นมารดามองหน้าลูกสาวด้วยแววตาจริงจัง จบสิ้นกันแล้วคราวนี้ลู่เสียนคงระแคะระคายสงสัยแล้วเป็นแน่ คราวนี้เจียอีไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาแต่งเรื่องเพื่อโกหกนางต่อไปอีกแล้ว ลู่เสียนเดินเข้ามาใกล้ ๆ มือหนึ่งจับไหล่ลูกสาว อีกมือเชยคางนางขึ้นมาสบตาเค้นเหมือนอยากได้คำตอบ เจียอีจำใจมองตอบลู่เสียนทั้งที่อยากหลบตาใจจะขาด
ขออภัยเถิดเจ้าค่ะ...ข้าไม่ได้ตั้งใจจะโกหกท่าน นางพร่ำบอกแต่ภายในใจ นั่นคือคำที่นางเตรียมเอาไว้หลังจากลู่เสียนได้รับรู้ความจริง นางก็คงพูดได้แค่ขอโทษขออภัยเป็นร้อย ๆ รอบ
"ข้ารู้แล้วว่าเจ้าว่ายน้ำได้อย่างไร นั่นก็เพราะเจ้า..."
"เพราะข้า..."
"เพราะเจ้าตื่นเต้นตกใจอย่างไรเล่า"
"ตะ ตื่นเต้น เอิ่ม...ตื่นเต้นหรือเจ้าคะ เพราะข้าตื่นเต้นตกใจก็เลยว่ายน้ำเป็น เฮอะ ๆ"
เจียอีหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่แท้ลู่เสียนก็ยังไม่ได้รู้ความจริง แต่ที่ลู่เสียนบอกว่าเจียอีว่ายน้ำเป็นเพราะกำลังตื่นเต้นนี่มันอะไรกัน ยิ่งฟังก็ยิ่งงง
"ถูกต้อง แม่เคยได้ยินมาว่าคนเรามักจะทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัวในขณะที่กำลังตื่นเต้นหรือตกใจ เจ้าเห็นคนกำลังจะจมน้ำตาย เจ้าตกใจมากจึงรีบเข้าช่วยโดยไม่คำนึงว่าตนเองว่ายน้ำเป็นหรือไม่ ทำให้เจ้าเผลอว่ายน้ำได้เองอย่างลืมตัวโดยสัญชาตญาณการอยากเอาชีวิตรอด"
"อ๋อ ใช่ ใช่เจ้าค่ะ ท่านแม่พูดถูกทุกอย่างเลย"
"เอาล่ะ ไปอาบน้ำได้แล้วจะได้มาทานมื้อเย็น ท่านตาท่านยายรอเจ้าสองคนอยู่"
"รับทราบเจ้าค่ะ ปะ อาฉี เราไปกันเถอะ"
เฮ้อ...เกือบไปแล้ว หลินเจียอีเอ๋ยหลินเจียอี โชคดีเหลือเกินที่ลู่เสียนไม่สงสัยอะไร