เมื่อ เหยาเหยา ซุปเปอร์สตาร์ดาวร้ายแถวหน้าของวงการประสบอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิต ในวัยแค่25 ปี ดันมาโผล่ในร่าง คุณหนู เมิ่งอ้ายเย่ว คุณหนูผู้แสนร้ายกาจที่ชะตาอาภัพ บิดา มารดา เสียชีวิต แถมหน้าตาอัปลักษณ์ อ้วนฉุ อารมณ์ร้าย ขี้โมโห ตามหึงหวงจนคู่หมายไม่ปรารถนา รังเกียจเข้าขั้นเกลียดชัง ดีหน่อยที่พ่อแม่ว่าที่สามียังเอ็นดู ไม่อย่างนั้นคงถูกเฉดหัวออกจากจวนแล้วเป็นแน่ เหอะ แต่ใครจะสนใจเล่า อย่ามายุ่งกับข้า ข้าจะแปลงโฉม อ้วนขนาดนี้ข้ารับไม่ได้!!!!
View Moreเมื่อ เหยาเหยา ซุปเปอร์สตาร์ดาวร้ายแถวหน้าของวงการบันเทิงประสบอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิต ในวัยแค่25 ปี ดันมาโผล่ในร่าง คุณหนู เมิ่งอ้ายเย่ว ที่พลัดตกน้ำเช่นกันแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงมาอยู่ในร่างนี้ได้ คุณหนูผู้แสนร้ายกาจที่ชะตาอาภัพ บิดา มารดา ที่เป็นหมอที่มีฝีมือในการรักษาเก่งกาจน่าเสียดายที่มาเสียชีวิตเพราะโดนโจรปล้น แต่เดชะบุญเมื่อครั้งบิดามารดา ยังมีชีวิตได้มีบุญคุณต่ออดีต แม่ทัพพิทักษ์ดินแดนที่โดนลอบทำร้ายจนตกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่สองสามีภรรยามาเจอเข้าและได้นำตัวไปรักษาจนหายเป็นปกติจนเกิดเป็นบุญคุณใหญ่หลวงเพราะหากไม่ได้ทั้งสองคงไม่อาจรอดพ้นจากความตาย ตอนนี้ปลดระวางสืบทอดตำแหน่งให้แก่บุตรชายคนโต หานลู่เหวิน ที่เมิ่งอ้ายเย่วตกหลุมรักทันทีที่สบตา จึงเป็นเหตุให้ทั้งคู่เป็นคู่หมายกัน ด้วยเหตุผลบุญคุณต้องทดแทน ถึงแม้ แม่ทัพรูปงามหานลู่เหวินจะไม่ชมชอบในตัวนาง
ด้วยเหตุนี้เมื่อบิดามารดาจบชีวิตนางจึงเหลือตัวคนเดียวเพราะไร้ญาติขาดมิตร จวนตระกูลหานจึงรับนางเข้าตระกูลในฐานะว่าที่ฮูหยินน้อยจวนแม่ทัพ แต่นางก็สร้างเรื่องสร้างราวไว้มากมายเหลือเกิน จนบ่าวไพร่ในจวนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ด้วยนางเป็นคนอารมณ์ร้าย ขี้โมโห ตามหึงหวงท่านแม่ทัพลู่เหวินจนเป็นที่รังเกียจของท่านแม่ทัพจนหาทางหลบเลี่ยงที่จะไม่แต่งนาง ทั้งที่นางนั้นเลยวัยปักปิ่นมาสองปีแล้ว จนนางตามอาละวาดสตรีทุกคนที่เข้าใกล้ และเหตุที่นางตกน้ำนั้นก็เพราะ คุณหนูไป๋อี้ชิง คุณหนูคนงามเรียบร้อยอ่อนหวาน สมเป็นบุตรีของ เจ้ากรมพิธีการ ไป๋อี้ถัง ที่นำขนมมาขอบคุณท่านแม่ทัพที่จวนเนื่องจากได้ช่วยนางจากการโดนขโมยถุงเงินในตลาดเมื่อหลายวันก่อน เมิ่งอ้ายเย่ว ที่รู้เข้าเลยตั้งใจที่จะผลักคุณหนูไป๋ ให้ตกน้ำ ไม่รู้ว่าผลักท่าไหนตัวเองจึงตกลงไปแทน
เมิ่งอ้ายเย่ว มาอาศัยอยู่ในจวนตระกูลหานเป็นเวลาสองเดือนกว่าแล้วนางมีสาวใช้ที่จงรักภักดีต่อนางอยู่เพียงคนเดียวที่อยู่ข้างกายนางมาตลอดตั้งแต่เด็ก นาม จิ้นผิง ที่รักคุณหนูของนางนัก แม้คุณหนูของนางจะร้ายกาจและอารมณ์ร้ายจนนางมักจะโดนลงโทษอยู่เสมอ นางก็ไม่เคยโกรธ เพราะชีวิตนี้นางได้ยกให้คุณหนูเป็นเจ้าของ ตั้งแต่ที่คุณหนูนำนางออกมาจากขุมนรกนั่น ที่โดนเฆี่ยนตีเหมือนไม่ใช่คนหากไม่ยอมทำตามที่พวกมันปรารถนา นางที่ตอนนั้นอายุแค่สิบสามหนาวกำลังจะถูกส่งเข้าไปในหอสุขสม แต่นางไม่ยอมจึงถูกเฆี่ยนตีเกือบตาย แต่ได้คุณหนูที่ตอนนั้นอายุแค่ห้าหนาวและนายท่านทั้งสองช่วยเหลือจึงได้รอดชีวิต เดิมทีคุณหนูของ จิ้นผิงไม่ใช่สตรีร้ายกาจ ทั้งอ่อนโยนแและมีเมตตาเป็นอย่างมาก แต่เพราะ ตอนอายุได้สิบสามหนาวคุณหนูโดนพิษจากแมลงประหลาดต่อยจนเกิดเป็นผื่นตามใบหน้าจนกลายเป็นตุ่ม จนโดนล้อว่าอัปลักษณ์ นายท่านกับฮูหยินถึงแม้จะพยายามอย่างหนักที่จะหาทางรักษาก็ไม่หาย จนทำให้คุณหนูเป็นคนอารมณ์ร้ายขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าตนเองก็จะยิ่งโมโห และร่างกายก็ไม่ได้เพรียวบางเหมือนคุณหนูคนอื่น ดีอยู่อย่างที่ถึงแม้ใบหน้าจะเป็นตุ่ม แต่ผิวกายคุณหนูงามนัก นุ่มละมุนมือ ขาวเรียบเนียนดังน้ำนม
เฮ้อ!! เหยาเหยา ที่นั่งคิดถึงเรื่องราวความเป็นมาของร่างนี้รู้สึกอยากจะตายอีกรอบนัก นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน ตื่นมาแทนที่จะได้ไปนรกหรือสวรรค์ ดันมาอยู่ในร่างของสตรีนางนี้พร้อมเรื่องราวต่างๆที่ไหลเข้ามาในหัว นางมาอาศัยอยู่ในร่างนี้วันนี้เข้าวันที่สิบพอดีเป๊ะ เริ่มที่จะทำใจได้บ้างแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มใช้ชีวิตอย่างไรต่อดี จึงเอาแต่นั่งๆนอนๆตั้งหลักก่อน ในตอนที่นอนเป็นผักอยู่สองสามวันก็มีนายท่านอดีตแม่ทัพและฮูหยินมาเยี่ยมเยียนตลอด แต่บุตรชายว่าที่สามีในอนาคตนางจนถึงวันนี้ยังไม่เห็นโผล่หัวมาเลย ก็ว่าอยู่หรอกนะที่หมอนั่นจะไม่อยากแต่งด้วย ก็ร่างนี้ออกจะ เฮ่อ!! ทำไมถึงไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้างปล่อยให้เป็นป้าแบบนี้ได้ยังไง ตอนลุกขึ้นส่องกระจกอยากจะกรีดร้องนัก ไม่ได้การถ้าหากตื่นมาเห็นสภาพนี้ทุกวัน อดีตนางร้ายที่สวยและหุ่นดีที่สุดอย่างนางได้อกแตกตายแน่ คงต้องเริ่มจากดูแลร่างกายนี้ให้อยู่ในสภาพที่เริ่ดกว่านี้ก่อน แล้วค่อยว่ากันต่อไป
"คุณหนูเจ้าคะ มาทานข้าวเถอะเจ้าค่ะ"
เสียงจิ้นผิงดังขึ้นทำให้นางแบกร่างอุ้ยอ้ายลุกจากตั่งริมหน้าต่าง มาที่โต๊ะที่ใช้กินข้าว ตั้งแต่ลุกขึ้นมานางไม่ได้ย่างเท้าออกไปจากบริเวณห้องนี้เลย
เห็นข้าวโถใหญ่กับผัดผักหนึ่งจาน หมูตุ๋นและผัดเปรี้ยวหวาน ว่าแล้วทำไมถึงได้อ้วนฉุขนาดนี้ นี่คืออาหารมื้อแรกที่หายป่วยหลังจากที่กินเพียงข้าวต้มกับซุปผักมาหลายวัน
"จิ้นผิง มื้ออาหารหลังจากนี้ ขอข้าวแค่โถเล็กๆ นะ กับซุปผักและไข่ต้มแค่หนึ่งใบ ก็พอแล้ว"
"คุณหนูจะอิ่มท้องหรือเจ้าคะ"
"ไม่อิ่มก็ต้องอิ่ม จากตกน้ำแล้วไม่ตาย ข้าอาจจะตายเพราะโรคไขมันอุดตันก็ได้"
"โรคอะไรกันเจ้าคะ บ่าวไม่เคยได้ยิน"
"ก็โรคอ้วนอย่างไรเล่า"
" โรคอ้วน บ่าวไม่เคยได้ยินว่าเคยมีคนตายเพราะอ้วนมาก่อนเลยเจ้าค่ะคุณหนู"
" เอ่อ ช่างเถอะ มานั่งมา ทานข้าวเป็นเพื่อนหน่อยสิ"
" ไม่ดีกระมังเจ้าคะ เป็นบ่าวจะนั่งร่วมโต๊ะกับนายได้เยี่ยงไร"
กล่าวพร้อมส่ายหัวไม่ยินยอม
" ข้าบอกให้นั่งก็นั่งเถอะน่า เร็วๆหิวแล้ว"
อ้ายเย่วจงใจใช้น้ำเสียงหงุดหงิดนั่นแหละถึงได้ยอมนั่ง
" เจ้าค่ะ"
อ้ายเย่วจึงได้ส่งยิ้มพอใจมาให้
" ดีมาก ต่อไปมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนข้า ข้าไม่อยากนั่งกินคนเดียว มันเหงา"
อ้ายเย่วที่สังเกตว่านางนั้นร่างกายสมบูรณ์จนเกินไปมาก แต่เหตุใดจิ้นผิงถึงเหมือนจะขาดสารอาหารไปได้เล่า ช่างแปลกนัก
"ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ต่อไปให้นำอาหารมาเหมือนเดิมแต่เพิ่มไข่ต้ม และซุปผักมาด้วยทุกมื้อ"
" เจ้าค่ะ"
" เอ้า ตักข้าวสิ ของข้าไม่ต้องตักเยอะ"
ว่าแล้วจิ้นผิงก็ลงมือตักข้าว
"บอกว่าอย่าเยอะ เอาออกอีกนิด แค่นั้นพอ"
เมื่อได้ในปริมาณที่ต้องการเลยลงมือทานนางนั้นเน้นกินเฉพาะผัก หันไปมองจิ้นผิงที่เอาแต่คีบข้าวเปล่าเข้าปาก จึงหันไปคีบหมูตุ๋นวางลงบนถ้วยของจิ้นผิง
" กินเยอะๆ กินแต่ข้าวเปล่าจะอิ่มได้เยี่ยงไร"
"คุณหนู"
มองหน้าจิ้นผิงที่ตอนนี้ตาแดงก่ำกลั้นสะอื้น
"ร้องไห้ทำไมกัน ต่อแต่นี้ไปไม่ต้องร้องไห้อีกแล้ว ข้าจะดูแลเจ้าให้ดี ที่ผ่านมาลืมมันไปได้หรือไม่"
จิ้นผิงที่สะอื้นออกมานางดีใจนักที่คุณหนูของนางกลับมาเป็นคนที่ใจดีมีเมตตาเหมือนเดิม
" เอ้า เลิกร้องไห้ได้แล้ว เดี๋ยวกับข้าวเย็นชืดจะไม่อร่อย"
"เจ้าค่ะ"
จิ้นผิงที่รีบเช็ดน้ำตาเหมือนเด็กๆ เรียกเสียงหัวเราะกังวานใสจากผู้เป็นนาย มื้ออาหารมื้อนี้จึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มมีความสุขของสองนายบ่าว
เสียงหัวเราะสดใสและเสียงพูดคุยที่ดูมีความสุขนั้น ทำให้แม่ทัพหานลู่เหวินที่ตั้งใจแวะมาดูนางตามคำสั่งของมารดาหยุดชะงักแล้วหันหลังเดินจากไปไม่คิดเข้าไปขัดขวางความสำราญของทั้งสอง
"อ่านอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงหวานละมุนนั้น รีบวางจดหมายในมือ ตรงเข้าไปโอบประคองร่างอุ้ยอ้ายที่หน้าท้องนั้นใหญ่โตมากของชายารักที่ใกล้คลอดเต็มที ที่เดินลูบหน้าท้องนู้นเข้ามาโดยมีจิ้นผิงคอยประคอง"น้องหญิง ออกมาทำไมกัน"ร่างหนาพูดขึ้นพร้อมโอบประคองร่างอวบอิ่มให้นั่งลงบนตั่งที่ปูด้วยเบาะหนานุ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนมือหนาจะลูบบนหน้าท้องนูนสัมผัสถึงแรงกระตุกเบาๆ ของก้อนแป้งน้อยที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ของสตรีอันเป็นที่รัก ใบหน้าหล่อเหลานั้นยกยิ้มอย่างยินดีเมื่อเจ้าก้อนแป้งนั้นช่างรู้ความ เพียงบิดาสัมผัสก็จะตอบรับกลับมาเสียทุกครั้ง"จดหมายจากแม่ทัพตงหยวน ส่งมาแจ้งว่าลี่ฟางคลอดบุตรแล้ว เป็นคุณหนูใหญ่""จริงหรือเจ้าคะ น่ายินดีเสียจริง"ใบหน้าหวานนั้นยิ้มละมุนอย่างรู้สึกยินดี มองสวามีที่ก้มลงจูบเบาๆ บริเวณหน้าท้องนูน"เจ้าก้อนแป้งของบิดา เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันเสียที"อ้ายเย่วที่ถึงกับยกยิ้มกับความอ่อนโยนนั้น ก่อนใบหน้างามจะขมวดมุ่น เมื่อรู้สึกปวดหน่วงตรงช่วงล่างจนเผลอเกร็งตัวร้องครางออกมา"อ๊ะ!"เล่อชินอ๋องที่เห็นอาการของร่างอวบอิ่มจึงรีบลูบท้อ
เล่อชินอ๋องที่มองร่างงดงามเย้ายวน ผิวขาวดูชุ่มฉ่ำเปล่งปลั่งราวจะคั้นน้ำได้ มือเรียวสวยที่กรีดกรายเขียนอักษรลงบนแผ่นกระดาษ ใบหน้านวลผ่องที่จดจ่อกับแผ่นกระดาษตรงหน้าดูน่าหลงใหลจนต้องลอบกลืนน้ำลาย ร่างอวบอิ่มนั้นทำให้พระองค์หลงใหลทุกครั้งที่ได้ชิดใกล้"น้องหญิงพี่แค่ไปหารือกับรัชทายาทเพียงครู่เดียวเท่านั้น และที่สำคัญก็มีแต่บุรุษ เจ้าจะไปได้อย่างไร เอาไว้พี่จะพาไปเที่ยวชมตลาดวันหลังดีหรือไม่"อ้ายเย่วเอียงหน้ามายิ้มหวานเป็นการตอบรับอย่างน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาคนมอง แต่หารู้ไม่ว่ายิ้มนั้นมันเคลือบยาพิษเห็นว่าคนข้างๆ ยังให้ความสนใจกับสิ่งที่นางทำอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะออกไปจึงเอ่ยถามขึ้น"ไม่เสด็จหรือเจ้าคะ องค์รัชทายาทรอแย่แล้วกระมัง""ยังไม่ถึงเวลานัดหมาย""แล้วนี่เขียนอันใดอยู่หรือ"เล่อชินอ๋องที่หรี่ตามองแผ่นกระดาษตรงหน้าชายารัก"กำลังตอบจดหมายของลี่ฟางเจ้าค่ะ"อ้ายเย่วตอบพร้อมหรี่ตามองบุรุษผู้เป็นสามีก่อนเอ่ยขึ้นอีกว่า"น้องว่าจะชวนนางเปิดกิจการด้วยกัน"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นชายา "เหตุใดต้องทำให้ตัวเองเหนื่อยกัน สมบัติในวังจันทราแห่งนี้มีให้เจ้าใช้และอยู่อย่างสุขสบายโดยไม่
อ้ายเย่วที่พับจดหมาย จากฮูหยินแม่ทัพแคว้นฉี เสียนลี่ฟาง ที่เขียนมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง ตั้งแต่จากกันวันนั้นจนวันที่นางได้ไปร่วมงานมงคลของทั้งสอง อ้ายเย่วและเสียนลี่ฟางก็ติดต่อกันโดยการเขียนจดหมายติดต่อกันตลอดก่อนจะให้จิ้นผิงพยุงร่างอุ้ยอ้าย มานั่งลงตรงที่นั่งในศาลากลางสวนสวย ตอนนี้อายุครรภ์ของนางย่างเข้าเดือนที่แปดแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอกับเจ้าก้อนแป้ง ไม่รู้ว่านางหรือลี่ฟางที่จะคลอดก่อนกัน เพราะอายุครรภ์ของทั้งคู่ไล่เลี่ยกัน"จับซาไท้เป้า เจ้าค่ะพระชายา"อ้ายเย่วที่กำลังชื่นชมความงามของหมู่มวลดอกไม้ที่กำลังอวดดอกบานสะพรั่ง หันมารับถ้วยยาจากจิ้นผิง ซึ่งเป็นยาบำรุงครรภ์ ที่สวามีของนางขยันสรรหามาบำรุงนางจับซาไท้เป้า เป็นตำรับยาบำรุงครรภ์รับประทานในช่วงกลางถึงปลายระยะตั้งครรภ์ โดยนิยมเริ่มรับประทานในเดือนที่หกของการตั้งครรภ์ และหยุดรับประทานก่อนคลอดหนึ่งเดือนอ้ายเย่วอดรู้สึกชื่นชมตำรับยาสูตรโบราณนี้ไม่ได้ แม้ยุคนี้จะไม่มีความทันสมัยเหมือนยุคก่อนนางก็ไม่กังวลมากนักสรรพคุณของยาตำรับนี้ก็คือ บำรุงหญิงตั้งครรภ์ให้แข็งแรง ไม่ให้เป็นหวัดง่าย ทำให้ระบบการย่อยของหญิงตั้งครรภ์เป็นปกติ ไ
เมื่อเห็นว่าคนใต้ร่างพยักหน้ารับ ดวงตาฉ่ำหวานที่มีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่นั้น กะพริบปริบๆ จนหยาดน้ำตาไหลมาทางหางตา จึงใช้หัวแม่มือกรีดออกให้อย่างแผ่วเบา ก้มลงจูบซับอย่างอ่อนโยน ก่อนริมฝีปากหนาจะเคลื่อนมาครอบครองปากเล็กอวบอิ่มที่หวานล้ำ จากจุมพิตอ่อนโยนกลายเป็นเร่าร้อนตามแรงปรารถนา สองร่างที่ก่ายกอดลูบไล้กันต่างตกอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งรสกามา ต่างตักตวงความหวานของกันและกันด้วยความถวิลหา ให้สมกับที่ต้องห่างไกลกันแรมเดือนลิ้นร้อนที่บดคลึงจนคนใต้ร่างหอบสะท้าน มือเล็กที่ยันอกแกร่งด้วยใบหน้านวลที่แดงก่ำ ก่อนจะรอบรวมสติที่กระเจิดกระเจิง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า"ข้ากำลังตั้งครรภ์อยู่นะเจ้าคะ"แม่ทัพตงหยวนที่จูบหน้าผากมนแผ่วเบา เอ่ยกับร่างเย้ายวนที่ตอนนี้อาภรณ์หลุดลุ่ย น้ำเสียงกระเส่า"พี่รู้ พี่จะอ่อนโยน"เพียงไม่นานร่างสองร่างก็เปลือยเปล่า ปากหนาร้อนรุ่มลากไล้ปลายลิ้นสากมาตามลำคอระหง จนมาถึงทรวงอกนุ่มหยุ่นที่ดูจะอวบอิ่มขึ้น จนต้องฝังจมูกลงไปคลอเคลียสูดดมความหอมอ่อนละมุนที่เขาหลงใหล ก่อนจะใช้อุ้งปากเข้าครอบครองสร้างความเสียวซ่านให้เจ้าของที่ดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่าง ปาดเลียลิ้นร้อนสลับดูดดุน จนยอดทรวงแ
สัมผัสเปียกชื้นตรงซอกคอขาว ทำให้คนที่กำลังหลับสบายขยับตัวอย่างรำคาญ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ภาพศีรษะที่มีผมดำปกคลุมกำลังเลื่อนลงไป ก้มลงซุกไซร้หน้าอกขาวอวบ ทำให้ร่างบางแข็งทื่อ ปากอวบอิ่มที่กำลังจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือกลับเปล่งเสียงร้องออกมาได้เพียงเสียงอู้อี้เมื่อถูกปากหนาของบุรุษต่ำช้าเลื่อนมาประกบ ร่างบางที่เริ่มดิ้นรนต่อสู้ใช้มือเล็กจิกข่วนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำอย่างแรงจนแผ่นหลังแกร่งรู้สึกแสบ"หยุดดิ้น"เสียงทุ้มสั่งเสียงกระเส่า พร้อมมือใหญ่ที่รวบเอามือเล็กไว้เหนือศีรษะเพียงมือเดียว ส่วนอีกมือนั้นจับปลายคางมนให้คนตัวเล็กใต้ร่างหันมาสบตาตน "ทะ ท่านแม่ทัพ"ลี่ฟางเมื่อเห็นว่าชายชั่วที่จะย่ำยีนางเป็นใคร ลำคอระหงพลันแห้งผาก หัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกจากอก"ปล่อยข้า ท่านคิดจะทำอะไร""แล้วคิดว่าจะทำอันใดเล่า สามีภรรยาไม่เจอกันแรมเดือน เจ้าคิดว่าข้าจะนอนมองเจ้าเฉยๆ หรือ"ลี่ฟางเมื่อฟังคำพูดและมองใบหน้ายียวนของคนเหนือร่างให้นึกเคือง "ปล่อยข้า ข้ามิใช่ภรรยาของท่าน ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าข้าเป็นองค์หญิงบรรณาการของเล่อชินอ๋อง""เช่นนั้นหรือ... เก่งขึ้นนะ"เสียงท
แล้วเวลาอาหารมื้อเย็นของวันนี้ก็มาถึง อาหารหน้าตาน่าทานต่างถูกลำเลียงมาขึ้นโต๊ะ แต่แขกของจวนยังไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวขึ้น จนกระทั่งคนทุกอยู่กันพร้อมหน้า หม่ากงกง จึงได้มารายงานว่า สหายของเจ้าของจวนเดินทางมาถึงแล้ว เล่อชินอ๋อง จึงได้ให้รีบเชิญเข้ามาแต่ภาพของบุรุษที่ปรากฏตัวขึ้น ทำให้สตรี ที่เป็นแขกของจวนอีกผู้หนึ่ง ต้องตกตะลึงจนแทบจะ ระงับอาการสั่นไหวไม่ได้ใบหน้างามนั้นซีดเผือด กับการปรากฏตัวของบิดาของบุตรในครรภ์ของนางแม่ทัพลั่วตงหยวนอ้ายเย่วที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาแบบบุรุษหล่อร้ายตรงหน้าได้แต่มองด้วยความโง่งม เพราะบุรุษตรงหน้านั้นเรียกได้ว่าหล่อแบบลุคเถื่อนๆ ช่างกระชากใจนางโดยแท้"หากเจ้ายังมิเลิกมองสหายของพี่ด้วยสายตาเช่นนั้น เห็นทีพี่คงต้องเสียมารยาท พาเจ้าไปทบทวนความจำกันสองต่อสองว่าเจ้านั้นมีสวามีแล้ว และสวามีก็นั่งอยู่ตรงนี้"อ้ายเย่วที่รีบถอนสายตามามองบุรุษที่กำลังมองนางด้วยสายตาคาดโทษ เสียงกระซิบแผ่วเบานั้นเรียกสติของนางจากอาการคลั่งคนหน้าตาดี ให้รีบหันมาส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นสวามี แม้ท่านแม่ทัพผู้นั้นจะหล่อเหลาวัวตายควายล้ม แต่ก็เทียบมิได้เลยกับเล่อชินอ๋องสวามีนาง ที่ความห
Comments