สตรีงดงามที่เดินกรีดกรายเข้าร้านนู้นออกร้านนี้อย่างมีความสุขนัก เกิดเป็นคนสวยและรวยมากมันก็ดีอย่างนี้แหละนะ โชคดีที่ร่างนี้นั้นมีเงิน ทองที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้มากมายไม่อย่างนั้นนางไม่อยากจะคิดเลยว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเมืองนี้ได้อย่างไร นางไม่ได้ข้ามภพมาแล้วมีความเทพทรูเหมือนในละครหรือนิยายเสียด้วยสิ ชีวิตก่อนใช้หน้าตาและความสามารถด้านการแสดงเลี้ยงชีพเท่านั้น เดินชื่นชมสิ่งของสวยๆ งามๆ ที่ดูแปลกตาอยู่นานชักจะหิว จึงได้ชวนจิ้นผิงที่ดูเริงร่านักไปหาอะไรรองท้อง เดินเลือกหาอยู่นานจนมาเจอเหลาอาหารที่ดูท่าจะอร่อยเพราะดูจะครึกครื้นนักเมื่อร่างงามเย้ายวนเดินกรีดกรายเข้าไปดั่งนางพญาที่เดินเชิดหน้าไหล่ตั้งหลังตรงจนติดเป็นนิสัยมาตั้งแต่ภพก่อนเดินเยื้องย่างเข้ามาภายในเหลาอาหารก็เรียกความสนใจจากบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ให้หันมามองนางเป็นตาเดียว แต่นางก็หาใส่ใจไม่เพราะเคยชินกับการถูกมองอย่างชื่นชมมาทั้งชีวิต แค่ไม่มองแล้วแบ้ปากใส่เป็นใช้ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มบุรุษสามสี่คนที่นั่งอยู่บนชั้นสองที่สังเกตตั้งแต่ใบหน้างามนวลผ่องโผล่พ้นประตูเข้ามา
"ข้าว่าโฉมงามผู้นี้ดูคุ้นตาอย่างไรอยู่นะ"
"ข้าก็ว่าอย่างนั้นล่ะ"
บุรุษทั้งสี่ต่างพยักพเยิดอย่างเห็นด้วย แต่พอเห็นบ่าวรับใช้ด้านหลังเท่านั้นล่ะ ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก อย่างไม่อยากจะเชื่อ
"เมิ่งอ้ายเย่ว"
ต่างก็เอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
เห็นสตรีหน้าตางดงามผู้นั้นยิ้มหวานให้เสี่ยวเอ้อที่เดินนำขึ้นมายังชั้นสองทุกคนต่างจ้องมองอย่างโง่งมนัก จนกระทั่งนางเดินผ่านโต๊ะที่ทั้งหมดนั่งอยู่แล้วเดินผ่านเลยไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างฉงนสนเท่ห์นักโดยเฉพาะกับบุรุษรูปงามหน้าตาคมเข้มที่สตรีใดเห็นจำต้องเหลียวมองนางกลับเดินผ่านเลยไปเหมือนคนไม่รู้จักกันทำให้เขาเกิดความไม่พอใจขึ้นอย่างประหลาด ซึ่งความจริงเขาควรดีใจไม่ใช่หรือที่สตรีผู้นั้นไม่มาก่อเรื่องวุ่นวายให้เขาต้องอับอายอีก นี่เขาเป็นบ้าอะไรนี่
เมิ่งอ้ายเย่วเมื่อได้ที่นั่งที่ต้องการก็หย่อนก้นงามงอนลงนั่งอย่างสบายอารมณ์จนเกือบจะยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างอย่างเคยชินดีนะที่ระงับไว้ทันไม่อย่างนั้นคงได้ถูกมองว่าไม่มีความเป็นกุลสตีให้โดนนินทาอีกเป็นแน่ เมื่อนั่งลงเรียบร้อยเหลือบเห็นจิ้นผิงที่ยังยืนอยู่ก็มองอย่างออกคำสั่งว่าให้นั่งลงแต่จิ้นผิงกลับส่ายหน้าปฏิเสธ
"จิ้นผิงนั่งลงเดี๋ยวนี้ นี่เป็นคำสั่ง"
จิ้นผิงจึงได้ยอมนั่งอย่างจนใจ
"ดีมาก"
ส่งยิ้มไปให้แล้วเอ่ยถาม
"กินอะไรดีจิ้นผิง"
"บ่าวก็ไม่รู้เจ้าค่ะ"
เอ่ยตอบพร้อมส่งยิ้มแห้งๆ มาให้นายสาว
"อืม งั้นขอเป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่สักสามสี่อย่าง ข้าวหนึ่งโถก็แล้วกัน"
" อ้อ ขอสุราที่ดีที่สุดของที่นี่ด้วย"
เอ่ยประโยคยอดนิยมในซีรีส์จีนที่เคยแสดง
"ขอรับคุณหนู รอสักครู่นะขอรับ"
เสี่ยวเอ้อกล่าวพร้อมค้อมหัวให้อย่างนอบน้อมนัก
"คุณหนูสั่งสุรามาทำไมเจ้าคะ"
จิ้นผิงเอ่ยถามอย่างโง่งมนัก คุณหนูของนางไม่เคยดื่มสุรามาก่อนแค่ได้กลิ่นก็บ่นว่าเหม็นแล้ว
" สั่งสุรามาก็ต้องสั่งมาดื่มอย่างไรเล่า เจ้าถามประหลาดนัก"
นางอยากจะลองจิบๆ ดมๆ ดูเท่านั้น ว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร ภพก่อนนางเป็นนักดื่มตัวยงเลยนะ
"แต่คุณหนูไม่เคยดื่มนะเจ้าคะ"
"อะไรที่ไม่เคยเราต้องทำให้เคยไว้บ้างนะจิ้นผิง"
"นี่ ลู่เหวิน เจ้าจะไม่ไปกล่าวทักทายนางหน่อยหรือ"
คุณชายจ้าวหย่งฉีเป็นผู้กล่าวขึ้น
"ใช่ๆ ข้ารู้สึกเหมือนนางจะดูเมินๆ เจ้าอย่างชอบกล"
เป็นคุณชายเหอจี้หนานที่กล่าวอย่างเห็นด้วย
" อืม ข้าเห็นด้วยกับสองคนนี้"
คุณชายจางไห่คังผู้ที่พูดน้อยสุดเอ่ยขึ้นอีกคน
มองหน้าสหายทั้งสามแล้วส่ายหน้า
" ไม่ล่ะ เดี๋ยวนางจะหาว่าข้ามีใจให้แล้วตามติดข้าอีก"
บุรุษที่ถูกคะยั้นคะยอกล่าวอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก แต่สายตากลับมองไปยังโต๊ะของนางไม่วางตา นางดูเปลี่ยนไปไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาที่ดูเปลี่ยนไปมาก ดูงดงามยิ่งนัก แต่กิริยาท่าทางนั้นก็ดูเปลี่ยนไปจากเดิมมากเช่นกัน
"อ่านอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงหวานละมุนนั้น รีบวางจดหมายในมือ ตรงเข้าไปโอบประคองร่างอุ้ยอ้ายที่หน้าท้องนั้นใหญ่โตมากของชายารักที่ใกล้คลอดเต็มที ที่เดินลูบหน้าท้องนู้นเข้ามาโดยมีจิ้นผิงคอยประคอง"น้องหญิง ออกมาทำไมกัน"ร่างหนาพูดขึ้นพร้อมโอบประคองร่างอวบอิ่มให้นั่งลงบนตั่งที่ปูด้วยเบาะหนานุ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนมือหนาจะลูบบนหน้าท้องนูนสัมผัสถึงแรงกระตุกเบาๆ ของก้อนแป้งน้อยที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ของสตรีอันเป็นที่รัก ใบหน้าหล่อเหลานั้นยกยิ้มอย่างยินดีเมื่อเจ้าก้อนแป้งนั้นช่างรู้ความ เพียงบิดาสัมผัสก็จะตอบรับกลับมาเสียทุกครั้ง"จดหมายจากแม่ทัพตงหยวน ส่งมาแจ้งว่าลี่ฟางคลอดบุตรแล้ว เป็นคุณหนูใหญ่""จริงหรือเจ้าคะ น่ายินดีเสียจริง"ใบหน้าหวานนั้นยิ้มละมุนอย่างรู้สึกยินดี มองสวามีที่ก้มลงจูบเบาๆ บริเวณหน้าท้องนูน"เจ้าก้อนแป้งของบิดา เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันเสียที"อ้ายเย่วที่ถึงกับยกยิ้มกับความอ่อนโยนนั้น ก่อนใบหน้างามจะขมวดมุ่น เมื่อรู้สึกปวดหน่วงตรงช่วงล่างจนเผลอเกร็งตัวร้องครางออกมา"อ๊ะ!"เล่อชินอ๋องที่เห็นอาการของร่างอวบอิ่มจึงรีบลูบท้อ
เล่อชินอ๋องที่มองร่างงดงามเย้ายวน ผิวขาวดูชุ่มฉ่ำเปล่งปลั่งราวจะคั้นน้ำได้ มือเรียวสวยที่กรีดกรายเขียนอักษรลงบนแผ่นกระดาษ ใบหน้านวลผ่องที่จดจ่อกับแผ่นกระดาษตรงหน้าดูน่าหลงใหลจนต้องลอบกลืนน้ำลาย ร่างอวบอิ่มนั้นทำให้พระองค์หลงใหลทุกครั้งที่ได้ชิดใกล้"น้องหญิงพี่แค่ไปหารือกับรัชทายาทเพียงครู่เดียวเท่านั้น และที่สำคัญก็มีแต่บุรุษ เจ้าจะไปได้อย่างไร เอาไว้พี่จะพาไปเที่ยวชมตลาดวันหลังดีหรือไม่"อ้ายเย่วเอียงหน้ามายิ้มหวานเป็นการตอบรับอย่างน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาคนมอง แต่หารู้ไม่ว่ายิ้มนั้นมันเคลือบยาพิษเห็นว่าคนข้างๆ ยังให้ความสนใจกับสิ่งที่นางทำอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะออกไปจึงเอ่ยถามขึ้น"ไม่เสด็จหรือเจ้าคะ องค์รัชทายาทรอแย่แล้วกระมัง""ยังไม่ถึงเวลานัดหมาย""แล้วนี่เขียนอันใดอยู่หรือ"เล่อชินอ๋องที่หรี่ตามองแผ่นกระดาษตรงหน้าชายารัก"กำลังตอบจดหมายของลี่ฟางเจ้าค่ะ"อ้ายเย่วตอบพร้อมหรี่ตามองบุรุษผู้เป็นสามีก่อนเอ่ยขึ้นอีกว่า"น้องว่าจะชวนนางเปิดกิจการด้วยกัน"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นชายา "เหตุใดต้องทำให้ตัวเองเหนื่อยกัน สมบัติในวังจันทราแห่งนี้มีให้เจ้าใช้และอยู่อย่างสุขสบายโดยไม่
อ้ายเย่วที่พับจดหมาย จากฮูหยินแม่ทัพแคว้นฉี เสียนลี่ฟาง ที่เขียนมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง ตั้งแต่จากกันวันนั้นจนวันที่นางได้ไปร่วมงานมงคลของทั้งสอง อ้ายเย่วและเสียนลี่ฟางก็ติดต่อกันโดยการเขียนจดหมายติดต่อกันตลอดก่อนจะให้จิ้นผิงพยุงร่างอุ้ยอ้าย มานั่งลงตรงที่นั่งในศาลากลางสวนสวย ตอนนี้อายุครรภ์ของนางย่างเข้าเดือนที่แปดแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอกับเจ้าก้อนแป้ง ไม่รู้ว่านางหรือลี่ฟางที่จะคลอดก่อนกัน เพราะอายุครรภ์ของทั้งคู่ไล่เลี่ยกัน"จับซาไท้เป้า เจ้าค่ะพระชายา"อ้ายเย่วที่กำลังชื่นชมความงามของหมู่มวลดอกไม้ที่กำลังอวดดอกบานสะพรั่ง หันมารับถ้วยยาจากจิ้นผิง ซึ่งเป็นยาบำรุงครรภ์ ที่สวามีของนางขยันสรรหามาบำรุงนางจับซาไท้เป้า เป็นตำรับยาบำรุงครรภ์รับประทานในช่วงกลางถึงปลายระยะตั้งครรภ์ โดยนิยมเริ่มรับประทานในเดือนที่หกของการตั้งครรภ์ และหยุดรับประทานก่อนคลอดหนึ่งเดือนอ้ายเย่วอดรู้สึกชื่นชมตำรับยาสูตรโบราณนี้ไม่ได้ แม้ยุคนี้จะไม่มีความทันสมัยเหมือนยุคก่อนนางก็ไม่กังวลมากนักสรรพคุณของยาตำรับนี้ก็คือ บำรุงหญิงตั้งครรภ์ให้แข็งแรง ไม่ให้เป็นหวัดง่าย ทำให้ระบบการย่อยของหญิงตั้งครรภ์เป็นปกติ ไ
เมื่อเห็นว่าคนใต้ร่างพยักหน้ารับ ดวงตาฉ่ำหวานที่มีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่นั้น กะพริบปริบๆ จนหยาดน้ำตาไหลมาทางหางตา จึงใช้หัวแม่มือกรีดออกให้อย่างแผ่วเบา ก้มลงจูบซับอย่างอ่อนโยน ก่อนริมฝีปากหนาจะเคลื่อนมาครอบครองปากเล็กอวบอิ่มที่หวานล้ำ จากจุมพิตอ่อนโยนกลายเป็นเร่าร้อนตามแรงปรารถนา สองร่างที่ก่ายกอดลูบไล้กันต่างตกอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งรสกามา ต่างตักตวงความหวานของกันและกันด้วยความถวิลหา ให้สมกับที่ต้องห่างไกลกันแรมเดือนลิ้นร้อนที่บดคลึงจนคนใต้ร่างหอบสะท้าน มือเล็กที่ยันอกแกร่งด้วยใบหน้านวลที่แดงก่ำ ก่อนจะรอบรวมสติที่กระเจิดกระเจิง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า"ข้ากำลังตั้งครรภ์อยู่นะเจ้าคะ"แม่ทัพตงหยวนที่จูบหน้าผากมนแผ่วเบา เอ่ยกับร่างเย้ายวนที่ตอนนี้อาภรณ์หลุดลุ่ย น้ำเสียงกระเส่า"พี่รู้ พี่จะอ่อนโยน"เพียงไม่นานร่างสองร่างก็เปลือยเปล่า ปากหนาร้อนรุ่มลากไล้ปลายลิ้นสากมาตามลำคอระหง จนมาถึงทรวงอกนุ่มหยุ่นที่ดูจะอวบอิ่มขึ้น จนต้องฝังจมูกลงไปคลอเคลียสูดดมความหอมอ่อนละมุนที่เขาหลงใหล ก่อนจะใช้อุ้งปากเข้าครอบครองสร้างความเสียวซ่านให้เจ้าของที่ดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่าง ปาดเลียลิ้นร้อนสลับดูดดุน จนยอดทรวงแ
สัมผัสเปียกชื้นตรงซอกคอขาว ทำให้คนที่กำลังหลับสบายขยับตัวอย่างรำคาญ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ภาพศีรษะที่มีผมดำปกคลุมกำลังเลื่อนลงไป ก้มลงซุกไซร้หน้าอกขาวอวบ ทำให้ร่างบางแข็งทื่อ ปากอวบอิ่มที่กำลังจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือกลับเปล่งเสียงร้องออกมาได้เพียงเสียงอู้อี้เมื่อถูกปากหนาของบุรุษต่ำช้าเลื่อนมาประกบ ร่างบางที่เริ่มดิ้นรนต่อสู้ใช้มือเล็กจิกข่วนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำอย่างแรงจนแผ่นหลังแกร่งรู้สึกแสบ"หยุดดิ้น"เสียงทุ้มสั่งเสียงกระเส่า พร้อมมือใหญ่ที่รวบเอามือเล็กไว้เหนือศีรษะเพียงมือเดียว ส่วนอีกมือนั้นจับปลายคางมนให้คนตัวเล็กใต้ร่างหันมาสบตาตน "ทะ ท่านแม่ทัพ"ลี่ฟางเมื่อเห็นว่าชายชั่วที่จะย่ำยีนางเป็นใคร ลำคอระหงพลันแห้งผาก หัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกจากอก"ปล่อยข้า ท่านคิดจะทำอะไร""แล้วคิดว่าจะทำอันใดเล่า สามีภรรยาไม่เจอกันแรมเดือน เจ้าคิดว่าข้าจะนอนมองเจ้าเฉยๆ หรือ"ลี่ฟางเมื่อฟังคำพูดและมองใบหน้ายียวนของคนเหนือร่างให้นึกเคือง "ปล่อยข้า ข้ามิใช่ภรรยาของท่าน ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าข้าเป็นองค์หญิงบรรณาการของเล่อชินอ๋อง""เช่นนั้นหรือ... เก่งขึ้นนะ"เสียงท
แล้วเวลาอาหารมื้อเย็นของวันนี้ก็มาถึง อาหารหน้าตาน่าทานต่างถูกลำเลียงมาขึ้นโต๊ะ แต่แขกของจวนยังไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวขึ้น จนกระทั่งคนทุกอยู่กันพร้อมหน้า หม่ากงกง จึงได้มารายงานว่า สหายของเจ้าของจวนเดินทางมาถึงแล้ว เล่อชินอ๋อง จึงได้ให้รีบเชิญเข้ามาแต่ภาพของบุรุษที่ปรากฏตัวขึ้น ทำให้สตรี ที่เป็นแขกของจวนอีกผู้หนึ่ง ต้องตกตะลึงจนแทบจะ ระงับอาการสั่นไหวไม่ได้ใบหน้างามนั้นซีดเผือด กับการปรากฏตัวของบิดาของบุตรในครรภ์ของนางแม่ทัพลั่วตงหยวนอ้ายเย่วที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาแบบบุรุษหล่อร้ายตรงหน้าได้แต่มองด้วยความโง่งม เพราะบุรุษตรงหน้านั้นเรียกได้ว่าหล่อแบบลุคเถื่อนๆ ช่างกระชากใจนางโดยแท้"หากเจ้ายังมิเลิกมองสหายของพี่ด้วยสายตาเช่นนั้น เห็นทีพี่คงต้องเสียมารยาท พาเจ้าไปทบทวนความจำกันสองต่อสองว่าเจ้านั้นมีสวามีแล้ว และสวามีก็นั่งอยู่ตรงนี้"อ้ายเย่วที่รีบถอนสายตามามองบุรุษที่กำลังมองนางด้วยสายตาคาดโทษ เสียงกระซิบแผ่วเบานั้นเรียกสติของนางจากอาการคลั่งคนหน้าตาดี ให้รีบหันมาส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นสวามี แม้ท่านแม่ทัพผู้นั้นจะหล่อเหลาวัวตายควายล้ม แต่ก็เทียบมิได้เลยกับเล่อชินอ๋องสวามีนาง ที่ความห