Share

บทที่ 16

last update Last Updated: 2025-06-04 13:06:36

ญาติดีกันตอนไหน

เมื่อทานอิ่มแล้วอู๋ห่างก็ปลีกตัวขอไปดูร้านขายหนังสัตว์ ก่อนออกจากโต๊ะอาหารจางหย่งหยิบขนมของจินเยว่ติดมือไปด้วยหนึ่งชิ้น จินเยว่ที่กำลังจะลุกตามจางหย่งไปถูกลู่จิวคว้าแขนเอาไว้ก่อนทำให้จำใจต้องนั่งลงที่เดิม นางรู้สึกขัดใจเป็นอย่างมากแต่ก็แสดงออกมาไม่ได้เพราะพยายามรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ ทำได้เพียงฝืนยิ้มบาง ๆ ให้ลู่จิวพร้อมก่นด่าแต่ภายในใจ

...นังเด็กประสาทเสียผู้นี้น่ารำคาญเสียจริง

"ท่านพี่จินเยว่ เมื่อวานนี้ท่านพ่อเล่าให้ข้าฟังว่าท่านพี่ช่วยสตรีอัปลักษณ์นั่นคุยกับพ่อค้าหล่างคุน แล้วยังรับฝากสินบนของนางไปให้พ่อค้าหล่างคุนอีก ท่านพี่ไปญาติดีกับนางตอนไหนเจ้าคะ ข้าไม่ยอมนะเจ้าคะ"

"โธ่ น้องลู่จิว...เรื่องนั้นพี่เองก็ลำบากใจ เป็นเพราะเจียอีสืบทราบมาว่าพี่เป็นลูกสาวเจ้าของท่าเรือนางก็เลยมีเจตนาเข้าหาแล้วขอร้องอ้อนวอนให้พี่ช่วยเหลือนาง พี่เองก็สงสาร ครั้นจะไม่ช่วยเลยก็ไม่ได้ น้องลู่จิวอย่าโมโหพี่เลย"

"นางช่างร้ายนัก ท่านพี่ใจดีเกินไปต้องหัดปฏิเสธคนบ้าง เพราะเห็นว่าท่านพี่จินเยว่เป็นลูกสาวเจ้าของท่าเรือนี่เอง ข้าว่านางต้องสืบรู้นิสัยใจดีของพี่จินเยว่มาแน่ ๆ ว่าท่านพี่จินเยว่ชอบช่วยเหลือคนนางก็เลยหวังพึ่งพา นางช่างหน้าด้านหน้าทนเสียยิ่งกว่ากระเบื้องมุงหลังคาเสียอีกนะเจ้าคะ"

"น้องลู่จิวอย่าพูดเช่นนั้น"

ลู่จิวตบเข่าตนเองฉาดใหญ่ นัยน์ตาวาวโรจน์ดุจเปลวเพลิง ครั้นพอนึกขึ้นได้ว่าที่อู๋ห่างเล่าให้ฟังว่าเจียอีเสนอเงินให้หล่างคุนมากถึง 300 ตำลึงเงินนางก็เกิดสงสัยขึ้นมาอย่างประหลาด

"ท่านพี่จินเยว่ ข้าสงสัยอยู่ข้อหนึ่ง สตรีอัปลักษณ์นั่นยากจนขนาดนั้นนางไปเอา 300 ตำลึงเงินจากไหนมาให้พ่อค้าหล่างคุนเจ้าคะ"

"อะ...เอ่อ ระ เรื่องนั้นพี่จะไปทราบได้อย่างไร"

"น่าสงสัย หรือว่าแท้ที่จริงนางจะเป็นลูกสาวคนมีเงินตระกูลผู้ดีปลอมตัวมาเหมือนในบทละครงิ้วเจ้าคะ"

"...น้องลู่จิวอย่าคิดไกลเกินไป เรื่องแบบนั้นไม่มีอยู่จริง"

สัญชาติอีกามีหรือจะริอ่านกลายเป็นหงส์ แม้นจินเยว่จะทราบดีว่าลู่จิวไม่ค่อยฉลาดแต่นางโยงเรื่องมั่วซั่วเกินไป 300 ตำลึงเงินที่แสนเจ็บปวดนั้นก็มาจากนางอย่างไรเล่า เมื่อวานต้องประเคนหีบเงินมอบให้เจียอีนางก็เจ็บปวดหัวใจมากพอแล้ว มิอยากให้ผู้ใดกล่าวเรื่องนี้ให้ได้ยินอีก เดี๋ยวไฟโทสะจะลุกโชนขึ้นมาใหม่

"ช่างเถิดเจ้าค่ะ นางอาจจะไปขอทำสัญญากู้เงินจากใครมาก็ได้"

"อืม น่าจะเป็นเช่นนั้น"

ลู่จิวเบาเสียงลงหยิบขนมเข้าปาก มองอาหารที่ถูกปรุงขึ้นมาจากเหม่งสุ้นแล้วโพล่งออกมาอย่างหัวเสียอีกรอบ

"จะว่าไปท่านพี่จางหย่งก็เกินไป สองวันที่แล้วยังเอารถม้าไปส่งสตรีอัปลักษณ์นั่นถึงบ้าน"

"เจ้าว่าอย่างไรนะ"

"ท่านพี่จางหย่งให้หลินเจียอีติดรถม้าแล้วไปส่งนางถึงที่บ้านเจ้าค่ะ"

ต้องฟังถ้อยคำที่สุดแสนขัดใจโทสะของจินเยว่ดูเหมือนจะพุ่งถึงขีดสุด นางกัดริมฝีปากข่มใจ เมื่ออารมณ์สงบลงจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล แต่มือทั้งสองยังกำจนแน่นก่อนจะเอ่ยคำที่สวนทางกับความคิด

"ท่านพี่จางหย่งแค่ใจดีพานางติดรถม้าไปส่งบ้าน เจ้าอย่าเก็บมาใส่ใจ"

หลังจากเรือออกจากท่าเจียอีได้เงินจากขายสินค้าครั้งแรกมา 28 ตำลึงเงิน แน่นอนว่าไม่สามารถพอจะซื้อม้าได้สักตัว หากไม่ได้เอามาเพื่ออวดบารมี เจียอีคิดว่าสมควรจะเอาลาหรือล่อมาทดแทนได้ นางพาตงซิ่วไปที่ตลาดขายสัตว์เลือกดูอยู่นานก็ถูกใจล่อตัวหนึ่ง

ล่อหรือฬอ สัตว์ชนิดนี้เกิดจากการผสมพันธุ์ของลาตัวผู้และม้าตัวเมีย ล่อที่เกิดจากการผสมพันธุ์ส่วนมากจะเป็นหมัน นิยมใช้เป็นพาหนะสำหรับขนสิ่งของ คุณสมบัติเด่นมีความอดทนและมีชีวิตที่ยืนยาวกว่าม้า เชื่องและฉลาดสามารถวิ่งได้เร็วกว่าด้วย

เจียอีซื้อล่อมาในราคา 7 ตำลึงเงิน อันที่จริงนางอยากได้ล่อสักสองตัว แต่ต้องเจียดเงินสำรองไว้เป็นค่ารับซื้อหน่อไม้จากชาวบ้าน ไว้รอเรือเที่ยวต่อไปมารับของอีก 35 วันเมื่อนั้นค่อยหาซื้อล่อเพิ่มอีกตัว หล่างคุนมีเรือทั้งหมดสามลำ ทุก 35 วันเรือแต่ละลำจะสลับสับเปลี่ยนกันเข้าท่า ดังนั้นทั้งขาไปขากลับเรือลำที่ขนสินค้าออกไปวันนี้จะใช้เวลาราว 110 วันในการกลับมารับสินค้ารอบใหม่ ส่วนอีกสองลำให้นับไปอีก 35 และ 70 วันตามลำดับคิวก่อนหลัง

"ท่านตาเจ้าคะ ข้าว่าเราพอจะหาซื้อเกวียนได้อีกหนึ่งคัน ท่านตาจะได้ไม่ลำบากไปตัดไม้มาประกอบเกวียน"

"ไม่ต้อง ๆ ตาไม่ลำบาก เจ้าถนอมเงินไว้ใช้เถิด ไม่อย่างนั้นก็แบ่งไปซื้อของที่เจ้าอยากได้ ซื้ออาหารที่เจ้าอยากกิน ซื้ออาภรณ์สวย ๆ ที่เจ้าหมายตาไว้มาสวมใส่ ให้รางวัลตนเองบ้าง"

"เจ้าค่ะ"

เมื่อได้ล่อมาแล้วทั้งสองก็แวะเข้ามาในตลาด เลือกซื้อเป็ดหนึ่งตัวกลับไปทำกินเองที่บ้าน นับแต่โบราณมาเป็ดถือว่าเป็นของดี ดีขนาดที่ว่าโต๊ะหลวงในราชสำนักใช้เป็นอาหารสำหรับจัดเลี้ยงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เจียอีจำได้ว่านางเคยให้สัญญากับอันฉีเอาไว้ ถ้าหากมีเงินเมื่อไรอันฉีจะต้องได้กินเนื้อเป็ดคู่กับข้าวสวย อันฉีเป็นเด็กกินเก่งและไม่เลือกกินเขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ นอกจากเป็ดแล้วเจียอียังเลือกเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ตนเองหนึ่งชุด ซื้อรองเท้าคู่ใหม่ให้ตงซิ่ว เข้าร้านขายยาให้หมอจัดเทียบยาบำรุงร่างกายให้นางหวัง ซื้อถังหูลู่ฝากอันฉี 2 ไม้ และซื้อถุงใส่เงินสีชมพูอ่อนปักลวดลายดอกโบตั๋นให้ลู่เสียน สุดท้ายแวะซื้อวัตถุดิบสำหรับนำไปปรุงร่วมกับเป็ดอีกสี่ห้าอย่าง

"นี่ของท่านยาย นี่ของอาฉี นี่ของท่านแม่เจ้าค่ะ ส่วนรองเท้านี่ของท่านตานะเจ้าคะ"

นางก้มลงไปสวมรองเท้าให้ตงซิ่ว ยื่นถุงยาบำรุงร่างกายให้นางหวัง ส่วนลู่เสียนและอันฉีเดินมาหยิบในส่วนของตนเองไป ลู่เสียนเปิดออกดูพบว่าเป็นถุงใส่เงินลวดลายสวยงามนางพึงพอใจเป็นอย่างมาก

"ชอบหรือไม่เจ้าคะท่านแม่"

"ชอบ แต่แม่ทำเองได้เจ้าจะได้ประหยัดเงิน ถุงใส่เงินอันเก่าที่เจ้าทำให้แม่ก็ยังใช้ได้อยู่"

เจียอีมองถุงใส่เงินอันเก่าที่ลู่เสียนชูขึ้นมาให้ดู สีหน้าของเจียอี

สลดลงไปในทันที เพราะถุงใส่เงินอันเก่านี้เจียอีตระหนักได้ว่าเป็นของแทนใจอย่างเดียวที่ลู่เสียนมีไว้ดูต่างหน้าลูกสาวแท้ ๆ ของนางที่ตกตาย โดยที่เจ้าของร่างนี้ทำไว้ให้ลู่เสียนใช้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่

"ถุงใส่เงินอันเก่าสวยกว่ามากจริง ๆ ท่านแม่ชอบอันเก่ามากกว่าก็ใช้อันเก่าเถิดเจ้าคะ"

"อันใหม่แม่ก็ชอบ แต่แม่ชอบอันเก่าเพราะว่าลูกสาวของแม่ตั้งใจทำให้แม่"

"ท่านแม่...อันที่จริงแล้วข้า..."

เจียอีรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งที่ทำให้นางจุกอกจนพูดไม่ออก นางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เก็บคำสารภาพไว้ไม่พูดต่อให้จบ ฝืนข่มใจเบือนหน้าไปทางอันฉีที่กำลังอ้าปากงับถังหูลู่อย่างไร้เดียงสา

"อาฉี"

"ขอรับท่านพี่"

"วันนี้พี่ซื้อเป็ดมาจากตลาด ท่านตากำลังจะเอาไปจัดการถอนขน เจ้าอยากกินเป็ดหรือไม่"

"ข้าอยากกินเป็ดขอรับ"

อันฉีตอบกลับน้ำเสียงตื่นเต้นฉีกยิ้มกว้าง นานแล้วที่เขาไม่ได้กินเป็ด ที่พอจะได้กินอยู่บ้างเห็นทีจะมีเพียงไก่ฟ้าที่ตงซิ่วหามาได้ในบางครั้งบางครา มีเนื้อหมูป่าที่ช่วยกันออกล่ากับเพื่อนบ้านมาแบ่งกัน รวมไปถึงไข่ไก่ป่าและกระต่าย ตงซิ่วจัดการกับเป็ดเสร็จแล้วก็ได้เรียกเจียอีให้นำไปปรุงเป็นอาหาร อาหารที่นางกำลังจะปรุงขึ้นมีชื่อว่าเป็ดอบฟาง

"จะ เจ้าจะไม่วางเพลิงบ้านยายจนวอดวายใช่หรือไม่เจียเอ๋อร์"

นางหวังพูดเสียงสั่นสีหน้าแสดงถึงความสิ้นหวังเมื่อเห็นเจียอีกับอันฉีช่วยกันหอบฟางมากองไว้หน้าบ้านเตรียมอบเป็ด ลู่เสียนก็กังวลใจเสียไม่ต่างจากมารดา ส่วนตงซิ่วเองก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

"ข้าจะพยายามไม่ให้เพลิงลุกลามเจ้าค่ะ ท่านยายวางใจได้"

...เป็นคำตอบที่ทำให้นางหวังสิ้นหวังเสียยิ่งกว่าเดิม ให้นางเอาอะไรมาวางใจได้กันเล่า นางหวังทรุดลงนั่งที่ระเบียงมองหน้าสามีตัดกับลูกสาวไปมาอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เจียอีนำเป็ดมาคลุกเคล้าส่วนผสม แล้วหาไม้ไผ่ขนาดเหมาะเหลาปลายให้แหลมมาตอกลงดิน จับตัวเป็ดเสียบลงที่ไม้ไผ่ โดยเสียบจากทางก้นแล้วเอาโอ่งดินเผาใบขนาดพอดีมาครอบ กลบทับด้วยฟางก่อนจะจุดไฟให้ลุกโชนในพรึบเดียว ทุกคนผวาถอยห่างออกไปไกลถึงห้าก้าว อันฉีกลัวจนต้องรีบวิ่งไปกอดขามารดาซุกหน้าหลบไอร้อนจากเปลวเพลิงที่กำลังโหมลุกไหม้

"ทะ ท่านแม่ข้ากลัว"

"...แม่ก็กลัว"

"ยายก็กลัว"

"ตาก็เช่นกัน"

"ข้ากลัวนางจะเผาบ้าน!!!"

ประโยคสุดท้ายลู่เสียน นางหวัง และตงซิ่วต่างพูดออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน จนในที่สุดลู่เสียนก็นิ่งนอนใจไม่ได้รีบเสนอความคิดหนึ่งขึ้นมา

"ให้ข้าตักน้ำมารอไว้เลยดีไหมเจ้าคะ หากนางเผาบ้านจริง ๆ จะได้รีบดับไฟได้ทันการณ์"

"พ่อว่าดี"

"แม่ก็ว่าดี"

ทั้งสี่สุมหัวกันซุบซิบเบา ๆ เสมือนชาวบ้านหนึ่งชาวบ้านสอง มองเจียอีทยอยเติมฟางเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเวลาอันควรที่นางคาดว่าเป็ดน่าจะสุกดีแล้ว นางจึงเปิดโอ่งดินเผา อาฉีที่ตั้งใจว่าอย่างไรก็ต้องได้กินของอร่อยแน่วันนี้จ้องมองอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเจียอีเอาโอ่งออกสำเร็จแล้วอันฉีชี้นิ้วไปที่เป็ดแล้วพูดขึ้นน้ำเสียงตื่นเต้น

"โอ้โหท่านแม่ เป็ดท่านพี่ดำปิ๊ดปี๋"
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ   บทที่ 139

    เจียอียิ้มแห้งแล้ววางฝ่ามือลูบตรงท้องน้อย ลู่จิวเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ได้แต่เอียงคอมองด้วยความสงสัย "ห๋า!...อย่าบอกนะว่าเจ้า""อื้ม""จะ เจ้าหิว!""...เฮ้อ..."เหตุใดลู่จิวถึงไม่เปลี่ยนไปเลยนะ..."ข้ากำลังตั้งครรภ์ต่างหากเล่า""ตั้งครรภ์! จริงหรือเนี่ย""จริง"สิ้นเสียงยืนยันลู่จิวกระโดดโลดเต้นราวก

  • จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ   บทที่ 138

    "...ตั้งครรภ์!"แม้น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจะตกใจเล็กน้อย แต่ชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจระคนตื่นเต้น เขาจำต้องทวนถามสาวใช้อีกครั้งเพราะไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง"จริงหรือ""เจ้าค่ะ คนท้องมักจะอยากกินของแปลก ๆ หากไม่ได้กินก็จะงอแงน้อยใจ ท่านแม่ทัพเชิญหมอมาตรวจดูดีกว่าเจ้าค่ะเพื่อความแม่นยำ""อืม เช

  • จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ   บทที่ 137

    บทส่งท้ายจากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพหลายเดือนผ่านไปที่ค่ายบูรพายังคงสงบสุขด้วยดี สาวใช้สองนางที่ประจำการอยู่เรือนรับรองเดินยกอาหารเข้ามาให้เจียอี หนึ่งในสองคนนั้นวางอาหารลงบนโต๊ะแล้วเดินไปเรียกเจียอีที่กำลังทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่ที่เตียง"ฮูหยินเจ้าคะ ข้าได้ทำตามวิธีการที่ฮูหยินบอกทุกประกา

  • จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ   บทที่ 136

    "ไปอยู่ที่ค่ายบูรพาดูแลตัวเองดี ๆ นะ""ข้าจะดูแลตัวเองดี ๆ...เจ้าก็เช่นกัน""อื้ม" หลังจากร่ำลาเรียบร้อยแล้วลู่จิวก็หันมาสบตาจือเฉิน เขายกยิ้มให้นางเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าลู่จิวจะมาเพื่อรั้งเขาไว้หรือพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด...นางแค่มาลาสหายของนางเพียงเท่านั้นจือเฉินรู้สึกเหมือนหัวใจแหล

  • จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ   บทที่ 135

    ดินแดนบูรพา (จบ)ในระหว่างที่ลู่จิวและอู๋ห่างกำลังจะเดินทางถึงหน้าโรงเตี๊ยม จือเฉินได้ควบม้ามาขวางเอาไว้ จึงทำให้คนขับรถม้าต้องดึงบังเหียนหยุดกะทันหัน คนที่นั่งอยู่ในรถม้าไม่ทันตั้งตัวทำให้ร่างกายเสียหลักจากแรงบังคับหยุด ลู่จิวรีบประคองอู๋ห่างเอาไว้แล้วแหวกม่านเดินลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอก พ

  • จากสาวน้อยบ้านนาสู่ภรรยาท่านแม่ทัพ   บทที่ 134

    "อื้อ...จริงสิ ข้าเห็นยามากมายในห้องท่านพ่อ ปกติท่านพ่อกินยาบำรุงเยอะขนาดนี้เลยหรือ""...คุณหนู ข้า...เอ่อ ข้าไม่รู้จะพูดดีไหม""พูดมา""คราวนั้นที่ข้าล่วงหน้ากลับมาก่อน พอข้ามาถึงก็พบเถ้าแก่หยวนนอนหมดสติอยู่ในห้องอ่านตำราของคุณชายจางหย่ง ดีที่เรียกหมอมาดูอาการทันเวลา ตั้งแต่นั้นมาเถ้าแก่ก็ป่วยบ่อย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status