Masukเมืองลั่วหยาง
คฤหาสน์ตระกูลจาง คฤหาสน์หลังงามตั้งโดดเด่นอยู่ใจกลางเมืองลั่วหยาง แวดล้อมไปด้วยเพื่อนบ้านที่มีฐานะร่ำรวยระดับคหบดี และหนึ่งในนั้นก็คือตระกูลจางด้วยเช่นกัน อาคารหลังงามมีลักษณะเป็นอาคารสี่เหลี่ยมหลายหลังประกอบกันภายในรั้ว ซึ่งอาคารแต่ละหลังก็จะมีจุดประสงค์และการใช้สอยที่แตกต่างอย่างชัดเจน เช่น เรือนนอน เรือนรับรอง หรือเรือนบริวาร เป็นต้น โดยลักษณะเด่นของบ้าน จะอยู่ที่รูปแบบการวางผังบ้าน ที่มักจะวางอาคารต่างๆ ให้ติดกับรั้วบ้านทั้งสี่ทิศ และปล่อยลานตรงกลางบ้านให้โล่ง ซึ่งลานกลางบ้านนี้ ก็จะใช้ทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย สาเหตุที่ต้องสร้างอาคารชิดรั้วและมีลานกลางบ้าน จนทำให้เกิดลักษณะของบ้านล้อมสวนนั้น เนื่องมาจากสภาพอากาศที่ค่อนข้างโหดร้าย เช่น พายุทะเลทราย พายุหิมะ หรือลมมรสุมต่างๆ ที่มีตลอดทั้งปี ดังนั้นการสร้างบ้านล้อมสวน จึงเป็นทางเลือกหลักที่ช่วยป้องกันผู้อยู่อาศัยภายในบ้านจากภัยธรรมชาติต่างๆ และยังทำให้ลานกลางบ้าน สามารถใช้ทำกิจกรรมได้สะดวกเกือบตลอดทั้งปีอีกด้วย “คุณหนูเจ้าคะรอบ่าวด้วย” สาวใช้วัยกลางคนสองนางวิ่งตามหญิงสาววัยแรกรุ่น ซึ่งมีฐานะเป็นคุณหนูเล็กบุตรสาวเพียงคนเดียวของบ้านตระกูลจาง ซึ่งมีบุตรชายถึงเจ็ดคนและมีบุตรีเพียงผู้เดียวเท่านั้นปิดท้ายเป็นคนที่แปด คุณหนูเล็กนามว่าจางลี่เซียนเกิดมาพร้อมกับความมั่งคั่งของบิดาจางหยวนฟู่และจางฮูหยิน ซึ่งมีนามเดิมว่าหลี่เยี่ยนเอ๋อ นอกจากนางจะเกิดมาท่ามกลางความมั่งคั่งของตระกูลแล้ว คุณหนูเล็กแห่งตระกูลจางยังมีความงามเป็นเลิศ ยิ่งเติบใหญ่ยิ่งงดงามราวเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ จนผู้คนต่างพากันกล่าวขานความงามของคุณหนูแปดแห่งตระกูลจาง และนั่นทำให้บิดาและมารดาหวงบุตรีคนสุดท้องอย่างยิ่งยวด แทบจะไม่ให้ก้าวออกจากบ้านเลยทีเดียว เพราะเกรงกลัวภัยต่างๆ จะมาถึงนางและหัวอกคนเป็นพ่อ ซึ่งหวงบุตรสาวเพียงหนึ่งเดียวอย่างท่วมท้น หญิงสาววัยแรกรุ่นจึงมีเพียงสาวใช้เป็นเพื่อนคอยวิ่งเล่นมาโดยตลอดตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่กลายเป็นสาวเต็มตัว ด้วยความมั่งคั่งของตระกูลจาง นับตั้งแต่จางฮูหยินตั้งครรภ์บุตรคนที่แปด เคยมีหลวงจีนลึกลับรูปหนึ่งธุดงค์ผ่านหน้าบ้าน ซึ่งในขณะนั้นครอบครัวตระกูลจางยังมีฐานะปานกลางไม่ได้ร่ำรวยอะไร อีกทั้งบุตรชายคนที่เจ็ดก็เพิ่งจะคลอดได้ไม่ถึงปี หลวงจีนคนดังกล่าวได้ทำนายจางฮูหยินเอาไว้ว่า นางจะตั้งครรภ์บุตรคนที่แปดอันเป็นเลขมังกร ซึ่งบุตรในครรภ์ของนางคนนี้จะนำความรุ่งเรืองและความมั่งคั่งมาสู่ครอบครัว หากแม้นเกิดเป็นชายตระกูลจางจะไม่พบกับความเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ยังคงมีฐานะเฉกเช่นเดิม แต่ถ้าหากเกิดเป็นหญิงแล้วไซร้จะกลายเป็นหงส์เหยียบพญามังกร เติบใหญ่จะทำให้ตระกูลก้าวสู่ชนชั้นสูงและจะมีชะตาพลิกผันเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดและจะต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเวทนาด้วยน้ำมือของพญามังกรเช่นกัน เพราะนี่คือลิขิตของสวรรค์ และเพราะเหตุนี้เองทั้งสองจึงตั้งหน้าตั้งตารอคอยบุตรคนที่แปดจวบจนห้าปีผ่านไปก็ไม่มีทีท่าว่าจางฮูหยินจะตั้งครรภ์อีกจนล้มเลิกความคิดตามคำทำนายของหลวงจีนลึกลับองค์นั้น แต่แล้วจู่ๆ จางฮูหยินก็ตั้งครรภ์บุตรคนที่แปดอย่างไม่คาดฝันทำให้ทั้งสองดีใจอย่างยิ่งยวด เพราะนับตั้งแต่นางเริ่มตั้งครรภ์ กิจการผ้าไหมและโรงงานผลิตกระดาษซวนจื่อ[2] ของตระกูลจางก็เจริญรุดหน้าไปตามลำดับ และเมื่อบุตรีของทั้งสองได้ถือกำเนิดลืมตาดูโลก กิจการของตระกูลก็ยิ่งเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดเพราะจางหยวนฟู่ได้คิดค้นการรักษากระดาษซวนจื่อให้มีความคงทนและเหนียวมากขึ้นเป็นพิเศษ หากผู้ใดต้องการรกระดาษชนิดพิเศษนี้แล้วไซร้ จะต้องมาติดต่อซื้อขายจากจางหยวนฟู่เท่านั้น เพราะที่อื่นไม่มีขายกระดาษคุณสมบัติพิเศษแบบนี้ และเมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไปถึงคุณสมบัติพิเศษดังกล่าว จึงมีผู้คนมาติดต่อขอซื้อกระดาษซวนจื่อจากตระกูลจางอย่างไม่ขาดสาย กระดาษซวนจื่อของบ้านสกุลจางเป็นที่เลื่องลือไปทั่วต้าถัง “โอ๊ย! คุณหนูรอบ่าวสองคนด้วย บ่าวแก่แล้วนะเจ้าคะวิ่งตามไม่ได้เหมือนแต่ก่อนแล้ว” บ่าวรับใช้ทั้งสองเดินแกมวิ่งก่อนจะหยุดเพราะเหนื่อยจากการวิ่งไล่จับกับคุณหนูเล็ก ทั้งสองต่างหายใจหอบจนตัวโยนแทบหายใจไม่ทัน “หยุดทำไมลี่อิง! หยุนซี! ข้ายังไม่ได้สั่งให้เจ้าสองคนหยุดเลยแล้วพากันหยุดทำไม” คุณหนูเล็กกล่าวเอาแต่ใจ ตามประสาลูกคนสุดท้องที่ท่านพ่อท่านแม่และพี่ชายทั้งเจ็ดต่างเฝ้าประคบประหงมและหวงแหนยิ่งนัก ดวงตากลมโตยืนมองสาวใช้ทั้งสองที่กำลังยืนหอบเหนื่อยแทบพูดไม่ออกอยู่ในขณะนี้ “บ่าวไม่ไหวแล้วคุณหนูเจ้าขา ขอพักก่อนนะเจ้าคะ ขืนวิ่งต่อบ่าวสองคนหัวใจวายตายแน่เลยเจ้าค่ะ” สาวใช้นามหยุนซีบอกคุณหนูเล็กของตน คุณหนูลี่เซียนหรี่ตามองสาวใช้ทั้งสองนางซึ่งตอนนี้นั่งไปกองกับพื้นเสียแล้ว ก่อนจะหัวเราะคิกคักเป็นการใหญ่พร้อมเอ่ยขึ้น “จริงสิ! ข้าก็ลืมไปว่าเจ้าสองคนแก่แล้วนี่เอง ก็วิ่งเล่นกับข้าตั้งแต่เกิดจนตอนนี้ตัวข้าเองอายุก็สิบเจ็ดแล้วจะไม่ให้เจ้าสองคนแก่ตัวได้ยังไงใช่ไหม” หญิงรับใช้ทั้งสองต่างพร้อมใจยกมือขึ้นทาบอกเมื่อถูกคุณหนูผู้เป็นที่รักบอกว่าตัวนางทั้งสองแก่ “คุณหนูเจ้าขา บ่าวสองคนรับใช้คุณหนูตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ อายุบ่าวทั้งสองแค่สามสิบนิดๆ เองนะเจ้าคะ ยังไม่แก่เลยสักนิดเดียวเลยเจ้าค่ะ” “แต่ก็วิ่งตามข้าไม่ไหวแล้ว แบบนี้ไม่เรียกว่าแก่แล้วจะเรียกว่าอะไร วิ่งตามข้าไม่ไหวก็ไม่เป็นไร ข้าวิ่งไปคนเดียวก็ได้... ไม่รักเจ้าทั้งสองคนแล้ว” คุณหนูเล็กเอ่ยกระเง้ากระงอด พร้อมวิ่งผละจากไปอย่างรวดเร็ว “ว้าย! คุณหนูรอบ่าวด้วย อย่าวิ่งไปไกลเจ้าค่ะ เดี๋ยวบ่าวสองคนตามไม่ทัน” ว่าแล้วทั้งหยุนซีและลี่อิงต่างรีบวิ่งตามคุณหนูของนางไปทันที ร่างงามระหงวิ่งผ่านสวนดอกไม้ที่บิดาจำลองแบบจากภาพวาดในพระราชวังฉางอาน นำมาเนรมิตให้กับบุตรสาวเพียงคนเดียวเพื่อมิให้เบื่อหน่ายเวลาต้องอยู่แต่ในบ้าน ด้วยความเป็นห่วงและหวงบุตรีเพียงคนเดียวอย่างยิ่งยวดเพราะจดจำคำทำนายของหลวงจีนลึกลับที่เคยทำนายเอาไว้เมื่อสิบเจ็ดปีก่อนได้เป็นอย่างดี สองสามีภรรยาจึงเลี้ยงลี่เซียนดั่งไข่ในหิน ไม่ยอมให้คลาดสายตาไปแม้แต่น้อย และไม่ยอมให้ออกจากบ้าน ด้วยเกรงว่าคนทางวังหลวงจะเห็นรูปโฉมของลี่เซียนและนำไปรายงานให้ทางวังหลวงทราบ และถ้าหากราชสำนักฝ่ายในของวังหลวงทราบข่าวว่ามีหญิงงามอยู่ในตระกูลจางแล้วไซร้ จะมีสารจากราชสำนักให้นำตัวลี่เซียนเข้าถวายตัวเพื่อให้ไปเป็นสนมของฮ่องเต้ ซึ่งสองสามีภรรยาไม่พึงปรารถนาให้บุตรีของตนต้องพบกับความตายดั่งคำทำนายของหลวงจีนลึกลับที่เคยบอกทั้งสองไว้ ทว่าเมื่อสวรรค์กำหนดแล้วจะหลีกเลี่ยงได้เช่นนั้นหรือไร ลี่เซียนวิ่งลัดเลาะไปตามสวนดอกไม้ที่ถูกเนรมิตราวสรวงสวรรค์ สาวน้อยคนงามเห็นสวนดังกล่าวตั้งแต่เล็กจนโตจึงเกิดความเคยชินไม่มีสิ่งใดแปลกใหม่สำหรับนางอีกต่อไป สองเท้าวิ่งไปอย่างไม่หยุดยั้งจนกระทั่งมาหยุดยืนที่บ่อน้ำขนาดใหญ่ซึ่งถูกขุดเอาไว้เพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน “โอ๊ยเหนื่อย! วิ่งเร็วไปหน่อยข้าหิวน้ำเหลือเกิน” กล่าวพลางยื่นใบหน้าสวยมองลงไปบ่อน้ำเบื้องล่างใสแจ๋วเลยทีเดียว “ดื่มน้ำที่นี่แหละ ไม่ต้องมากพิธี ผ่านขั้นตอนเยอะน่ารำคาญ” ลี่เซียนพูดพร้อมเอื้อมมือเพื่อจะดึงเชือกที่ม้วนไว้บนขอนไม้กลางบ่อหมายจะโยนถังไม้ลงไป จนร่างอรชรถลำลงไปในบ่อกว่าครึ่งตัวและทันใดนั้นเอง “วะ... ว้ายยยย!!!... ตูมมม!!!” ร่างงามร่วงลงไปในบ่อน้ำไม่มีปี่มีขลุ่ย แรงส่งจากเบื้องบนลงสู่เบื้องล่างทำให้ร่างจมดิ่งลงไปจนถึงก้นบ่อซึ่งลึกหลายสิบเมตร “ชะ... ช่วยด้วย... ช่วยข้าด้วย!!!” นางส่งเสียงเสียงร้องขอความช่วยเหลืออย่างโหยหวน ด้วยเพราะนางว่ายน้ำไม่เป็นนั่นเองจึงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แม้แต่ดำน้ำยังไม่รู้จักวิธีเสียด้วยซ้ำ แต่ผู้ใดเล่าจะสามารถช่วยนางได้ในเมื่อในบริเวณนั้นหามีใครผ่านไปผ่านมาแม้แต่น้อย จนคุณหนูเล็กแห่งบ้านตระกูลจาง ซึ่งขณะนี้ทั้งสำลักน้ำและกำลังขาดอากาศหายใจอยู่รอมร่อ “ทะ... ท่านพ่อ... ทะ... ท่านแม่... ช่วย... ช่วยข้า... ด้วย” นางคร่ำครวญเพรียกหาบิดาและมารดาผู้ให้กำเนิด ร่างงามเริ่มหยุดการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดนิ่งพร้อมลมหายใจสุดท้ายที่หลุดลอย ทันใดนั้นเอง “จ๋อม!” เสียงของตกจากเบื้องบนลงสู่เบื้องล่าง ร่วงหล่นลงไปถูกร่างของคุณหนูลี่เซียนและสิ่งที่ร่วงหล่นลงมานั้นก็คือกระดองเต่าที่จารึกอักษรโบราณซึ่งเต็มไปด้วยเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกลุ่มควันขาวลอยพุ่งทะยานออกมาจากด้านในปรากฏเป็นดวงวิญญาณของฟางเซียนลอยอยู่ใต้น้ำตรงหน้าคุณหนูตระกูลจางในเวลาต่อมา ร่างงามที่อยู่เบื้องหน้าค่อยๆ เคลื่อนไหวขึ้นมาทีละน้อยทีละน้อย ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นเฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อและสิ่งที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อดวงตาที่ปิดสนิทมาอย่างยาวนานบัดนี้กำลังกลอกกลิ้งไปมาบ่งบอกให้ล่วงรู้ว่า ร่างตรงหน้ากำลังตื่นจากการหลับใหล เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นดวงตากลมโตที่กำลังกะพริบขึ้นลงติดๆ กันเพื่อขับไล่ภาพที่พร่ามัวก่อนจะค่อยๆ เห็นทุกสิ่งทุกอย่างอย่างชัดเจน พระจันทร์ดวงใหญ่ลอยอยู่บนฟ้า ส่องแสงเหลืองนวลให้ความสว่างไปทั่วผืนแผ่นดินมังกร “โอ้โห! พระจันทร์สวยจังเลย ไม่เคยเห็นดวงใหญ่ขนาดนี้มาก่อน” สิ้นเสียงรำพึง เสียงของทุกคนที่อยู่หน้าเรือนนอนต่างร้องออกมาพร้อมกัน “ลี่เซียน! ลี่เซียนฟื้นแล้ว!” จางฮูหยินและอี้หานพร้อมสาวใช้ลี่อิงต่างรีบก้าวเดินเข้าไปหา จางฮูหยินโผเข้าสวมกอดร่างอรชรตรงหน้าด้วยความดีใจเป็นยิ่งนักเมื่อเห็นลูกสาวคนสุดท้องได้สติฟื้นขึ้นมาเสียที โดยมีอี้หานประคองร่างน้อยๆ จากพื้นให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมลูบเส้นผมยาวสลวยของน้องไปมาด้วยความดีใจเช่นกัน “แม่ดีใจเหลือเกินลี่เซียน ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นขึ้นมาเส
คฤหาสน์ตระกูลจาง คืนวันพระจันทร์เต็มดวง ภายหลังที่หลวงจีนหนุ่มจางเฟยเทียนได้นำน้ำทิพย์บนยอดเขาดอกบัวจากเทือกเขาหวงซานหยดลงไปในปากให้กับลี่เซียนน้องสาวคนสุดท้องของตระกูลไปแล้วนั้น ตั้งแต่วันนั้นเวลาล่วงเลยผ่านไปสามวัน คืนพระจันทร์เต็มดวงก็ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเบื้องบน พระจันทร์ในค่ำคืนนี้ดวงใหญ่โตกว่าที่เคยเห็นมากมายยิ่งนัก อีกทั้งสุกสกาวส่องแสงเป็นประกายจนผืนแผ่นดินเบื้องล่างสว่างเรืองรองแม้จะอยู่ในช่วงเวลาแห่งรัตติกาลก็ตาม “ท่านพ่อ! ท่านแม่! พวกท่านมาดูพระจันทร์ในค่ำคืนนี้สิ ช่างแลดูใหญ่โตกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา สวยงามยิ่งนัก” คำกล่าวของจางอี้หานทำให้ประมุขของบ้านพยุงร่างฮูหยินก้าวเข้ามาในบริเวณพื้นที่หน้าลานกลาง บ้านซึ่งจัดเป็นสวนย่อม สองสามีภรรยาแหงนหน้ามองพระจันทร์บนท้องฟ้าตามคำกล่าวของบุตรชายพร้อมเสียงรำพึง “เฟยเทียนบอกว่าวันใดที่พระจันทร์เต็มดวงและมีดวงใหญ่กว่าทุกครั้งวันนั้นคือวันที่ลี่เซียนจะฟื้นขึ้นมาใช่หรือไม่ท่านพี่” ฮูหยินจางเอ่ยถามสามีเพื่อความแน่ใจ หยวนฟู่พยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันแทนคำตอบของตนพร้อมเอ่ยขึ้น “เฟยเทียนไปอยู่เสียที่ใดกันเล่า พวกเจ้าเห็นคุณชายเล็กหรือไม่”
พระราชวังต้าหมิงกง ตำหนักองค์ชายหลี่หลงจี พระวรกายสูงใหญ่ของโอรสสวรรค์ พระนามหลี่หลงจี กำลังทอด พระเนตรภาพเขียนสีตรงหน้าด้วยความพึงพอพระทัยเป็นยิ่งนัก ด้วยภาพวาดดังกล่าวปรากฏเป็นภาพอิสตรีที่กำลังยืนชมดอกโบตั๋น ภาพวาดที่ขึ้นเป็นมันวาวยิ่งขับให้อิสตรีที่อยู่ในภาพดังกล่าวงดงามอย่างยิ่งยวด เสียงฝีเท้าของคนกำลังเดินก้าวเข้ามาใกล้พระตำหนัก พร้อมเสียงพูดคุยกับทหารรักษาการณ์อยู่หน้าตำหนักเพียงครู่ก่อนจะปรากฏร่างของแม่ทัพใหญ่จ้าวเทียนอี้หยุดยืนอยู่หน้าประตู “องค์ชายมีรับสั่งให้กระหม่อมเข้าเฝ้ามีสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยทูลถามพร้อมพระวรกายขององค์ชายหันกลับมาทอดพระเนตรแม่ทัพหนุ่มรูปงาม “ทหารหลวงไปตามเจ้าทันเวลา หาไม่แล้วเจ้าคงจะออกเดินทางไปแล้วสินะ” รับสั่งถามกลับไป “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ... ว่าแต่องค์ชายมีเหตุสิ่งใดหรือที่เรียกกระหม่อมเข้าเฝ้า” จ้าวเทียนอี้กราบทูลถามด้วยความสงสัย ก่อนจะเหลือบสายตาเห็นภาพวาดที่อยู่ในพระหัตถ์ และกำลังถูกยื่นให้ตรงหน้า “ข้าต้องการให้เจ้าตามหาหญิงงามในภาพวาดนี้ให้กับข้า มันเป็นภาพวาดที่ถูกส่งมาจากหัวเมืองไม่รู้ว่าเป็นหัวเมืองไหน เจ้ามีฝ่ายข่าวฝีมือดีมา
นครฉางอาน ปีที่ 2 ในรัชสมัยจักรพรรดิถังรุ่ยจง เมืองหลวงใหญ่แห่งแผ่นดินต้าถังในเวลานี้เต็มไปด้วยชาวเมืองฉางอานมากมาย กำลังยืนมุงเพื่ออ่านแผ่นประกาศของวังหลวง เนื่องจากมีข่าวลือแพร่สะพัดมานานไม่ต่ำกว่าสองเดือนแล้ว ว่าฮ่องเต้ถังรุ่ยจง จะทรงสละราชสมบัติให้กับพระโอรสองค์ที่สามพระนามว่า เจ้าชายหลี่หลงจี ทั้งนี้เพราะเหตุการณ์ในวังหลวงช่างสลับซับซ้อนยิ่งนัก ภายหลังรัชกาลของบูเช็กเทียน สภาพการเมืองภายในราชสำนักปั่นป่วนวุ่นวาย เนื่องจากถังจงจงอ่อนแอ อำนาจทั้งมวลตกอยู่ในมือของเหวยฮองเฮา ที่คิดจะยิ่งใหญ่ได้เช่นเดียวกับบูเช็กเทียน เหวยฮองเฮาหาเหตุประหารรัชทายาท จากนั้นได้วางยาพิษสังหารถังจงจงฮ่องเต้ โอรสองค์ที่สามของถังรุ่ยจง นามหลี่หลงจีภายใต้การสนับสนุนขององค์หญิงไท่ผิงชิงนำกำลังทหารบุกเข้าวังหลวงสังหารเหวยฮองเฮาและพวก ภายหลังเหตุการณ์องค์หญิงไท่ผิงหนุนถังรุ่ยจงขึ้นครองราชย์ แต่งตั้งหลี่หลงจีเป็นรัชทายาท แต่แล้วองค์หญิงไท่ผิงพยายามเข้ากุมอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่เกิดขัดแย้งกับรัชทายาทหลี่หลงจี ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาและจะมีเหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ ในปี 712 จักรพรรดิถังรุ่ยจงจึงสละราชย์สมบัติให้กั
หนึ่งเดือนผ่านไป บ้านตระกูลจางในยามนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ บ่าวไพร่นับร้อยทั้งชายหญิงต่างเฝ้ารอคอยว่าเมื่อไรคุณหนูเล็กของตระกูลจะฟื้นขึ้นมาเสียที นับตั้งแต่พลัดตกลงไปในบ่อน้ำจนกระทั่งถูกช่วยขึ้นมา หมอยาที่ว่าเก่งกาจจากทั่วทุกสารทิศถูกเกณฑ์มารักษาคุณหนูบ้านตระกูลจางคนแล้วคนเล่า แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้จางลี่เซียนฟื้นขึ้นมาแม้แต่น้อย ยังคงหลับใหลทอดกายอยู่บนฟูกนอนมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว “ท่านพี่ลี่เซียนนอนอยู่แบบนี้มาเดือนหนึ่งแล้ว มิมีทีท่าว่าลูกจะฟื้นขึ้นมาเสียที ข้าเป็นห่วงลูกใจจะขาดยิ่งแล้ว ทำไมนะเหตุใดจึงต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ด้วย” จางฮูหยินกล่าวพร้อมยกผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยซับน้ำตาของตัวเองด้วยความทุกข์ใจยิ่งนัก ท่อนแขนใหญ่ของผู้เป็นสามีตรงเข้าโอบกอดร่างอวบอิ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเพื่อปลอบประโลม สีหน้าของผู้นำตระกูลจางในขณะนี้มีแต่ความทุกข์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน “ทำใจดีๆ ไว้ฮูหยิน ลี่เซียนของเราจะต้องฟื้นขึ้นมา ลูกของเราต้องฟื้น ซึ่งข้าเองก็หวังไว้เช่นนั้น” “แต่นี่หนึ่งเดือนเข้าไปแล้วนะท่านพี่ยังไม่มีวี่แววที่ลูกจะฟื้นเลย ถ้าหากไม่ตื่นขึ้นมาเลยจะทำเช่นไรต่อไปดี โธ่ ลูกรักของแม่ ตื่นขึ้
ดวงวิญญาณของฟางเซียนจากยุคปัจจุบันได้มาปรากฏอยู่ในยุคอดีตที่กาลเวลาย้อนกลับไปกว่าหนึ่งพันห้าร้อยปี ในรัชสมัยจักรพรรดิถังเสวียนจง กษัตริย์องค์ที่หกแห่งราชวงศ์ถัง ดวงวิญญาณของฟางเซียนถูกนำกลับมาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เมื่อคนทางวังหลวงได้มาพบหญิงงามที่สุดในแผ่นดินต้าถังและถูกเรียกตัวเขาวังเพื่อถวายตัวให้กับจักรพรรดิถังเสวียนจง ทำให้เกิดเรื่องราวมากมายทั้งความรัก ริษยาและการแย่งชิงภายในราชสำนักฝ่ายใน และทำให้จางลี่เซียนในชาติอดีตพบจุดจบอย่างน่าเวทนา และร่างของคุณหนูจางลี่เซียนก็คืออดีตชาติของเธอนั่นเอง ดวงวิญญาณของหญิงสาวถูกแรงดึงดูดมหาศาลดึงดวงวิญญาณของเธอเข้าไปในร่างของคุณหนูเล็กแห่งบ้านตระกูลจางอย่างรวดเร็ว ทำให้ดวงวิญญาณจากยุคปัจจุบันและดวงวิญญาณจากยุคอดีตซึ่งเป็นอดีตซาติของเธอหลอมเข้ากลายเป็นดวงจิตและดวงวิญญาณดวงเดียวกัน ล่วงรู้ภพอดีตชาติและภพอนาคตอย่างไม่คาดฝัน ท่ามกลางความงุนงงและสับสนของหญิงสาวที่ไม่รู้ว่าบัดนี้เธอมาอยู่ ณ ที่แห่งหนใดกันหนอ “นี่ฉันอยู่ที่ไหน! ฉันอยู่ที่ไหน!” สิ้นเสียงรำพึง ฟางเซียนสิ้นสติไปทันทีพร้อมกับร่างงามก็เริ่มจมดิ่งลงไปอยู่ที่ก้นบ่อ กระดองเต่าที่สลักจา







