เอาคืน
ในช่วงสายของวันถัดมา แสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องทุกหย่อมหญ้า หยดน้ำค้างถูกไอแดดแผดเผาเริ่มแห้งเหือด เจียอี อันฉี และลู่เสียนกำลังช่วยกันทำแปลงผักกันอยู่หน้าบ้านที่มีเนื้อที่เพียง 2 หมู่ นางหวังนำเหม่งสุ้นไปแลกเมล็ดพันธุ์ผักมาจากข้างบ้านเพื่อมาให้เด็ก ๆ ทำการเพาะปลูก มีเมล็ดพันธุ์มันฝรั่ง หัวไช้เท้า ผักกาดขาว ดังนั้นจึงทำแปลงผักขึ้นทั้งหมดสามแปลง พอหย่อนเมล็ดพันธุ์ลงหลุมกลบดินแล้วก็นำฟางมากลบอีกชั้น จากนั้นรดน้ำจนชุ่ม เวลาล่วงเลยไปจนถึงปลายยามซื่อมีรถม้าคันหนึ่งวิ่งมาจอดที่หน้าบ้าน เจียอีวางจอบในมือลงรีบเดินไปดูพบว่าคนที่อยู่บนรถม้าคือหล่างคุณกับเด็กชายตัวน้อยที่นางได้ช่วยไว้เมื่อวานนี้
"คารวะเถ้าแก่หล่างคุน ข้าไม่คิดว่าท่านจะมาเลยไม่ได้เตรียมการต้อนรับ"
"ไม่ต้องต้อนรับให้ยุ่งยาก ข้าต่างหากที่มารบกวน"
"ไม่รบกวนเลยเจ้าค่ะ เชิญเถ้าแก่เข้ามาก่อนเถิดเจ้าค่ะ"
หล่างคุนเข้ามาในบ้านทักทายผู้เฒ่าทั้งสอง เขามองไปรอบ ๆ บ้านที่สะอาดและเป็นระเบียบด้วยสายตาพึงพอใจ แล้วยังหยุดมองห้องเก็บของที่ของข้างในถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ แม้จะไม่มีการจ้างคนงาน เป็นกิจการเล็ก ๆ ที่ทำกันเองภายในครอบครัวแต่ก็ทำออกมาได้ดีจนน่าเหลือเชื่อ มีการจัดการที่ดีและกระบวนการทำที่สะอาดเหมือนที่เจียอีกล่าวไว้จริง
"เชิญนั่งก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะไปนำน้ำชามาต้อนรับ"
หล่างคุนพาหลานชายนั่งลงตรงชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้ ลู่เสียนเดินเข้ามาทักทายแล้วจึงนั่งลงที่เก้าอี้อีกฝั่ง
"เถ้าแก่หล่างคุน ยินดีที่ท่านมาเยี่ยมเยือนถึงบ้าน"
"เจ้าคงเป็นมารดาของหลินเจียอี"
"เจ้าค่ะ ข้ามีนามว่าลู่เสียน"
"ลูกสาวเจ้านางอายุเท่าใดแล้ว"
"ย่างเข้า 16 เจ้าค่ะ"
"อืม ดี เพิ่งย่างเข้า 16 แต่มีใจอยากทำการค้าแล้ว"
หล่างคุนยกยิ้มเล็กน้อย อาเฉิงหลานชายของหล่างคุนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กำลังจ้องมองอันฉีด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่นานเจียอีก็เดินออกมาพร้อมกับกาน้ำชา นางวางกาน้ำชาลงที่โต๊ะรินชาครึ่งจอกส่งให้หล่างคุน แล้วกำลังจะรินให้ลู่เสียนอีกคนแต่ลู่เสียนห้ามไว้ก่อน
"เจ้านั่งคุยกับเถ้าแก่เถิด เถ้าแก่อยากจะคุยกับเจ้ามากกว่า ตามสบายนะเจ้าคะ ข้าขอตัว"
นางบอกหล่างคุนแล้วลุกขึ้นเดินจากไป เจียอีจึงนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ตรงข้ามหล่างคุนแทน
"อาเฉิง...นี่อย่างไรเล่าพี่สาวที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้เมื่อวาน"
"ข้าขอขอบคุณพี่สาวคนสวยที่ช่วยชีวิตข้า"
หลานชายของหล่างคุนคารวะแล้วก้มศีรษะลง เจียอีได้ยินคำเยินยอจากปากเด็กน้อยก็ยิ้มไม่หุบ นับว่าอาเฉิงน้อยผู้นี้ตาถึงมากทีเดียว
"คราวหลังเจ้าต้องระวังตัวให้มากรู้ไหมอาเฉิง"
"ขอรับพี่สาว"
เขาฉีกยิ้มมองเห็นฟันหลอหนึ่งซี่ด้านหน้า แล้วหันไปมองหาอันฉีต่อ
"เจ้าอยากไปเล่นกับอาฉีก็ไปเถิด"
"ขอรับ"
ได้ยินคำอนุญาตอาเฉิงก็วิ่งลงจากบ้านไปที่สวนผักโดยทันที หล่างคุนนำของที่เตรียมมาด้วยยื่นให้หลินเจียอี เป็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ลงนามหัวกระดาษว่าสัญญาซื้อขาย นางทำสีหน้าประหลาดใจรับกระดาษจากหล่างคุนมาอ่านดู เมื่ออ่านจบก็รีบถามทันที
"สิ่งนี้คือสัญญาค้าขาย เถ้าแก่ยอมรับสินค้าของข้าแล้วหรือเจ้าคะ"
"ถูกแล้ว ข้าได้ตรวจสอบดูสินค้าตัวอย่างที่เจ้ามอบให้ข้าวันนั้นดูใหม่ ของเจ้ามีคุณภาพ ยิ่งมาเห็นวิธีจัดการของเจ้าข้าก็มั่นใจว่ามันมีคุณภาพจริง ๆ ที่ข้ารับไม่ใช่เพราะเจ้าช่วยหลานชายข้า แต่เป็นเพราะข้าเชื่อว่าสินค้าเจ้านั้นดีจริง"
"ขอบคุณเถ้าแก่มากเจ้าค่ะ แต่ข้าอยากแก้ไขสิ่งที่ค้างคาใจข้อหนึ่ง เรื่องเงินสินบน 30 ตำลึงเงิน ข้าไม่เคยบอกแม่นางจินเยว่ให้ทำแบบนั้นนะเจ้าคะ"
"เป็นเช่นนี้นี่เอง...น่าประหลาดนักที่แม่นางจินเยว่พูดได้อย่างเต็มปาก หรือนางอยากกลั่นแกล้งเจ้าหลินเจียอี"
"ตัวข้าไม่เคยทำอะไรให้นาง ข้าไม่รู้สาเหตุที่นางกลั่นแกล้งข้า...แต่ข้ามีวิธีจัดการนางเจ้าค่ะ"
"หืม เจ้านี่ดูท่าจะไม่ยอมคนง่าย ๆ"
"ข้าเป็นคนประเภทหากผู้ใดยื่นลูกท้อมาข้ายื่นสาลี่ตอบแทน ดีมาดีตอบ หากร้ายมาก็จะไม่นิ่งอยู่เฉย ฉะนั้นข้าอยากให้เถ้าแก่ร่วมมือกับข้าเอาคืนนางด้วยนะเจ้าคะ"
"อย่างไร"
เช้าวันรุ่งขึ้นที่ท่าเรือ ข่าวเรื่องหล่างคุนโมโหหนักเพราะเจียอีติดสินบนกระจายไปทั่ว ข่าวว่าหล่างคุนจะเรียกหลินเจียอีมาประจานในช่วงปลายยามซื่อ สาวใช้วิ่งมารายงานจินเยว่ที่บ้านตระกูลโม่ พอได้ทราบเรื่องนางก็แสยะยิ้มพอใจที่แผนการตนเองสำเร็จ เหตุการณ์สำคัญอย่างนี้จะไม่ไปดูให้เห็นกับตาตนเองได้อย่างไรกัน คิดได้แล้วจินเยว่ก็ลุกขึ้นแต่งหน้าแต่งตัวนั่งรถม้าออกไปที่ท่าเรือ เมื่อมาถึงผู้คนต่างยืนมุงกันเต็มอยู่ที่หน้าเรือของหล่างคุน เขามีท่าทีหัวเสียยืนตำหนิต่อว่าหลินเจียอีอยู่ แล้วชี้ไม้ชี้มือมาทางจินเยว่ที่เพิ่งจะมาถึง
"ข้าทำการค้ามายี่สิบห้าปี ยึดถือคุณภาพเป็นหัวใจหลัก แม่นางเจียอี วิธีการของเจ้านั้นไม่สมควรอย่างยิ่ง เจ้ากล้าขอร้องให้แม่นางจินเยว่เอาสินบนมาให้ข้าเชียวหรือ"
พูดจบหล่างคุนก็ชี้นิ้วมาที่จินเยว่ จินเยว่ก้าวออกมาข้างหน้า ตีหน้านิ่งเอ่ยปากพูดด้วยกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน
"ข้าคือจินเยว่เจ้าค่ะ"
"ถ้าใครไม่เชื่อก็ถามแม่นางจินเยว่ดูว่าแม่นางหลินเจียอีผู้นี้ฝากเงินมาให้ข้าจริงไหม"
"นางฝากมาจริง ๆ หรือ"
"ใช่ ข้าเองก็อยากรู้นางฝากมาจริงหรือ"
"ใช่ ๆ ตกลงอย่างไรกันแน่"
เมื่อเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะทำลายเจียอีได้จินเยว่ก็รีบตอบโดยทันที
"เป็นความจริงทุกประการ นางฝากเงินข้าเพื่อมอบแด่เถ้าแก่หล่างคุนเป็นสินบนจริง ๆ ข้าเองก็ตกใจ แต่ในเมื่อนางอ้อนวอนข้าก็จำใจทำโดยที่ไม่เต็มใจ"
"เจ้าแน่ใจหรือแม่นางจินเยว่" หล่างคุนย้ำถาม
"ข้าขอยืนยันว่านางฝากเงินมาจริงเจ้าค่ะ"
"เอาล่ะ เจ้าจะว่าอย่างไรเล่าหลินเจียอี"
เขาหันไปถามหลินเจียอีที่ยืนคอตกอยู่ข้าง ๆ
"ข้าเองก็ไม่มีคำแก้ตัวใด ในเมื่อท่านไม่ตอบรับเงิน 300 ตำลึงเงินที่ข้าตั้งใจจะมอบให้ ฉะนั้นข้าก็ต้องขอ 300 ตำลึงเงินที่ข้าฝากแม่นางจินเยว่คืนด้วยเถิดเจ้าค่ะ ข้าเสียใจมากจริง ๆ คราวหลังจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก"
การละคร.....
จินเยว่รู้สึกชาไปทั้งหน้า นางเพิ่งจะคิดได้ว่าเสียรู้หลินเจียอีเข้าแล้ว เมื่อก่อนนั้นนางโกหกหล่างคุณว่าเจียอีฝากสินบนมาให้เขา 30 ตำลึงเงิน ไฉนจู่ ๆ วันนี้กลับกลายเป็น 300 ตำลึงเงินไปได้ นี่เป็นแผนหลอกเอาเงินกันชัด ๆ
"300 ตำลึงเงินของเจ้าก็อยู่ที่แม่นางจินเยว่อย่างไรเล่า เอาคืนไปเถอะข้าไม่ต้องการ"
"อะ เอ่อ สะ สามร้อยตำลึงเงิน!"
จินเยว่เริ่มเลิ่กลั่ก ยามนี้นางมีทางเลือกเพียงสองทาง ถ้าไม่อยากเสีย 300 ตำลึงเงินก็ต้องบอกออกไปว่านางโกหกเรื่องเจียอีติดสินบน นางกวาดสายตามองไปรอบตัวด้วยสีหน้าซีดเซียว คนจำนวนมากที่มาล้อมดูเยอะขนาดนี้นางจะกล้าพูดได้อย่างไรว่าตนเองกระทำชั่ว เสียชื่อเสียสัจหรือจะยอมเสียเงิน ไม่ว่าจะเลือกอย่างไหนล้วนเจ็บใจทั้งสิ้น
และถ้านางโพล่งออกไปว่าได้เสนอสินบนเพียง 30 ตำลึงเงิน เจียอีก็จะอ้างได้ว่านางแอบอมเงินที่เหลือ 270 ตำลึงเงิน ไป...เจ็บใจนัก!
"แม่นางจินเยว่ คืน 300 ตำลึงเงินข้ามาเถิด ถึงอย่างไรเถ้าแก่
หล่างคุนก็ยืนยันว่าจะไม่รับแน่แล้ว ข้าก็ควรจะได้รับเงินคืนไม่ใช่หรือ"
"อะ เอ่อ ขะ ข้า"
"เอ๊ะ หรือว่าเจ้าจะไม่คืนข้า ทำแบบนั้นก็ไม่ถูกต้องนะสิ"
"ใช่ ใช่"
"ใช่ เรื่องติดสินบนก็ส่วนหนึ่ง เรื่องคืนเงินก็ส่วนหนึ่ง หากเถ้าแก่หล่างคุนไม่รับไว้นางก็ควรจะคืนเจ้าของไป"
"ข้าเห็นด้วย"
"ข้าก็เห็นด้วย"
ชาวบ้านหนึ่ง ชาวบ้านสอง ตามมาด้วยสามสี่ห้าต่างลงความเห็นซุบซิบนินทา จินเยว่โมโหจนปากคอสั่นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงกัดฟันเค้นเสียงเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างโกรธเคือง
"หลิน...เจีย...อี...เจ้า!"
จินเยว่กัดฟันกรอด หันไปบอกสาวใช้น้ำเสียงห้วน
"ชิงชิง กลับบ้านไปเอา 300 ตำลึงเงินมาให้นาง!"
2 ก้านธูปต่อมาสาวใช้ของจินเยว่ก็กลับมาพร้อมหีบบรรจุตำลึงเงิน นางยกขึ้นมามอบให้เจียอี พอเจียอีได้รับเงินแล้วหล่างคุนจึงประกาศเสียงดังฟังชัด
"ข้าขอประกาศตรงนี้ สินค้าของหลินเจียอีเป็นสินค้าคุณภาพ ไม่จำเป็นต้องติดสินบนสักอีแปะ ข้าขอปฏิเสธการรับเงินจากนางทุกกรณี! ข้าจะรับของนางไปขายทางใต้ให้ผลตอบแทนนางสี่เท่า"
สิ้นคำประกาศกร้าว จินเยว่อยากกรีดร้องออกมาให้ดังสุดเสียง แต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง นางกำมือจนชื้นเหงื่อ จิกเล็บลงที่ฝ่ามือจนเลือดซึมเป็นริ้ว ๆ ยิ่งมีเสียงชาวบ้านที่ดังตามมานางก็ยิ่งโมโหจนหน้าแดงลามไปถึงใบหู
"ที่แท้เถ้าแก่หล่างคุนไม่รับสินบนเพราะของนางดีอยู่แล้วนี่เอง"
"ใช่ ของดีไม่จำเป็นต้องใช้สินบน"
"ใช่"
"ถูกต้อง"