LOGINชั่วขณะหนึ่งที่ลมพัดปลิว ความงามเสี้ยวหนึ่งของภรรยาก็ปรากฏต่อหน้าหยางเหวินเย่ แม่ทัพหนุ่มใจเต้นแรง เริ่มคลางแคลงใจอย่างหนักว่านางอัปลักษณ์ดั่งที่เขาคิดจริงหรือไม่
อยากจะออกคำสั่งให้นางปลดผ้าคลุมนั่นเสียเกิน แต่ก็กลัวว่าจะทำให้นางอับอาย
หลังนั่งจิบสุราอยู่สองเค่อ หยางเหวินเย่ก็ใช้แขนก่ายหน้าผากเพื่อซ่อนดวงตาจากแสงแดดยามบ่าย เขาเอนหลังพักอยู่ในศาลาหลังน้อย มิแยแสเปิดเปลือกตายามคุณหนูหลิวเข้ามารับภาพวาดตามที่นัดหมาย
ปรากฏว่านางพาสหายมาด้วยสองคน แน่นอนว่าสาวงามเหล่านั้นไม่พลาดโอกาสที่จะซุบซิบนินทาคุณหนูเถียนเถียนและชายแปลกหน้าที่นั่งเอนหลังอยู่มิไกลนัก
“ได้ข่าวว่าสามีไม่อยู่บ้านนานห้าปี แต่ดูท่าคุณหนูเถียนเถียนจะหายเหงาแล้วกระมัง”
อู๋เพ่ยเชี่ยน สหายของคุณหนูหลิวกล่าวออกมาอย่างมิเกรงใจ นางขอติดตามเข้าบ้านเหลียนซานเพื่อชมดูว่าเถียนเถียนงดงามสมคำร่ำลือจริงหรือไม่ ทว่านางกลับซ่อนใบหน้าไว้ใต้ผ้าคลุม กระนั้นดวงตาสีน้ำผึ้งคู่นั้นก็งามจริงดังข่าวว่า และเมื่อความอิจฉาแล่นพล่านทั่วร่าง จึงเผลอกล่าวถ้อยคำมิสมควร สื่อสารไปว่าสะใภ้สกุลหยางกำลังคบชู้สู่ชาย
“ปากสุนัข” หยางเหวินเย่เอ่ยทั้งที่ยังมิได้ลืมตา
“เจ้าว่าใคร!” อู๋เพ่ยเชี่ยนเพ่งตามอง อยากรู้เหลือเกินว่าบุรุษที่ใช้แขนบดบังแสงแดดมิให้ต้องหน้าคือผู้ใด
“ว่าคนที่ปากไม่ดี” หยางเหวินเย่ยังคงไม่ยอมสบตาคุณหนูที่กล่าววาจาดูถูกภรรยา
“คงจะสนิทสนมกันมาก ถึงได้ออกหน้าปกป้องกันถึงเพียงนี้ หากท่านพี่ของข้ารู้เข้า คงจะเสียใจน่าดู”
“พี่ของเจ้าเป็นใคร มีสิทธิ์อันใดมาเสียใจ”
“เจ้าช่างโง่เง่าที่มิรู้ว่าข้าเป็นใคร ข้าคือคุณหนูสกุลอู๋ ไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก...” อู๋เพ่ยเชี่ยนกล่าวต่อไปมิได้อีก ด้วยบุรุษที่นั่งเอนตัวอยู่กลับทิ้งแขนลง ความงามสมชายทำให้นางร้อนวูบวาบทั่วร่างชั่วขณะ แค่เขายืดตัวนั่งตรงก็เกือบจะสูงเท่านางที่ยืนอยู่แล้ว
ทว่าสายตาแข็งกร้าวกลับเตือนให้อู๋เพ่ยเชี่ยนได้สติขึ้นมา
“นึกไม่ถึงว่าสตรีสกุลอู๋จะมารยาททราม”
“นี่ท่าน!”
“เถียนเถียน หากเจ้าจะวาดรูปนาง ข้าบอกตรงนี้เลยว่ามิอนุญาต” หยางเหวินเย่หันไปกล่าวกับภรรยา
“ท่านพี่โปรดระงับโทสะ เถียนเถียนรินสุราเพิ่มให้นะเจ้าคะ” ภรรยาอายุสิบเก้ารีบตรงเข้าไปประจบเอาใจ ด้วยทราบดีว่าท่านแม่ทัพผู้นี้อารมณ์ร้อนยิ่งนัก นางใช้ภาษามือออกคำสั่งให้จางฉวนไปนำสุราและกับแกล้มมาเพิ่ม
ฮูหยินหยางชิวเหยาเคยเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ หยางเหวินเย่ก็มิค่อยชอบพูดจาออกความเห็น ทว่าพอได้โอกาสก็จะมิไว้หน้าผู้ใดทั้งนั้น พอเถียนเถียนเห็นสามีอารมณ์เสียใส่คุณหนูสกุลอู๋ จึงรีบเอ่ยคำหวานปลอบประโลมให้ใจเย็นขึ้นมาบ้าง
“ท่านพี่เหนื่อยจากการเดินทาง ให้เถียนเถียนพากลับไปพักผ่อนดีไหมเจ้าคะ”
“อยากนั่งเล่นกับภรรยาอีกสักครู่มิได้หรือ” หยางเหวินเย่ตั้งใจแสดงตัวว่าเขาคือสามีของสตรีที่กำลังถูกหยามเกียรติ ทว่าความใกล้ชิดและดวงตาคู่งามทำให้เขารู้สึกคล้ายกับถูกสะกดให้จมลงไปในบ่อน้ำลึก เขาเกี่ยวปอยผมทัดหูของนาง และพอจะปลดผ้าคลุมหน้า เถียนเถียนกลับเคลื่อนตัวออกห่าง
ดวงตาของนางวูบไหวหวาดระแวงคล้ายกลัวว่าจะถูกทำร้าย
เถียนเถียนขอตัวไปส่งแขก มิลืมกล่าวขอโทษคุณหนูทั้งสาม นางมิถือโทษโกรธเคืองคุณหนูสกุลอู๋ เพราะมีเรื่องที่สำคัญกว่าที่จะต้องจัดการ อารมณ์ของสามียังมิปกติ สายตาของเขาแสดงออกชัดว่าเกิดความต้องการ ไม่ต่างจากเหล่าบุรุษที่จ้องมองนางในสมัยที่บิดายังมีชีวิตอยู่ และหากต้องเข้านอนห้องเดียวกันก็อาจจะเกิดปัญหาใหญ่
ท่านพี่ของนางจะต้องสร่างเมาเสียก่อน
“นั่นสามีของเจ้า ท่านแม่ทัพหยางจริงหรือ” คุณหนูหลิวเอ่ยถาม ในบรรดาเพื่อนสามคน นางนับว่ามารยาทดีที่สุดแล้ว
“ท่านพี่เหนื่อยจากการเดินทาง อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก”
“คงมิอารมณ์เสียถึงขนาดตบเจ้าหน้าแหก จนต้องซ่อนหน้าเอาไว้ใต้ผ้าคลุมกระมัง”
“ดีใจนักคุณหนูสกุลอู๋มีน้ำใจห่วงใยกันตั้งแต่แรกพบ แต่ที่ข้าต้องคลุมหน้า ก็เพราะว่ากลัวว่าท่านพี่จะทนกับความอัปลักษณ์ของข้ามิไหวก็เท่านั้น” กล่าวจบก็ปลดผ้าคลุมหน้าลง เปิดเผยความงามให้คุณหนูขี้อิจฉาได้ปวดใจเล่น
“ไม่ต้องส่งแล้ว!” คุณหนูสกุลอู๋ทนมองหน้าสตรีที่มีความงามมากกว่านางมิได้ จึงเร่งฝีเท้าออกจากบ้านเหลียนซานทันที
ข่าวลือที่ว่าภรรยาของท่านแม่ทัพงามราวกับนางสวรรค์ มิใช่แค่ข่าวลือเสียแล้ว!
หลังจากส่งแขก เถียนเถียนก็กลับมาสวมผ้าคลุมหน้าดังเดิม นางมาทันได้เห็นท่านพี่บีบนวดขมับของตน จึงรีบตรงเข้าไปสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“มิได้เป็นอะไร แค่ปวดเมื่อยเพราะการเดินทางก็เท่านั้น”
“เช่นนั้นก่อนนอน เถียนเถียนจะนวดให้นะเจ้าคะ”
“นวดเป็นด้วยหรือ”
“เคยนวดให้ท่านพ่อบ่อย ๆ” น้ำตารื้นขอบตาของนางชั่วอึดใจหนึ่งก็หายไป
“ข้าไม่เคยรู้เรื่องของเจ้าเลย”
“ท่านพี่เป็นถึงท่านแม่ทัพเลื่องชื่อ มิควรต้องเสียเวลากับเรื่องไร้สาระของเถียนเถียนหรอกนะเจ้าคะ”
หากเป็นสตรีอื่นกล่าวคำนี้ หยางเหวินเย่ก็คงเข้าใจไปว่าคือการส่อเสียดแสดงความไม่พอใจที่ถูกลืมเลือนนานนับห้าปี ทว่าน้ำเสียงของภรรยายังสาวกลับบอกชัดว่านางหมายความเช่นนั้นจริง และดวงตากลมโตก็มิได้มีความน้อยใจซ่อนอยู่
ออกจะยินดีมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ
“จริงสิ ข้าซื้อของมาฝากหลายชิ้น มิแน่ใจว่าจะชอบหรือไม่”
“จริงหรือเจ้าคะ” ดวงตากลมโตยามดีใจนั้นน่ามองยิ่งนัก
“ท่านพ่อคงจะให้บ่าวนำไปไว้วางที่ห้องแล้ว เจ้า...อยากจะไปชมดูหรือไม่”
“เจ้าค่ะ!” เถียนเถียนส่งภาษามือให้จางฉวน ขอให้บ่าวคนสนิทจัดการส่งสุราและกับแกล้มไปไว้ที่ห้องนอนแทน
ความร่าเริงของภรรยาทำให้สามีขี้โมโหลืมเรื่องของคุณหนูสกุลอู๋ไปเสียสิ้น เถียนเถียนสอดแขนเข้าช่วยคนข้อเท้าเจ็บเพื่อเตรียมตัวเดิน เรือนร่างบอบบางของนางแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ คงเพราะทำนู่นทำนี่ไม่ยอมอยู่นิ่งหรือนอนขี้เกียจเช่นคุณหนูบ้านอื่น
“ข้าทำเองได้” ทว่าเถียนเถียนมิยอมฟัง ค่อย ๆ บรรจงถอดรองเท้าของสามีอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะข้อเท้าข้างที่ยังมีอาการเจ็บอยู่ นางหายตัวไปชั่วอึดใจก็กลับมาพร้อมกับน้ำสะอาด โดยมีจางฉวนคอยอยู่เป็นผู้ช่วย
หลังจากหยางเหวินเย่ล้างหน้าเรียบร้อยดีแล้ว ก็ปล่อยให้ภรรยาแกะผ้าพันข้อเท้าออกและล้างทำความสะอาด นางลงมือทายาและพันผ้ากลับคืนดังเดิม
“เก่งจริง” หยางเหวินเย่เอ่ยชมภรรยาขณะถอดเสื้อตัวนอก ซึ่งนั่นนางก็คอยช่วยเหลือมิต่างกัน
“ครูพักลักจำเท่านั้น ท่านพี่ยังอยากดื่มสุราอยู่ไหมเจ้าคะ”
“สักหน่อยก็ดี ว่าแต่เจ้ามิอยากดูของฝากแล้วหรือ”
“จางฉวน เจ้ากลับไปพักก่อนเถิด ข้าจะดูแลท่านพี่เอง”
ทว่าบ่าวใบ้จางฉวนทำภาษามือรัวเร็ว สีหน้าตื่นตระหนกราวกับว่ากำลังจะเกิดเรื่องไม่ดี
“ไม่ต้องเป็นห่วง” เถียนเถียนส่งภาษามือพร้อมกับยิ้มกว้าง
บ่าวใบ้จางฉวนจัดการจุดตะเกียงเพราะฟ้ากำลังจะมืด แล้วจึงยอมออกจากห้องไป
“ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรหรือ” หยางเหวินเย่อดถามมิได้
“จางฉวนแค่กลัวว่าข้าจะเหนื่อย ท่านพี่ทนลำบากหน่อยนะเจ้าคะ พรุ่งนี้คงจะได้ไม้เท้าที่เหมาะมือแล้ว” เถียนเถียนประคองสามีให้ลุกออกจากเตียงและตรงไปยังโต๊ะเพื่อดื่มสุราต่อ
“เถียนเถียนไม่อยากได้พู่กันแล้วเจ้าค่ะ!” นางแสดงออกชัดว่าอารมณ์มิค่อยดี ก่อนจะตรงไปหยิบผ้าที่เคยใช้คลุมหน้ามาเช็ดมือ แม้จะมิค่อยสะอาดนัก ทว่าก็ดีกว่าเดิมอยู่หลายเท่าตัว“ภรรยาอย่าดื้อนัก” หยางเหวินเย่รีบปรามหลายวันที่ผ่านมา เถียนเถียนชอบทำหน้าบึ้งตึง ไม่ว่าเขาจะทำเรื่องใดก็ดูขัดหูขัดนางไปเสียทุกอย่าง ทั้งยังเลือกรับประทานอาหาร อันใดที่ไม่ถูกใจก็จะไม่แตะเป็นคำที่สอง“เถียนเถียนทำตัวไม่น่ารักอย่างที่ท่านพี่ว่าจริง ๆ ท่านพี่อย่าโกรธเลยนะเจ้าคะ” โฉมงามรีบตรงเข้ากอดสามีพร้อมกับทิ้งตัวลงบนแผ่นอกกว้าง และเมื่อได้สูดกลิ่นกายหอมกรุ่นของบุรุษ นางก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเสียหลายส่วน“เจ้าอาจเหนื่อยมากไป เช่นนั้นก็พักสักหน่อยเถิด”หยางเหวินเย่มิอยากฝืนความรู้สึกของภรรยา ในเมื่อนางไม่อยากถูกกอดในวันนี้ เขาก็ไม่คิดที่จะฝืน“เถียนเถียนอยากนอนกอดท่านพี่” นางสูดกลิ่นหอมของสามีเสียฉ่ำปอด“เช่นนั้นข้าจะนอนเป็นเพื่อน” หยางเหวินเย่ยิ้มเครียด เพราะเมื่อครู่คิดไปว่าจะได้กอดนางแน่น ๆ แต่ความจริงแล้ว แค่ได้กอดหลวม ๆ เขาก็พอใจมากแล้วท่านแม่ทัพลูบศีรษะของภรรยาพลางกระซิบบอกว่า พรุ่งนี้ร้านค้าจากในเมืองจะนำพู่กันมา
เหล่าพ่อค้าทั่วเมืองเทียนโจวต่างพากันยิ้มกริ่ม เพราะหลายวันที่ผ่านมา องค์ชายรัชทายาทมักจะพาน้องสาวบุญธรรมและสามีของนางเดินเข้าออกตามร้านรวงต่าง ๆ จับจ่ายใช้สอย ซื้อหาข้าวของโดยไม่นึกเสียดายเงิน ถึงแม้จะทำท่าทางขึงขัง แสร้งทำเป็นกล่าวว่าตนคือคุณชายเยว่เล่อ แต่ก็คงมีเพียงคนที่โง่ที่สุดในเมืองที่เชื่อเรื่องโกหกพรรค์นั้นเดิมทีคุณชายเยว่เล่อไม่เคยต่อรองราคาสินค้า ทว่าพักหลังกลับโปรดปรานที่จะการกระทำเช่นนั้นอย่างมาก โดยเฉพาะร้านค้าของคหบดีสกุลเซี่ย คุณชายต่อเสียจนได้ราคาทุน หรือไม่ก็ทำร้านขาดทุนเสียด้วยซ้ำเซี่ยเจียเหยียนประคองภรรยาออกมาต้อนรับทุกครั้งตามคำขอขององค์ชาย จนกระทั่งน้องสาวบุญธรรมต้องเอ่ยปากขอร้อง เพราะกลัวว่าความเครียดของมารดาจะทำให้ทารกในครรภ์ได้รับอันตราย คนชอบแกล้งจึงยอมรามืออย่างไม่เต็มใจนักส่วนหยางเหวินเย่นั้นมิยอมมองหน้าอดีตคนรักอีก เขาทำราวกับว่านางไร้ตัวตน และพอภรรยาสะกิดเรียกร้องขอให้ทักทายตามมารยาท เขาก็ตอบอย่างสุภาพว่าความอดทนของเขามีอยู่อย่างจำกัด การที่สองสามีภรรยาคู่นั้นยังได้ยืนอยู่ร่วมผืนแผ่นดินเดียวกัน ก็ถือว่าได้รับความเมตตาจากเขามากพอแล้วโฉมงามนามซูหนี่ว์ไ
“ข้าเคยหึงภาพวาดจนขาดสติมาแล้ว ครั้งนี้ข้าจะไม่ทำพลาดด้วยการไม่เชื่อใจเจ้าอีก และที่สำคัญ องค์ไท่จื่อก็มิใช่บุรุษนิสัยแย่ เพียงแต่ชอบแกล้งคนมากไปสักหน่อยก็เท่านั้น”หยางเหวินเย่เฉลยว่าการที่นางถูกกักตัวเอาไว้ที่ตำหนัก เพราะองค์ชายต้องการรักษาแผลบนใบหน้าของพี่สะใภ้ให้หายดี ทั้งยังกล่าวอีกว่า หากเถียนเถียนอยู่ที่บ้านเหลียนซาน คงจะดูแลสามีจนลืมดูแลตัวเองเถียนเถียนมีนิสัยเช่นนั้นจริง นางมักจะคิดถึงความรู้สึกของผู้อื่นก่อนตนเองอยู่เสมอ“ข้าทราบดีว่าท่านพี่ไว้ใจ แต่ก็ทราบดีว่าใจของท่านพี่มีแผล จึงอยากจะกล่าวยืนยันว่าข้ามิได้ทำเรื่องไม่ดี นอกจากวาดรูปให้กับองค์ชายแล้ว ก็มิได้ทำเรื่องอันใดอีก” ดวงตาสีน้ำผึ้งมองอ้อนสามี อยากจะให้ท่านพี่รู้ว่านางจะไม่มีวันนอกใจหรือเปลี่ยนไปรักใครอื่น“เถียนเถียน เพราะความรักของเจ้า แผลในใจของข้าจึงหายดีแล้ว เรื่องหึงหวงไม่เชื่อใจกันจึงไม่มีหลงเหลืออีก” หยางเหวินเย่จูบภรรยาให้สมกับความคิดถึง และในเมื่อนางมิได้แสดงอาการหวาดผวากับรอยกรีดบนดวงหน้า ก็ถึงเวลาแล้วที่เขาจะลงมือ“ท่านพี่คะ เราควรจะออกไปร่วมงาน หนีออกมานานเกินไปจะถูกตำหนิเอาได้” เถียนเถียนรีบแย้ง เพราะส
โฉมงามเจ้าของดวงตาสีน้ำผึ้งกวาดตามองโดยรอบ และพบบุรุษที่นางเฝ้ารอสวมเสื้อผ้าอาภรณ์สีม่วงไม่ต่างกัน เขาจ้องนางตาไม่กะพริบ พลางขยับเดินเข้ามาใกล้ ทว่าก็หยุดนิ่งยืนห่างประมาณสิบก้าว ยากจะเดาว่าเพราะเหตุใดจึงทำเช่นนั้น และเมื่อได้เห็นมือหนาแตะแผลบริเวณกรามของตนเบา ๆ ภรรยาที่กำลังเศร้าอยู่จึงเข้าใจได้ในทันทีท่านพี่คงกลัวว่าภรรยาจะหวาดกลัว หากเห็นแผลกรีดหน้าใกล้มากจนเกินไป“งานเลี้ยงอบอุ่นตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม ต้องขอบคุณท่านที่ปรึกษาหยางซือถงและภรรยาแล้ว” สองผู้อาวุโสยิ้มรับคำชมขององค์ชาย พลางซ่อนสีหน้าประหลาดใจมิต่างจากแขกในงานลูกสะใภ้คนโปรดหายตัวนานเจ็ดวัน พอกลับมาบ้านก็มีองค์ชายรัชทายาทมาส่ง แต่พอหันไปพบลูกชายที่ยังยืนสงบนิ่ง ไม่แสดงอาการว่าไม่พอใจ สองสามีภรรยาก็ค่อยสบายใจขึ้นมาบ้าง“เดิมทีก็อยากจะมาเยี่ยมน้องสาวบุญธรรมและสหายเป็นการส่วนตัว นึกไม่ถึงว่าจะมีคนสร้างเรื่อง ไม่สิ จับได้ว่าข้าหนีเที่ยว”องค์ไท่จื่อเยว่หยางยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าคหบดีสกุลเซี่ยและภรรยา นิสัยแกล้งขององค์ชายรัชทายาท เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าไม่มีทางแก้หาย“น้องสาวบุญธรรมหรือพ่ะย่ะค่ะ”เซี่ยเจียเหยียนถามเสียงสั่น นอกจ
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ท่านหมอมากฝีมือแวะเวียนเข้าตรวจแผลบนใบหน้าของคุณหนูเถียนเถียนอยู่บ่อยครั้ง หากลองคำนวณนับดูให้ถี่ถ้วนแล้ว ก็ราววันละห้าเวลา ยามทายาก็ถอนหายใจยาว ราวกับว่าแผลแค่นั้นจะทำให้คนเจ็บ สิ้นลมหายใจเอาได้ง่าย ๆพอได้ความว่าองค์ชายรัชทายาทสั่งกำชับว่าหากมีรอยแผลเป็น คนที่ให้การดูแลอยู่ก็อาจจะถูกลงโทษ สองนายบ่าวจึงได้เข้าใจถึงความทุกข์ของท่านหมอ และปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด อันใดห้ามก็มิกิน อันใดควรดื่มก็ยอมดื่มเถียนเถียนทราบความในภายหลังว่าองค์ไท่จื่อชอบกลั่นแกล้งให้คนได้ตื่นตระหนกเล่น“คุณหนูต้องการกินดื่มอันใดไหมเจ้าคะ” เสี่ยวเหมยสอบถาม หลายวันมานี่คุณหนูของนางรับประทานอาหารได้น้อยกว่าปกติมาก และหากให้เดาก็คงเป็นเพราะว่าคิดถึงสามีที่รั้งรออยู่ที่บ้านเหลียนซานเป็นแน่“ยังไม่หิว เจ้าไปเตรียมพู่กันกับกระดาษเถิด อีกประเดี๋ยวก็จะถึงเวลาที่ต้องวาดภาพของคุณชายแล้ว” พูดยังไม่ทันขาดคำ คุณชายสูงศักดิ์หรือองค์ไท่จื่อเยว่หยางก็ปรากฏตัวตามเวลาเดิมที่เคยนัดหมายเอาไว้ทุกวัน“อากาศวันนี้ดีกว่าทุกวัน พวกเจ้าเห็นด้วยหรือไม่” คุณชายอารมณ์ดีหย่อนตัวลงนั่ง วางท่าขึงขังเพื่อให้ภาพวาดออกม
“ซูหนี่ว์ ข้าเองก็เคยหลงใหลในความงาม ทว่าได้ภรรยาดีช่วยให้ตาสว่างแล้ว ความงามจากภายในต่างหากเล่าที่สำคัญ ซูหนี่ว์ เจ้าปล่อยเถียนเถียนเสียเถิด อย่างทำให้นางต้องเจ็บอีกเลย”“หึ! อยากรู้นักว่าถ้ากรีดหน้านางอีกสักแผล ท่านพี่ยังรักมั่งคงอยู่อีกหรือไม่”“หากเจ้ากรีดหน้านางหนึ่งแผล ข้าก็จะกรีดหน้าของข้าสักสองแผล คอยดูว่าถ้าข้าอัปลักษณ์แล้ว เจ้าจะยังอยากได้ข้าไปเป็นสามีอยู่อีกหรือไม่!” หยางเหวินเย่ทาบมีดลงบนสันกราม ก่อนจะจ้องมองหญิงงามที่เขาเคยรักอย่างเคียดแค้น“ท่านไม่กล้าหรอก!” ทว่าซูหนี่ว์ประเมินความรักที่สามีมอบให้ภรรยาเอาไว้ต่ำจนเกินไป“เถียนเถียน สามีของเจ้า อาจจะต้องผิดคำสัญญาเรื่องที่จะไม่ทำร้ายตนเองอีก” สายตาเคียดแค้น พลันแปรเปลี่ยนเต็มไปด้วยความรัก ทั้งยังปรากฏรอยยิ้มปลอบใจภรรยาว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยดี สามีคนนี้จะไม่ยอมให้ภรรยาต้องเจ็บตัวเพิ่มเติมอีก‘…ท่านพี่สัญญาก่อนได้ไหมเจ้าคะ ว่าจะไม่พิสูจน์ความรักที่มีต่อภรรยา ด้วยการทำร้ายตัวเองเช่นนั้นอีก’หยางเหวินเย่ไม่ได้อยากจะขัดใจภรรยา แต่ในเมื่อเหตุการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้ เขาก็จะต้องจำยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ซูหนี่ว์วางมีด เขาจะไม่ยอ







