Share

อี้หมิง อันหมิง 2

last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-20 21:21:28

"อึก..." 

เธอกระอักเลือดออกมาอย่างยากลำบาก เลือดสีแดงสดไหลอาบลงมาที่คางของซือหยา เธอพยายามขยับตัวอีกครั้งเพื่อเอื้อมมือไปหยิบรูปนั้นให้ได้ ในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จ ภาพถ่ายของลูกและสามีปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง ดวงตาของเธอมองภาพถ่ายนั้นอย่างอาลัยอาวรณ์ ซือหยายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

"พี่หยางเฉิง...อี้หมิง...อันหมิง...แม่จะไปหาแล้วนะ...มารับแม่ด้วยนะลูก"

เสียงของเธอแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน ซือหยาจูบลงบนภาพถ่ายนั้นเบา ๆ ก่อนจะแนบมันเข้ากับอก ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือใบหน้าของคนที่เธอรัก ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงช้า ๆ ...พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่มีความสุขอย่างแท้จริง ราวกับว่า...ในที่สุดเธอก็จะได้ไปหาดวงใจทั้งสามของเธอเสียที ดวงใจที่จากไปเมื่อหนึ่งปีก่อน...

ในห้วงแห่งกาลเวลาที่ทับซ้อน ย้อนไปนับพันปีก่อน..

ความเจ็บปวดแล่นแปลบไปทั่วทั้งร่างกายอีกครั้งราวกับถูกรถบรรทุกทับซ้ำแล้วซ้ำเล่า หานซือหยาขมวดคิ้วแน่นด้วยความรู้สึกทรมานที่ทวีคูณขึ้นกว่าเดิม นางพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อย ๆ เผยอออกช้า ๆ 

แสงสว่างที่สาดเข้ามาแยงตา ภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏขึ้นทำให้นางชะงักไปชั่วครู่ มันไม่ใช่เพดานห้องเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของนาง... แต่เป็นเพดานไม้สีซีดที่มีคราบดำเกาะอยู่เป็นหย่อม ๆ 

กลิ่นหอมชื้นของดินและกลิ่นสาบของไม้ที่ขึ้นราอ่อน ๆ โชยเข้ามาในจมูก นางรับรู้ได้ถึงความเย็นจากแผ่นหลังที่แนบอยู่กับพื้นไม้ที่แข็งกระด้าง

ดวงตาที่พร่ามัวค่อย ๆ กะพริบถี่ ๆ เพื่อปรับสายตาเลื่อนไปมองรอบ ๆ ห้อง สิ่งที่เห็นทำให้นางรู้สึกงุนงงยิ่งกว่าเดิม นางนอนกองอยู่กับพื้นห้องโถงเรือนที่มีโครงสร้างเหมือนเรือนในสมัยโบบราณ 

"ที่นี่...ที่ไหน?" นางพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงแหบพร่าอย่างไม่เชื่อสายตา

"อึก..."

เสียงสะอื้นแผ่วเบาที่คุ้นเคยดังแว่วเข้ามาในหู นางหันขวับไปมองที่มุมห้อง ร่างเล็ก ๆ สองร่างกำลังนั่งกอดกันอยู่ ไม่ไกลนักมีเศษเปลือกกล้วยตกอยู่ 

ใบหน้าเล็ก ๆ ทั้งสองซีดเผือด ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยน้ำตาที่คลออยู่เต็มเบ้า ใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ แต่บุคลิกกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หัวใจของซือหยาเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของนางเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านั้น อี้หมิง...อันหมิง...ลูกชายของนาง! คนที่นางคิดถึงมาตลอด!

"อี้หมิง! อันหมิง! เป็นลูกจริง ๆ ด้วย!"

นางตะโกนเรียกชื่อลูกชายทั้งสองด้วยความดีใจสุดขีด นางพยายามจะลุกขึ้นจากพื้นเพื่อเข้าไปหาพวกเขา แต่ความเจ็บปวดก็แล่นไปทั่วทั้งร่างจนทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมาน 

นางกัดฟันแน่นแล้วพยายามลุกขึ้นยืนอีกครั้ง คราวนี้ทำสำเร็จแต่ก็ต้องเซไปเล็กน้อยเพราะอาการปวดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ นางรีบถลาเข้าไปหาลูกชายทั้งสองทันที

แต่สิ่งที่นางได้รับกลับมาไม่ใช่การโผเข้ากอดที่อบอุ่นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เด็กน้อยทั้งสองหันมามองนางด้วยใบหน้าที่หวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะรีบถอยหนีไปกอดกันแน่น 

อี้หมิงผู้เป็นพี่ชายรีบกางแขนออกเพื่อปกป้องน้องชายเอาไว้ ราวกับว่านางเป็นสัตว์ร้ายที่น่ากลัวที่สุดในโลกใบนี้ ส่วนอันหมิง...แฝดน้อง..รีบไปหลบหลังพี่ชายพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาเม็ดเล็ก ๆ ที่ไหลอาบแก้มใส

"พี่ชายช่วยด้วย! อึก! อันหมิงกลัว ฮึก อันหมิงไม่ได้ตั้งใจทำร้ายท่านแม่"

เสียงสะอื้นของอันหมิงดังขึ้นทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดราวกับหัวใจกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ นางหยุดชะงักฝีเท้าเอาไว้ มองลูกชายทั้งสองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน

"ตีข้า อย่าทำอะไรอันหมิง! น้องไม่ได้ตั้งใจทำให้ท่านแม่บาดเจ็บ เปลือกกล้วยนั่นแค่หล่นลงจากโต๊ะ น้องชายไม่รู้ว่าท่านแม่จะเดินมาเหยียบ ท่านแม่ให้อภัยน้องชายเถอะ น้องไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ..."

เสียงของอี้หมิงสั่นเครือไปด้วยความหวาดกลัว เขาพูดประโยคเหล่านั้นออกมาด้วยความกล้าหาญ นางมองใบหน้าของลูกชายทั้งสองที่กำลังหวาดกลัวนางด้วยความเจ็บปวด 

"ไม่เป็นไร...แม่ไม่ว่าอะไรลูกทั้งสองแน่นอน ไม่ต้องกลัวแม่นะ" 

ซือหยาพูดเสียงแผ่วเบา พยายามที่จะทำให้เสียงของนางอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ นางย่อตัวลงนั่งกับพื้นเพื่อไม่ให้ดูน่ากลัวจนเกินไป

ทว่า....

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   ท่านลุงให้หลานหรือขอรับ

    บนเกวียนวัวที่หยางเฉิงเป็นคนบังคับ มีซือเหอ ซือหลิง หยวนอี อาเซียว เจาตี้ อี้หมิงและอันหมิง นั่งเบียดเสียดกันอย่างสนุกสนาน ส่วนในรถม้าที่นั่งสบายกว่า มีแม่เฒ่าหาน แม่เฒ่าเสิ่น และแม่เฒ่าฮัว นั่งอยู่พร้อมกับซือหยา"ท่านพ่อ ข้าจะซื้อของมาฝากนะเจ้าคะ" เสียงเล็ก ๆ ของเจาตี้ดังลอดออกมาระหว่างที่นางกำลังโบกมือให้หยางรุ่ยผู้เป็นบิดา ดวงตาของเด็กน้อยเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น"เด็กดี อย่าเดินห่างท่านป้าสะใภ้กับพี่ ๆ นะลูก อยากกินอะไรเจ้าก็ซื้อได้เลย"หยางรุ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าของเขาแสดงความรักใคร่ในตัวบุตรสาว"เจ้าค่ะ"เจาตี้รับคำเสียงใสหยางเฟิงกับหยางรุ่ยยืนมองเกวียนวัวกับรถม้าที่เคลื่อนตัวห่างออกไปเรื่อย ๆ พวกเขาถอนหายใจยาว หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินขึ้นเขาไปขุดหัวมันสำปะหลังต่อ ส่วนพ่อเฒ่าเสิ่นกับพ่อเฒ่าหานก็เดินไปไถนาหว่านข้าวต่อตามหน้าที่กระทั่งเกวียนวัวกับรถม้าเคลื่อนตัวมาถึงกลางตลาด ความวุ่นวายและเสียงตะโกนขายสินค้าเข้าปะทะโสตประสาททันที รถม้าและเกวียนหลายเล่มจอดเรียงราย ผู้คนสัญจรไปมาอย่างคับคั่ง ฮัวเจิ้งหรงจึงไปส่งมารดาและอาหญิงที่กลางตลาดก่อน ถนนหนทางเต็มไปด้วยร้านขาย

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   ท่านลุงให้หลานหรือขอรับ 1

    เช้ามืดวันต่อมา ยามอิ่น (03.00-05.00 น.) ท้องฟ้ายังคงเป็นสีเทาเข้ม อากาศเย็นยะเยือกจนไอน้ำค้างเกาะตามหลังคาเรือน เสียงไก่ขันดังแว่ว ๆ มาจากท้ายหมู่บ้าน แสงตะเกียงน้ำมันส่องสว่างเรืองรองออกมาจากหน้าต่างห้องครัวซือหยาและหยวนอีตื่นแต่เช้ามืด พวกนางเดินเข้ามาในลานเรือนที่เต็มไปด้วยอ่างดินเผาขนาดใหญ่ที่บรรจุน้ำแป้งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน"น้องสะใภ้! แป้งคงจะตกตะกอนดีแล้วกระมัง"หยวนอีกล่าวเบา ๆ เสียงของนางแหบพร่าเล็กน้อยเพราะความเย็น นางจุดเทียนเล็ก ๆ วางไว้ข้างอ่าง เพื่อให้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงภายในได้ชัดเจนซือหยาคุกย่อตัวลงข้างอ่าง นางใช้ปลายนิ้วเคาะขอบอ่างเบา ๆ น้ำที่อยู่ด้านบนใสจนมองเห็นเงาเลือนราง แป้งสีขาวบริสุทธิ์จมตัวอยู่ก้นอ่างอย่างหนาแน่น"ได้แล้วเจ้าค่ะพี่สะใภ้! น้ำแยกตัวออกจากเนื้อแป้งอย่างสมบูรณ์แล้ว" ซือหยาตอบด้วยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ"มา ๆ เดี๋ยวข้าจะเทน้ำออกเอง ยังมีอีกหลายอ่าง รีบทำรีบเสร็จ" พูดจบหยวนอีก็ลงมืออย่างคล่องแคล่ว"ข้าจะจัดการกับถังพวกนี้เองเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ก็จัดการทางนั้นเถอะ"ระหว่างนั้นเองหยางเฉิงกับหยางเฟิงก็รีบมาช่วยภรรยาของตนทำงาน เมื่อเทน้ำใสจนหมดแล้ว สิ่งท

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   ข่าวดี 2

    เมื่อหัวมันถูกขูดจนเป็นชิ้นเล็ก ๆ ได้ปริมาณมากพอ ซือหยาก็เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป ซือหยาเริ่มบีบน้ำออกจากเนื้อมัน จากนั้นก็นำไปตำในครกหินขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างเรือน จนกระทั่งเนื้อมันแหลกละเอียด น้ำสีขาวขุ่นเริ่มไหลซึมออกมามากขึ้น นางจึงตักส่วนที่ตำแล้วลงไปผสมน้ำในกะละมังตลอดช่วงเช้าสองสาวทำงานกันอย่างขะมักเขม้น "เราพักสักหน่อยเถอะพี่สะใภ้ ข้าว่าคืนนี้เนื้อตัวของข้าต้องระบมแน่ ๆ" ร่างบางนั่งลงอย่างเหนื่อยหอบ หลังจากเพิ่งบดและตำเนื้อมันจนละเอียดไปหลายตะกร้า"เจ้านั่งพักเถอะ เจ้าไม่ค่อยได้ทำงานในแปลงนา ร่างกายรับไม่ไหวก็เป็นเรื่องปกติ งานแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก"พูดจบหยวนอีก็นำผ้าขาวบางผืนใหญ่แขวนไว้เหนืออ่างดินเผาขนาดใหญ่ นางตักเนื้อหัวมันที่บดละเอียดผสมกับน้ำแล้วใส่ลงบนผ้า จากนั้นค่อย ๆ โยกเบา ๆ ให้น้ำขาวขุ่นไหลลงไปในอ่างซือหยาเข้ามาช่วยบีบเนื้อมันช้า ๆ จากนั้นก็นำกากใยที่หมดน้ำแล้วออกมาใส่กะละมังไว้ แล้วทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมาจนเสร็จ"กากใยพวกนี้... หากตากแห้งก็เป็นอาหารเสริมชั้นดีให้สัตว์เลี้ยงได้อีกเช่นกันเจ้าค่ะ! มีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าเปลือกมันนัก! เราต้องใช้ทุกส่วนของมันให้คุ้มค่

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   ข่าวดี 1

    เช้าวันต่อมา แสงแดดยามอรุณเบาบางสาดส่องเข้ามาในลานเรือนที่ว่างเปล่า อากาศยังคงเย็นจัด เสียงกระดูกไม้ดัง 'เอี๊ยดอ๊าด' เมื่อแม่เฒ่าหานและแม่เฒ่าเสิ่นนำเด็ก ๆ และหยางเฟิงเดินออกจากเรือนไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างนัก เพื่อมุ่งหน้าไปยังแปลงนาช่วยกันไถหว่านข้าวเปลือกวันนี้ซือหยาและหยวนอีได้รับมอบหมายให้อยู่ดูแลเรือนและเริ่มต้นภารกิจที่สำคัญที่สุดคือ การแปรรูปมันสำปะหลังหยวนอีสวมผ้ากันเปื้อนเนื้อหยาบสีขาวทับชุดของนาง นางจัดเตรียมอุปกรณ์อย่างพิถีพิถันบนโต๊ะไม้เก่า ๆ ที่ตั้งอยู่ใต้ชายคา อุปกรณ์เหล่านั้นประกอบด้วยมีดเหล็กหลายเล่ม ครกหินขนาดใหญ่ และแผ่นหินหยาบ"น้องสะใภ้! หัวมันที่เอามาจากลำธารน่าจะพร้อมแล้ว น้องรองกับน้องสามไปขนมาตั้งแต่ต้นยามเหม่าแล้วกระมัง"หยวนอีกล่าวอย่างกระฉับกระเฉง แววตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ "ตามเวลาแล้วพิษน่าจะถูกชะล้างออกไปมากแล้ว วันนี้เป็นงานหนักของเราสองคนแล้วเจ้าค่ะ ขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาแถมยังลำบากกว่าขั้นตอนอื่น ๆ"ซือหยาตอบรับ นางกำลังจัดเตรียมผ้าขาวบางผืนใหญ่สำหรับใช้ในการกรอง ผ้าผืนนั้นเป็นผ้าเนื้อดีที่นางแอบเอาออกมาจากมิติ "เอาเถอ

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   นี่หรือคือแปลงนาของเรา 2

    ใช้เวลาเดินไม่นานก็มาถึงที่นาผืนใหม่ ก็พบว่า พ่อเฒ่าหาน พ่อเฒ่าเสิ่น กับอาเซียว และซือเหอกำลังช่วยกันใช้วัวไถนาอยู่ วัวตัวผู้สีน้ำตาลเข้มกำลังเดินลากไถอย่างเชื่องช้า ดินสีดำที่ถูกพลิกขึ้นมาใหม่มีกลิ่นหอมของความอุดมสมบูรณ์ ส่วนเด็ก ๆ ก็ทำแปลงผักช่วยท่านย่าท่านยายอยู่บนเดินดินข้างศาลาพัก"ท่านแม่มาแล้ว! หู้ว! นี่หรือขอรับคือหัวมันสำปะหลัง!"อันหมิงกับอี้หมิงรีบวิ่งมาหาพ่อแม่ทันทีที่เห็นว่าทุกคนเข็นรถเข็นเลี้ยวลงมาตามคันนาใหญ่ ฝุ่นดินติดเต็มเสื้อผ้าของพวกเขา แต่ใบหน้าเล็ก ๆ สองใบนั้นเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและความตื่นเต้น"แม่มาแล้วลูกรัก นี่คือหัวมันสำปะหลังที่ปอกเปลือกแล้ว ว่าแต่..พวกเจ้าทั้งสองเป็นเด็กดีหรือไม่"ซือหยาวางตะกร้าลงแล้วเดินเข้าไปหาลูกชายฝาแฝด นางยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางก้มตัวลงบีบแก้มนิ่ม ๆ ของลูกชายอย่างรักใคร่"เด็กดีขอรับ! พวกเราเป็นเด็กดีที่สุดเลยท่านแม่!" อันหมิงทำตาแป๋ว รีบตอบเสียงดังฉะฉาน "เก่งมาก ไว้เย็นนี้แม่จะทำของอร่อยให้กิน อยากกินอะไรก็บอกมาได้เลย"ซือหยากล่าวอย่างใจดี"เย้ ๆ ๆ ของอร่อยมาแล้ว!"เด็กแฝดร้องขึ้นพร้อมกันอย่างดีใจระหว่างนั้นเองเสียงน้ำลำธารไหลดัง ซู

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   นี่หรือคือแปลงนาของเรา 1

    ช่วงสายกลางยามซื่อ (ยามซื่อ 09.00-11.00 น.) แสงแดดเริ่มทอประกายเจิดจ้าเหนือหลังคาเรือน เงาของทุกคนทอดยาวเป็นรูปทรงบิดเบี้ยวบนพื้นดินเสียงหายใจหอบและเสียงรองเท้ากระทบพื้นดินดังขึ้นเมื่อ หยางเฉิง หยางเฟิง และ หยางรุ่ย แบกกระสอบหัวมันสำปะหลังขนาดมหึมา และตะกร้าสานขนาดใหญ่เดินเข้ามาในลานหน้าเรือน หัวมันที่เพิ่งขุดมายังติดดินและรากฝอยอยู่เล็กน้อย เหงื่อกาฬไหลซึมไปตามแผ่นหลังของบุรุษทั้งสาม หยวนอีและซือหยาสะพายตะกร้าตามมาติด ๆ แม้จะเหนื่อยล้าแต่ใบหน้าของพวกนางก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อวางหัวมันทั้งหมดลงกลางลานเรือน หยวนอีก็เอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น นางมองกองหัวมันที่สูงท่วมหัวอย่างไม่เข้าใจ"เราต้องทำยังไงกับมันพวกนี้ต่อล่ะน้องสะใภ้?"ซือหยาจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วเดินเข้าไปตรวจดูหัวมันกองใหญ่ ใบหน้าของนางเปื้อนรอยยิ้ม"เราต้องเร่งจัดการเสียแต่ตอนนี้เจ้าค่ะพี่สะใภ้ หัวมันสำปะหลังหากเก็บไว้นานเนื้อจะแข็งและเน่าเสียได้ง่าย"นางเริ่มต้นอธิบายขั้นตอนการแปรรูปที่ซับซ้อนอย่างละเอียดถี่ถ้วน"อันดับแรก เราต้องตัดหัวท้ายแล้วปอกเปลือกหนา ๆ ออก เปลือกมันหยาบและมีรสขมต้องปอกออกให้หมด เสร็จแล้วค่อยนำไ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status