เมิ่งอ้ายเย่ว ที่ตอนนี้เหงื่อไหลจนเปียกชุ่มเพราะนางต้องลุกออกมาวิ่งและบริหารร่างกายทุกๆ ยามเหม่า ตอนนี้ก็กินเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้ว จนร่างกายดูสมส่วน ส่วนที่ควรมีก็มีส่วนที่ควรเล็กคอดก็คอด ส่วนเว้าส่วนโค้งดูสวยงาม หน้าอกหน้าใจกลมกลึงสร้างความพึงพอใจให้นางนัก
"จิ้นผิงเอาผลซีหงซื่อมาบดแล้วหรือไม่"
"บดแล้วเจ้าค่ะ"
ทุกๆ วันนางจะนำผักผลไม้มาพอกใบหน้าจนตอนนี้หน้านางดูชุ่มชื่นเกลี้ยงเกลาขึ้นมากใช้เวลาเพียงไม่นานคงจะสวยขึ้น คงได้เวลาที่นางร้ายอย่างนางจะลงจออีกครั้ง
หากให้นางร้ายแบบไม่สวยเพอร์เฟคนางทำไม่ได้ แต่ถ้าร้ายแบบดูดีทุกระเบียบนิ้วนางขอสู้ตาย
อยากจะเห็นหน้าว่าที่สามีของร่างนี้นักว่าหล่อสู้พระเอกโอ้ปป้าของนางได้หรือไม่ หากไม่เข้าตานางก็ไม่โอหรอกนะ ขอคัดเลือกบุรุษที่จะเป็นสามีเอง ยังไงๆ นางก็เป็นเจ้าของร่างนี้แล้ว ขอเลือกที่เข้าตาตัวเองก็แล้วกัน สวยแล้วเลือกได้อะนะต้องเข้าใจ
อ้ายเย่วที่ตอนนี้อาบน้ำขัดสีฉวีวรรณจนงามเริ่ด กำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ไร้รสนิยมอย่างรุนแรง ทำไมเสื้อผ้ามีแต่สีฉูดฉาดขนาดนี้ ใส่เข้าไปได้ยังไง อย่างกับนกแก้วนกขุนทอง เลยตัดสินใจเลือกสีชมพูเรียบๆ มาสวม แต่ก็ดูหลวมมากใส่ออกมาดูคล้ายกับตัวตลก
"จิ้นผิง มีเข็มกับด้ายหรือไม่"
"มีเจ้าค่ะ คุณหนูจะทำอะไรหรือเจ้าคะ"
"ข้าจะเย็บชุดใหม่"
กล่าวพร้อมส่งยิ้มแววตาระยิบระยับไปให้ เห็นนางอย่างนี้ใช่ว่าจะมีดีแค่หน้าตา ความสามารถทางด้านการแสดง ความเป็นกุลสตรีนางก็มีเช่นกัน เรื่องเย็บปักถักร้อยสบายมาก ชาติก่อนนั้นนางชอบการออกแบบชุดสวยๆมาก จนบางครั้งกองถ่ายยังขอชุดที่นางออกแบบเล่นๆ มาทำเป็นชุดในละครก็มี เมื่อจิ้นผิงนำเข็มกับด้ายมาให้ จึงหันไปเลือกชุดที่นำมากองๆ ไว้ หลากสีสันนั้น หยิบเอาชุดสีฟ้าสดใสมาเก็บขอบเย็บให้ดูพอดีตัว ตัดส่วนที่ดูเกินๆ ออก ตรงไหนที่ดูรุ่มร่ามก็ตัดออก นำสีขาวมาเย็บติดขอบด้วยสีน้ำเงินเข้มใช้เป็นผ้าคาดเอว ได้ชุดเรียบๆ หนึ่งชุด แต่ดูดีนัก จิ้นผิงที่เห็นถึงกับมองอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าชุดที่ดูรุ่มร่ามและไร้รสนิยมจะดูดีได้ถึงขนาดนี้
เมื่อเมิ่งอ้ายเย่วลองใส่ดูก็รู้สึกพอใจนัก
"งามเหลือเกินเจ้าค่ะคุณหนู"
จิ้นผิงถึงกับมองอย่างโง่งมนัก คุณหนูของนางช่างงดงามนัก ดูเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ที่ดูงดงามนุ่มนวล
"ไป จิ้นผิงไปกัน"
"ไปไหนเจ้าคะ"
"ไปตลาดอย่างไรเล่า งามขนาดนี้แล้วต้องอวดโฉมเสียหน่อย"
"คุณหนูคิดจะทำอะไรอีกแล้วเจ้าคะ"
จิ้นผิงทำหน้าอย่างอยากจะร้องไห้
"ข้าไม่ก่อเรื่องหรอกน่า แค่จะไปหาผ้าสวยๆ ตัดชุดเสียหน่อย เสื้อผ้าพวกนี้ใส่ไม่ได้แล้ว"
"เสื้อผ้าพวกนี้บางตัวท่านยังไม่ใส่เลยนะเจ้าคะ เดี๋ยวบ่าวแก้ให้เล็กลงก็ใส่ได้"
" ไม่อะ ข้าไม่ชอบแล้ว เปลี่ยนใหม่เถอะ หรือเจ้าไม่คิดว่ามันไม่เหมาะกับข้า"
จิ้นผิงมองไปยังเสื้อผ้าเหล่านั้น นางก็ว่าไม่เหมาะกับคุณหนูเป็นอย่างยิ่ง คุณหนูใส่แล้วดูมีอายุกว่าอายุจริงเพราะสีมันแรงมาก สีแดงก็แดงเถือก สีส้มก็ส้มจนแสบตา
" เจ้าค่ะ ไปก็ไป"
"อ่านอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงหวานละมุนนั้น รีบวางจดหมายในมือ ตรงเข้าไปโอบประคองร่างอุ้ยอ้ายที่หน้าท้องนั้นใหญ่โตมากของชายารักที่ใกล้คลอดเต็มที ที่เดินลูบหน้าท้องนู้นเข้ามาโดยมีจิ้นผิงคอยประคอง"น้องหญิง ออกมาทำไมกัน"ร่างหนาพูดขึ้นพร้อมโอบประคองร่างอวบอิ่มให้นั่งลงบนตั่งที่ปูด้วยเบาะหนานุ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนมือหนาจะลูบบนหน้าท้องนูนสัมผัสถึงแรงกระตุกเบาๆ ของก้อนแป้งน้อยที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ของสตรีอันเป็นที่รัก ใบหน้าหล่อเหลานั้นยกยิ้มอย่างยินดีเมื่อเจ้าก้อนแป้งนั้นช่างรู้ความ เพียงบิดาสัมผัสก็จะตอบรับกลับมาเสียทุกครั้ง"จดหมายจากแม่ทัพตงหยวน ส่งมาแจ้งว่าลี่ฟางคลอดบุตรแล้ว เป็นคุณหนูใหญ่""จริงหรือเจ้าคะ น่ายินดีเสียจริง"ใบหน้าหวานนั้นยิ้มละมุนอย่างรู้สึกยินดี มองสวามีที่ก้มลงจูบเบาๆ บริเวณหน้าท้องนูน"เจ้าก้อนแป้งของบิดา เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันเสียที"อ้ายเย่วที่ถึงกับยกยิ้มกับความอ่อนโยนนั้น ก่อนใบหน้างามจะขมวดมุ่น เมื่อรู้สึกปวดหน่วงตรงช่วงล่างจนเผลอเกร็งตัวร้องครางออกมา"อ๊ะ!"เล่อชินอ๋องที่เห็นอาการของร่างอวบอิ่มจึงรีบลูบท้อ
เล่อชินอ๋องที่มองร่างงดงามเย้ายวน ผิวขาวดูชุ่มฉ่ำเปล่งปลั่งราวจะคั้นน้ำได้ มือเรียวสวยที่กรีดกรายเขียนอักษรลงบนแผ่นกระดาษ ใบหน้านวลผ่องที่จดจ่อกับแผ่นกระดาษตรงหน้าดูน่าหลงใหลจนต้องลอบกลืนน้ำลาย ร่างอวบอิ่มนั้นทำให้พระองค์หลงใหลทุกครั้งที่ได้ชิดใกล้"น้องหญิงพี่แค่ไปหารือกับรัชทายาทเพียงครู่เดียวเท่านั้น และที่สำคัญก็มีแต่บุรุษ เจ้าจะไปได้อย่างไร เอาไว้พี่จะพาไปเที่ยวชมตลาดวันหลังดีหรือไม่"อ้ายเย่วเอียงหน้ามายิ้มหวานเป็นการตอบรับอย่างน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาคนมอง แต่หารู้ไม่ว่ายิ้มนั้นมันเคลือบยาพิษเห็นว่าคนข้างๆ ยังให้ความสนใจกับสิ่งที่นางทำอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะออกไปจึงเอ่ยถามขึ้น"ไม่เสด็จหรือเจ้าคะ องค์รัชทายาทรอแย่แล้วกระมัง""ยังไม่ถึงเวลานัดหมาย""แล้วนี่เขียนอันใดอยู่หรือ"เล่อชินอ๋องที่หรี่ตามองแผ่นกระดาษตรงหน้าชายารัก"กำลังตอบจดหมายของลี่ฟางเจ้าค่ะ"อ้ายเย่วตอบพร้อมหรี่ตามองบุรุษผู้เป็นสามีก่อนเอ่ยขึ้นอีกว่า"น้องว่าจะชวนนางเปิดกิจการด้วยกัน"เล่อชินอ๋องที่เงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นชายา "เหตุใดต้องทำให้ตัวเองเหนื่อยกัน สมบัติในวังจันทราแห่งนี้มีให้เจ้าใช้และอยู่อย่างสุขสบายโดยไม่
อ้ายเย่วที่พับจดหมาย จากฮูหยินแม่ทัพแคว้นฉี เสียนลี่ฟาง ที่เขียนมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง ตั้งแต่จากกันวันนั้นจนวันที่นางได้ไปร่วมงานมงคลของทั้งสอง อ้ายเย่วและเสียนลี่ฟางก็ติดต่อกันโดยการเขียนจดหมายติดต่อกันตลอดก่อนจะให้จิ้นผิงพยุงร่างอุ้ยอ้าย มานั่งลงตรงที่นั่งในศาลากลางสวนสวย ตอนนี้อายุครรภ์ของนางย่างเข้าเดือนที่แปดแล้ว อีกไม่นานก็จะได้เจอกับเจ้าก้อนแป้ง ไม่รู้ว่านางหรือลี่ฟางที่จะคลอดก่อนกัน เพราะอายุครรภ์ของทั้งคู่ไล่เลี่ยกัน"จับซาไท้เป้า เจ้าค่ะพระชายา"อ้ายเย่วที่กำลังชื่นชมความงามของหมู่มวลดอกไม้ที่กำลังอวดดอกบานสะพรั่ง หันมารับถ้วยยาจากจิ้นผิง ซึ่งเป็นยาบำรุงครรภ์ ที่สวามีของนางขยันสรรหามาบำรุงนางจับซาไท้เป้า เป็นตำรับยาบำรุงครรภ์รับประทานในช่วงกลางถึงปลายระยะตั้งครรภ์ โดยนิยมเริ่มรับประทานในเดือนที่หกของการตั้งครรภ์ และหยุดรับประทานก่อนคลอดหนึ่งเดือนอ้ายเย่วอดรู้สึกชื่นชมตำรับยาสูตรโบราณนี้ไม่ได้ แม้ยุคนี้จะไม่มีความทันสมัยเหมือนยุคก่อนนางก็ไม่กังวลมากนักสรรพคุณของยาตำรับนี้ก็คือ บำรุงหญิงตั้งครรภ์ให้แข็งแรง ไม่ให้เป็นหวัดง่าย ทำให้ระบบการย่อยของหญิงตั้งครรภ์เป็นปกติ ไ
เมื่อเห็นว่าคนใต้ร่างพยักหน้ารับ ดวงตาฉ่ำหวานที่มีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่นั้น กะพริบปริบๆ จนหยาดน้ำตาไหลมาทางหางตา จึงใช้หัวแม่มือกรีดออกให้อย่างแผ่วเบา ก้มลงจูบซับอย่างอ่อนโยน ก่อนริมฝีปากหนาจะเคลื่อนมาครอบครองปากเล็กอวบอิ่มที่หวานล้ำ จากจุมพิตอ่อนโยนกลายเป็นเร่าร้อนตามแรงปรารถนา สองร่างที่ก่ายกอดลูบไล้กันต่างตกอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งรสกามา ต่างตักตวงความหวานของกันและกันด้วยความถวิลหา ให้สมกับที่ต้องห่างไกลกันแรมเดือนลิ้นร้อนที่บดคลึงจนคนใต้ร่างหอบสะท้าน มือเล็กที่ยันอกแกร่งด้วยใบหน้านวลที่แดงก่ำ ก่อนจะรอบรวมสติที่กระเจิดกระเจิง เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า"ข้ากำลังตั้งครรภ์อยู่นะเจ้าคะ"แม่ทัพตงหยวนที่จูบหน้าผากมนแผ่วเบา เอ่ยกับร่างเย้ายวนที่ตอนนี้อาภรณ์หลุดลุ่ย น้ำเสียงกระเส่า"พี่รู้ พี่จะอ่อนโยน"เพียงไม่นานร่างสองร่างก็เปลือยเปล่า ปากหนาร้อนรุ่มลากไล้ปลายลิ้นสากมาตามลำคอระหง จนมาถึงทรวงอกนุ่มหยุ่นที่ดูจะอวบอิ่มขึ้น จนต้องฝังจมูกลงไปคลอเคลียสูดดมความหอมอ่อนละมุนที่เขาหลงใหล ก่อนจะใช้อุ้งปากเข้าครอบครองสร้างความเสียวซ่านให้เจ้าของที่ดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่าง ปาดเลียลิ้นร้อนสลับดูดดุน จนยอดทรวงแ
สัมผัสเปียกชื้นตรงซอกคอขาว ทำให้คนที่กำลังหลับสบายขยับตัวอย่างรำคาญ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ภาพศีรษะที่มีผมดำปกคลุมกำลังเลื่อนลงไป ก้มลงซุกไซร้หน้าอกขาวอวบ ทำให้ร่างบางแข็งทื่อ ปากอวบอิ่มที่กำลังจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือกลับเปล่งเสียงร้องออกมาได้เพียงเสียงอู้อี้เมื่อถูกปากหนาของบุรุษต่ำช้าเลื่อนมาประกบ ร่างบางที่เริ่มดิ้นรนต่อสู้ใช้มือเล็กจิกข่วนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำอย่างแรงจนแผ่นหลังแกร่งรู้สึกแสบ"หยุดดิ้น"เสียงทุ้มสั่งเสียงกระเส่า พร้อมมือใหญ่ที่รวบเอามือเล็กไว้เหนือศีรษะเพียงมือเดียว ส่วนอีกมือนั้นจับปลายคางมนให้คนตัวเล็กใต้ร่างหันมาสบตาตน "ทะ ท่านแม่ทัพ"ลี่ฟางเมื่อเห็นว่าชายชั่วที่จะย่ำยีนางเป็นใคร ลำคอระหงพลันแห้งผาก หัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกจากอก"ปล่อยข้า ท่านคิดจะทำอะไร""แล้วคิดว่าจะทำอันใดเล่า สามีภรรยาไม่เจอกันแรมเดือน เจ้าคิดว่าข้าจะนอนมองเจ้าเฉยๆ หรือ"ลี่ฟางเมื่อฟังคำพูดและมองใบหน้ายียวนของคนเหนือร่างให้นึกเคือง "ปล่อยข้า ข้ามิใช่ภรรยาของท่าน ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าข้าเป็นองค์หญิงบรรณาการของเล่อชินอ๋อง""เช่นนั้นหรือ... เก่งขึ้นนะ"เสียงท
แล้วเวลาอาหารมื้อเย็นของวันนี้ก็มาถึง อาหารหน้าตาน่าทานต่างถูกลำเลียงมาขึ้นโต๊ะ แต่แขกของจวนยังไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวขึ้น จนกระทั่งคนทุกอยู่กันพร้อมหน้า หม่ากงกง จึงได้มารายงานว่า สหายของเจ้าของจวนเดินทางมาถึงแล้ว เล่อชินอ๋อง จึงได้ให้รีบเชิญเข้ามาแต่ภาพของบุรุษที่ปรากฏตัวขึ้น ทำให้สตรี ที่เป็นแขกของจวนอีกผู้หนึ่ง ต้องตกตะลึงจนแทบจะ ระงับอาการสั่นไหวไม่ได้ใบหน้างามนั้นซีดเผือด กับการปรากฏตัวของบิดาของบุตรในครรภ์ของนางแม่ทัพลั่วตงหยวนอ้ายเย่วที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาแบบบุรุษหล่อร้ายตรงหน้าได้แต่มองด้วยความโง่งม เพราะบุรุษตรงหน้านั้นเรียกได้ว่าหล่อแบบลุคเถื่อนๆ ช่างกระชากใจนางโดยแท้"หากเจ้ายังมิเลิกมองสหายของพี่ด้วยสายตาเช่นนั้น เห็นทีพี่คงต้องเสียมารยาท พาเจ้าไปทบทวนความจำกันสองต่อสองว่าเจ้านั้นมีสวามีแล้ว และสวามีก็นั่งอยู่ตรงนี้"อ้ายเย่วที่รีบถอนสายตามามองบุรุษที่กำลังมองนางด้วยสายตาคาดโทษ เสียงกระซิบแผ่วเบานั้นเรียกสติของนางจากอาการคลั่งคนหน้าตาดี ให้รีบหันมาส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นสวามี แม้ท่านแม่ทัพผู้นั้นจะหล่อเหลาวัวตายควายล้ม แต่ก็เทียบมิได้เลยกับเล่อชินอ๋องสวามีนาง ที่ความห