Share

อี้หมิง อันหมิง 1

last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-20 21:21:10

สนามบินปักกิ่ง ปี ค.ศ.2025

เสียงประกาศจากเครื่องขยายในสนามบินนานาชาติของปักกิ่ง ดังแทรกผ่านคลื่นผู้คนที่เดินขวักไขว่ เสียงรองเท้าหนัง เสียงลากกระเป๋าเดินทาง เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบต่างประสานกันราวกับบทเพลงอันวุ่นวาย 

หลังม่านกระจกบานใหญ่ ฝนโปรยเม็ดแรกลงมาจากท้องฟ้าเหมือนผืนผ้าสีเทาถูกฉีกจนขาด สายฟ้าผ่าลงมาไกล ๆ เสียงก้องสะท้อนทั่วพื้นดิน

หานซือหยาหญิงสาวในชุดสูทกระโปรงเข้ารูปสีเทาเข้ม ผมยาวถูกรวบขึ้นเรียบตึงด้วยกิ๊บแบรนด์ดัง เธอเดินออกจากอาคารสนามบินอย่างมั่นคง แม้รองเท้าส้นสูงสีดำมันปลาบจะกระแทกพื้นหินอ่อนดัง...

ตึก ตึก ตึก

แต่ฝีเท้ากลับไม่สะดุดสักครา ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างพิถีพิถันเผยให้เห็นโครงหน้าเรียวสมส่วน ดวงตาคมกริบเจือแววเศร้าลึก ๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มบางเบา

เม็ดฝนที่แรกเริ่มเป็นเพียงละอองค่อย ๆ หนักขึ้น ราวกับฟ้าทั้งผืนตั้งใจเปิดฉากต้อนรับการกลับมาของเธอด้วยพายุ ซือหยาเร่งฝีเท้าผ่านชายหนุ่มหญิงสาวที่วิ่งหาที่หลบฝน กระโปรงปลิวสะบัดติดต้นขา เสื้อสูทถูกละอองฝนกระหน่ำจนเห็นรอยเปียกชื้นเป็นปื้น

รถยนต์สีดำรุ่นใหม่เอี่ยมจอดอยู่ตรงลานจอดรถด้านนอกอาคาร หยาดฝนกระแทกกระจกหน้ารถดัง เปาะแปะ เหมือนใครบางคนกำลังดีดนิ้วอย่างไม่หยุดหย่อน 

เธอไขกุญแจแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างในอย่างรีบร้อน กลิ่นหนังใหม่ของเบาะผสมเข้ากับกลิ่นฝนสดชื่นภายนอกจนเกิดเป็นกลิ่นอันเย็นเฉียบที่พาให้ใจหาย

มือเรียวของซือหยาหยิบรูปเล็ก ๆ จากกระเป๋าถือ ในนั้นเป็นภาพถ่ายครอบครัว ชายหนุ่มในชุดทหารเต็มยศ ใบหน้าคมสัน ดวงตาเข้มลึก เสิ่นหยางเฉิง สามีผู้ล่วงลับยืนเคียงข้างเธอ และระหว่างกลางคือเด็กชายฝาแฝดสองคน

เสิ่นอี้หมิงที่ทำหน้านิ่งราวกับผู้ใหญ่ตัวเล็ก กับเสิ่นอันหมิงที่ยิ้มจนเห็นลักยิ้มตื้น ๆ อย่างน่าเอ็นดู

ซือหยาก้มลงจรดริมฝีปากแตะเบา ๆ บนรูปนั้น ราวกับต้องการถ่ายทอดลมหายใจของตนให้กับเงาภาพเหล่านั้น

"แม่กลับมาแล้ว… เรากลับบ้านกันนะ อี้หมิง อันหมิง… สามี…" เสียงกระซิบของเธอสั่นเครือ แต่ยังคงอ่อนโยนและเด็ดเดี่ยว

เครื่องยนต์คำรามต่ำ ๆ เมื่อนิ้วชี้ของเธอกดปุ่มสตาร์ทรถ รถค่อย ๆ เคลื่อนออกจากลานจอด ฝนภายนอกยิ่งโหมแรง กระจกหน้ารถเต็มไปด้วยม่านฝนจนที่ปัดน้ำฝนแทบตามไม่ทัน ไฟถนนสะท้อนละอองฝนเป็นเส้นยาวพร่าเลือนเหมือนภาพสีน้ำ

ถนนใหญ่ที่ทอดยาวส่องแสงไฟเหลืองสลัว รถราในยามฝนตกดูบางตา ผู้คนหลบอยู่ในที่ปลอดภัย แต่ซือหยากลับพาตัวเองเข้าสู่ความว่างเปล่า เธอขับผ่านป้ายไฟข้างทางที่เปียกฝนจนส่องแสงระยิบระยับเหมือนหยดน้ำตา

สองมือของเธอกำพวงมาลัยแน่น แม้ปลายนิ้วจะแดงช้ำจากความเย็น ดวงตายังคงหันไปมองรูปถ่ายที่วางอยู่ตรงเบาะข้าง ๆ ราวกับกลัวว่าถ้าเธอเผลอกะพริบตา รูปนั้นจะเลือนหายไปพร้อมสายฝน

โรงงานเครื่องสำอางของเธออยู่ชานเมืองปักกิ่ง บนที่ดินกว่า 30 ไร่ที่สร้างขึ้นอย่างโอ่อ่า ทั้งออฟฟิศ โรงงาน และเพนเฮ้าส์บนตึกสูงรวมอยู่ในที่เดียวกัน 

ซือหยาเคยภาคภูมิใจกับสิ่งเหล่านั้น เพราะมันคือความสำเร็จที่เธอสร้างขึ้นจากศูนย์ แต่ในค่ำคืนนี้ ความสำเร็จใด ๆ กลับเล็กน้อยจนไม่อาจกลบเสียงหัวใจที่เต้นแรงด้วยความคิดถึง

ฝนยังคงตกแรงขึ้นจนแทบมองไม่เห็นเส้นถนน ที่ปัดน้ำฝนเสียดสีไปมาอย่างไม่หยุด เสียงดัง กรืด  กรืด คล้ายเสียงเตือนชะตากรรม

โคร้มมม!

เสียงดังลั่นขึ้นเมื่อรถอีกคันหนึ่งที่เลี้ยวเข้ามาในบริเวณเดียวกันด้วยความเร็วสูง เสียหลักพุ่งเข้ามาชนกับรถของเธอเข้าอย่างจัง! แรงกระแทกส่งให้รถของหานซือหยาหมุนเคว้งไปไกลกว่าสิบเมตร 

ร่างของเธอกระแทกเข้ากับพวงมาลัยอย่างแรงจนได้ยินเสียงกระดูกซี่โครงหักอย่างชัดเจน เลือดสีแดงสดไหลซึมจากหน้าผากลงมาอาบใบหน้าเรียวสวยของเธอ ก่อนจะหยุดนิ่งพร้อมกับร่างกายที่แทบจะขยับไม่ได้

ลมหายใจของเธอติดขัด เธอพยายามจะเอื้อมมือไปหยิบรูปที่ตกอยู่บนเบาะรถข้างคนขับแต่ก็ไม่สำเร็จ เสียงอู้อี้ดังขึ้นในลำคอ ใบหน้าของเธอซีดเผือดลงเรื่อย ๆ 

ร่างกายเริ่มชาหนาวจนไม่รับรู้ความรู้สึกใด ๆ อีกต่อไป สายตาพร่ามัวลงอย่างช้า ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงมองเห็นรูปนั้น เธอ...กำลังจะตายใช่ไหม?

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   ท่านลุงให้หลานหรือขอรับ

    บนเกวียนวัวที่หยางเฉิงเป็นคนบังคับ มีซือเหอ ซือหลิง หยวนอี อาเซียว เจาตี้ อี้หมิงและอันหมิง นั่งเบียดเสียดกันอย่างสนุกสนาน ส่วนในรถม้าที่นั่งสบายกว่า มีแม่เฒ่าหาน แม่เฒ่าเสิ่น และแม่เฒ่าฮัว นั่งอยู่พร้อมกับซือหยา"ท่านพ่อ ข้าจะซื้อของมาฝากนะเจ้าคะ" เสียงเล็ก ๆ ของเจาตี้ดังลอดออกมาระหว่างที่นางกำลังโบกมือให้หยางรุ่ยผู้เป็นบิดา ดวงตาของเด็กน้อยเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น"เด็กดี อย่าเดินห่างท่านป้าสะใภ้กับพี่ ๆ นะลูก อยากกินอะไรเจ้าก็ซื้อได้เลย"หยางรุ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าของเขาแสดงความรักใคร่ในตัวบุตรสาว"เจ้าค่ะ"เจาตี้รับคำเสียงใสหยางเฟิงกับหยางรุ่ยยืนมองเกวียนวัวกับรถม้าที่เคลื่อนตัวห่างออกไปเรื่อย ๆ พวกเขาถอนหายใจยาว หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินขึ้นเขาไปขุดหัวมันสำปะหลังต่อ ส่วนพ่อเฒ่าเสิ่นกับพ่อเฒ่าหานก็เดินไปไถนาหว่านข้าวต่อตามหน้าที่กระทั่งเกวียนวัวกับรถม้าเคลื่อนตัวมาถึงกลางตลาด ความวุ่นวายและเสียงตะโกนขายสินค้าเข้าปะทะโสตประสาททันที รถม้าและเกวียนหลายเล่มจอดเรียงราย ผู้คนสัญจรไปมาอย่างคับคั่ง ฮัวเจิ้งหรงจึงไปส่งมารดาและอาหญิงที่กลางตลาดก่อน ถนนหนทางเต็มไปด้วยร้านขาย

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   ท่านลุงให้หลานหรือขอรับ 1

    เช้ามืดวันต่อมา ยามอิ่น (03.00-05.00 น.) ท้องฟ้ายังคงเป็นสีเทาเข้ม อากาศเย็นยะเยือกจนไอน้ำค้างเกาะตามหลังคาเรือน เสียงไก่ขันดังแว่ว ๆ มาจากท้ายหมู่บ้าน แสงตะเกียงน้ำมันส่องสว่างเรืองรองออกมาจากหน้าต่างห้องครัวซือหยาและหยวนอีตื่นแต่เช้ามืด พวกนางเดินเข้ามาในลานเรือนที่เต็มไปด้วยอ่างดินเผาขนาดใหญ่ที่บรรจุน้ำแป้งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน"น้องสะใภ้! แป้งคงจะตกตะกอนดีแล้วกระมัง"หยวนอีกล่าวเบา ๆ เสียงของนางแหบพร่าเล็กน้อยเพราะความเย็น นางจุดเทียนเล็ก ๆ วางไว้ข้างอ่าง เพื่อให้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงภายในได้ชัดเจนซือหยาคุกย่อตัวลงข้างอ่าง นางใช้ปลายนิ้วเคาะขอบอ่างเบา ๆ น้ำที่อยู่ด้านบนใสจนมองเห็นเงาเลือนราง แป้งสีขาวบริสุทธิ์จมตัวอยู่ก้นอ่างอย่างหนาแน่น"ได้แล้วเจ้าค่ะพี่สะใภ้! น้ำแยกตัวออกจากเนื้อแป้งอย่างสมบูรณ์แล้ว" ซือหยาตอบด้วยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ"มา ๆ เดี๋ยวข้าจะเทน้ำออกเอง ยังมีอีกหลายอ่าง รีบทำรีบเสร็จ" พูดจบหยวนอีก็ลงมืออย่างคล่องแคล่ว"ข้าจะจัดการกับถังพวกนี้เองเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ก็จัดการทางนั้นเถอะ"ระหว่างนั้นเองหยางเฉิงกับหยางเฟิงก็รีบมาช่วยภรรยาของตนทำงาน เมื่อเทน้ำใสจนหมดแล้ว สิ่งท

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   ข่าวดี 2

    เมื่อหัวมันถูกขูดจนเป็นชิ้นเล็ก ๆ ได้ปริมาณมากพอ ซือหยาก็เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป ซือหยาเริ่มบีบน้ำออกจากเนื้อมัน จากนั้นก็นำไปตำในครกหินขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างเรือน จนกระทั่งเนื้อมันแหลกละเอียด น้ำสีขาวขุ่นเริ่มไหลซึมออกมามากขึ้น นางจึงตักส่วนที่ตำแล้วลงไปผสมน้ำในกะละมังตลอดช่วงเช้าสองสาวทำงานกันอย่างขะมักเขม้น "เราพักสักหน่อยเถอะพี่สะใภ้ ข้าว่าคืนนี้เนื้อตัวของข้าต้องระบมแน่ ๆ" ร่างบางนั่งลงอย่างเหนื่อยหอบ หลังจากเพิ่งบดและตำเนื้อมันจนละเอียดไปหลายตะกร้า"เจ้านั่งพักเถอะ เจ้าไม่ค่อยได้ทำงานในแปลงนา ร่างกายรับไม่ไหวก็เป็นเรื่องปกติ งานแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก"พูดจบหยวนอีก็นำผ้าขาวบางผืนใหญ่แขวนไว้เหนืออ่างดินเผาขนาดใหญ่ นางตักเนื้อหัวมันที่บดละเอียดผสมกับน้ำแล้วใส่ลงบนผ้า จากนั้นค่อย ๆ โยกเบา ๆ ให้น้ำขาวขุ่นไหลลงไปในอ่างซือหยาเข้ามาช่วยบีบเนื้อมันช้า ๆ จากนั้นก็นำกากใยที่หมดน้ำแล้วออกมาใส่กะละมังไว้ แล้วทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมาจนเสร็จ"กากใยพวกนี้... หากตากแห้งก็เป็นอาหารเสริมชั้นดีให้สัตว์เลี้ยงได้อีกเช่นกันเจ้าค่ะ! มีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าเปลือกมันนัก! เราต้องใช้ทุกส่วนของมันให้คุ้มค่

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   ข่าวดี 1

    เช้าวันต่อมา แสงแดดยามอรุณเบาบางสาดส่องเข้ามาในลานเรือนที่ว่างเปล่า อากาศยังคงเย็นจัด เสียงกระดูกไม้ดัง 'เอี๊ยดอ๊าด' เมื่อแม่เฒ่าหานและแม่เฒ่าเสิ่นนำเด็ก ๆ และหยางเฟิงเดินออกจากเรือนไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างนัก เพื่อมุ่งหน้าไปยังแปลงนาช่วยกันไถหว่านข้าวเปลือกวันนี้ซือหยาและหยวนอีได้รับมอบหมายให้อยู่ดูแลเรือนและเริ่มต้นภารกิจที่สำคัญที่สุดคือ การแปรรูปมันสำปะหลังหยวนอีสวมผ้ากันเปื้อนเนื้อหยาบสีขาวทับชุดของนาง นางจัดเตรียมอุปกรณ์อย่างพิถีพิถันบนโต๊ะไม้เก่า ๆ ที่ตั้งอยู่ใต้ชายคา อุปกรณ์เหล่านั้นประกอบด้วยมีดเหล็กหลายเล่ม ครกหินขนาดใหญ่ และแผ่นหินหยาบ"น้องสะใภ้! หัวมันที่เอามาจากลำธารน่าจะพร้อมแล้ว น้องรองกับน้องสามไปขนมาตั้งแต่ต้นยามเหม่าแล้วกระมัง"หยวนอีกล่าวอย่างกระฉับกระเฉง แววตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ "ตามเวลาแล้วพิษน่าจะถูกชะล้างออกไปมากแล้ว วันนี้เป็นงานหนักของเราสองคนแล้วเจ้าค่ะ ขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาแถมยังลำบากกว่าขั้นตอนอื่น ๆ"ซือหยาตอบรับ นางกำลังจัดเตรียมผ้าขาวบางผืนใหญ่สำหรับใช้ในการกรอง ผ้าผืนนั้นเป็นผ้าเนื้อดีที่นางแอบเอาออกมาจากมิติ "เอาเถอ

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   นี่หรือคือแปลงนาของเรา 2

    ใช้เวลาเดินไม่นานก็มาถึงที่นาผืนใหม่ ก็พบว่า พ่อเฒ่าหาน พ่อเฒ่าเสิ่น กับอาเซียว และซือเหอกำลังช่วยกันใช้วัวไถนาอยู่ วัวตัวผู้สีน้ำตาลเข้มกำลังเดินลากไถอย่างเชื่องช้า ดินสีดำที่ถูกพลิกขึ้นมาใหม่มีกลิ่นหอมของความอุดมสมบูรณ์ ส่วนเด็ก ๆ ก็ทำแปลงผักช่วยท่านย่าท่านยายอยู่บนเดินดินข้างศาลาพัก"ท่านแม่มาแล้ว! หู้ว! นี่หรือขอรับคือหัวมันสำปะหลัง!"อันหมิงกับอี้หมิงรีบวิ่งมาหาพ่อแม่ทันทีที่เห็นว่าทุกคนเข็นรถเข็นเลี้ยวลงมาตามคันนาใหญ่ ฝุ่นดินติดเต็มเสื้อผ้าของพวกเขา แต่ใบหน้าเล็ก ๆ สองใบนั้นเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและความตื่นเต้น"แม่มาแล้วลูกรัก นี่คือหัวมันสำปะหลังที่ปอกเปลือกแล้ว ว่าแต่..พวกเจ้าทั้งสองเป็นเด็กดีหรือไม่"ซือหยาวางตะกร้าลงแล้วเดินเข้าไปหาลูกชายฝาแฝด นางยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางก้มตัวลงบีบแก้มนิ่ม ๆ ของลูกชายอย่างรักใคร่"เด็กดีขอรับ! พวกเราเป็นเด็กดีที่สุดเลยท่านแม่!" อันหมิงทำตาแป๋ว รีบตอบเสียงดังฉะฉาน "เก่งมาก ไว้เย็นนี้แม่จะทำของอร่อยให้กิน อยากกินอะไรก็บอกมาได้เลย"ซือหยากล่าวอย่างใจดี"เย้ ๆ ๆ ของอร่อยมาแล้ว!"เด็กแฝดร้องขึ้นพร้อมกันอย่างดีใจระหว่างนั้นเองเสียงน้ำลำธารไหลดัง ซู

  • ซือหยา...ย้อนเวลามาหาดวงใจทั้งสาม   นี่หรือคือแปลงนาของเรา 1

    ช่วงสายกลางยามซื่อ (ยามซื่อ 09.00-11.00 น.) แสงแดดเริ่มทอประกายเจิดจ้าเหนือหลังคาเรือน เงาของทุกคนทอดยาวเป็นรูปทรงบิดเบี้ยวบนพื้นดินเสียงหายใจหอบและเสียงรองเท้ากระทบพื้นดินดังขึ้นเมื่อ หยางเฉิง หยางเฟิง และ หยางรุ่ย แบกกระสอบหัวมันสำปะหลังขนาดมหึมา และตะกร้าสานขนาดใหญ่เดินเข้ามาในลานหน้าเรือน หัวมันที่เพิ่งขุดมายังติดดินและรากฝอยอยู่เล็กน้อย เหงื่อกาฬไหลซึมไปตามแผ่นหลังของบุรุษทั้งสาม หยวนอีและซือหยาสะพายตะกร้าตามมาติด ๆ แม้จะเหนื่อยล้าแต่ใบหน้าของพวกนางก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อวางหัวมันทั้งหมดลงกลางลานเรือน หยวนอีก็เอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น นางมองกองหัวมันที่สูงท่วมหัวอย่างไม่เข้าใจ"เราต้องทำยังไงกับมันพวกนี้ต่อล่ะน้องสะใภ้?"ซือหยาจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วเดินเข้าไปตรวจดูหัวมันกองใหญ่ ใบหน้าของนางเปื้อนรอยยิ้ม"เราต้องเร่งจัดการเสียแต่ตอนนี้เจ้าค่ะพี่สะใภ้ หัวมันสำปะหลังหากเก็บไว้นานเนื้อจะแข็งและเน่าเสียได้ง่าย"นางเริ่มต้นอธิบายขั้นตอนการแปรรูปที่ซับซ้อนอย่างละเอียดถี่ถ้วน"อันดับแรก เราต้องตัดหัวท้ายแล้วปอกเปลือกหนา ๆ ออก เปลือกมันหยาบและมีรสขมต้องปอกออกให้หมด เสร็จแล้วค่อยนำไ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status