เสี่ยวไป๋ดึงมือออกจากมือซีหรู รีบเดินออกจากห้องสงสารซีหรูไม่น้อย ได้แต่ชะแง้คอมองเข้าไปข้างในปกติแล้วท่านอ๋องใจดีทำไมใจร้ายกับพระชายารองจัง
“เสี่ยวไป๋ปิดประตู” เสี่ยวไป๋รีบปิดประตูตามคำสั่งซีหรูหน้าเสีย
“ไปเปลี่ยนอาภรณ์เสียข้าจะรอที่นี่ เจ้าจะต้องไปยกน้ำชากับข้าที่ตำหนักชิงหนิงกง”
ซีหรูยังนั่งนิ่ง ชินหวางอ๋องเดินข้าไปคว้าข้อมือให้ลุกขึ้นยืน
“ปล่อยนะ อย่ามาทำแบบนี้มีสิทธิ์อะไร”
“ข้าคือสามี ไปสับเปลี่ยนอาภรณ์เสียไม่อย่างนั้นข้าจะเปลี่ยนให้เอง”
“ไม่”“เดี๋ยวนี้จะต้องไปเดี๋ยวนี้ฮองเฮาดื่มชายามบ่าย หากช้ากว่านี้จะถูกตำหนิเรื่องเวลาเอาได้”
“นั่นมันเรื่องของท่านไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเสียหน่อยจะถูกตำหนิก็เรื่องของท่าน”
ชิงกวานอ๋องดึงสายรัดเอวของซีหรูออกอย่างรวดเร็ว สอดมือเข้าไปโอบเอวบางดึงอาภรณ์ออกอย่างคนที่ช่ำชอง
“ปะปล่อยข้านะ” กลิ่นกายหอมหวนจนเผลอสูดดมเข้าไปเต็มเปาอีกครั้ง
“หอมจัง” ดังฝันล่องลอยกลิ่นหอมนั้นติดอยุ่ที่ปลายจมูกทำให้อยากสูดดม
“ปล่อยนะ” ซีหรูผลักร่างสูงให้ถอยห่างไม่ทันระวังชิงหวานอ๋องกำลังจะล้มลงไปกับพื้นดึงเอาร่างเล็กของซีหรูล้มลงไปทับเขาอย่างจัง
ซีหรูพยายามลุกขึ้นแต่อีกคนรวบเอวกิ่วไว้ นั่นเพราะกลิ่นหอมจากผิวกายและเรือนผมตรึงชินหวางอ๋องไว้กับที่
ตาคมจ้องมองใบหน้าข้างที่ไม่มีผ้าแพรปิดบังไว้ตาสบตา ซีหรูรีบหลบตาเสีย
“ปล่อย จะไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันช่วงเวลาดื่มชาของฮองเฮา”
“ก็ลุกไปสิเจ้าก็ลุกไปเจ้าทับข้าอยู่” น้ำเสียงเย็นชาทั้งที่แอบสบตาเขา
ซีหรูลุกขึ้นจากการนอนทับไปบนร่างใหญ่
“ท่านออกไปเลยนะข้าจะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์” ไม่มองหน้าก้มหน้าหลบตา
“ไม่มีใครอยากจะดู ข้าน่ะจะหลับตาให้เจ้าเอง รีบเปลี่ยนอาภรณ์เสียห้ามบิดพลิ้วจะต้องไปยกน้ำชา ให้ทันเวลา”
ซีหรูรีบเดินไปที่ราวแขวนอาภรณ์สีสวยเลือกหยิบสีม่วงขาว มาทาบแล้วค่อยๆ ปลด อาภรณ์ลงไปกองกับพื้นตาจับจ้องไปที่ชินหวางอ๋องที่ยืนหันหลังหลับตานิ่ง
ร่างอ้อนแอ้นในอาภรณ์ชุดชั้นในบางเบารีบร้อนสวมอาภรณ์โดยเร็ว แต่ทว่า
“กรี๊ดดดดด” งูเขียวตัวเล็กตกลงมาจากอาภรณ์สีสวยซีหรูตกใจจนเผลอกรีดร้อง ชิงหวางอ๋องลืมตาหันหลังกลับมา
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือ ร่างอ้อนแอ้นทรวดทรงองค์เอวโค้งเว้าได้รูปงดงามจนไม่อาจบรรยายยืนตัวสั่นชี้มือไปที่เจ้างูเขียวที่กองอยู่บนอาภรณ์สีม่วงขาว
ชิงหวางอ๋องยืนตะลึงตาค้างก่อนจะถอนหายใจยาวเดินมาจับหัวเจ้างูตัวนั้นโยนออกนอกหน้าต่าง โดยเร็ว
“มันไปแล้ว” หยิบอาภรณ์ส่งให้ซีหรูโดยที่หลับตาสนิท เขาเบือนหน้าหนีร่างอ้อนแอ้นตรงหน้า
“ไม่ใส่แล้วไม่เอาตัวนี้แล้ว ข้าเกลียดงูที่สุด”
ชินหวางอ๋องถอนหายใจก้าวเดินออกจากประตูไป
“ข้ารอเจ้าที่เกี้ยว เสี่ยวไป๋ช่วยพระชายาแต่งตัวโดยเร็วที่สุด” เสี่ยวไป๋รีบก้าวเข้ามาในห้องอมยิ้มจ้องใบหน้าของซีหรู
“พระชายาของเสี่ยวไป๋ ก็มีเสน่ห์เหมือนกันนะเนี๊ยะท่านอ๋องงี้หน้าแดงออกไปเลย”
“เขาโกรธข้านะสิ” เสี่ยวไป๋เลิกคิ้ว
“โกรธเรื่องอะไรเจ้าค่ะ”
“โกรธเรื่องที่ข้ามาเป็นชายารองเขาอย่างไรเล่า” เสี่ยวไป๋ถอนหายใจยาว
“เจ้าค่ะโกรธก็โกรธแค่ที่พูดว่าพระชายาหลงใหลในตัวท่านอ๋องก็ผิดแล้วเจ้าค่ะ ท่านอ๋องอยู่มานมนานทำไมไม่ยอมแต่งชายาสักที พอมาถึงตอนนี้บอกว่าไม่รับแต่กลับมีคนอื่น รีรออะไรอยู่ทำไมไม่แต่งไปเสียตั้งแต่แรกแล้วจะมาโทษว่าเป็นความผิดของท่านมันไม่ถูก”
“เจ้าแอบฟังหรือ” ยิ้มบางๆ
เสี่ยวไป๋หัวเราะคิกคัก
“ท่านอ๋องปกติใจดีที่สุด ในจวนอ๋องทุกคนต่างรู้ดี ไม่มีทางตวาดใครด้วยซ้ำ แต่กับพระชายาทำไมใจร้ายจังแบบนี้เสี่ยวไป๋ไม่เข้าข้างหรอกเจ้าค่ะ”
“ช่างเขามาแต่งตัวให้ข้าดีกว่า” เสี่ยวไป๋ยิ้ม
“ต่อไปพระชายาจะต้อง รู้จักหลบหลีกนะเจ้าคะ” พูดด้วยความจริงใจจนซีหรูอดขำไม่ได้นี่กำลังไปรบหรือไร
หยิบปิ่นปักผมมาเสียบไปที่มวยผมของซีหรู
“วันก่อนเสี่ยวไป๋เห็นท่านอ๋องเลือกปิ่นสวยอันหนึ่งไม่ได้นำมามอบให้กับพระชายาตามธรรมเนียมหรือเจ้าคะ” ซีหรูส่ายหน้าไปมา
“ช่างเขาเถอะเรียบร้อยหรือยัง” ตัดบทไม่อยากรับรู้อะไรก็ไม่ได้มีผลอะไรไม่ได้รักเขาจะน้อยใจไปทำไมเขาเองก็ไมไ่ด้รักซีหรูทำไมจะต้องมอบปิ่นแทนใจด้วย
“เจ้าคะ” ซีหรูแค่ยิ้มบางๆ จะแต่งหรือไม่แต่งก็ไม่มีผลอะไรในเมื่อใบหน้าซีกซ้ายอัปลักษณ์เพียงนั้น แต่งหน้าได้ก้ไม่มีใครอยากจะมอง
เกี้ยวรออยู่หน้าจวนก่อนแล้ว ซีหรูก้าวขาเปิดม่านด้านหน้าเข้าไปในนั้น คนตัวสูงนั่งกอดอกหลับตาทำสีหน้าเบื่อหน่าย
“เคลื่อนเกี้ยว” ซีหรูยังไม่ทันได้นั่งหรือระวังตัว เซถลาล้มลงบนตักของชินหวางอ๋อง
มืออุ่นคว้าเอวบางใบหน้าชิดใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
ชินหวางอ๋องรีบผลักร่างเล็กลงไปข้างๆ
“ซีหรูล้มลงแทบเท้าเจ็บไปทั่วร่างค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นใบหน้าเหยเก
“ใจดำที่สุด” พึมพำเบาๆ
“เจ้าว่าอย่างไรนะ”
ซีหรูนิ่งไม่พูดว่าอย่างไร เปิดหน้าต่างเกี้ยวมองออกไปด้านนอกเสีย
“นี่ข้าถามว่าเจ้าพูดว่าอย่างไร”
“ข้าเกลียดท่าน” หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างไม่สนใจชนหวางอ๋องอีกเลย
“ท่านกลับมาแล้ว...” ซุนเจ๋อหนี่เอ่ยเบา ๆ เสียงแผ่วราวกลัวว่าหากพูดดังเกินไป เขาจะหายไปเหมือนความฝันเขาก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว สายตาไม่ละไปจากใบหน้างามแม้แต่น้อย“ข้าไม่ได้มาเพราะหน้าที่... ไม่ใช่เพราะคำสั่งของใคร ข้ากลับมา... เพราะใจของข้าเอง เพราะใจของข้าอยู่ที่นี่”ซุนเจ๋อหนี่เบือนหน้าหลบ แต่เสวี่ยเต๋ออ๋องกลับยื่นมือออกมาสัมผัสไหล่นางเบา ๆ“เจ้ารู้หรือไม่ ตลอดเวลาที่ข้าอยู่ไกลจากเจ้า สิ่งเดียวที่คิดถึงมากที่สุด... คือรอยยิ้มของเจ้า” เขายิ้มบางๆ แต่จริงใจยิ่งแล้ว“แม้ก่อนนั้นเจ้าจะเย่อหยิ่ง และกิริยาไม่ได้งดงามเหมือนหญิงอื่นใด แต่ทุกสิ่งนั้น ข้าชอบมันทั้งหมด และรักหมดทั้งสิ้น”ซุนจ๋อหนี่อมยิ้มก่อนส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ จะเล็ดลอดจากริมฝีปาก “ท่านเรียกว่านั่นคือความรักงั้นหรือ”“อืม..แน่นอนสำหรับองค์หญิงนักรบสิ่งนั้นข้าเรียกว่าความรัก” เขาก้าวเข้ามาใกล้อีกก้าว ดวงตาสบประสาน “และจะไม่ปล่อยให้มันจุกอกข้าคนเดียวแน่”ซุนเจอ๋อหนี่ยังไม่ตอบทันที ดวงตาคู่งามขององค์หญิงมีแววสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะก้มหน้าและพยักหน้าช้าๆ“ข้า... ก็จุกอกเช่นกัน เสวี่ยเต๋ออ๋อง คิดว่าท่าจะไม่มาแล้วคิดแค่เพีย
“ป้ายหยกนี่หมายความว่าอย่างไร”“ท่านจำหยกนี่ได้หรือไม่” ชินหวางอ๋องยิ้มบางๆ ดวงตาเป็นประกาย“คุณหนูผู้นั้นคือเจ้าหรอกหรือ คุณหนูที่ใจดียอมมอบขนมให้ข้าเพื่อไปให้กับหญิงที่หมายปองใช่ไหม” ซีหรูพยักหน้ายิ้มๆ ชินหวางอ๋องรีบเข้าไปประคองร่างอวบมานั่งที่แท่นหินในสวน“แล้วเหตุใดจึงนำหยกนี่มาคืนข้า ตอนนั้นเจ้าเองยื่นมันคืนมาให้กับข้า แต่อีกหลายวันต่อมาข้าก็ฝากหยกนี่ไว้กับพ่อค้าขนมเพราะข้าไปรอเจ้าที่นั่นทุกวันเพื่อมบบมัน แต่เจ้ากลับไม่เคยไปที่ร้านขนมอีกเลย และในที่สุดมันก็อยู่ในมือเจ้าสินะ”“เพราะครั้งหนึ่งชินหวางอ๋องเคยสัญญาว่าหากข้ามีเรื่องใดที่อยากจะให้ช่วย”“แน่นอนข้าฝากคำพูดนี้ไว้กับพ่อค้าร้านขนมและยังจ่ายเงินค่าขนมให้เจ้าทั้งปี” ซีหรูยิ้มบางๆ“ข้าแค่ขอแลกมันกับชีวิตของหยางฟางหรานและบิดา ท่านเนรเทศเขาเสียก็พอไม่ต้องถึงทำร้ายชีวิตเขา” ชินหวางอ๋องถอนหายใจ ยกมือโอบรอบไหล่บาง“เจ้ากล้าขอข้ากล้าให้ แต่บอกไว้ก่อนหากข้าเห็นนางกับบิดาเมื่อไหร่ข้าจะฆ่าพวกเขาทันทีแบบไม่ถามไถ่”“ทำไม”“เพราะข้าปกป้องเจ้าอย่างไรเล่า” ซีหรูยิ้มชินหวางอ๋องกอดรวบร่างอวบไว้ในอ้อมแขนแนบแน่น“เพราะเจ้าและลูกคือดวงใจของข้าข้าจ
“หม่อมฉันคิดว่า... มารดาของหม่อมฉันบนสวรรค์คงอยากให้ข้าซีหรูที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่ใจที่เต็มไปด้วยความแค้น”อี้หรานสะอื้นเงียบ ๆ แล้วค้อมตัวลงต่ำ… คำนับอย่างแท้จริง ไม่ใช่ด้วยฐานันดร ไม่ใช่ด้วยพิธี แต่เป็นการคำนับด้วยหัวใจที่สำนึกผิด“ขอบคุณที่ให้อภัย...”ซีหรูมองภาพนั้นด้วยแววตาสงบ ความเจ็บปวดในอดีต... เริ่มเบาบางลงในเงาของการให้อภัยยามเฉิน (ประมาณ 7 โมงเช้า) เรือนหยกหอมแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าทอลงผ่านผ้าม่านโปร่งลายเมฆบนหน้าต่าง เสียงเคลื่อนไหวในครัวเล็ก ๆ หลังเรือนดังขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างมากนัก ไอน้ำจากหม้อโจ๊กเดือดเบา ๆ ลอยกรุ่นกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วเรือนร่างสูงในชุดสบาย ๆ กำลังใช้ทัพพีคนข้าวในหม้ออย่างตั้งอกตั้งใจ ใบหน้าที่เคร่งขรึมยามรบพุ่ง บัดนี้กลับอ่อนโยนจนผิดตาชินหวางอ๋อง ที่ใคร ๆ ต่างกล่าวว่าเย็นชาไร้หัวใจ เวลานี้กลับกำลังบรรจงวางตะกร้าผักสด ใส่ข้าวต้มเครื่องหอม ๆ ลงถ้วยเคลือบลายมังกร พร้อมไข่ลวกหนึ่งฟองจัดไว้อย่างประณีตเสียงฝีเท้าของเสี่ยวตูดังขึ้นเบา ๆ พร้อมเสียงไฉ่หานที่เอ่ยตามมา“ท่านอ๋องเองหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ… เอ่อข้าน้อยทั้งสองคิดว่าเป็นโจรร้ายเส
ณ คุกหลวงใต้พระราชวังหลวง เสียงโซ่ตรวนกระทบกันเบา ๆ พร้อมลมหายใจอ่อนแรงของหญิงงามที่เคยงามเลิศในเมืองหลวง เวลานี้กลับซูบซีด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าไร้สีเลือด ร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ หยางฟางหรานยืนพิงผนังหินเย็นเฉียบด้วยสายตาว่างเปล่า"ท่านพ่อ..." เสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมาใต้เท้าหยางซูซินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เงยหน้าขึ้นจากความคิดอันรุงรัง ใบหน้าชราภาพลงอย่างเห็นได้ชัด ราวกับชั่วคืนเดียวกลืนกินความเย่อหยิ่งทั้งหมดที่เคยมี"ข้าขอโทษ...พ่อขอโทษลูกพ่อ"หยางซูซินเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า "ข้าไม่น่าดึงเจ้าลงมาด้วยเลย...เจ้าควรมีคืนวันที่งดงามกว่านี้"หยางฟางหรานหัวเราะเบา ๆ ทั้งที่น้ำตาไหลริน "ถ้าข้าไม่อยากจะทำ ข้าคงไม่ทำ... ท่านไม่ต้องแบกรับความผิดแทนข้า ท่านพ่อมาถึงขั้นนี้แล้วจะต้องพูดอะไรอีก"เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงฝีเท้าของทหารจะดังขึ้น...ประตูเหล็กของคุกหลวงถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้า แสงตะเกียงสาดลอดเข้ามาในห้องขังเล็ก ๆ"ถึงเวลาแล้ว" ทหารยามประกาศด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฮ่องเต้มีพระราชโองการให้ประหารชีวิตในรุ่งสางวันพรุ่งนี้"หยางฟางหรานหลับตาลงช้า ๆ น้ำตาหยดสุดท้ายร่วงหล่น"ท่านคงเกลียดข
ท้องพระโรงยามสายบรรยากาศกลับตึงเครียด"ชินหวางอ๋อง" ยืนอยู่กลางท้องพระโรง ใบหน้านิ่งสงบ แววตาแน่วแน่ ใต้ชุดคลุมขาวสะอาดตายามนี้ไม่มีสิ่งใดสั่นคลอนจิตใจของเขา"เสวี่ยเต๋ออ๋อง" ผู้เคยเร้นกาย ณ ชายแดน ยืนอยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้ในฉลองพระองค์เต็มยศ นัยน์ตาของเขาทอแววหนักแน่นและสำนึกผิด"เสวี่ยเต๋ออ๋องถวายพระพรฝ่าบาท ข้ากลับมาแล้ว" เสวี่ยเต๋ออ๋องกล่าวเสียงหนักแน่น “อืมมมม” ชินเตอหลางกล่าวเพียงเบาๆ ในใจเคลือบแคลงอยู่8ในสิบส่วนกับคำพูดซัดทอดของหยางซูซิน"มิใช่เพื่อชี้แจง มิใช่เพื่อร้องขอ แต่เพื่อแสดงความจริงใจให้แคว้นและฝ่าบาทเห็น ว่าข้ายังภักดีต่อราชสำนัก และไม่เคยคิดทรยศ"ชินหวางอ๋องหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ไม่กล่าวคำใด ทว่าแววตากลับวัดความจริงในคำพูดของเสวี่ยเต๋ออ๋องอย่างไม่ปิดบัง"แล้วเหตุใดในตอนนั้น เจ้าจึงร่วมเดินหมากกับใต้เท้าหยางคำพูดนี้ไม่เกินจริงใช่หรือไม่" น้ำเสียงของชินหวางอ๋องเย็นเยียบแต่ไม่โกรธเกรี้ยวเสวี่ยเต๋ออ๋องหลุบตาลงชั่วครู่ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แน่วแน่ "เพราะข้าโง่... เสวี่ยเต๋ออ๋องหลงผิดไปชั่วขณะ การกลับมาครั้งนี้เพื่อยืนยันว่าข้ามิได้มีใจกบฏและพร้อมยอมให้ฝ่าบาทและชิ
ท้องพระโรงเงียบงันเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ต่างก้มหน้าเงียบกริบ เมื่อเสียงของชินหวางอ๋องดังกังวานกลางห้องบัลลังก์“ขอฝ่าบาทโปรดไตร่ตรอง…ข้ากระหม่อมชินหวาง ขอไขความจริงในคดีเมื่อยี่สิบปีก่อนและคดีที่เกิดขึ้นกับพระชายาซีหรูตลอดช่วงที่ผ่านมา”สายตาของทุกผู้คนเบิกกว้างเมื่อชินหวางอ๋องกล่าวต่อ“การวางเพลิงสังหารอย่างอำมหิตในคืนหนึ่งของฤดูหนาวเมื่อยี่สิบปีก่อน เบื้องหลังคือคนผู้หนึ่งที่ใครเล่าจะคาดถึงนั่นคือสวีเหยี่ยน...ซึ่งเป็นฮูหยินรองในตอนนั้น”เสียงฮือฮาดังขึ้นระลอกหนึ่ง สีหน้าของฮองเฮาอี้หรานซีดเผือดทันที น้ำตาไหลซึมลงจากดวงตาโดยไม่ทันรู้ตัว“ฮูหยินสวีเหยี่ยนต้องการกำจัดภรรยาเอกของใต้เท้าเสิ่น…เพื่อเปิดทางให้เป็นหนึ่งในตระกูลเสิ่น และบุตรีนั่นคือชายาของข้าเสิ่นซีหรู…ก็เป็นหนึ่งเดียวของผู้ที่รอดชีวิตจากเปลวเพลิงในคืนนั้น” เขาหยุดสูดลมหายใจพลางกำหมัดแน่น“ไม่เพียงเท่านั้น สวีเหยี่ยนฮูหยินคนนั้นยังเป็นผู้วางยาซีหรูถึงสองครั้ง และอีกผู้หนึ่ง…หยางฟางหราน บุตรีของใต้เท้าหยางซูซิน ใช้เล่ห์กลวางยา ลอบสังหาร และจับตัวพระชายาซีหรูเพื่อหวังตำแหน่งชายาเอกในภายภาคหน้า—ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวง”ชินเต