ログインเสียงดังกุกกักดังตั้งแต่เช้าแต่เมลินญาน์ก็ไม่ได้สนใจเพราะเธอรู้ว่าตอนนี้แม่เลี้ยงของเธอกับลูกชายคงกำลังย้ายของออก บ้านของเธอไม่มีข้าวของมีค่าอะไร ถ้าหากสองคนนั้นอยากจะเอาไปก็คงเอาไปได้แค่ทีวีเครื่องเก่าที่ตั้งอยู่กลางห้องรับแขกเท่านั้น
หญิงสาวหยิบหูฟังมาใส่จากนั้นเปิดเพลงโปรดและนอนต่อวันนี้เธอมีนัดกับคุณยายราตรีให้ไปที่บ้านในเวลาสิบนาฬิกาและตอนนี้มันเพิ่งจะหกโมงเช้า เมลินญาน์จึงไม่รีบร้อนเท่าไหร่
เมื่อเสียงทางด้านนอกเงียบลงในเวลาแปดโมงเช้าเมลินญาน์ก็เดินออกมาจากห้องนอน หญิงสาวทำความสะอาดคร่าวๆ ก่อนจะรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินไปทานข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าปากซอย ก่อนจะเดินไปยังบ้านของคุณยายราตรี
เมลินญาน์กดออดแล้วเสียงจากอินเตอร์คอมที่อยู่ตรงประตูบอกให้เธอเปิดประตูเล็กด้านข้างเข้ามาได้เลย
เมื่อเดินเข้ามาก็เห็นคุณยายราตรีกับเด็กรับใช้นั่งอยู่บริเวณห้องรับแขก
“สวัสดีค่ะคุณยาย คุณยายคะวันนี้เราจะไปตลาดเลยไหมคะ” หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น
“วันนี้ยังไม่ถึงกำหนดหรอก แต่ยายอยากให้หนูมาเรียนรู้งานก่อนว่าแต่ละตลาดต้องเก็บเงินวันไหน ยังไงบ้าง เราเข้าไปในห้องทำงานกันเถอะ เดี๋ยวยายจะอธิบายทั้งหมดให้ฟัง”
เมลินญาน์เดินตามคุณยายราตรีเข้ามาในห้องทำงานที่อยู่ใกล้ๆ กับห้องรับแขก
คุณยายราตรีอธิบายถึงการเข้าไปเก็บเงินที่ตลาดทั้งสามตลาดให้กับหญิงสาวฟังพร้อมทั้งยื่นสมุดบัญชีให้ในนั้นมีตัวหนังสือขยุกขยิกให้กับหญิงสาวดู
“ปกติใครเป็นคนเก็บเงินให้คุณยายคะ”
“ก็ผู้ช่วยของยาย แต่พอเขาลาออกก็ให้ปัท คนที่หนูเจอเมื่อกี้เป็นคนช่วยไปพลางๆ ก่อน”
“แล้วแบบนี้หนูจะไม่แย่งงานพี่เขาใช่ไหมคะ”
“ไม่หรอก ปัทเขาไม่ใช่คนไทยและเรียนมาน้อย แค่ช่วยจดแค่นี้ยายก็ปวดหัวแย่แล้ว ได้หนูมาช่วยยายคงสบายขึ้นมาหน่อย”
“หนูไม่รู้จะมาช่วยคุณยายหรือจะมาทำให้ยายปวดหัวเพิ่มไหม หนูเพิ่งเรียนจบหนูก็ไม่รู้ว่าหนูจะทำงานนี้ได้ดีหรือเปล่า”
“ถ้าหนูไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามยายได้ตลอดนะ การทำบัญชีของยายมันอาจจะไม่ตรงเป๊ะเหมือนที่หนูเรียนมาหรอก เอาแค่เราพอเข้าใจว่าใครจ่ายเงินเท่าไหร่ครบหรือไม่ครบแค่นั้นเอง”
“คุณยายคะแล้วตัวหนังสือแดงนี่หมายถึงคนที่ยังจ่ายเงินไม่ครบใช่มั้ยคะ”
“ใช่จ้ะ บางคนเขาก็ไม่มีเงินจ่ายค่าแผงเพราะรายได้มันไม่พอกับรายจ่าย ยายก็จะผ่อนผันให้เขาเป็นกรณีไปน่ะ” คุณยายอธิบายอย่างใจเย็น
“คุณยายให้ค้างค่าเช่านานที่สุดเท่าไหร่คะ”
“ที่ผ่านมายายก็ให้เขาผ่อนผันได้ประมาณสามเดือน มีตอนไหนก็ค่อยเอามาจ่าย”
“คุณยายใจดีมากๆ เลยนะคะแบบนี้คนทั้งตลาดคงรักคุณยายกันมาก”
“ก็มีทั้งคนที่รักและเกลียด บางคนเวลาเห็นยายก็รีบหลบหน้าไปเลยก็มี”
“แล้วคุณยายทำยังไงล่ะคะ”
“ใครอยากหลบก็หลบไป สำหรับคนพวกนี้ถ้าครบสามเดือนไม่เอาเงินมาจ่าย ยายก็ให้เขาออกจากตลาดน่ะ ยายชอบคนแบบหนูมากกว่า ไม่มีเงินก็เข้ามาพูดเข้ามาคุยบอกถึงปัญหาจะได้ช่วยกันแก้ไขไม่ใช่หลบหน้าหนี ปัญหาเรื่องเงินทองมันเป็นเรื่องสำคัญก็จริงแต่การพูดคุยกันมันก็สำคัญกว่า ยายรู้ว่าบางคนก็หน้าบางไม่กล้าพูดไม่กล้าขอความช่วยเหลือ” คุณยายราตรีพูดอย่างคนมีประสบการณ์
“ก็จริงนะคะคุณยาย”
“สำหรับหนูถ้ามีปัญหาอะไรอยากให้ยายช่วยก็ต้องรีบบอกนะเงินไม่พอใช้ก็บอกยายตรงๆ”
“ค่ะคุณยาย”
“การทำงานแบบนี้เห็นเงินสดตรงหน้าเยอะๆ มันก็ทำให้เราเกิดกิเลสได้ ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
“หนูจะไม่ทำให้คุณยายผิดหวังค่ะ ถึงหนูจะไม่มีเงินมาซื้อตึกคืนแต่ตอนนี้หนูก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้างหนูสัญญาเลยค่ะว่าเงินที่คุณยายให้หนูไปเก็บจะเข้ากระเป๋าคุณยายทุกบาททุกสตางค์เลยนะคะ” หญิงสาวให้คำสัญญาจากนั้นเธอก็นั่งดูบัญชีกับคุณยายราตรีจนกระทั่งเวลาอาหารกลางวัน
น้าประนอมแม่บ้านเข้ามาเรียกทั้งเธอและคุณยายไปทานอาหารจากนั้นก็มานั่งทำงานกันต่อจนกระทั่งเย็น
“หนูกลับบ้านไปแล้วจะทำอะไรต่อล่ะ”
“หนูว่าจะทำความสะอาดบ้านค่ะ ตอนนี้น้าวารีกับลูกของเขาย้ายออกไปแล้ว”
“เรื่องธนาคารล่ะว่ายังไงหนูยังไม่ได้ไปคุยเลยค่ะ เมื่อเช้าหนูโทรที่ธนาคารแล้วเขานัดให้หนูเข้าไปคุยบ่ายวันศุกร์นี้ค่ะ”
“มีอะไรให้ยายช่วยก็บอกนะ แล้วหนูจะไม่กินข้าวกับยายก่อนกลับบ้านเหรอลูก ยายนั่งกินข้าวคนเดียวมันเหงานะ”
“ขอบคุณนะคะคุณยายแต่เอาไว้วันหลังดีกว่าค่ะ วันนี้หนูจะไปจัดการบ้านให้เรียบร้อยค่ะ”
“แล้วจะกลับยังไงเดี๋ยวยายให้คนขับรถไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณยายบ้านของอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่เดินไปสะดวกกว่า”
“เอาอย่างงั้นก็ได้แต่ถ้าวันไหนขี้เกียจเดินก็บอกนะยายจะให้คนขับรถไปส่ง”
“ค่ะคุณยายหนูไปก่อนนะคะขอบคุณค่ะสวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมืไหว้คุณยายราตรีจากนั้นก็เดินออกจากประตูรั้วไปด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสุขเพราะงานที่ทำวันนี้ไม่ยากเท่าไหร่
หญิงสาวเดินเหม่อลอยและไม่รู้เลยว่าตนเองเดินออกมาอยู่กลางถนนตั้งแต่ตอนไหน
ปริ๊น!...ปริ๊น!..
เสียงบีบแตรทำให้เธอรีบกระโดดหลบและล้มลงไปข้างทางเพราะความตกใจ
รถยนต์คันหรูจอดข้างทางก่อนที่ประตูฝั่งจะเปิดออก ผู้ชายสวมสูทท่าทางภูมิฐานเดินตรงมาที่เมลินญาน์ซึ่งยังนั่งอยู่กับพื้น
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เมลินญาน์รับปฏิเสธ แม้จะรู้สึกเจ็บที่ข้อศอกแต่ไม่กล้าบอกไป
“แต่ศอกเธอมีเลือดนะ”
“แค่นี้เองสบายมากค่ะ”
“ให้ฉันพาไปทำแผลไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ แผลแค่นี้เองหนูขอโทษนะคะที่ทำให้คุณเสียเวลา” หญิงสาวลุกขึ้นแล้วยกมือไหว้ขอโทษ
ชายสวมสูทยกมือรับไหว้แทบไม่ทันเขายังไม่ทันพูดอะไรเธอก็เดินหันหลังให้เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น
“ถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ คุณอัลเฟรดก็รีบพูดมาเลยค่ะก่อนที่สมองจะไม่รับรู้อะไรเพราะความง่วง” หญิงสาวพูดแล้วแกล้งหาวทั้งที่ตอนนี้ยังไม่ได้ง่วงเลยสักนิด เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าอัลเฟรโด้จะคุยเรื่องอะไรกับเธออัลเฟรโด้ขยับเข้ามาใกล้ๆ จับมือของเธอไว้เขามองหน้าเธอก่อนจะพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา“ก่อนอื่นฉันต้องขอโทษที่เข้าใจผิด ไม่เชื่อใจเธอคิดว่าเธอเป็นคนกล่อมคุณยายให้บังคับฉันแต่งงาน”“เรื่องนี้หนูไม่โกรธคุณแล้ว หนูเข้าใจว่าเป็นใครก็ต้องคิดแบบนั้นเพราะหนูเพิ่งเจอกับคุณยายไม่นานท่านก็บังคับให้คุณแต่งงานกับหนู มีแค่นี้ใช่ไหมที่คุณจะพูด”“ไม่ใช่มันมีอีกเรื่องหนึ่ง”“อะไรคะ”“ที่ผ่านมาฉันยอมรับนะว่าฉันมีความสุขมากที่ได้อยู่กับเธอ รู้สึกดีที่ตื่นมาทุกเช้ามีเธอนอนอยู่ข้างๆ และได้นอนกอดกันทุกคืน ฉันรู้ว่าเธอรักฉันและฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันทำมันก็เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าฉันรู้สึกยังไงกับเธอ”“แล้วคุณรู้สึกยังไงเหรอคะ” หญิงสาวถามออกไปด้วยใจเต้นแรงเธอไม่รู้หรอกว่าตอนนี้อัลเฟรโด้กำลังจะพูดอะไรแต่ในใจก็แอบหวังว่าเธอได้ยินเขาพูดคำว่ารักซึ่งมันสำคัญกับเธอมาก ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเธอบอกรักเข
“พรุ่งนี้ฉันจะบอกทนายให้จัดการเรื่องหย่า” จู่ๆ อัลเฟรโด้ก็พูดขึ้นระหว่างที่ออกมานั่งดื่มกับณัฐกฤษณ์เพื่อนสนิท“จะไม่ง้ออีกหน่อยเหรอ”“ฉันคิดว่าง้อไปมันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เมลินเธอคงตัดใจจากฉันได้แล้วจริงๆ นั่นแหละ”“เฮ้ย!...แต่นี่เพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือนเองนะ อดทนหน่อยสิ เด็กวัยรุ่นก็อย่างนี้เอาใจยาก”“นายพูดอย่างกับเคยมีแฟนเป็นเด็ก”“ถึงแฟนฉันกับฉันอายุจะไม่ห่างกันมาก แต่ฉันก็พอเข้าใจนะว่าผู้หญิงอารมณ์อ่อนไหว โดยเฉพาะเด็กอย่างเมียของนายนะ นายลองคิดดูสิเธออายุแค่ 18 แล้วต้องมาแต่งงาน ชีวิตกำลังลงตัวและมีความสุขจู่ๆ นายก็ไปพูดจาแบบนั้นกับเธอ”“ก็ตอนนั้นฉันยังไม่รู้ความจริงนี่”“คนโตอย่างเราอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ที่ต้องทะเลาะกันบ้างแต่นายอย่าลืมนึกถึงความแตกต่างในเรื่องของอายุด้วยนะ อีกอย่างเมลินเธอก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลย แล้วมาโดนนายพูดจาแบบนั้นใส่เป็นใครก็ต้องเสียใจน้อยใจได้ นายเคยบอกฉันไม่ใช่เหรอว่าเมลินรักนายมาก พอโดนคนที่ตัวเองรักต่อว่าก็เลยยิ่งคิดมากและน้อยใจมันเป็นเรื่องธรรมดา”“ใช่เมลินรักฉันมาก เธอบอกรักฉันในทุกวันที่อยู่ด้วยกันนายรู้มั้ยฉันมีความสุขแค่ไหนเวลาไ
วันนี้เมลินญาน์เลิกเรียนเร็วกว่าปกติหญิงสาวจึงนัดทานข้าวกับศศิภาจากนั้นก็พากันเดินไปซื้อของก่อนจะขับรถมาส่งเธอที่บ้านระหว่างทางศศิภาก็ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“แกตัดสินใจดีแล้วหรอเมลิน แกรักเขามากนะแล้วจะหย่ากับเขาทำไม”“ฉันยอมรับว่าฉันรักเขามาก แต่ก็ไม่รู้จะอยู่กันไปทำไม เขาไม่เชื่อใจฉัน เขาคิดว่าฉันเป็นคนวางแผนให้ได้แต่งงานกับเขานะ”“แต่ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าแกไม่ได้แบบ เขาก็ขอโทษแกแล้วแกยังต้องการอะไรอีก”“ไม่รู้สิ ฉันอาจจะต้องการความรักจากเขามั้ง”“แกเคยถามไหมว่าเขารักแกหรือเปล่า”“ไม่เห็นจำเป็นต้องถามเลยขิงฉันบอกรักเขาไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแต่ไม่เคยได้ยินกับเขาพูดมันเลย แม้คุณยายจะบอกว่าให้ดูที่การกระทำทำแต่ฉันก็อยากจะได้ยินมันสักครั้ง เขาพูดแต่ว่าเขาโทษอยากให้ฉันกลับไปอยู่ด้วยแค่นั้นเอง”“ถ้าเขาบอกว่ารักแกแล้วแกจะกลับไปคืนดีกับเขาเหรอ”“อือ”“ฉันไม่เข้าใจแกเลยนะเมลิน แกหย่ากับเขาแล้วแกก็ต้องมานั่งเสียใจแบบนี้มันคุ้มกันเหรอ”“ฉันไม่รู้ว่าคุ้มไหม แต่ฉันอยากอยู่กับคนที่รักฉัน แต่ฉันให้เวลาให้โอกาสเขาแล้วนะ ฉันรู้ว่าที่ฉันทำมันงี่เง่าไม่มีเหตุผล แค่คำว่ารักแค่คำเดียวแต่ฉันคิดว่าฉันอยากไ
จากวันที่เมลินญาน์ย้ายกลับไปอยู่บ้านถึงตอนนี้ก็เกือบจะสองเดือนแล้วอัลเฟรโด้ยังคงพยายามตามง้อ แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมใจอ่อน ตอนนี้เธอเปลี่ยนกุญแจรั้วบ้านเปลี่ยนรหัสผ่านทุกอย่างทำให้อัลเฟรโด้ไม่สามารถเข้าไปหาเธอที่บ้านได้อย่างเคยแต่ถ้าวันไหนเขาเลิกงานเร็วก็มักจะขับรถวนมาดูว่าหญิงสาวถึงบ้านหรือยังและจอดรถที่หน้ารั้วจนกระทั่งเห็นว่าว่าเธอปิดไฟเข้านอนจึงขับรถกลับมาที่คอนโดมิเนียม เขาใช้รถของตนเองบ้างรถของบริษัทบ้างหรือบางครั้งก็ใช้รถของผู้ช่วยทำให้เมลินญาน์ไม่ทันสังเกตเห็นแต่วันนี้หญิงสาวไปซื้อของที่ตลาดสด แล้วเจอคุณน้าหนึ่งที่บ้านอยู่ถัดจากบ้านของเธอไปอีกสามหลังเข้ามาชวนคุย“เมลิน หนูสังเกตไหมว่าช่วงนี้แถวบริเวณหน้าบ้านหนูมักจะมีรถยนต์มาจอดอยู่บ่อยๆ”“หนูไม่ได้สังเกตเลยค่ะน้า เขามาจอดรอใครหรือเปล่า”“น้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ หนูลองสังเกตดูหน่อยนะไม่รู้เป็นพวกโจรเป็นขโมยหรือเปล่า หนูอยู่บ้านคนเดียวด้วยมันอันตราย ถ้าเห็นท่าไม่ดียังไงก็โทรเรียกตำรวจให้มาช่วยดูก็ดีนะ”“ขอบคุณนะคะน้า หนูจะไปย้อนดูกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้านดูค่ะ อยากจะรู้เหมือนกันว่าใครที่มาจอดรถรออยู่แบบนั้น”เมลินญาน์พูดคุยก
เพราะตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาอัลเฟรโด้ทานอาหารไม่ตรงเวลาและมักจะดื่มเหล้าอยู่ตลอด วันนี้ชายหนุ่มก็เลยรู้สึกปวดท้องหลังเลิกงานเขาเลยแวะที่โรงพยาบาลเพื่อให้คุณหมอตรวจอาการหลังจากตรวจและรับยาแล้วอัลเฟรโด้ยาก็เดินมาที่ลานจอดรถและได้เจอกับหมออำนาจที่กำลังจะกลับบ้านพอดี“สวัสดีครับหมออำนาจ”“สวัสดีครับคุณอัลเฟรดไม่สบายเหรอครับ” คุณหมอถามเพราะเห็นถุงยาในมือของเขา“ปวดท้องนิดหน่อยครับคุณหมอก็เลยแวะมาตรวจ คุณหมอละ ครับสบายดีไหม” อัลเฟรโด้เจอกับคุณหมอครั้งสุดท้ายก็ในงานศพของคุณยายราตรีซึ่งมันผ่านมาสองเดือนแล้ว“ผมสบายดีครับ”“คุณหมอพอจะมีเวลาสักนิดไหมครับ” อัลเฟรโด้ถามอย่างเกรงใจ“คุณอัลเฟรดมีอะไรหรือเปล่าผม”“อยากจะถามอะไรหมอหน่อย”“ได้สิครับ เรานั่งคุยตรงมาหินอ่อนตรงนั้นก็ได้”“ครับ” แล้วอัลเฟรโด้ก็เดินตามคุณหมออำนาจมายังม้าหินอ่อนที่อยู่ใกล้กับลานจอดรถ“คุณอัลเฟรดมีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”“ผมอยากจะถามว่าทุกครั้งที่คุณยายมาตรวจกับคุณหมอ คุณยายให้คนอื่นเข้ามาในห้องด้วยหรือเปล่าครับ”“ไม่นะครับ คุณยายมักจะเข้ามาคนเดียวส่วนเมลินภรรยาของคุณก็รออยู่ข้างนอก มีอะไรหรือเปล่า”“ผมขอถามคุณหมอทุ
บทรักดำเนินต่อไปในห้องทำงานอีกพักใหญ่ก่อนที่อัลเฟรโด้จะอุ้มเมลินญาน์กลับมายังห้องนอน คืนนี้ทั้งสองต่างโรมรันพันตูกันอยู่บนเตียงอยู่นานก่อนที่หญิงสาวจะหมดแรงอยู่บนเตียงกว้างอัลเฟรโด้เอาผ้าเช็ดตัวชุบน้ำมาเช็ดคราบเหงื่อออกก่อนจะนอนกอดโดยไม่ได้มีคำพูดอะไรเมลินญาน์ซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขาแล้วหลับตานิ่ง เธออยากจะเก็บความรู้สึกคืนนี้ไว้เป็นคนสุดท้ายและพรุ่งนี้เธอกับเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกันอีกอัลเฟรโด้เองก็กอดกระชับเธอไว้แน่นเขากำลังสับสนว่าจากนี้จะเอายังไงต่อจะใช้ชีวิตกับเธอไปเรื่อยๆ หรือจะหย่าอย่างที่เธอพูด เขายังคงตัดสินใจไม่ได้ชายหนุ่มนอนใช้ความคิดจนกระทั่งเผลอหลับแล้วตื่นมาอีกครั้งในตอนเช้าเขารู้สึกใจหายเมื่อเช้านี้มันต่างจากทุกเช้าที่ผ่านมาเมื่อข้างกายของเขาไม่มีเมลินญาน์นอนอยู่ข้างๆอัลเฟรโด้รีบลุกขึ้นนุ่งผ้าเช็ดตัวแล้วเดินมายังห้องครัวเขาเห็นแค่ความว่างเปล่า ชายหนุ่มมองนาฬิกาเห็นว่ามันสายมากแล้วและคิดว่าวันนี้ที่เธอไม่ทำอาหารเช้าให้อาจจะเป็นเพราะเธอรีบไปเรียนและถ้าหากเย็นนี้เธอกลับมาที่คอนโดเขาจะลองเปิดใจคุยกับเธออีกครั้งอยากจะฟังเหตุผลจากเธออีกครั้งโดยไม่ใช้อารมณ์ตลอด







