Masukหยางชิวเหยาเตรียมอาหารเอาไว้ให้ลูกชาย สุขภาพของนางดีขึ้นมาก เพราะได้รับความเอาใจใส่จากสามี ทั้งยังมีลูกสะใภ้ที่ดีคอยดูแล พอเห็นเถียนเถียนสอดแขนประคองลูกชายเข้ามายังโต๊ะอาหารก็ให้รู้สึกชื่นใจ หากโชคดี อีกไม่นานก็คงจะได้อุ้มหลานแล้ว
ลูกสะใภ้งามพร้อมขนาดนี้ เจ้าลูกชายคงมิโง่เง่ากระมัง
“เถียนเถียน เหตุใดเจ้าจึงไม่มานั่งร่วมโต๊ะอาหาร แล้วเหตุใดจึงต้องสวมผ้าคลุมนั่น” หยางชิวเหยาอดสอบถามมิได้
“เรียนท่านแม่ ข้าต้องย้ายข้าวของออกจากห้องของท่านพี่แล้ว ส่วนเรื่องผ้าคลุมหน้า เถียนเถียนกลัวว่าท่านพี่เห็นหน้าแล้วจะตกใจจนนอนไม่หลับ” เถียนเถียนกล่าวพลางหัวเราะ และนั่นทำให้ผู้อาวุโสออกอาการขบขันตามไปด้วย
“ช่างพูดยิ่งนัก! แต่ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเปลี่ยนห้อง สามีภรรยามิได้อยู่ร่วมหอกัน หาใช่สามีภรรยาไม่” ฮูหยินหยางออกคำสั่งมิให้บ่าวช่วยนางขนย้ายข้าวของ
“แต่ข้าอยากนอนคนเดียว” หยางเหวินเย่เอ่ยเสียงแข็ง ยังมิชินกับการถูกบังคับให้ทำตามความต้องการของผู้อื่น แม้คนคนนั้นจะเป็นมารดาของเขาเองก็ตาม
เดือดร้อนเจ้าของดวงตางามประหลาดต้องรีบเร่งกระซิบสนทนากับแม่สามีเป็นการส่วนตัว นางทำหน้ามิค่อยอยากเชื่อ ทว่าความหลงใหลในตัวของลูกสะใภ้มีมาก ต่อให้เรื่องไม่น่าเชื่อเพียงใด หยางชิวเหยาก็พร้อมที่จะเชื่อโดยมิขัดข้อง
“เช่นนั้นก็ยกเตียงเข้าไปนอนในห้องเดียวกัน หากเหวินเย่ต้องการความช่วยเหลือ ก็จะได้เรียกหากันได้สะดวก”
“ท่านแม่ของข้าน่ารักที่สุด” เถียนเถียนกอดนาง ก่อนจะตรงเข้าไปประคองผู้ที่เพิ่งจะมาใหม่
“ฮูหยินระวังตัวให้ดี ลูกสาวของเจ้าคนนี้ปากหวานเอาใจเก่งยิ่งนัก” หยางซือถงเพิ่งจะเสร็จธุระ จึงรีบเข้ามาร่วมรับประทานอาหาร
“ข้าไม่อยู่เพียงห้าปี จากลูกสะใภ้เลื่อนสถานะเป็นลูกสาวแล้วหรือนี่” หยางเหวินเย่แค่นยิ้ม
“หากรู้ล่วงหน้าว่าเจ้าจะทำหน้าที่สามีที่ดีไม่ได้ ข้าคงไม่ให้มีการแต่งงานเกิดขึ้นเสียตั้งแต่ทีแรก!”
“แล้วผู้ใดบังคับให้!...” หยางเหวินเย่ถูกขัดขึ้นมาเสียก่อน
“อาหารเย็นหมดแล้ว สองพ่อลูกทะเลาะกับจบหรือยัง”
เสียงของฮูหยินหยางยังคงทรงพลัง หยุดยั้งมิให้บุรุษต่างวัย พลาดเอ่ยอันใดที่ทำให้ต้องเสียใจกันในภายหลัง
“เถียนเถียนไปทำธุระของเจ้าเสียเถิด แม่นางสกุลหลิวจะมารับภาพวาดในช่วงบ่ายมิใช่หรือ”
“เจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่กินให้อร่อยนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าลงสีเสร็จแล้วจะนำมาให้ชมเสียก่อนที่จะมอบให้นาง” เถียนเถียนยิ้มให้กับผู้อาวุโสทั้งสองและทำความเคารพสามี ก่อนจะตรงไปยังสวนสวยอันเป็นบริเวณที่นางใช้สำหรับวาดภาพลงสี
“ฝีมือท่านแม่ยังอร่อยเหมือนเดิม ออกจะอร่อยกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ” หยางเหวินเย่เอ่ยชมขณะคีบเนื้อปลาหลีฮื้อเปรี้ยวหวานเข้าปาก ส่วนไก่เต๋อโจวของโปรดนั่นก็อร่อยมิแพ้กัน
“ข้าไม่ได้เข้าครัวนานเกือบสี่ปีแล้ว นั่นคือฝีมือของเถียนเถียน หากอยากจะเอ่ยชม ก็ควรจะไปชมภรรยาของเจ้า”
หยางเหวินเย่ไม่ตอบ เขานั่งรับประทานอาหารจนเกลี้ยงจาน และในจังหวะนั้นเอง บ่าวคนหนึ่งก็วิ่งมาแจ้งข่าวด้วยภาษามือ พอท่านแม่กล่าวว่าเข้าใจแล้ว บ่าวคนนั้นจึงทิ้งมือลงและยืนรอคอยคำสั่งของเจ้านาย
มิต้องบอกก็เดาได้ว่าบ่าวผู้นั้นคือคนของเถียนเถียน
“ท่านหมอมารอแล้ว”
“ท่านแม่รู้ภาษามือด้วยหรือ”
“อะไรที่จะให้นางมีความสุข ผู้คนในบ้านเหลียนซานล้วนยินดีที่จะทำ”
สายตาคาดโทษของมารดาทำให้หยางเหวินเย่จำต้องลอบกลืนน้ำลาย แม้ทราบดีว่าโตพอที่จะไม่รู้สึกอันใดกับหวาย ทว่าก็ยังนึกเกรงใจมารดาไม่ต่างจากเดิม
เขาปล่อยให้บ่าวใบ้จางฉวนประคองกลับเข้าห้องนอนของตน ปรากฏว่ามุมห้องมีเตียงเล็ก ๆ ตั้งอยู่ ทว่ายังมิทันได้สอบถามอะไร ก็ต้องสนทนากับท่านหมอ เพื่อหาทางให้ข้อเท้าของเขากลับมาเป็นปกติดังเดิม
“ข้อเท้าพลิกธรรมดา แต่อย่าเพิ่งแช่น้ำร้อนจนกว่าจะถึงคืนวันพรุ่งนี้ ช่วงนี้ท่านคงต้องใช้ไม้เท้าหรือหาคนพยุงเดินไปก่อน อดทนลำบากสักสองถึงสามสัปดาห์ก็คงจะหายดี ส่วนผ้าก็ให้พันเอาไว้ตามเดิม ห้ามแน่นหรือหลวมมากไปกว่านี้”
“ขอบคุณท่านหมอที่สละเวลา”
ท่านหมอหันไปถามไถ่จางฉวนว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง ปรากฏว่าบ่าวรูปร่างกำยำยิ้มกว้าง พร้อมกับทำท่าเบ่งกล้ามแสดงความแข็งแรง ท่านหมอก็ขยี้หัวอย่างเอ็นดู แต่พอบ่าวใบ้หันกลับมาเจอหน้าเจ้านายก็พลันหุบยิ้ม มิร่าเริงดั่งยามที่สนทนากับผู้อื่น หยางเหวินเย่เข้าใจไปได้ทางเดียวว่าคนของเถียนเถียนคงจะโกรธแทนเจ้านาย
ท่านแม่ทัพละเลยภรรยานานถึงห้าปี ก็สมควรที่จะถูกบิดามารดาและบ่าวของนางทำหน้าบูดบึ้งใส่อยู่ดอก!
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 37 ต้องเรียกท่านพ่อ (2)“งาม! ท่านลุงไม่หน้าผีแล้ว ท่านลุงงาม!”เสวียนหนิงอันผละออกจากมารดา รีบตรงเข้ากอดท่านลุงคนงามที่ย่อตัวรับนางเข้าสู่อ้อมกอดทันที“หนิงเอ๋อร์ เรียกท่านลุงได้อย่างไร ต้องเรียกท่านพ่อจึงจะถูก”คนที่เพิ่งมาใหม่กล่าวพลางหัวเราะอย่างขบขัน ทำให้เจ้าซาลาเปาน้อยต้องรีบตะโกนแจ้งอย่างมีความสุขว่านางมีเพื่อนเล่นใหม่แล้ว“ท่านลุง หนิงเอ๋อร์มีท่านลุงคนงามมาเล่นเป็นเพื่อนอีกคนแล้ว”เจ้าซาลาเปาน้อยเอ่ยอย่างฉะฉาน เข้าใจว่าบิดาคือเพื่อนเล่นคนใหม่ ทั้งยังหน้าตางดงามคล้ายท่านลุงหลี่จินหมิงเป็นอย่างมาก“หนิงเอ๋อร์ ข้ามิใช่ท่านลุง แต่เป็นท่านพ่อ ส่วนท่านลุงหลี่เองก็เช่นกัน เขามิใช่ท่านลุงของเจ้า ทว่าเป็นท่านอา จงเรียกว่าท่านอาหลี่”“แต่ท่านพ่อเจ้าคะ หนิงเอ๋อร์อยากเรียกท่านลุงว่าท่านลุง”“นั่นแปลว่าหนิงเอ๋อร์เห็นว่าลุงแก่กว่าท่านพ่อใช่หรือไม่”หลี่จินหมิงแกล้งถามอย่างน้อยใจ เจ้าตัวเล็กเห็นดังนั้นก็รีบดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของบิดา รีบปลอบใจท่านลุงรูปงามทันที“เรียกท่านอาก็ได้เจ้าค่ะ ไม่ต้องเสียใจนะเจ้าคะ” เสวียนหนิงอันกอดขาออดอ้อนอย่างน่ารักจนหลี่จินหมิงเผลอต
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 37 ต้องเรียกท่านพ่อ (1)เสียงหัวเราะของเจ้าก้อนแป้งดังลั่นเรือนตั้งแต่ยามเช้า เรียกรอยยิ้มของเสวียนซือชิงและสองสาวใช้ได้เป็นอย่างดี วันนี้อากาศอบอุ่นขึ้นบ้างแล้ว คุณหนูตัวเล็กที่หมายใจว่าจะออกไปวิ่งเล่นให้ทั่วจึงอารมณ์ดี มารดาให้กินดื่มอันใดก็มิเอ่ยถ้อยคำต่อรอง ต้องอาบน้ำขัดผิวแสบตัวอย่างไรก็ไม่โอดครวญเลยสักคำเสวียนหนิงอันพร้อมออกไปเล่นนอกเรือนอย่างมาก ทว่ามารดาของนางกลับมิอยากก้าวออกไปเลยแม้แต่น้อยนางยังไม่พร้อมที่จะเจอ...ท่านพี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเรียกเขาอย่างไร ควรเรียกท่านพี่อย่างที่เคยเรียกยามเขาหลอกนางว่าเป็นคุณชายเฉินหยาง เรียกท่านอ๋องแทนตำแหน่ง หรือว่าเรียกคุณชายเฉินเพราะเขาคงมิอยากเปิดเผยตัวเอง“เสี่ยวอัน อาเหยาอยู่ที่นี่หรือไม่”เกือบเจ็ดวันแล้วที่เสวียนซือชิงมิได้ออกนอกเรือนเพื่อตรวจสอบดูการย้อมสีเส้นด้าย มิใช่ว่าไว้ใจในฝีมือของลูกจ้างคนใหม่ แต่เป็นเพราะนางไม่ไว้ใจความคิดและการกระทำของตนเองต่างหาก“อยู่เจ้าค่ะ กำลังเก็บด้ายที่เพิ่งแห้ง อีกไม่นานก็คงเสร็จงานแล้วเจ้าค่ะ”“เขากลับไปเมื่อไหร่ก็ให้รีบมาแจ้ง ข้าจะได้พาหนิงเอ๋อร์ออกไปเดินเล่นในสวน ห
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 36 ท่านพี่ (2)“เอาเถิด เห็นแก่ที่เจ้าช่วยดูแลลูกเมียข้านานหลายปี เรื่องที่ไม่พูดก่อนหน้านี้ก็ให้ถือว่าหายกันไป”“แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อเล่า”“เดิมทีคิดให้เวลานางได้ทำใจ แต่พอมีหนิงเอ๋อร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ข้าย่อมรอต่อไปไม่ได้อีก”“ท่านควรใจเย็นให้มาก ตรองดูทุกอย่างให้ดี”“จินหมิง เจ้าซาลาเปาน้อยเรียกข้าว่าลุงหน้าผี ข้าทนฟังคำคำนี้มิได้ จริง ๆ” หลี่จินหมิงถึงกับลอบกลอกตา เขาทราบดีตวนอ๋องเฉินฟาหยางภูมิใจความงามของตนอย่างมาก พอถูกบุตรสาวเรียกด้วยถ้อยคำไม่น่าฟัง คนหลงตัวเองเช่นนั้นย่อมทนมิได้แน่แค่มิโพล่งไปว่าตนคือใครตั้งแต่ทีแรกก็นับว่าอดทนได้เก่งอย่างมากแล้ว‘… พี่ทำตามคำสั่งของเจ้าแล้วว่าให้ทำงานหนักนานสามเดือน หากวันใดใจอ่อนลงบ้างแล้ว โปรดอ่านจดหมายที่พี่ส่งไปก่อนหน้านั้นได้หรือไม่’เสวียนซือชิงทำอย่างไรก็มิสามารถลืมเลือนประโยคสำคัญนี้ได้ คำสั่งอันใดหรือที่ภรรยาของอาเหยากล่าวไว้ เหตุใดจึงใกล้เคียงกับยามที่นางคุยเล่นกับบุรุษผู้นั้นนักเล่า‘…ให้ทำงานบ้านแทนเสี่ยวผิงเสี่ยวอันสักสามเดือนดีไหมเจ้าคะ’นางเคยตอบเช่นนั้นยามเขาหลอกถาม ว่าหากทำตัวไม่ดีเช่นตวน
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 36 ท่านพี่ (1)หากผู้ใดได้ยินประโยคที่ลูกจ้างคนใหม่กล่าวต่อคุณชายสกุลหลี่คงยิ้มอย่างพึงพอใจ ว่าวาจาของเขาไพเราะอ่อนหวานมากมารยาท น้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังจนทำให้ลืมเลือนไปว่าใบหน้านั้นซ่อนอยู่ใต้ผ้าพันแผล ทั้งดวงตาข้างหนึ่งยังมืดบอดไม่น่าชมทว่าหลี่จินหมิงทราบดีที่สุดว่าตนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความเป็นความตาย เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าเฉินฟาหยางมิได้พูดจาเช่นนี้ตั้งแต่ได้รับตำแหน่ง ตวนอ๋อง ยิ่งรั้งตำแหน่งแม่ทัพคนสำคัญด้วยแล้ว ยิ่งมิต้องกล่าวคำหวานเอาใจผู้ใดอีก เว้นเพียงยามอยากได้สตรีที่มีรูปโฉมงดงามมาอุ่นเตียง แต่อย่างไรเสียคำพูดเหล่านั้นก็มิได้จริงใจ กล่าวออกไปเพียงเพราะต้องการผลประโยชน์ตอบแทนล้วน ๆวันนี้ตวนอ๋องกล่าววาจาน่าฟังหลายคำ หลี่จินหมิงจึงเดาได้ว่ามิใช่เรื่องดี‘หากคุณชายหลี่เสร็จธุระแล้ว ผู้น้อยขอรบกวนเวลาอันมีค่า สนทนาเรื่องสำคัญสักหน่อยจะได้หรือไม่’อันตรายอย่างมาก...เกริ่นมาเช่นนี้อันตรายจริง ๆคุณชายสกุลหลี่ทำอันใดมิได้นอกจากพยักหน้ารับคำ ตอบไปว่าเสร็จธุระแล้วจะรีบไปหา ทว่าถ่วงเวลาอยู่ได้ไม่นานก็เปลี่ยนใจ เพราะคิดได้ว่ายิ่งพบหน้ากันช้าเท่าไหร่ โทสะ
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 35 เจ้าซาลาเปาน้อย (2)“อาเหยา...”ทว่าเสวียนซือชิงยังมิทันได้เอ่ยอันใดต่อ เจ้าก้อนกลมเล็กก็วิ่งผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเสี่ยวอันที่วิ่งตามมาติด ๆ แจ้งต่อนายหญิงด้วยประโยคที่ทำให้ลูกจ้างคนใหม่หนาวเหน็บราวกับถูกน้ำเย็นจัดราดกลางศีรษะตน“คุณหนูบอกว่าเบื่อบ้าน อยากเจอท่านลุงเจ้าค่ะ!”“หนิงเอ๋อร์! อากาศยังหนาวอยู่ ลูกกลับเข้าบ้านเดี๋ยวนี้!”เสวียนซือชิงวางพู่กันในมือ ก้าวยาว ๆ ตามเจ้าก้อนแป้งที่วิ่งตรงไปยังเรือนใหญ่ แต่หากนางหันหลังกลับไปดูสักหน่อยก็จะพบว่าอาเหยาอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างคล้ายคนเสียสติไปแล้วตวนอ๋องเฉินฟาหยางรู้สึกคล้ายเสียสติไปแล้วจริง ๆ!ลูกของข้ายังมีชีวิตอยู่...เฉินฟาหยางมิอยากเชื่อว่าภาพตรงหน้าจะเป็นความจริง เจ้าก้อนกลมเคลื่อนไหวรวดเร็วอย่างมาก เพียงครู่เดียวก็วิ่งผ่านสวนที่กั้นกลางระหว่างเรือนเล็กกับบ้านใหญ่ หลุดรอดจากสายตาของเสวียนซือชิงและเสี่ยวอัน แต่เขาตัวสูงกว่าพวกนางมาก จึงมองเห็นว่าเด็กน้อยซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้มิไกลนักเสวียนซือชิงและเสี่ยวอันแยกไปหาอีกทางแล้ว เขาจึงค่อย ๆ ย่องไปหาเจ้าก้อนกลมที่ซ่อนตัวอยู่ พอเข้าไปใกล้จึงพบว
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 35 เจ้าซาลาเปาน้อย (1)หลังจากสนทนากับอาเหยาจนความทรงจำในอดีตปรากฏชัด ย้ำเตือนให้นางคิดถึงความรักครั้งแรก เสวียนซือชิงก็มิได้ออกนอกเรือนอีก มิใช่ว่านางกลัวที่จะพูดคุยลูกจ้างคนใหม่ แต่เป็นเพราะต้องเร่งปักผ้าให้ทันตามคำสั่งของลูกค้าที่พี่ชายบุญธรรมรับงานมาให้อีกที“เสี่ยวผิง ฝากผ้าพวกนี้ให้คุณชายหลี่ อย่าลืมบอกให้เขาแวะมาสักหน่อย ข้างในบ้านวุ่นวายอีกแล้ว”เสวียนซือชิงมิลืมกล่าวต่อเสี่ยวอันด้วยว่าให้เข้าไปดูแลเรื่องในบ้าน เพราะนางต้องตรวจดูด้ายที่ตากไว้ครู่ใหญ่จึงจะกลับเข้าไปทำหน้าที่ของตนได้ ทว่าเพียงแวบแรกที่เห็นลูกจ้างที่กำลังยืนกวาดลานบ้าน นางก็พลันนิ่วหน้า ขยี้ตาแรง ๆ ครั้งหนึ่งก็ตระหนักได้ว่าตนมิได้ตาฝาดไปอาเหยาคล้ายมิใช่บุรุษผู้อาภัพดังเดิม“อาเหยา มิใช่ว่าวันนี้คือวันหยุดของเจ้าหรอกหรือ”สิ่งที่ทำให้เสวียนซือชิงประหลาดใจมิใช่เรื่องลูกจ้างคนใหม่ยืนกวาดบ้านในวันหยุดงานของตน ทว่าเป็นเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ต่างหากเล่าเสื้อผ้าของอาเหยาสีสันเรียบง่ายไม่ฉูดฉาด แต่มองไกล ๆ ก็ยังรู้ว่าเป็นผ้าเนื้อดี ราคาแพงอย่างมาก นอกจากนั้นเขายังมิได้เดินกะเผลกหรือห่อไหล่อย่าง







