วินาทีถัดมานาตาเลียก็ถูกรวบตัวโดยบอดี้การ์ดร่างใหญ่อีกสองคนที่สมทบมาติด ๆ ขวดแก้วในมือเธอร่วงหล่นแตกกระจาย แต่ของเหลวข้างในนั้นถูกสาดออกไปหมดแล้ว
“คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
บอดี้การ์ดคนหนึ่งรีบถามลลิลที่ยังยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น...
ลลิลไม่ทันตอบได้แต่ก้มดูแขนของตัวเองที่เริ่มแสบเป็นรอยแดง...
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หญิงสาวก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
* * * * *
นาตาเลียเอาแต่นั่งร้องไห้เมื่อถึงมือตำรวจ นางแบบสาวสารภาพว่าติดยากล่อมประสาทจนพักหลังทำงานไม่ค่อยได้ทำให้ไม่ค่อยมีงานเข้ามาเหมือนแต่เคย รวมกับอีกหลาย ๆ เรื่องก็ทำให้เธอเครียดจนไม่รู้ว่าทำมันไปได้อย่างไร
เธอสารภาพว่าตั้งใจจะเอาน้ำกรดไปสาดใส่ผู้หญิงคนใหม่ของเลออง ก็คือเมลิสาไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ที่คนที่รับเคราะห์นั้นไปแทนคือผู้ช่วยของเมลิสา...ก็คือลลิล
แต่อาจเป็นโชคดีของนาตาเลียก็ได้ เพราะถ้าเมลิสาบาดเจ็บแม้เพียงปลายเส้นผม รับรองว่าเธอคงจะโดนฟ้องชนิดไม่ให้ได้ผุดได้เกิดเลอองพาเมลิสาไปนั่งสงบสติอารมณ์ และคุยกับเธออยู่นาน กว่าจะออกมาบอกว่าเมลิสาและเขาจะไม่แจ้งความ และฝากให้มือขวาอย่างโรเบิร์ตจัดการเรื่องให้จบโดยเงียบเชียบที่สุด ทำอย่างไรก็ได้ให้ไม่มีข่าวเล็ดลอดออกไปซึ่งเลอองรู้ว่าโรเบิร์ตย่อมจัดการเรื่องนี้ได้
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณตกใจนะเมลิสา”
เลอองเอ่ยกับเธอ เมลิสาพยักหน้าทั้งที่หน้ายังซีดด้วยความตกใจ
แค่นึกว่าใบหน้าหรือแม้แต่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเธอต้องเป็นอะไรไป...ก็ใจหายวาบ
รูปร่างหน้าตาของเธอมีหน้ากว่านั้นมากนัก มันเนรมิตทั้งชื่อเสียง เงินทอง และอำนาจที่ทำให้ใครหลายคนต้องยอมสยบ...
เกือบจะต้องมาหมดอนาคตเพราะความหึงหวงบ้า ๆ ของผู้หญิงเสียสติและโง่เขลาคนนั้นคนเดียวแท้ ๆ จะอะไรนักหนากับแค่ผู้ชายคนเดียว ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะน่าหลงใหลและเป็นยิ่งกว่าเทพบุตรในฝันของใครต่อใครก็เถอะ...แต่เมลิสาก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครยอมลุ่มหลงหรือบูชาความรักจนทำลายชีวิตตัวเองให้พังลงในพริบตาได้แบบนี้
“คุณแน่ใจหรือคะว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก...”
เมลิสาหันมาถามอีกครั้งก่อนจะลงจากรถ
เลอองบีบมือเธอเหมือนจะให้คำมั่น
“ถ้าคุณไม่สบายใจ ผมจะส่งบอดี้การ์ดมาคุ้มครองคุณ...ดีไหม”
“เมขอบคุณมากค่ะ ไม่ได้อยากให้คุณต้องยุ่งยาก”
“ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก...”
เลอองบอกอย่างอ่อนโยน
“ที่จริงเป็นเรื่องที่ควรจะทำด้วยซ้ำ...ขอโทษอีกครั้งสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วเจอกันนะครับ”
“แล้วเจอกันค่ะ”
เมื่อส่งเมลิสาถึงบ้าน เขาก็สั่งให้คนขับรถกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพราะลลิลยังอยู่ที่นั่น โดยมีคนของเขาเฝ้าดูอยู่ด้วย...
ในห้องตรวจของโรงพยาบาล ลลิลยังนั่งบนเตียงตรวจ พยาบาลกับหมอออกไปหมดแล้วเหลือแต่บอดี้การ์ดตัวใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่นสองคนที่ยืนคุมเชิงเธออยู่ทำอย่างกับว่าเธอเป็นคนร้าย ไม่ใช่ผุ้เสียหาย อย่างนั้นแหละ
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ ยาก็ได้แล้ว ตำรวจก็สอบปากคำไปแล้ว ทำไมฉันยังจะกลับไม่ได้”
หญิงถามชายร่างยักษ์สองคนนั้นอย่างขัดใจ
“รอเจ้านายของผมสักครู่ก่อนเถอะครับ ท่านสั่งให้คุณรอ”
“แล้วจะให้ฉันรอทำไมไม่ทราบ...”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
บอดี้การ์ดตอบแค่นั้น และไม่ว่าลลิลจะถามอะไรก็ไม่ได้รับความกระจ่างกว่านั้นอีก จนกระทั่งชายหนุ่มที่เป็นเจ้านายโดยตรงของเขาเดินทางมาถึง หนุ่มร่างยักษ์สองคนจึงออกไปเฝ้าประตูห้อง ปล่อยให้เลอองได้พูดกับลลิลตามลำพัง
“ผมขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น...”
เลอองเริ่มอย่างมีพิธีรีตอง ลลิลลอบถอนหายใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็ถูกจับกุมไปแล้ว...ถ้าคุณต้องการขอโทษฉันก็รับไว้ค่ะ ฉันกลับได้หรือยังคะ”
เธอพูดรวดเดียวจบ และกระโดดลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับ แต่เลอองล้วงซองกระดาษสีน้ำตาลจากด้านในเสื้อสูท พร้อมยื่นให้เธอ...
“ผมขอรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด และขอโทษคุณอีกครั้งอย่างสุดซึ้ง”
“ถ้าเป็นค่าใช้จ่าย...ลูกน้องของคุณจัดการให้หมดแล้วล่ะค่ะ ฉันไม่ได้ออกเลยสักแดงเดียว”
“ไม่ใช่ครับ เรื่องนั้นผมต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่นี่เป็นค่าเสียหายของคุณ...”
ลลิลมองซองกระดาษในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา...
“เงิน?”
เลอองพยักหน้าแทนคำตอบ
“ทำไมคุณต้องให้เงินฉันด้วย...ในเมื่อคุณเองก็เป็นผู้เสียหาย”
“แต่คุณต้องมาเจ็บตัวเพราะผม ผมไม่รู้จะขอบคุณคุณอย่างไร อยากให้ถือว่านี่เป็นคำขอบคุณ แล้วก็...”
เลอองนิ่งไปนิด พยายามหาคำพูดที่ดูเหมาะสม
“แล้วก็อยากจะขอร้องคุณให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะมันอาจจะกระทบต่อชื่อเสียงของโรงแรม...”
“อ้อ...ที่แท้คุณกลัวฉันจะปากโป้ง ก็เลยใช้เงินฟาดหัวนี่เอง”
ลลิลโพล่งออกไป รู้สึกโกรธโดยไม่มีเหตุผล
ที่ผ่านมาเขาปฏิบัติต่อเมลิสาราวเจ้าหญิง...แต่ดูที่เขาปฏิบัติกับเธอตอนนี้สิ คงมองเธอเป็นคนรับใช้ชั้นเลวของเมลิสา เป็นแมงหวี่แมลงวันที่ถ้าปล่อยไปก็รู้สึกรำคาญใจ จึงต้องมาตามเก็บกวาด
คนอื่นจะปฏิบัติต่อเธออย่างนี้ ลลิลก็ไม่เคยรู้สึกอะไร แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อเป็นผู้ชายตรงหน้า เธอกลับรู้สึกผิดหวังในใจอย่างบอกไม่ถูก
"ที่แท้คุณกลัวเรื่องวันนี้จะทำให้คุณกับคุณเมเสียหาย ก็เลยจะจ่ายค่าปิดปาก"
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น”
“คุณไม่ได้คิด แต่คุณก็ทำ”
ลลิลจ้องและตอบเขาอย่างโกรธ ๆ
“นี่เป็นการแสดงความขอบคุณที่น่าประทับใจที่สุดตั้งแต่ฉันเกิดมา เอาเป็นว่าฉันจะจำไว้ก็แล้วกันนะ...”
“คุณผู้หญิง มีเหตุผลหน่อยสิ”
“เหตุผลของฉันก็คือไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับผู้ชายอย่างคุณอีก ถือว่าฉันฟาดเคราะห์ก็แล้วกัน!”
ลลิลพูดกระแทกใส่หน้า เลอองตกตะลึงกับความโกรธอย่างคาดไม่ถึงของเธอ
“แล้วไม่ต้องห่วงหรอกนะว่าฉันจะเอาเรื่องนี้ไปพูดต่อ นั่นไม่ใช่นิสัยของฉัน...และฉันจะทิ้งไอ้เรื่องบ้า ๆ นี่ไว้แค่ในห้องนี้เท่านั้น ต่อให้เรายังต้องเจอหน้ากัน ก็ขอให้ต่างคนต่างลืมมันไปซะ เข้าใจมั้ยคะมิสเตอร์เดอวีแลล!”
ลลิลอยากกระทืบใส่เท้าเขาเป็นการทิ้งท้ายแต่ก็ข่มใจไว้เดินเชิดหน้าออกมาจากห้องไป ทิ้งให้เลอองยืนตะลึงอยู่ในห้องนั้นคนเดียว...
“ช่วงนี้พี่อั๋นก็งานยุ่งมากเลยสินะคะ”“ก็ประมาณนั้นแหละ แล้วลิลล่ะ เป็นยังไงบ้าง”“ลิลก็เรื่อย ๆ ค่ะ แต่ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะลองหาอะไรใหม่ ๆ ทำดู”“ฮ้า...จริงหรือเปล่า หมายถึงงานใหม่หรือ” “ยังไม่แน่ใจค่ะ พี่อั๋นอย่าเพิ่งบอกใครนะคะ ห้ามเด็ดขาดเลย”“ได้สิ เรื่องของลิล พี่ไม่บอกใครหรอก”แววตาคมจ้องมองมาตรง ๆ และค้างนิ่งอยู่อย่างนั้น ตอนแรกหญิงสาวก็ยิ้มขอบคุณแต่วินาทีต่อมาเริ่มสัมผัสได้ว่าอรรณพมองเธอด้วยสายตาวาววามแปลก ๆ“ลิล สุดสัปดาห์นี้พอจะว่างบ้างมั้ย พวกพี่กับเพื่อนจะไปปาร์ตี้วันเกิดกันที่หัวหิน แต่พี่ไม่อยากไปคนเดียว กำลังหาเพื่อนไปด้วย”ลลิลอึกอัก ไม่รู้จะตอบเขาไปอย่างไร“อย่าคิดมากนะ พี่แค่หาคนไปด้วยจะได้ไม่เหงา พวกเพื่อน ๆ มันก็ควงแฟนกันไปหมด พี่ยังไม่มีใคร ไปคนเดียวก็ตะหงิด ๆ เราจะอยู่ในงานกันสักพักก็ได้ แล้วถ้าลิลอยากไปเที่ยวหรือไปกินอะไรเป็นพิเศษ พี่ค่อยพาไป...”อรรณพมองลลิลอย่างคาดหวัง จะว่าไปเขาก็เลียบเคียงหญิงสาวมานานแล้วแต่เธอไม่เคยรู้ตัว เห็นทีหนนี้ต้องแสดงออกไปให้ชัด ๆ จะได้รู้ว่าเขาสนใจเธอ“คือว่าลิล...”“อ้าว! คุณ...มาอยู่นี่นี่เอง คุณดาด้าเขาตามหาคุณอยู่น่ะ”เสียงดังทร
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น”“ไม่คิด แต่ก็ทำอยู่”“แต่ผู้หญิงทุกคนรวมถึงคุณเมลิสา ต่างก็คบกับผมโดยที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่มีใครเอาเปรียบใคร มันเป็นข้อตกลงของเราสองคน”“คุณพูดเหมือนไม่เคยรักใคร เพราะถ้าคุณรักใครคุณก็คงจะเข้าใจว่าทำไมฉันบอกว่าคุณใจร้าย”เลอองหัวเราะอีก“ความรักน่ะหรือ...ไร้สาระน่า คุณนี่ไร้เดียงสากว่าที่ผมคิดอีกนะ”“ความรักเป็นเรื่องไร้สาระงั้นหรือคะ”“ก็ไม่เชิง...แค่ผมไม่สนใจ”ลลิลแสร้งถอนหายใจอย่างหนักหน่วง มองเขาเหมือนเห็นใจอย่างสุดซึ้ง“ฉันสงสารผู้หญิงของคุณจังเลย ที่ต้องคบหากับผู้ชายที่ไม่รู้จักความรัก เพราะผู้หญิงพวกนั้นก็คงจะไม่มีวันได้รับความรักจากคนอย่างคุณ”เลอองยังยิ้ม แต่แววตากระด้างขึ้น เขาชะโงกหน้ามากระซิบ“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงที่คบหากับผมเขาต้องการความรัก...สิ่งที่ผมให้กับพวกเธอเหล่านั้นมันสำคัญแล้วก็...เร้าใจ...ยิ่งกว่าความรักเสียอีก ถ้าพูดขนาดนี้แล้วคุณยังไม่เข้าใจ ไว้สักวันผมจะสาธิตให้ดูเอาไหมล่ะว่าอะไรที่มันน่าสนใจกว่าความรักเพ้อ ๆ ที่คุณว่ามานั่น”ลลิลอึ้ง เขาจงใจกวาดสายตามองเธอเหมือนจะให้ทะลุเข้าไปในเนื้อผ้า“ทุเรศ น่ารังเกียจ!”“ไม่เคยมีใครบอกว่
ลลิลเกริ่นเรื่องหางานใหม่กับมาลินี...และดูว่าแม่ของเมลิสาจะยินดีกับข่าวนี้เป็นอันมากเพราะคิดแล้วว่าผู้ช่วยคนใหม่ อย่างไรก็สามารถจ่ายค่าจ้างได้ถูกกว่าที่จ่ายให้ลลิลแน่ ๆ“ไว้แกรอให้ฉันหาคนใหม่มาให้ลูกเมได้ก่อนก็แล้วกันนะ แล้วค่อยลาออกไป...”“ได้ค่ะคุณมาลินี”“ว่าแต่แกจะไปทำมาหากินอะไร มีงานใหม่ที่ไหนแล้วหรือ”“ยังหรอกค่ะ...ไว้คุณมากับคุณเมหาคนใหม่ได้แล้ว ลิลค่อยมองหางานใหม่ก็แล้วกันค่ะ”“ก็ดี...”มาลินีตอบสั้น ๆ ระยะเวลายาวนานที่หญิงสาวคนนี่้รับใช้ครอบครัวของเธอมาไม่ได้ทำให้เกิดความอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด ลลิลนึกน้อยใจอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยิ่งทำให้มั่นใจว่าดีแค่ไหนแล้วที่คิดจะออกจากบ้านหลังนี้ เพราะคงไม่มีใครนึกเห็นคุณค่าในตัวเธอขึ้นมาได้แม้จะอยู่ไปจนตายก็ตามแม้แต่เมลิสาเมื่อได้ทราบว่าลลิลอาจจะลาออกในไม่ช้า ก็ยังไม่แม้แต่พูดจารั้งไว้ เพราะเธอกำลังคลั่งไคล้ใหลหลงอยู่กับเลอองจนไม่สนใจเรื่องอื่น...ชีวิตของผู้หญิงอย่างลลิลนี่มันช่างต่ำต้อยจนหาคนมาใยดีไม่ได้เลยจริง ๆ...* * * * *นิตยสารรับสมัครงานเล่มโตถูกกางเต็มโต๊ะเล็ก ๆ ในร้านกาแฟหอมกรุ่นแห่งนั้น ลลิลกำลังนั่งเปิดพลิกทีละหน้าอย่างพินิจพิ
“ดูคุณยังเป็นกังวลนะ เลออง”โรเบิร์ตเอ่ยเสียงเรียบหลังจากสังเกตเห็นว่าตั้งแต่กลับเข้าห้องพักมาในเวลาเกือบสองทุ่ม ชายหนุ่มก็เอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด สลับถอนหายใจหนัก ๆ เป็นอย่างนี้มาเกือบชั่วโมงแล้ว“ถ้าเป็นเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว เพราะว่า...”“ขอบคุณมากครับลุง เรื่องนั้นผมวางใจลุงเสมอ”เลอองชิงบอกก่อน“ถ้าอย่างนั้น ผมควรจะทราบหรือไม่ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้คุณกลุ้มอกกลุ้มใจมากขนาดนี้”“มัน...ชัดเจนมากเลยหรือครับ”“พอสมควร”เลขาฯ วัยหกสิบเลื่อนสมุดปกหนังไปอีกทาง และประสานมือใต้คาง เป็นกริยาที่เขามักทำเวลาจะตั้งใจรับฟังเรื่องที่สำคัญของเลอองท่าทางแบบนี้ทำให้เลอองไว้ใจโรเบิร์ตมาเสมอ แต่แปลก...ครั้งนี้เขากลับลังเลที่เอ่ย“คือ...ผมรู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ”เลอองเกริ่น ก่อนจะเล่าเรื่องที่ลลิลฉีกเช็คที่เขามอบให้เธอให้โรเบิร์ตฟังคนเป็นเลขาฯ ปล่อยให้เจ้านายเล่าจนจบ นึกแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นเลอองเก็บเรื่องเล็กน้อยแบบนี้มาเป็นกังวลแต่ก็ไม่เอ่ยถึงข้อสังเกตนี้ออกไปได้แต่ออกความเห็นอย่างเป็นกลาง“คุณผู้ช่วยคนนั้น เธออาจนึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำขอบคุณด้วยวิธีนั้น"“ผมไม่ได้คิดจะดูถูกเธอแม้
วินาทีถัดมานาตาเลียก็ถูกรวบตัวโดยบอดี้การ์ดร่างใหญ่อีกสองคนที่สมทบมาติด ๆ ขวดแก้วในมือเธอร่วงหล่นแตกกระจาย แต่ของเหลวข้างในนั้นถูกสาดออกไปหมดแล้ว“คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”บอดี้การ์ดคนหนึ่งรีบถามลลิลที่ยังยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น...ลลิลไม่ทันตอบได้แต่ก้มดูแขนของตัวเองที่เริ่มแสบเป็นรอยแดง...ครึ่งชั่วโมงต่อมา หญิงสาวก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน* * * * *นาตาเลียเอาแต่นั่งร้องไห้เมื่อถึงมือตำรวจ นางแบบสาวสารภาพว่าติดยากล่อมประสาทจนพักหลังทำงานไม่ค่อยได้ทำให้ไม่ค่อยมีงานเข้ามาเหมือนแต่เคย รวมกับอีกหลาย ๆ เรื่องก็ทำให้เธอเครียดจนไม่รู้ว่าทำมันไปได้อย่างไร เธอสารภาพว่าตั้งใจจะเอาน้ำกรดไปสาดใส่ผู้หญิงคนใหม่ของเลออง ก็คือเมลิสาไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ที่คนที่รับเคราะห์นั้นไปแทนคือผู้ช่วยของเมลิสา...ก็คือลลิล แต่อาจเป็นโชคดีของนาตาเลียก็ได้ เพราะถ้าเมลิสาบาดเจ็บแม้เพียงปลายเส้นผม รับรองว่าเธอคงจะโดนฟ้องชนิดไม่ให้ได้ผุดได้เกิดเลอองพาเมลิสาไปนั่งสงบสติอารมณ์ และคุยกับเธออยู่นาน กว่าจะออกมาบอกว่าเมลิสาและเขาจะไม่แจ้งความ และฝากให้มือขวาอย่างโรเบิร์ตจัดการเรื่องให้จบโดยเงียบ
“นาตาเลีย... ผมไม่คิดว่าจะได้พบคุณอีกที่นี่”คิ้วเข้มของเลออง เดอ วีแลล ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยตอนที่โรเบิร์ตบอกว่านางแบบสาวชาวรัสเซีย อดีตคู่นอนคนล่าสุดของชายหนุ่มมาขอพบเป็นการส่วนตัวเลอองแปลกใจเพราะคิดว่าหญิงสาวกลับบ้านที่รัสเซียหรือไม่ก็กลับไปทำงานที่ฝรั่งเศสต่อเพราะโมเดลลิ่งต้นสังกัดของหญิงสาวอยู่ที่ปารีส แต่ไม่คิดว่าเธอจะกลับมาเมืองไทยเพื่อตั้งใจมาหาเขาแบบนี้นาตาเลียยิ้มหวาน แว่นตากันแดดอำพรางอยู่เกือบครึ่งใบหน้า เธอหวังว่าเขาจะชวนเธอขึ้นไปพบบนห้องพักชั้นพิเศษ...ห้องที่เธอกับเขาเคยมีกิจกรรมที่เร่าร้อนต่อกัน... แต่โรเบิร์ตกลับบอกว่าเลอองสั่งให้เธอมารอที่ห้องอาหารของโรงแรมแล้วเขาจะลงมาหาเอง แม้จะเป็นห้องรับรองแขกระดับวีไอพี...แต่สำหรับคนที่เคยนอนบนเตียงเดียวกับเลออง เดอ วีแลล มาแล้วด้วยซ้ำ การกระทำเช่นนี้ก็บอกได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของเขาและเธอเหลือเพียงอะไร“ช่วงนี้ฉันพอจะมีเวลาว่างค่ะ ก็เลยกลับมาพักร้อนที่เมืองไทย ทราบว่าช่วงนี้คุณก็ยังทำงานอยู่ที่นี่ ยังไม่ได้ไปที่อื่น ก็เลย...เอ่อ...อยากแวะมาหา...ฉันคิดถึงคุณค่ะ”&ldquo
ทีมงานแทบทุกคนในเช้าวันนั้นต้องอ้าปากค้างกันถ้วนหน้าเมื่อเห็นแลมโบกินีสีขาวแล่นทะยานมาจอดริมหาดส่วนตัวที่กำลังถูกเซ็ตเป็นสถานที่ถ่ายแฟชั่นของวันนี้ไม่ใช่เพราะรถหรูที่ทำให้ตกตะลึง แต่เป็นเพราะคนที่ก้าวลงจากรถคือชายหนุ่มรูปงามปานเทพบุตรผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วไปในวงสังคมและอีกนางหนึ่งก็คือนางแบบคนดังเจ้าของเซ็ตแฟชั่นของวันนี้“เสร็จงานแล้วโทรหาผมนะ ผมจะมารับ”“ขอบคุณค่ะ”เมลิสาส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มกลับไปให้“หนูเม๊...”ศักดารัณส่งเสียงแหลมปรี๊ดปรี่เข้ามาหาทันทีที่แลมโบกินีสีขาวคันนั้นแล่นจากไป เมลิสาหยิบแว่นตาดำอันใหญ่ขึ้นสวมและวางสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนใกล้ชิดอย่างผู้จัดการส่วนตัวย่อมดูออก นางแบบสาวดูอิ่มอกอิ่มใจและมีความสุขยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด“ต๊าย...ขอพักร้อนแค่ไม่กี่วัน ก้าวหน้ากว่าที่คิดนะคะเนี่ย”“ไม่มีอะไรสักหน่อยค่ะพี่ดาด้า ก็แค่...คุยกัน”“คุยเรื่องอะไรแล้วคุยกันท่าไหนหรือคะ ถึงกับต้องมาส่งกันแต่เช้าตรู่แบบไม่ยอมให้ตัวอยู่ห่า
วันสุดท้ายของแฟชั่นวีคที่จัดขึ้นในประเทศไทย นางแบบชั้นนำหลายสิบชีวิตมารวมกันอยู่ที่เวทีนี้เช่นเดียวกับดีไซน์เนอร์นับสิบคนที่ต่างก็มีชื่อเสียงและมีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล...เมื่อต้องเริ่มนาทีทำงาน เมลิสาก็จะวางทุกเรื่องราวเอาไว้ได้ก่อนเสมอ... ครั้งนี้ก็เช่นกัน เสร็จจากงานเดินแบบสามวันนี้เธอตั้งใจจะหลบไปพักผ่อนต่างประเทศสักสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับว่าผู้จัดการส่วนตัวของเธอจะจัดการคิวงานให้ลงตัวได้หรือยัง...ผู้ช่วยผู้กำกับเวทีร้องเรียกนางแบบคิวต่อไป เมลิสาเดินออกไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเฉิดฉายสมกับที่เป็นนางแบบค่าตัวราคาแพง แน่นอนว่าชุดฟินาเล่ของวันนี้ก็เป็นเธอที่เป็นคนสวมใส่... เมลิสาเปลี่ยนชุดและออกไปเดินโชว์เสื้อผ้าอยู่อีกหลายชุดจนกระทั่งถึงชุดสุดท้าย เสียงปรบมือกึกก้องให้กับดีไซน์เนอร์คนเก่งโดยมีเมลิสาที่สวมใส่ชุดของเขายืนโพสท่าอยู่ชิดใกล้...แสงไฟแฟลชวูบวาบไปหมด...เมลิสามองไปรอบๆ ด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วก็ประสานสายตาเข้ากับเขา...เลออง...!เขานั่งอยู่แถวหน้าของวีไอพี พยักหน้าทักทายเธอเล็กน้อย เมลิสาสูดลมหายใจลึก...พยายามตั้
ข่าวการเซ็นสัญญาของเมลิสากับแกรนด์ไดมอนด์เป็นข่าวใหญ่ทั้งหนังสือพิมพ์บันเทิงและธุรกิจ โดยเฉพาะเมื่อมีชื่อของนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างมิสเตอร์วีแลลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คนที่ดีใจที่สุดนอกจากเมลิสาเองก็ไม่พ้นมาลินีและศักดารัณผู้จัดการส่วนตัวที่จะได้ส่วนแบ่งมหาศาลจากการรับงานครั้งนี้แต่เมลิสาไม่ได้ใส่ใจตัวเลขเลย ใครจะรู้ว่าเธออาจจะยอมรับทำงานนี้แบบไม่คิดค่าตัวด้วยซ้ำ ขอเพียงแต่...ใบหน้าหล่อเหลาของเลอองผุดวาบขึ้นมา เมลิสาไม่กล้าจินตนาการต่อ แต่พยายามมุ่งมั่นรวบรวมสมาธิต่อไประหว่างถ่ายแบบ“คุณแม่คิดเหมือนพี่คุณดาหรือเปล่าคะ ว่าหมู่นี้ราศีคุณน้องเมนี่เจิดจรัสมาก และดูเปล่งประกายระยิบระยับอย่างไรชอบกล”“ก็แน่สิจ๊ะดาด้า ถ้าไม่เด่นไม่เริ่ด แล้วน้องเมของเราจะได้งานนี้หรือ”มาลินีเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ หล่อนมัวแต่ดีใจกับตัวเลขและเงื่อนไขในสัญญาจนลืมที่จะสังเกตว่าลูกสาวเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ศักดารัณเท่านั้นที่ตาไวดูออกว่ามีอะไรแปลก ๆ แต่เขาก็บอกไม่ถูกว่าเธอเปลี่ยนไปอย่างไร“เยี่ยม สวยมากครับ สวยมาก”ช่างภาพอันดับหนึ่งของเมืองไทยกล่าวชมไม่ขาดปากเมื่อยามที่เมลิสาโพสต์ท่าหน้ากล้อง เขาเคยถ่ายภาพให้เมลิสามา