LOGINพอรินสุราเรียบร้อยแล้ว เถียนเถียนก็ตรงไปยังห่อสัมภาระขนาดเล็กทันที นางยิ้มกว้างผ่านผ้าคลุมหน้า ก่อนจะแกะของฝากที่สามีนำมาจากเมืองหลวง ปรากฏว่าเป็นเสื้อผ้าสามราวชุดและเครื่องประดับรูปผีเสื้อสีชมพูอมม่วง
เถียนเถียนชื่นชอบผีเสื้ออย่างมาก...
“ข้าไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้ จึงสั่งให้บ่าวช่วยเลือกให้อีกที ถ้าเจ้าไม่ชอบ เราค่อยไปซื้อหาจากร้านในเมืองหลังจากข้าหายดีแล้ว” หยางเหวินเย่มิได้พูดต่อ ด้วยมั่นใจแล้วว่านางกำลังยินดีกับของฝากจนแทบน้ำตาแทบจะร่วงอยู่แล้ว
“เถียนเถียนชอบทุกอย่าง ขอบคุณมากนะเจ้าคะ”
“ปากหวานอย่างที่ท่านพ่อว่าจริง ๆ” หยางเหวินเย่บ่นพึมพำ
“ท่านพี่ปวดตรงไหนหรือเจ้าคะ ข้าจะได้นวดให้”
“บ่าและต้นขา เจ้านวดที่บ่าก็พอแล้ว”
“เจ้าค่ะ” เถียนเถียนลงมือนวดโดยไม่รอช้า
ทว่าหลังจากผ่านไปได้เพียงแค่ชั่วอึดใจเดียว หยางเหวินเย่ก็ขอให้นางหยุดมือ
“เถียนเถียนนวดไม่ดีหรือเจ้าคะ” นางถามเสียงสั่น
“ดีมาก ข้าแค่รู้สึกง่วงขึ้นมาก็เท่านั้น”
หยางเหวินเย่โกหก เขามิแน่ใจว่านางทำอย่างไร มังกรเบื้องล่างถึงได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาสู้ศึก และพร้อมที่จะออกรบกับศัตรูที่ไม่คู่ควร ยิ่งเถียนเถียนประคองเขากลับไปยังเตียงนอน มันยิ่งสะบัดหัวด้วยอารมณ์เดือดดาล ทำตัวคล้ายกับว่ามิได้ปลดปล่อยนานสักสามเดือน
ก่อนที่จะออกจากเมืองหลวง เขาก็ได้ตักตวงเอาความสุขจากเรือนร่างของหญิงงามทั้งสามนางจนอิ่มเอมแล้วมิใช่หรือ
ต้องเป็นเพราะดวงตาสีน้ำผึ้งคู่นั้นแน่ ๆ!
“เจ้านำกับแกล้มพวกนั้นออกไปเก็บเสียเถิด ได้กลิ่นแล้วนอนไม่ค่อยหลับ”
“เจ้าค่ะ ท่านพี่” เถียนเถียนตั้งใจว่าจะทำเช่นนั้นอยู่พอดี เพราะนางเองก็หิวไม่แพ้กัน และตั้งใจว่าจะไปหาอะไรง่าย ๆ รับประทานในห้องครัว
พอลับตาของภรรยา หยางเหวินเย่ก็เขย่งตัวออกจากเตียงและหยิบเอาผ้าผืนหนึ่งมาเตรียมเอาไว้เพื่อซ่อนหลักฐานของความปรารถนา เขาล้วงลงไปในกางเกงของตน ก่อนจะกำเจ้ามังกรยักษ์ขยับขึ้นลงอย่างเร่งรีบ
โดยปกติแล้วเขามิต้องจินตนาการเพื่อพาตัวเองให้บรรลุเป้าหมาย ด้วยยามอยู่ในเมืองหลวงนั้นมีสาวงามมากมายยินดีมอบกายให้ ทว่าเขาก็เลือกที่จะสนุกกับเหล่านางคณิกา เพื่อตัดปัญหาเรื่องการรับผิดชอบหรือผูกสัมพันธ์กันในอนาคต
ทว่าพอต้องจินตนาการถึงดวงหน้าของนางคณิกาเหล่านั้น หยางเหวินเย่กลับนึกไม่ออก และพอเร่งความเร็วของมือหนักเข้า ก็ปรากฏดวงตาสีน้ำผึ้งของเถียนเถียนอยู่ในห้วงของจินตนาการ
นี่เขาต้องการนางมากถึงเพียงนี้เลยหรือ...
ท่านแม่ทัพหนุ่มพยายามนึกต่อไปว่า หากเปิดผ้าคลุมหน้านั้นออกแล้วจะเป็นอย่างไร ทว่าภาพที่คาดไม่ถึงกลับปรากฏขึ้นในสมอง ดวงหน้าของนางสวรรค์ที่เขาเฝ้าฝันถึงปรากฏทับซ้อนดวงหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุม
ดวงตาของนางก็มีสีไม่ต่างจากภรรยาอัปลักษณ์นัก
หรือว่า...
มือของหยางเหวินเย่สาวเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว ความคิดที่ว่าภรรยาคือนางสวรรค์ทำให้มังกรยักษ์ถึงขีดสุดของความอดทน ปลดปล่อยสายธารขาวขุ่นทะลักทลายเปรอะเปื้อนมือของเจ้านาย ก่อนจะค่อย ๆ กลับลงไปนอนหลับสนิทดังเดิม หยางเหวินเย่ทำความสะอาดร่างกายอย่างเร่งรีบ โดยไม่ลืมซ่อนหลักฐานทั้ง ๆ ที่มั่นใจแล้วว่าเถียนเถียนคงไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ครั้งแรกที่เขาเจอนางสวรรค์ คือวันที่ถูกบังคับให้เข้าหอกับคุณหนูหวังเถียนเถียน ครั้งที่สองคือวันที่เขากลับมายังบ้านเหลียนซาน ก็พบนางในบริเวณสวนหลังบ้านที่ภรรยาชอบใช้วาดรูป
หรือว่านางสวรรค์ที่เขาเห็นจะมิใช่แค่ความฝันธรรมดา
ทว่าคือเถียนเถียน ภรรยาอัปลักษณ์!
ยามนี้ภรรยาอายุสิบเก้าปีกำลังนั่งอยู่ในห้องครัว หลังจากฝืนใจกินอาหารไปได้เพียงสามคำก็จำต้องวางตะเกียบ เมื่อครู่ยามที่สามีออกคำสั่งให้หยุดการนวด เถียนเถียนยังมิทันได้คิดอะไรมาก ทว่าพอเคลื่อนตัวออกห่างกลับเห็นเบื้องล่างของสามีขยับขยายมากกว่าปกติ แสดงออกชัดว่าเกิดความต้องการทางกายเพราะการนวดของนางเป็นเหตุ
ก่อนหน้านี้ท่านพี่ได้พยายามที่จะปลดผ้าคลุมหน้าของนาง สายตาของเขาดูอันตรายมิต่างจากเหล่าคุณชายที่ต้องอยู่ให้ห่างในสมัยยังเยาว์ ยามนั้นเถียนเถียนอายุได้สิบสองปี ความงามเริ่มจะเป็นที่เลื่องลือต่อเหล่าคุณชายบ้านใกล้เรือนเคียงแล้ว พออายุได้สิบสามปี ท่านพ่อก็มิอนุญาตให้ออกนอกบ้านอีก ทั้งยังสั่งจางฉวนว่าให้ดูแลคุณหนูมิให้คลาดสายตา
‘พ่ออยากจะกรีดหน้าเจ้าเสีย เจ้าจะได้มิต้องอยู่อย่างลำบาก’
‘ลูกมิได้อยากงาม ลูกอยากมีชีวิตปกติ’
ทว่าคนเป็นบิดาหรือจะทำใจทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของตนได้ เขาสั่งสอนบุตรสาวให้รู้จักระวังตัว และฝากจดหมายสำคัญไว้ให้ทุกครั้งก่อนที่จะออกศึก เถียนเถียนภาวนาให้ตนมิต้องใช้จดหมายนั้น ทว่าเรื่องกลับไม่เป็นดังหวัง เพราะท่านพ่อของนางมิรอดจากการศึกสงครามครั้งสำคัญ
จางฉวนบ่าวใบ้ทำตามคำสั่งของรองแม่ทัพหวังเฉินกงอย่างเคร่งครัด พาคุณหนูเถียนเถียนเดินทางสู่ค่ายทหาร และขอพบท่านที่ปรึกษาหยางซือถงเพื่อยื่นจดหมายสำคัญ
ทีแรกก็นึกว่าท่านผู้อาวุโสจะรับคุณหนูเป็นลูกบุญธรรม ทว่ากลับเปลี่ยนใจขอให้บุตรชายช่วยแต่งงานกับสาวงาม เพื่อป้องกันมิให้นางถูกเอาเปรียบในอนาคต
หยางเหวินเย่ปกป้องนางด้วยการหนีหายไม่ทำหน้าที่สามีนานห้าปี ทว่ายามนี้เขากลับมาแล้ว และมีทีท่าว่าต้องการจะทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ เถียนเถียนจึงทำได้เพียงแค่ถ่วงเวลา และสวมผ้าคลุมหน้าของนางให้มิดชิดที่สุด
“คุณหนูกินข้าวอีกสักหน่อยเถิดนะเจ้าคะ”
เสี่ยวเหมย บ่าวประจำบ้านเห็นว่าคุณหนูเถียนเถียนตักอาหารเพียงสามคำก็นึกเป็นห่วง รีบตรวจดูว่ามีอาหารอันใดไม่น่ารับประทาน หรือเย็นชืดเกินไปหรือไม่
“วันนี้วาดรูปตลอดบ่าย ปวดเมื่อยทั่วตัว จึงทำให้กินอะไรไม่ลงนัก” เถียนเถียนละความจริงเรื่องต้องแบกบุรุษที่ได้ชื่อว่าสามีเสียตั้งหลายครั้ง ทั้งยังต้องนวดบรรเทาความปวดให้กับเขาอีกด้วย
“แช่น้ำร้อนสักหน่อยดีไหมเจ้าคะ เผื่อว่าจะหายปวดเมื่อย” แน่นอนว่าเถียนเถียนมิปฏิเสธ
ทว่าหลังจากเสี่ยวเหมยเติมน้ำร้อนเรียบร้อยดีแล้ว คุณหนูของนางก็สั่งให้กลับไปพักผ่อน เถียนเถียนจัดการเปลื้องเสื้อผ้า ก่อนจะก้าวขาลงถังไม้สำหรับอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ ป่านนี้ท่านพี่เหวินเย่คงหลับไปแล้ว และคงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากภรรยาอย่างนางอีก
หลายปีมานี้นางเฝ้ารักเฝ้าคิดถึง ทว่าพอเจอตัวอีกครั้งกลับกลัวที่จะเข้าใกล้ ห้าปีก่อนนางยังเยาว์ ไม่พร้อมที่จะร่วมรักหรือเข้าหอกับบุรุษ และพอสามีมิได้บังคับฝืนใจ ทั้งยังออกคำสั่งมิให้ถอดผ้าคลุมหน้า นางจึงตั้งใจว่าจะประพฤติตนเป็นภรรยาที่ดี ให้สมกับความเมตตาที่ท่านพี่มอบให้
หากสามีต้องการครอบครองภรรยาให้ถูกต้อง นางก็ไม่ควรปฏิเสธมิใช่หรือ หากนางขัดขืนมิเต็มใจ ก็เท่ากับว่าเป็นคนอกตัญญูมิใช่หรือ
ความสับสนทำให้สะใภ้สกุลหยางปล่อยตัวเองให้พักร่างอยู่ในถังไม้จนกระทั่งน้ำเริ่มคลายความเย็น
“เสี่ยวเหมย เติมน้ำให้ข้าอีกสักนิดเถิด”
เถียนเถียนร้องเรียกเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของบ่าวที่อยู่ไม่ไกลนัก นางยังคงหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ความคิดลอยละล่อง พอน้ำอุ่น ๆ ไหลผ่านเรือนร่าง ก็ทุบที่บ่าของตนเบา ๆ ครั้งหนึ่ง
ดูเหมือนเสี่ยวเหมยจะรู้ใจคุณหนูมากกว่าทุกวัน นางเคลื่อนตัวเข้ามาอยู่ข้างหลัง และเริ่มบีบนวดให้กับลูกสะใภ้คนโปรดของสองสามีภรรยาสกุลหยาง แรงบีบของนางดีกว่าทุกวัน ออกจะหนักมือไปสักหน่อย ทว่าก็ถูกใจเถียนเถียนยิ่งนัก
น้ำหนักมือของเสี่ยวเหมยช่วยคลายความปวดเมื่อยให้กับคุณหนูได้เป็นอย่างดี นอกจากบริเวณช่วงบ่าที่แข็งตึง นางยังบีบบริเวณต้นคอและท้ายทอยเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนมือลงไปยังแผ่นหลังสลับกับไหล่กลมมน ไล่พรมนิ้วคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อได้อย่างน่าอัศจรรย์
คุณหนูคนงามสบายตัวจนต้องลืมตาตื่น ก่อนจะเป่ากลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่เหนือน้ำเล่นแก้เบื่อ และนั่นทำให้คนที่กำลังบีบนวดอยู่ถึงกับเผลอลงแรงหนักมือมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว เพราะเนินอกขาวที่ปรากฏต่อสายตา
หากนางขยับตัวอีกเพียงเล็กน้อย ปลายยอดดอกบัวคู่นั้นก็คงจะเปิดเผยให้คนที่บีบนวดอยู่ได้ชื่นชมแล้ว
“เสี่ยวเหมยอย่าบีบแรงนัก ข้าเจ็บ” เถียนเถียนขยับตัวเพื่อมองไหล่เนียน ปรากฏว่ามีรอยแดงประทับอยู่ ทว่ายังมิทันจะได้แจ้งต่อบ่าว เสียงตอบรับกลับทำให้นางถึงกับต้องกลั้นลมหายใจ
“เถียนเถียน เรากลับห้องไปร่วมรักกันดีหรือไม่...”
เสียงนั้นแหบพร่า บอกชัดว่ามิได้อยู่ในอารมณ์ที่ปกติ ทั้งดวงตายังเจือประกายของความปรารถนาอย่างไม่คิดปิดบัง
“ท่านพี่!” เถียนเถียนเคลื่อนตัวลงต่ำหมายซ่อนร่างให้พ้นจากดวงตาอันเป็นประกาย พร้อมทั้งใช้มือกวาดเอากลีบดอกไม้มากองไว้ตรงหน้าเพื่อปิดบังของสงวน
ทว่าหัวใจดวงน้อยของภรรยายังสาวกลับต้องหล่นวูบ เพราะมือหนาของสามีมิอนุญาตให้นางทำเช่นนั้น
หยางเหวินเย่มิรอช้า คว้าร่างของภรรยาอัปลักษณ์เสียเต็มแรง ทว่ายังมิทันได้ดึงตัวนางออกจากถังไม้ ข้อเท้าข้างซ้ายก็ออกอาการเสียวแปลบ จนถึงกลับเซไปเสียหลายก้าว
“ฉิบหายเอ๊ย!” หยางเหวินเย่ล้มลงอย่างไม่เป็นท่า
ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยตกอยู่ในสภาพที่น่าละอายมากถึงเพียงนี้!
“เถียนเถียนไม่อยากได้พู่กันแล้วเจ้าค่ะ!” นางแสดงออกชัดว่าอารมณ์มิค่อยดี ก่อนจะตรงไปหยิบผ้าที่เคยใช้คลุมหน้ามาเช็ดมือ แม้จะมิค่อยสะอาดนัก ทว่าก็ดีกว่าเดิมอยู่หลายเท่าตัว“ภรรยาอย่าดื้อนัก” หยางเหวินเย่รีบปรามหลายวันที่ผ่านมา เถียนเถียนชอบทำหน้าบึ้งตึง ไม่ว่าเขาจะทำเรื่องใดก็ดูขัดหูขัดนางไปเสียทุกอย่าง ทั้งยังเลือกรับประทานอาหาร อันใดที่ไม่ถูกใจก็จะไม่แตะเป็นคำที่สอง“เถียนเถียนทำตัวไม่น่ารักอย่างที่ท่านพี่ว่าจริง ๆ ท่านพี่อย่าโกรธเลยนะเจ้าคะ” โฉมงามรีบตรงเข้ากอดสามีพร้อมกับทิ้งตัวลงบนแผ่นอกกว้าง และเมื่อได้สูดกลิ่นกายหอมกรุ่นของบุรุษ นางก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเสียหลายส่วน“เจ้าอาจเหนื่อยมากไป เช่นนั้นก็พักสักหน่อยเถิด”หยางเหวินเย่มิอยากฝืนความรู้สึกของภรรยา ในเมื่อนางไม่อยากถูกกอดในวันนี้ เขาก็ไม่คิดที่จะฝืน“เถียนเถียนอยากนอนกอดท่านพี่” นางสูดกลิ่นหอมของสามีเสียฉ่ำปอด“เช่นนั้นข้าจะนอนเป็นเพื่อน” หยางเหวินเย่ยิ้มเครียด เพราะเมื่อครู่คิดไปว่าจะได้กอดนางแน่น ๆ แต่ความจริงแล้ว แค่ได้กอดหลวม ๆ เขาก็พอใจมากแล้วท่านแม่ทัพลูบศีรษะของภรรยาพลางกระซิบบอกว่า พรุ่งนี้ร้านค้าจากในเมืองจะนำพู่กันมา
เหล่าพ่อค้าทั่วเมืองเทียนโจวต่างพากันยิ้มกริ่ม เพราะหลายวันที่ผ่านมา องค์ชายรัชทายาทมักจะพาน้องสาวบุญธรรมและสามีของนางเดินเข้าออกตามร้านรวงต่าง ๆ จับจ่ายใช้สอย ซื้อหาข้าวของโดยไม่นึกเสียดายเงิน ถึงแม้จะทำท่าทางขึงขัง แสร้งทำเป็นกล่าวว่าตนคือคุณชายเยว่เล่อ แต่ก็คงมีเพียงคนที่โง่ที่สุดในเมืองที่เชื่อเรื่องโกหกพรรค์นั้นเดิมทีคุณชายเยว่เล่อไม่เคยต่อรองราคาสินค้า ทว่าพักหลังกลับโปรดปรานที่จะการกระทำเช่นนั้นอย่างมาก โดยเฉพาะร้านค้าของคหบดีสกุลเซี่ย คุณชายต่อเสียจนได้ราคาทุน หรือไม่ก็ทำร้านขาดทุนเสียด้วยซ้ำเซี่ยเจียเหยียนประคองภรรยาออกมาต้อนรับทุกครั้งตามคำขอขององค์ชาย จนกระทั่งน้องสาวบุญธรรมต้องเอ่ยปากขอร้อง เพราะกลัวว่าความเครียดของมารดาจะทำให้ทารกในครรภ์ได้รับอันตราย คนชอบแกล้งจึงยอมรามืออย่างไม่เต็มใจนักส่วนหยางเหวินเย่นั้นมิยอมมองหน้าอดีตคนรักอีก เขาทำราวกับว่านางไร้ตัวตน และพอภรรยาสะกิดเรียกร้องขอให้ทักทายตามมารยาท เขาก็ตอบอย่างสุภาพว่าความอดทนของเขามีอยู่อย่างจำกัด การที่สองสามีภรรยาคู่นั้นยังได้ยืนอยู่ร่วมผืนแผ่นดินเดียวกัน ก็ถือว่าได้รับความเมตตาจากเขามากพอแล้วโฉมงามนามซูหนี่ว์ไ
“ข้าเคยหึงภาพวาดจนขาดสติมาแล้ว ครั้งนี้ข้าจะไม่ทำพลาดด้วยการไม่เชื่อใจเจ้าอีก และที่สำคัญ องค์ไท่จื่อก็มิใช่บุรุษนิสัยแย่ เพียงแต่ชอบแกล้งคนมากไปสักหน่อยก็เท่านั้น”หยางเหวินเย่เฉลยว่าการที่นางถูกกักตัวเอาไว้ที่ตำหนัก เพราะองค์ชายต้องการรักษาแผลบนใบหน้าของพี่สะใภ้ให้หายดี ทั้งยังกล่าวอีกว่า หากเถียนเถียนอยู่ที่บ้านเหลียนซาน คงจะดูแลสามีจนลืมดูแลตัวเองเถียนเถียนมีนิสัยเช่นนั้นจริง นางมักจะคิดถึงความรู้สึกของผู้อื่นก่อนตนเองอยู่เสมอ“ข้าทราบดีว่าท่านพี่ไว้ใจ แต่ก็ทราบดีว่าใจของท่านพี่มีแผล จึงอยากจะกล่าวยืนยันว่าข้ามิได้ทำเรื่องไม่ดี นอกจากวาดรูปให้กับองค์ชายแล้ว ก็มิได้ทำเรื่องอันใดอีก” ดวงตาสีน้ำผึ้งมองอ้อนสามี อยากจะให้ท่านพี่รู้ว่านางจะไม่มีวันนอกใจหรือเปลี่ยนไปรักใครอื่น“เถียนเถียน เพราะความรักของเจ้า แผลในใจของข้าจึงหายดีแล้ว เรื่องหึงหวงไม่เชื่อใจกันจึงไม่มีหลงเหลืออีก” หยางเหวินเย่จูบภรรยาให้สมกับความคิดถึง และในเมื่อนางมิได้แสดงอาการหวาดผวากับรอยกรีดบนดวงหน้า ก็ถึงเวลาแล้วที่เขาจะลงมือ“ท่านพี่คะ เราควรจะออกไปร่วมงาน หนีออกมานานเกินไปจะถูกตำหนิเอาได้” เถียนเถียนรีบแย้ง เพราะส
โฉมงามเจ้าของดวงตาสีน้ำผึ้งกวาดตามองโดยรอบ และพบบุรุษที่นางเฝ้ารอสวมเสื้อผ้าอาภรณ์สีม่วงไม่ต่างกัน เขาจ้องนางตาไม่กะพริบ พลางขยับเดินเข้ามาใกล้ ทว่าก็หยุดนิ่งยืนห่างประมาณสิบก้าว ยากจะเดาว่าเพราะเหตุใดจึงทำเช่นนั้น และเมื่อได้เห็นมือหนาแตะแผลบริเวณกรามของตนเบา ๆ ภรรยาที่กำลังเศร้าอยู่จึงเข้าใจได้ในทันทีท่านพี่คงกลัวว่าภรรยาจะหวาดกลัว หากเห็นแผลกรีดหน้าใกล้มากจนเกินไป“งานเลี้ยงอบอุ่นตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม ต้องขอบคุณท่านที่ปรึกษาหยางซือถงและภรรยาแล้ว” สองผู้อาวุโสยิ้มรับคำชมขององค์ชาย พลางซ่อนสีหน้าประหลาดใจมิต่างจากแขกในงานลูกสะใภ้คนโปรดหายตัวนานเจ็ดวัน พอกลับมาบ้านก็มีองค์ชายรัชทายาทมาส่ง แต่พอหันไปพบลูกชายที่ยังยืนสงบนิ่ง ไม่แสดงอาการว่าไม่พอใจ สองสามีภรรยาก็ค่อยสบายใจขึ้นมาบ้าง“เดิมทีก็อยากจะมาเยี่ยมน้องสาวบุญธรรมและสหายเป็นการส่วนตัว นึกไม่ถึงว่าจะมีคนสร้างเรื่อง ไม่สิ จับได้ว่าข้าหนีเที่ยว”องค์ไท่จื่อเยว่หยางยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าคหบดีสกุลเซี่ยและภรรยา นิสัยแกล้งขององค์ชายรัชทายาท เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าไม่มีทางแก้หาย“น้องสาวบุญธรรมหรือพ่ะย่ะค่ะ”เซี่ยเจียเหยียนถามเสียงสั่น นอกจ
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ท่านหมอมากฝีมือแวะเวียนเข้าตรวจแผลบนใบหน้าของคุณหนูเถียนเถียนอยู่บ่อยครั้ง หากลองคำนวณนับดูให้ถี่ถ้วนแล้ว ก็ราววันละห้าเวลา ยามทายาก็ถอนหายใจยาว ราวกับว่าแผลแค่นั้นจะทำให้คนเจ็บ สิ้นลมหายใจเอาได้ง่าย ๆพอได้ความว่าองค์ชายรัชทายาทสั่งกำชับว่าหากมีรอยแผลเป็น คนที่ให้การดูแลอยู่ก็อาจจะถูกลงโทษ สองนายบ่าวจึงได้เข้าใจถึงความทุกข์ของท่านหมอ และปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด อันใดห้ามก็มิกิน อันใดควรดื่มก็ยอมดื่มเถียนเถียนทราบความในภายหลังว่าองค์ไท่จื่อชอบกลั่นแกล้งให้คนได้ตื่นตระหนกเล่น“คุณหนูต้องการกินดื่มอันใดไหมเจ้าคะ” เสี่ยวเหมยสอบถาม หลายวันมานี่คุณหนูของนางรับประทานอาหารได้น้อยกว่าปกติมาก และหากให้เดาก็คงเป็นเพราะว่าคิดถึงสามีที่รั้งรออยู่ที่บ้านเหลียนซานเป็นแน่“ยังไม่หิว เจ้าไปเตรียมพู่กันกับกระดาษเถิด อีกประเดี๋ยวก็จะถึงเวลาที่ต้องวาดภาพของคุณชายแล้ว” พูดยังไม่ทันขาดคำ คุณชายสูงศักดิ์หรือองค์ไท่จื่อเยว่หยางก็ปรากฏตัวตามเวลาเดิมที่เคยนัดหมายเอาไว้ทุกวัน“อากาศวันนี้ดีกว่าทุกวัน พวกเจ้าเห็นด้วยหรือไม่” คุณชายอารมณ์ดีหย่อนตัวลงนั่ง วางท่าขึงขังเพื่อให้ภาพวาดออกม
“ซูหนี่ว์ ข้าเองก็เคยหลงใหลในความงาม ทว่าได้ภรรยาดีช่วยให้ตาสว่างแล้ว ความงามจากภายในต่างหากเล่าที่สำคัญ ซูหนี่ว์ เจ้าปล่อยเถียนเถียนเสียเถิด อย่างทำให้นางต้องเจ็บอีกเลย”“หึ! อยากรู้นักว่าถ้ากรีดหน้านางอีกสักแผล ท่านพี่ยังรักมั่งคงอยู่อีกหรือไม่”“หากเจ้ากรีดหน้านางหนึ่งแผล ข้าก็จะกรีดหน้าของข้าสักสองแผล คอยดูว่าถ้าข้าอัปลักษณ์แล้ว เจ้าจะยังอยากได้ข้าไปเป็นสามีอยู่อีกหรือไม่!” หยางเหวินเย่ทาบมีดลงบนสันกราม ก่อนจะจ้องมองหญิงงามที่เขาเคยรักอย่างเคียดแค้น“ท่านไม่กล้าหรอก!” ทว่าซูหนี่ว์ประเมินความรักที่สามีมอบให้ภรรยาเอาไว้ต่ำจนเกินไป“เถียนเถียน สามีของเจ้า อาจจะต้องผิดคำสัญญาเรื่องที่จะไม่ทำร้ายตนเองอีก” สายตาเคียดแค้น พลันแปรเปลี่ยนเต็มไปด้วยความรัก ทั้งยังปรากฏรอยยิ้มปลอบใจภรรยาว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยดี สามีคนนี้จะไม่ยอมให้ภรรยาต้องเจ็บตัวเพิ่มเติมอีก‘…ท่านพี่สัญญาก่อนได้ไหมเจ้าคะ ว่าจะไม่พิสูจน์ความรักที่มีต่อภรรยา ด้วยการทำร้ายตัวเองเช่นนั้นอีก’หยางเหวินเย่ไม่ได้อยากจะขัดใจภรรยา แต่ในเมื่อเหตุการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้ เขาก็จะต้องจำยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ซูหนี่ว์วางมีด เขาจะไม่ยอ







