Share

จูบรักฮีลใจ
จูบรักฮีลใจ
Author: Wandee

Chapter 1

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกและอารมณ์ที่พวกเขาไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ จะอย่างไรก็ตามแม้ว่าคุณจะจดจำได้เสมอว่าชีวิตได้ดึงคุณขึ้นมาในช่วงเวลาหนึ่งและโยนคุณลงไปสู่ชีวิตอีกรูปแบบ ฉันหายใจเข้าลึกและคิดทบทวนว่าชีวิตของฉันเปลี่ยนไปมากเพียงนี้ได้อย่างไร น้ำตาหยดไหลออกจากตาเมื่อฉันนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อน

“ฉันไม่อยากให้คุณไป ได้โปรดอย่าไปเลย ฉันกลัว" ฉันมองเข้าไปในดวงตาของเธอและกอดเธอไว้แนบอก จูบเธอเบาๆที่หน้าผาก ฉันสัญญาว่าฉันจะกลับมาเร็วๆนี้

“อย่าร้องไห้เลยนะ พี่ต้องไปทำงานสำคัญ” เธอหยุดร้องไห้และใช้มือเล็กๆของเธอจับที่ใบหน้าฉันและสะอื้นไห้ ฉันรู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่งและคิดว่าหรือฉันควรจะทิ้งงานนี้ไปและอยู่กับเธอ แต่แล้วฉันก็รู้ว่าฉันมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เอาล่ะค่ะ ฉันจะรอค่ะ

"เด็กดี" ฉันจูบเธออีกครั้งแล้วออกจากวอร์ด

ถอนใจหายใจลึกๆ ขณะที่ฉันมองออกไปจากรถอาวดี้ เอสาม คาบริโอเล็ต สีแดงของฉัน มองดูทิวทัศน์ที่เคลื่อนผ่านไป ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปเช่นกัน ฉันได้ผ่านอะไรมามากมายในชีวิตที่ทำให้ฉันอยากจะลืมมันไปเสียอย่างยิ่ง เพียงแต่ทว่ายังทำไม่ได้เท่านั้น

ฉันมองไปที่กระจกมองหลังและพบว่าดวงตาสีน้ำตาลหม่นของฉันที่มองกลับมามีรอยคล้ำอยู่รอบๆ “เธอกำลังทำอะไรกับตัวเองอยู่นะ เอเดอริน บรูคส์” ฉันพึมพำกับตัวเอง ทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นผ่านไปแล้ว และฉันก็ไม่ใช่เด็กผู้หญิงอายุยี่สิบอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ฉันอายุยี่สิบสองและกำลังจะเปลี่ยน ฉันเปลี่ยนไปมากจนแม้แต่คนที่รู้จักฉันก็ยังจำฉันไม่ได้ถ้าฉันไม่แนะนำตัว ขณะที่ฉันกำลังขับรถอยู่ หัวของฉันก็เริ่มคันในขณะที่ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้สีน้ำตาลยาวระดับเอวของฉัน และฉันก็พึมพำด้วยความรำคาญขณะใช้มืออีกข้างเสยเอาผมไปทางด้านข้างเพื่อให้นั่งได้สบายขึ้น ขณะขับรถผ่านบ้านเรือนสองข้างทาง ฉันคงต้องตัดผมซะแล้วล่ะ!

จริงๆแล้วฉันกำลังขับจีน่า ซึ่งเป็นชื่อที่ฉันตั้งให้รถอาวดี้ ไปยังที่หมาย ฉันรักการเดินทางและตั้งแต่ปีที่แล้วฉันได้เดินทางไปทุกที่ การได้สัมผัสถึงอากาศ การได้เห็นวัฒนธรรมใหม่ๆ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉัน

เป็นเวลาสามชั่วโมงที่ฉันขับรถ ขับรถ และขับรถ ในที่สุดหลังจากผ่านไปยี่สิบนาที ฉันก็ไปถึงร้านอาหารที่จะทานมื้อเย็น ฉันจอดจีน่าไว้ในที่จอดรถและสวมชุดนักบินสีดำ ฉันถือกระเป๋าเป้ไปด้วยขณะมองดูสถานที่และเดินออกไปด้วยความหิว ทันทีที่ฉันเปิดประตูร้าน ฉันก็รู้สึกได้ถึงความอยากอาหารเพราะได้กลิ่นหอมๆของอาหารฟุ้งไปทั่ว

“อาหาร” คำๆนี้เหมือนเป็นสวรรค์สำหรับฉัน ฉันไม่สามารถหยุดตัวเองจากการกินได้เลยสักสองสามนาที และที่นี่ฉันรอสามชั่วโมง 20 นาทีเพื่อที่จะได้กิน

ร้านอาหารดูเหมือนจะเต็มไปด้วยผู้คนและพนักงานเสิร์ฟก็วิ่งวุ่นเพื่อรับการสั่งอาหารและการเสิร์ฟ ฉันเลือกโต๊ะในมุมหนึ่งและนั่งลง หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็มีเด็กผู้ชายมารับการสั่งอาหารจากฉัน หลังจากฉันสั่งแล้ว เขาก็หยุดเขียนบนสมุดจดและมองฉันแปลกๆ แต่ไม่พูดอะไรและจากไป

หลังจากนั้น 15 นาที อาหารที่ฉันสั่งก็มาถึงและถูกวางไว้ข้างหน้าฉัน ส่วนที่น่าสนใจที่สุดคือทุกคน ฉันหมายถึงมนุษย์ทุกๆสปีชีส์ที่อยู่ในร้านอาหาร ต่างมองมาที่ฉันราวกับว่าฉันมีเขาขึ้นสองถึงสามเขาบนหัวของฉัน

ฉันไม่ชอบที่ตัวเองเป็นจุดสนใจ เลยตะคอกออกไปทันที “อะไรกันน่ะ ไม่เคยเห็นผู้หญิงกินข้าวหรือไง?” ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงเสหันไปมองทางอื่น

มันไม่ใช่ความผิดของฉันสักหน่อย ปกติฉันไม่เคยตะคอกใส่ใคร แต่เพราะฉันหิวและมันก็เป็นความผิดของพวกเขาที่จ้องฉันเขม็ง ฉันแค่สั่งอาหารทุกอย่างที่มีอยู่ในร้านอาหารนี้เท่านั้นเอง

ฉันไม่ได้โกหกที่ฉันบอกว่าฉันสั่งทุกอย่าง โดยไม่เสียเวลาอีกต่อไปฉันเริ่มลงมือกับอาหารที่สั่งมาทันที

เมื่อฉันกินเสร็จ ผู้คนต่างก็จ้องมองมาอีกครั้ง บางคนจ้องมองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ และบางคนก็มองดูด้วยความสนุกสนาน ฉันกินทุกอย่างเสร็จแล้ว พวกเขาคิดจริงๆหรือว่าฉันจะกินไม่หมดทิ้งอาหารไปเปล่าๆ คนเรานี่ช่างชอบตัดสินคนอื่นเสียจริงๆ? ฉันยิ้มเยาะ และจ่ายเงินค่าอาหารให้กับหญิงชราที่อ้าปากกว้างค้าง แล้วเดินไปที่ทางออก

ทันทีที่ฉันไปถึงลูกบิดเพื่อเปิดประตู อยู่ๆประตูก็ถูกดึงออกกว้าง ในตรงหน้า ฉันคิดว่าชายที่หล่อที่สุดในโลกยืนอยู่ตรงหน้าฉัน

และตอนนี้ฉันกำลังทำอะไรอยู่นะ?

ฉันยืนนิ่งขยับไม่ได้ ราวกับว่าฉันถูกจับตรึงด้วยดวงตาสีเขียวเข้มของป่าลึกของเขา ซึ่งพยายามมองลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของฉัน

ฉันยังคงจ้องมองเขา เขายังคงจ้องมองฉัน ฉันยังคงจ้องมองเขา เขายังคงจ้องมองฉัน

ผู้คนต่างมองมาทางเรา ฉันยังคงจ้องมองเขา

ผู้ชายคนที่อยู่ข้างๆเขาเริ่มจ้องมองมา และทันใดนั้นฉันก็สังเกตเห็นบางสิ่งเปลี่ยนแปลงไปในดวงตาของเขา

ดวงตาของเขาค่อยๆเปลี่ยนสีจากสีเขียวเข้มของป่ากลายเป็นสีดำ

ราวกับสีของความเกลียดชัง มันคืออะไรกันนะ?

ฉันเตือนตัวเอง ดึงตัวเองออกจากการจ้องมองเขา

หันเหความสนใจของตัวเองจากเขา และเดินผ่านเขาและเพื่อนของเขาไปด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

ฉันไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของฉันถึงเต้นรัวไม่หยุด ฉันสตาร์ทเครื่องยนต์และขับออกจากที่จอดรถ เดินทางต่อ

เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป มันคืออะไรกันเนี่ย?

ทำไมฉันถึงต้องนึกถึงผู้ชายตาสีเขียวเหมือนป่าลึกคนนั้น?

แล้วดวงตาของเขาเปลี่ยนสีได้อย่างไร?

เป็นไปไม่ได้ ฉันต้องฝันไปแน่ๆ มันเป็นไปได้ยังไงนะ?

“แล้วคุณคิดยังไงกับข้อตกลงนี้ครับ” คุณวิทมอร์ถามอย่างประหม่า

ผมหมุนที่ทับกระดาษไปรอบๆโต๊ะและหยุดมันด้วยนิ้วชี้ จ้องไปที่ชายคนหนึ่งชื่อ เจมส์ วิทมอร์ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เยือกเย็น

ผมได้ยินเสียงเขากลืนน้ำลาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผม เพราะคนรอบข้างผมมักรู้สึกประหม่า สายตาของผมทำให้พวกเขาคิดว่าพื้นดินกำลังจะกลืนกินพวกเขา

ผมชื่อ ดีแลน แบลค บิชอป มหาเศรษฐีหลายพันล้าน ผู้ที่อำนาจและผู้คนเกรงกลัวสูงสุดที่ยังมีชีวิตอยู่ ผมยังเป็นมนุษย์หมาป่าและเป็นทายาทของราชวงศ์ซึ่งทำให้ผมต้องสืบทอดเป็นมนุษย์หมาป่าจนทุกวันนี้ ผมมีรังสีบางอย่างที่ทำให้มนุษย์หมาป่าด้วยกันหวาดกลัว และทำให้มนุษย์กลัวจนฉี่รดกางเกง ผมสูงหกฟุตสองนิ้ว และอายุ 24 ปี มีตาสีเขียวและผมสีดำ ผมคือพระราชา และนั่นทำให้อัลฟ่าทุกฝูงหรือต่างฝูงเคารพและเกรงกลัวผม ผมเป็นที่รู้จักมากที่สุดสำหรับพฤติกรรมอันโหดเหี้ยม ผู้คนเรียกผมว่าสัตว์ร้าย

วันนี้ผมมาที่ลาสเวกัสเพื่อดำเนินการซื้อบริษัท และกำลังอยู่ในโลกของมนุษย์ ตัวตนของผมที่เป็นมนุษย์คือเป็นนักธุรกิจมหาเศรษฐี ตัวตนของมนุษย์หมาป่ายังคงถูกซ่อนไว้จากมนุษย์โลก ดังนั้นผมต้องซ่อนรังสีของการเป็นราชามนุษย์หมาป่าเอาไว้

ผู้คนสามารถสัมผัสถึงพลังของผมได้ และจะรู้สึกประหม่าหรือหวาดกลัวเวลาอยู่รอบตัวผม ผมยังมีพลังพิเศษที่สามารถมองเข้าไปในหัวสมองของผู้คนและสามารถรับรู้ถึงอดีตและประวัติศาสตร์ชีวิตของพวกเขา ผมสามารถอ่านใจของผู้คนได้ และรู้ว่าพวกเขาคิดอย่างไร ผมมีพลังอีกมากมาย

ในตอนนี้ ผมต้องการจะซื้อบริษัทของ มิสเตอร์วิทมอร์ ซึ่งน่าจะทำกำไรให้กับธุรกิจและส่งเสริมชื่อเสียงของธุรกิจเดิมที่มีอยู่แล้ว มิสเตอร์วิทมอร์ได้เสนอข้อตกลงธุรกิจมาว่า แทนที่จะให้ผมเป็นเจ้าของบริษัทโดยสมบูรณ์ เขาจะดูแลบริษัทและทำงานภายใต้การกำกับของผมแทน เขาต้องการให้ผมซื้อบริษัทของเขาและปล่อยให้เขายังคงเป็นซีอีโอของบริษัท แต่จะยังคงทำงานภายใต้ผม

อืมม ฟังดูน่าสนใจ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนดี

ผมได้ยินสิ่งที่คิดขึ้นในหัวของเขา

ผมจ้องไปที่ดวงตาของเขาและพยายามจะฟังเสียงข้างในของเขา

“ได้โปรด ได้โปรด ได้โปรด พระเจ้าช่วยฉันด้วย ขอให้นายบิชอปตอบตกลงในข้อเสนอนี้”

อืมม ผมควรจะให้ความหวังเขาเป็นจริง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status