Masukช่วงหลายวันที่ผ่านมา ลู่ชิงหรูก้มหน้าทำหน้าที่ของตนอย่างไม่มีข้ออ้าง นางตื่นก่อนบ่าวในจวน ขะมักเขม้นตรวจสอบบัญชี จัดการและดูแลทั้งจวนคู่กับพ่อบ้านฉี ทำงานอย่างสงบเสงี่ยมแต่ก็ไม่ถึงขนาดก้มหัวให้ใครเฉกเช่นลู่ชิงหรูคนเก่า
เหนื่อยก็ยิ้มไม่ได้รับการยอมรับก็เพียงพิสูจน์ตัวเอง นั่นคือประสบการณ์ชีวิตของคนที่เคยผ่านการทำงานพาร์ตไทม์มานับไม่ถ้วนในโลกก่อนหน้า จะเสิร์ฟอาหาร ล้างจาน หรือแบกกล่องหนักกว่าตัว นางก็ทำมาแล้ว เพียงเรียนรู้การดูแลจวนและจัดการสายตาของพวกบ่าวที่ง่ายกว่ากันเยอะเหตุใดนางจะทำไม่ได้
ในที่สุดจากฮูหยินเอกของจวนที่ไร้ค่าทำได้เพียงก้มหน้ากลืนความเจ็บปวดก็กลายเป็นฮูหยินเอกที่บ่าวไพร่และคนรอบข้างเข้าหา พวกเขาชื่นชมในความสามารถของนางจนตอนนี้ชิงหรูกลายเป็นฮูหยินเอกของจวนเซียวที่เกือบสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะความสามารถในการดูแลจวน การดูแลปรนนิบัติแม่สามี ขาดก็แต่เพียงเรื่องเดียวก็คือการได้รับใช้และเป็นทียอมรับของผู้เป็นสามี
จะให้ทำอย่างไรเล่าก็ไอ้สามีผู้นั้นไม่กลับจวนมาให้นางได้เห็นหน้าเลย นางรู้เพียงว่าสามีหน้าตาดีอย่างไรผ่านตัวอักษรที่นักเขียนบรรยายไว้ในนิยายเท่านั้น
แต่แล้ววันนี้ เรื่องวุ่นวายก็บังเกิด !
“ฮูหยินน้อย ! ข้างหน้าจวนมีคนมาตะโกนโวยวายเจ้าค่ะ!”
ชิงหรูลุกขึ้นทันที นางไม่เอ่ยคำใดมากความก้าวเท้าเดินตรงออกไปยังหน้าจวน
ปึก !
เปียกชื้น...กลิ่นคาว...ของสิ่งที่มากระแทกหน้าผากนางอย่างแรง
ไข่ไก่เน่าหนึ่งฟองที่แตกคาหัวของชิงหรูเลย
“ฮูหยิน!”
บ่าวคนสนิทที่ตามมาถึงกับอุทานลั่นทันที ชิงหรูลืมหน้าขึ้นเงยหน้าขึ้นมองหาต้นแห่งการกระทำหยาบช้านี้
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนหน้าแดงก่ำอย่างโกรธหนัก มือชี้มาทางหน้าจวนเซียวที่บัดนี้มีชิงหรูยืนอยู่ หากสังเกตหน้าจวนทั้งบนพื้น ตามกรอบประตู หรือแม้แต่รู้ปั้นม้า บัดนี้กลับเละเทะเปื้อนด้วยของสดต่าง ๆ นานา
“เอาเงินข้ามาคืน! ร้านข้ารอหลายวันแล้ว! เหตุใดคนจากตระกูลขุนนางถึงเบี้ยวค่าของเช่นนี้”
เสี่ยวเฉินรีบเข้ามายื่นผ้าให้นาง ขณะเดียวกันก็รีบกระซิบบอกที่มาที่ไป ว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าของร้านเครื่องประดับในเมือง อ้างว่าคุณหนูเซียวอี้หลันขอซื้อเครื่องประดับราคาแพงไปโดยยังไม่จ่ายเงิน และไม่เคยตอบรับเมื่อถูกทวงหลายครา จนในที่สุดเขาก็มาเรียกร้องขอความยุติธรรมเช่นนี้
ชิงหรูยืนนิ่งรับฟัง กลิ่นคาวไข่ซึมเปื้อนเสื้อผ้า กลิ่นเน่าจางๆ ลอยฟุ้งรอบตัว นางหรี่ตามองชายผู้นั้นนิ่ง ในอกมีเพลิงเล็ก ๆ ลุกขึ้น แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มบาง
...ที่แท้เป็นคนจวนเซียวที่ก่อเรื่องก่อนนี่เอง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะมาก่อความวุ่นวายหรือทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้
หากได้รับความไม่เป็นธรรมเพียงแค่ไปร้องเรียนที่กรมอาญาก็ได้แล้วมิใช่หรือไร
“พี่สะใภ้…”
ขณะที่ชิงหรูคิดหาทางออกอยู่ ก็มีเสียงเบา ๆ ของเซียวอี้หลันดังขึ้นเบื้องหลัง ร่างบางปรากฏขึ้นนางเข้ามาเกาะมือเย็นเฉียบจับแขนชิงหรูไว้แน่น
“ข้าไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องเช่นนี้...วันนั้นสหายข้าพากันไปชมร้านขายของเก่าที่เปิดใหม่ พอเจอเครื่องประดับธรรมดาชิ้นหนึ่งแต่กลับราคาสูงจนน่าสงสัย ทุกคนต่างอยากพิสูจน์ว่ามันเป็นของเก่าจริงไหมก็เลยยุให้ข้าซื้อมันมาให้ผู้รู้ดู ข้ารู้ว่ามันราคาสูงแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะราคาสูงเพียงนั้นแต่ในเมื่อออกปากแล้ว ข้าก็เลย...ก็เลยจำใจซื้อมา แต่ภายหลังพบว่ามันเป็นของปลอมอีกทั้งมันก็หักลงเสียแล้ว ในเมื่อเขาหลอกขาย ข้าจึงไม่อยากจะจ่ายเงินกับของไร้ค่าเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
ชิงหรูรับฟังแล้วก็คิดตาม จะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่ว่าอี้หลันทำถูกเสียทีเดียว อย่างไรแม้เป็นของปลอมแต่นางก็โง่ซื้อมาแล้วก็ควรจ่ายไปตามที่ตกลงไว้ และเจ้าของร้านก็ทำไม่ถูกเช่นเดียวกันที่นำของปลอมมาขายเช่นนี้
หากจะใช้เหตุผลว่านั่นคือของปลอมเพื่อไม่ให้ต้องจ่ายเงินก็เกรงว่าจะสายเกินไปเสียแล้ว เพราะอาจถูกอีกฝ่ายโต้กลับโดยบอกว่าพวกนางนำของปลอมมาเปลี้ยนเพื่อไม่ให้ต้องจ่ายเงิน เช่นนั้นนอกจากพวกนางจะต้องจ่ายเงินจริง ๆ แล้วจวนตระกูลเซียวก็ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย
นางเกาะแขนชิงหรูแน่นขึ้นเมื่อเห็นว่าที่พึ่งหนึ่งเดียวของตนนิ่งไปนาน
“เรื่องนี้หากท่านแม่รู้... ข้าต้องโดนดุแน่ พี่สะใภ้ข้าควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”
เสียงอ้อนวอนของน้องสามี ทำให้ชิงหรูนิ่งไปชั่วครู่
ชิงหรูเข้าใจดีว่านางในฐานะฮูหยินเอกของเจ้าของจวนต้องมีหน้าที่ดูแลทั้งเรื่องภายในจวนและต้องแบกรับชื่อตระกูลเซียวไว้กับมือด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ เรื่องนี้จะจบอย่างไรต้องใครครวญดูให้ดี
“ของที่ว่ามีราคาเท่าไร?”
“ห้าสิบตำลึงเจ้าค่ะ” อี้หลันตอบเสียงอ่อน นางรู้สึกผิดที่สร้างปัญหายิ่งนัก
ชิงหรูพยักหน้าเล็กน้อย สายตากวาดมองพื้นตรงหน้าประตูที่เปื้อนคราบไข่เน่า เหลือบสายตามองรูปปั้นม้าที่เคยงามสง่าแต่บัดนี้ม้าศึกกลับกลายเป็นรูปปั้นม้ามอมแมมไปเสียแล้ว
ชิงหรูหยกยิ้มมุมปากก่อนจะหันกลับไปถามเสี่ยวเฉินด้วยเสียงราบเรียบด้วยเสียงดังพอให้คนโดยรอบที่เข้ามามุงได้ยิน
“เสี่ยวเฉิน...ม้าสลักหินเฝ้าประตูจวนนี่ ข้าเคยได้ยินว่ามาจากต่างแคว้นใช่หรือไม่?” นางเว้นจังหวะนิดหนึ่งก่อนเอ่ยต่อ “ว่ากันว่าเป็นของหายาก ทำจากหินเหอซานแท้ ๆ...ใช่หรือเปล่า?”
บทที่ 3การกระทำแสนหยาบช้าแสงแรกของรุ่งเช้ารำไรผ่านม่านบางสีอ่อนของเรือนใหญ่ ลู่ชิงหรูกำลังนั่งอยู่หน้าคันฉ่องทองเหลือง หวีผมอย่างประณีต ดวงใจกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะเช้าวันนี้นางตั้งใจจะไปส่งสามีที่หน้าจวนก่อนที่เขาจะออกไปทำงานที่ค่ายทหารเมื่อคืนถูกผลักไสอย่างไร้เยื่อใย แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลให้นางถอย การจะชิงตำแหน่งสตรีเพียงหนึ่งเดียวของพระเอกธงแดงนั้นคงไม่อาจอาศัยเพียงเสน่ห์หรือน้ำตา แต่ต้องอาศัยความพยายามที่มากขึ้นด้วยทว่าในขณะที่นางเพิ่งจะรวบผมปักปิ่นเรียบร้อย เสี่ยวเฉินก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมบ่าวอีกคนที่ส่งไปเฝ้าดูเรือนท่านแม่ทัพ“ฮูหยินเจ้าคะ...” บ่าวนางคุกเข่าหอบเบา ๆ “ท่านแม่ทัพ...ขี่ม้าออกจากจวนไปแล้วเจ้าค่ะ เห็นว่าออกตั้งแต่ยามเหม่า (05.00 – 06.59 น.) เลย...”มือที่ถือหวีของชิงหรูหยุดค้างกลางอากาศ นางไม่หัน ไม่ตอบ เพียงนั่งนิ่งอยู่หน้าคันฉ่อง เส้นผมยาวสลวยยังหล่นอยู่ข้างไหล่ เงาสะท้อนในกระจกเผยให้เห็นแววตานิ่งสงบ แต่กลับวูบไหวภายใน“เช่นนั้นหรือ...” น้ำเสียงของนางเบา เหมือนไม่ตั้งใจให้ใครได้ยินเสี่ยวเฉินลอบมองสีหน้านายหญิง แล้วรีบเดินมาเก็บหวีด้วยท่าทางระวัง กลัวจะพูดผิดจ
บทที่ 2ชุดนอนไม่ได้นอนชิงหรูคนใหม่นี้บอกเลยว่านางไม่ยอมแพ้เพียงเท่านี้หรอกความขมในใจบัดนี้กำลังถูกกลบด้วย... แผนการใหม่ที่นางเตรียมไว้สำหรับค่ำคืนนี้นางก็สั่งให้เสี่ยวเฉินไปนำหีบใส่ชุดที่นางออกแบบและให้คนตัดใหม่“นี่คือชุดที่ฮูหยินให้บ่าวนำไปส่งที่ร้านชุด และตัดตามที่ท่านวาดไว้เจ้าค่ะ”ฝาหีบเปิดออก เผยให้เห็นผ้าโปร่งบางสีชมพูสดเนื้อดีนุ่มลื่นมือยามสัมผัส ชุดเศษผ้านี้ตกแต่งด้วยลายปักดอกไม้สีแดงสด บริเวณอกมีสายคาดไขว้เป็นรูปผีเสื้อเผยเนินอกได้รูปอย่างมีชั้นเชิงนี่คือชุดนอนไม่ได้นอนแบบร่วมสมัยเกินกว่าหญิงใดในยุคนี้จะกล้าใส่...ชาติก่อนนางหาได้มีโอกาสใส่ของพวกนี้ไม่ นางทำงานจนเล็บแทบจะหัก ขนาดกางเกงนอนยังหมุนใช้สามวันซักที ทว่าตอนนี้นางสั่งตัดเพียงวันเดียวชุดใหม่ที่นางต้องการก็มาอยู่ตรงหน้าแล้วลู่ชิงหรูอาบน้ำอย่างละเอียด ล้างเนื้อล้างตัวด้วยน้ำสมุนไพรอุ่นที่แช่ด้วยกลีบดอกไม้ ทาเนื้อตัวด้วยน้ำอบกลิ่นหอมละมุน นางยืนหน้ากระจกทองเหลือง ค่อย ๆ สวมชุดนั้นทีละชิ้น ด้วยใจที่เต้นแรงขึ้นทุกคราที่เนื้อผ้าสัมผัสผิวร่างของนางในกระจกช่างงดงามเกินหญิงธรรมดา ผิวขาวเนียนไม่ต่างจากหยกขัด รูปร่างเพรี
เสี่ยวเฉินนั้นขมวดคิ้วชั่วครู่แต่พอสบตาเจ้านายก็ทำตาโตทันใดก่อนพยักหน้าไว“ใช่เจ้าค่ะ! ในบัญชีของจวนเราระบุว่าแท่นละเกือบร้อยตำลึงด้วยซ้ำ!”ชิงหรูยิ้มบางอย่างสมใจ และหันกลับไปหาพ่อค้าจอมสร้างเรื่อง“เจ้ามาปาไข่เน่าตรงหน้ารูปสลักคู่นี้ นอกจากจะทำให้สกปรกไม่พอ ยังไม่เกรงใจเทพเฝ้าจวนที่ท่านแม่ทัพเซียวอัญเชิญมาปกปักษ์อีก ! หึ ไหนจะชุดปักลายที่เปรอะเปื้อนกลิ่นเหม็นนี่อีก เราจวนเซียวไม่ติดเรื่องจ่ายเงินที่ซื้อของไปอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมารังแกเช่นกัน!”ชิงหรูใช้น้ำเสียงเปี่ยมอำนาจแต่ไม่กดข่มอีกฝ่ายจนเกินไป พอเห็นพ่อค้าผู้นั้นอ้าปากค้างมองผลงานของตนเองอย่างไม่รู้จะทำอะไรก็รีบพูดต่อทันที“เสี่ยวเฉินไปนำเงินห้าสิบตำลึงมาให้เถ้าแก่ที แต่ข้าก็ขอเรียกเก็บค่าเสียหายกลับมาด้วยเช่นกัน พี่น้องถ้วนทั่วเป็นพยายานให้ข้าได้!”สีหน้าชายผู้นั้นเปลี่ยนสีคราแล้วคราเล่าก่อนตะโกนขึ้นด้วยเสียงเบากว่าเดิม“นี่...ข้าก็แค่ เอ่อ คราบพวกนี้เพียงแค่ล้างน้ำทำความสะอาดก็ได้แล้วมิใช่หรือ? เหตุใดถึงเรียกเก็บมากเพียงนั้นด้วยเล่า นี่มันรังแกกันชัดๆ!”ชิงหรูรู้ว่าอีกฝ่ายไม่คิดว่าจะกลายเป็นว่าตนเองต้องเสียเงินและก
บทที่ 1นางดูถูกพระเอกธงแดงเกินไปแล้วช่วงหลายวันที่ผ่านมา ลู่ชิงหรูก้มหน้าทำหน้าที่ของตนอย่างไม่มีข้ออ้าง นางตื่นก่อนบ่าวในจวน ขะมักเขม้นตรวจสอบบัญชี จัดการและดูแลทั้งจวนคู่กับพ่อบ้านฉี ทำงานอย่างสงบเสงี่ยมแต่ก็ไม่ถึงขนาดก้มหัวให้ใครเฉกเช่นลู่ชิงหรูคนเก่าเหนื่อยก็ยิ้มไม่ได้รับการยอมรับก็เพียงพิสูจน์ตัวเอง นั่นคือประสบการณ์ชีวิตของคนที่เคยผ่านการทำงานพาร์ตไทม์มานับไม่ถ้วนในโลกก่อนหน้า จะเสิร์ฟอาหาร ล้างจาน หรือแบกกล่องหนักกว่าตัว นางก็ทำมาแล้ว เพียงเรียนรู้การดูแลจวนและจัดการสายตาของพวกบ่าวที่ง่ายกว่ากันเยอะเหตุใดนางจะทำไม่ได้ในที่สุดจากฮูหยินเอกของจวนที่ไร้ค่าทำได้เพียงก้มหน้ากลืนความเจ็บปวดก็กลายเป็นฮูหยินเอกที่บ่าวไพร่และคนรอบข้างเข้าหา พวกเขาชื่นชมในความสามารถของนางจนตอนนี้ชิงหรูกลายเป็นฮูหยินเอกของจวนเซียวที่เกือบสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะความสามารถในการดูแลจวน การดูแลปรนนิบัติแม่สามี ขาดก็แต่เพียงเรื่องเดียวก็คือการได้รับใช้และเป็นทียอมรับของผู้เป็นสามีจะให้ทำอย่างไรเล่าก็ไอ้สามีผู้นั้นไม่กลับจวนมาให้นางได้เห็นหน้าเลย นางรู้เพียงว่าสามีหน้าตาดีอย่างไรผ่านตัวอักษรที่นักเขียนบรรยายไว้
บทนำโชคชะตาของนางร้ายในชาติก่อน นางคือเด็กหญิงผู้ไร้ที่พึ่งอย่างแท้จริง เติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้าที่ไร้ผู้อุปถัมภ์ เกิดมานางไม่เคยเห็นหน้าบิดา มารดา ไม่เคยถูกใครเรียกนางว่า ลูก และไม่เคยได้สัมผัสคำว่าครอบครัววันเวลาแต่ละวันผ่านไปเชื่องช้าท่ามกลางความโดดเดี่ยว ชีวิตของนางดำเนินเช่นนั้น ใช้ชีวิตหาเงินทุกวิถีทางทำทุกอย่างเพื่อให้สามารถมีเงินส่งตัวเองเรียน จนกระทั่งนางเรียนจบและมีงานทำ...แต่แล้วในคืนหนึ่ง เมื่อนางหลับตาพร้อมหนังสือนิยายเล่มแรกของชีวิตที่นางซื้อมันด้วยเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงตนแรง นางยังอ่านไม่ทันจบพลันลืมตาขึ้นมา... นางก็กลับกลายเป็น ลู่ชิงหรู ฮูหยินเอกแห่งจวนแม่ทัพเซียวเหยียนหลง ผู้มีบทบาทในนิยายเป็นถึงพระเอกของเรื่อง...น่าเสียดายที่ลู่ชิงหรูผู้นี้มิใช่นางเอกของนิยายเรื่องนี้ แต่นางคือนางร้ายที่อิจฉานางเอกจนเผลอพลั้งวางยาให้อีกฝ่ายตายตกไป ทว่าอย่างไรนางเอกก็คือนางเอกใช่แล้ว นางร้ายเช่นลู่ชิงหรูถูกจับได้ก่อนและถูกพระเอกในนิยายที่เป็นสามีของตนจบชีวิตลงด้วยมือของเขาเอง !บทนางร้ายผู้น่าเวทนาผู้นี้จบชีวิตลงตั้งแต่เรื่องดำเนินไปไม่ถึงครึ่งเรื่องด้วยซ้ำเนื้อหาในนิยายท







