LOGIN“สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามเรื่องขั้นตอนการทำใบขับขี่หน่อยค่ะ” ซูเมี่ยวจินเดินเข้าไปสอบถามประชาสัมพันธ์ที่นั่งอยู่ด้านหน้า
“คุณไปติดต่อเจ้าหน้าที่ช่องหนึ่งได้เลยค่ะ อย่าลืมนำบัตรประจำตัวส่งให้เจ้าหน้าที่ด้วยนะคะ เขาจะได้เตรียมเอกสารการสอบให้พวกคุณ” เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์บอก
“ขอบคุณมากค่ะ” ซูเมี่ยวจินที่ยังไม่ปล่อยมือสามี เธอพาเขาไปยังช่องหนึ่งที่มีป้ายเขียนเอาไว้แล้วนำบัตรประจำตัวของเธอกับฉางเล่ยส่งให้เจ้าหน้าที่
“พวกคุณมาจากหน่วยงานไหนครับ” เจ้าหน้าที่ดูบัตรประจำตัวแล้วสอบถามเพื่อใส่ข้อมูลลงในเอกสารการทำใบขับขี่
“พวกเราไม่ได้ทำงานในหน่วยงานค่ะ แต่เปิดร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าตรงข้ามโรงงานจึงต้องใช้รถยนต์ในการไปซื้อสินค้ากลับมาขายที่ร้านค่ะ” ซูเมี่ยวจินบอกตามตรง
“อ้อ! ถ้าอย่างนั้นพวกคุณรอกันสักครู่นะครับ ระหว่างที่ผมกำลังลงทะเบียนให้ พวกคุณไปอ่านป้ายด้านโน้นได้เลยนะครับ ข้อสอบจะออกตามรายละเอียดในป้ายพวกนั้นทั้งหมด พวกคุณต้องทำคะแนนมากกว่า 80% ถึงจะสอบข้อเขียนผ่านครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ พวกเราจะตั้งใจอ่านให้ดี” ซูเมี่ยวจินตอบแล้วจูงมือฉางเล่ยไปที่ป้ายประกาศซึ่งเจ้าหน้าที่ชี้นิ้วบอกก่อนหน้านี้
ฉางเล่ยที่ยังถูกภรรยาจับมืออยู่ก็ยืนอ่านป้ายอย่างตั้งใจ เขารู้ดีว่าการสอบครั้งนี้สำคัญมากแค่ไหน หากว่าเขาสอบไม่ผ่าน ภรรยาเขาจะต้องคอยขับรถให้เขานั่งอยู่ตลอดเวลา ฉางเล่ยมีหรือจะอยากให้ซูเมี่ยวจินต้องลำบาก
ซูเมี่ยวจินมองป้ายคร่าว ๆ ก็พบว่ารายละเอียดต่าง ๆ ยังคงเหมือนการสอบใบขับขี่ในยุคที่เธอจากมา ซูเมี่ยวจินหันไปบอกให้ฉางเล่ยตั้งใจอ่านและหากสงสัยอะไรให้ถามเธอ เพื่อที่เธอจะได้อธิบายให้เขาฟัง
“ขอบคุณมากครับภรรยา ผมจะตั้งใจอ่านให้ละเอียด คุณไม่ต้องห่วง”
“ตกลงค่ะ ฉันเชื่อใจคุณว่าจะต้องสอบผ่านได้แน่ค่ะ” ซูเมี่ยวจินเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองจับมือสามีอยู่นานสองนานก็ปล่อยมือออกอย่างขัดเขิน
ฉางเล่ยอมยิ้มกับความน่ารักของภรรยาหน้าดุของเขา เขาเข้าใจดีว่าเธอคงเขินมากแน่ที่จับมือเขาโดยไม่รู้ตัว
20 นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่เรียกซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยเพื่อเข้าไปในห้องสอบที่เขาเตรียมเอกสารการสอบเอาไว้ให้ทั้งคู่แล้ว
“พวกคุณมีเวลาสอบหนึ่งชั่วโมง ข้อสอบมีทั้งหมด 50 ข้อ ข้อสอบทั้งสองชุดไม่เหมือนกัน ถ้าพวกคุณสอบผ่านข้อเขียนแล้วจึงจะสามารถไปสอบขับรถต่อได้”
เจ้าหน้าที่อธิบายให้พวกเขาฟังหลังจากทั้งสองนั่งประจำโต๊ะของตัวเองเพื่อทำข้อสอบ
“พวกเราเข้าใจแล้วค่ะ/ครับ” ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยบอกพร้อมกัน
“เริ่มทำข้อสอบได้เลยครับ” เจ้าหน้าเริ่มจับเวลาและไปนั่งที่โต๊ะด้านหน้าห้องสอบ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เจ้าหน้าที่บอกให้ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยหยุดมือ เขาเดินเข้าไปเก็บข้อสอบทั้งสองชุดและบอกพวกเขาไปนั่งรอด้านนอกก่อน
ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยพยักหน้ารับคำและออกไปนั่งรอตามที่เจ้าหน้าที่บอกอย่างไม่ได้คิดมากอะไร
“สามี คุณทำข้อสอบเป็นยังไงบ้างคะ” ซูเมี่ยวจินถามอย่างเป็นห่วง
“ผมคิดว่าน่าจะสอบผ่านนะครับ ดีที่ได้อ่านป้ายก่อนเข้าห้องสอบ”
ซูเมี่ยวจินพยักหน้าอย่างพอใจ เธอกลัวว่าฉางเล่ยจะไม่เข้าใจสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในป้าย ดีที่ป้ายพวกนั้นมีรายละเอียดบอก จึงทำให้ฉางเล่ยมั่นใจแบบนี้
25 นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่เรียกพวกเขาอีกครั้ง ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยจึงลุกขึ้นไปยังช่องหมายเลขหนึ่งซึ่งเจ้าหน้าที่นั่งรออยู่
“พวกคุณสอบผ่านทั้งสองคนครับ รบกวนคุณขับรถไปที่ด้านหลังอาคารเพื่อสอบขับรถต่อด้วยนะครับ” เจ้าหน้าที่บอก
“ได้ค่ะ สามี คุณไปกับเจ้าหน้าที่นะคะ ฉันจะไปเอารถมาเอง” ซูเมี่ยวจินหันไปบอก
“ตกลงครับ ผมจะดูคุณสอบก่อนแล้วค่อยสอบทีหลัง” ฉางเล่ยยิ้มตอบภรรยา เขาไม่รู้ว่าการสอบขับรถจะต้องทำอะไรบ้าง ถ้าภรรยาเขาสอบเป็นตัวอย่างก่อน เขามั่นใจว่าตัวเองจะสามารถสอบผ่านได้เช่นกัน
เจ้าหน้าที่ได้ยินที่ทั้งสองคุยกัน เขาอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ที่เห็นคนเป็นสามีเชื่อฟังภรรยาหน้าตาสวยดุคนนี้ เมื่อเห็นซูเมี่ยวจินเดินออกไปแล้ว เจ้าหน้าที่จึงถือเอกสารการให้คะแนนและเชิญฉางเล่ยไปยังสนามสอบด้านหลังอาคารด้วยกัน
ซูเมี่ยวจินขับรถมาที่ลานด้านหลังในเวลาไม่นาน เจ้าหน้าที่อธิบายวิธีการสอบขับรถให้ทั้งสองคนฟังอย่างละเอียด
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ให้เริ่มสอบได้เลยไหมคะ” ซูเมี่ยวจินที่นั่งอยู่ที่นั่งคนขับถาม
“เริ่มได้เลยครับ ผมจะคอยตามให้คะแนนจนถึงตอนที่คุณถอยรถเข้าซองเอง”
ซูเมี่ยวจินพยักหน้าตอบรับและเริ่มเคลื่อนรถออกไปตามเส้นทางที่เจ้าหน้าที่บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้อย่างช้า ๆ เธอรู้ดีว่าไม่จำเป็นต้องขับเร็วในเมื่อสนามสอบนั้นมีขนาดเล็กกว่าถนนจริงและมีพื้นที่แคบ เธอเพียงแค่ต้องขับตามสัญลักษณ์ป้ายต่าง ๆ อย่างเคร่งครัดเพื่อผ่านการสอบเท่านั้น
ฉางเล่ยมองดูวิธีการขับของภรรยาอย่างตั้งใจ เขาเองก็เดินตามเจ้าหน้าที่ไปติด ๆ เช่นเดียวกัน จนกระทั่งซูเมี่ยวจินขับรถถอยหลังเข้าซองเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็เดินเข้าไปบอกผลการสอบให้เธอฟังทันที
“คุณสอบผ่านแล้วครับ ต่อไปเชิญคุณฉางเล่ยขับรถไปที่จุดเริ่มต้นและเริ่มสอบได้เลยนะครับ” เจ้าหน้าที่หันไปบอกฉางเล่ย
“ได้ครับ ภรรยารอผมกับเจ้าหน้าที่สักครู่นะครับ” ฉางเล่ยบอกซูเมี่ยวจินระหว่างที่พวกเขากำลังเปลี่ยนกันขึ้นลงรถ
“คุณขับช้า ๆ นะคะ แค่ขับตามสัญลักษณ์พวกนั้นก็ผ่านแล้ว” ซูเมี่ยวจินบอกสามีเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะขับรถออกจากซองไปยังจุดเริ่มต้น
“ตกลงครับ คุณไม่ต้องเป็นห่วง” ฉางเล่ยยิ้มตอบคำภรรยา
เจ้าหน้าที่เดินไปยังจุดเริ่มต้นการสอบในเวลาไม่นาน ซูเมี่ยวจินเดินตามหลังไปไม่ห่างเช่นเดียวกัน เธออยากให้กำลังใจฉางเล่ยในการสอบครั้งนี้ หากว่าเขาสอบผ่านได้ในครั้งเดียวก็นับว่าวันนี้พวกเธอไม่ได้มาเสียเที่ยวแล้ว
ฉางเล่ยเริ่มขับรถจากจุดเริ่มต้นตามที่ซูเมี่ยวจินขับก่อนหน้านี้ เขาทำตามป้ายสัญลักษณ์ต่าง ๆ อย่างเคร่งครัดไม่ต่างจากที่ภรรยาขับให้ดู จนกระทั่งฉางเล่ยขับไปยังจุดสุดท้ายเพื่อถอยรถเข้าซองแคบ ๆ เขาระมัดระวังเป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าจะทำผิดพลาดจนสอบไม่ผ่าน
“คุณฉางเล่ยสอบผ่านเช่นกันครับ พวกคุณนั่งรอผมเรียกไปถ่ายรูปติดบัตรสักครู่นะครับ ผมจะทำเอกสารสรุปคะแนนให้เรียบร้อยก่อน” เจ้าหน้าที่บอกทั้งคู่
“ได้ค่ะ ฉันกับสามีจะเอารถไปจอดไว้ก่อนแล้วจะตามเข้าไปนะคะ” ซูเมี่ยวจินตอบ
“ไม่มีปัญหาครับ” เจ้าหน้าที่พยักหน้ารับคำแล้วเดินกลับเข้าไปในอาคาร
ซูเมี่ยวจินเดินไปนั่งข้างคนขับและบอกให้ฉางเล่ยขับรถไปจอดในที่จอดรถหน้าสำนักงานขนส่ง ระหว่างทางเธอยังเอ่ยชมเขาไม่ขาดปาก ซูเมี่ยวจินไม่คิดว่าฉางเล่ยจะฉลาดมากขนาดนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะเรียนจบแค่ ป.6 ก็ตามที น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เรียนต่อ เธอคิดว่าถ้าเขาได้เรียนต่อจะต้องเก่งมากแน่ ๆ
เจ้าหน้าที่สรุปคะแนนให้ทั้งสองคนไม่นานนัก เมื่อเห็นสองสามีภรรยาเดินเข้ามาในสำนักงานอีกครั้ง เขาจึงเรียกทั้งสองมาถ่ายรูปทีละคนเพื่อติดใบขับขี่ หลังจากถ่ายรูปเสร็จ เจ้าหน้าที่บอกให้พวกเขารอรับใบขับขี่และชำระค่าบริการ
15 นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่ก็เรียกให้พวกเขาไปรับใบขับขี่และจ่ายค่าบริการคนละ 20 หยวน ใบขับขี่ของพวกเขาสามารถใช้ได้ 5 ปี จึงจะต่อใบขับขี่ได้อีกครั้ง
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยทำใบขับขี่ให้พวกเรา นี่เงิน 40 หยวนค่ะ” ซูเมี่ยวจินรับใบขับขี่ทั้งสองใบมาหลังจากจ่ายเงิน
“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ ขอให้พวกคุณขับขี่ตามกฎเพื่อหลีกเลี่ยงการทำผิดกฎหมายจราจรด้วยนะครับ” เจ้าหน้าที่เตือนด้วยความหวังดี
“พวกเราเข้าใจแล้วค่ะ/ครับ” ทั้งสองรับคำและขอตัวลาทันที ตอนนี้เลยเที่ยงมาสิบนาทีแล้ว พวกเขาอยากรีบกลับบ้านเพื่อไปช่วยพ่อแม่ดูแลร้านสักหน่อย
ฉางเล่ยพาซูเมี่ยวจินกลับมาถึงร้านในเวลาไม่นาน พ่อกับแม่ที่อยู่หน้าร้านได้ยินเสียงรถลูก ๆ มาถึงก็พากันเดินไปหาที่หลังร้าน ดีที่ตอนนี้ไม่มีลูกค้า พวกเขาจึงเข้าไปสอบถามเรื่องการสอบใบขับขี่พร้อมรอยยิ้ม“ไปสอบมาเป็นยังไงกันบ้างลูก” หลิวเอ้อหลิงถาม“พวกเราได้ใบขับขี่มาแล้วค่ะแม่ พ่อกับแม่กินข้าวเที่ยงหรือยังคะ” ซูเมี่ยวจินตอบ“กินแล้วจ๊ะ พวกลูกกินข้าวกันเถอะ พ่อกับแม่จะไปเฝ้าหน้าร้านต่อ”“ใช่ ๆ รีบกินข้าวก่อนเถอะลูก เหนื่อยกันมาทั้งเช้าแล้ว” ฉางชิงหยูกล่าวเสริม“ได้ค่ะ/ครับ” ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยรับคำพร้อมกันฉางชิงหยูชวนภรรยากลับไปดูแลหน้าร้านต่อ ส่วนฉางเล่ยก็ตักอาหารใส่จานให้ซูเมี่ยวจินเหมือนกับทุกวัน“สามี ฉันอยากไปเมืองชายแดนเพื่อพนันหินค่ะ” ซูเมี่ยวจินที่รำคาญการรบเร้าของระบบเอ่ยบอกฉางเล่ย
“สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามเรื่องขั้นตอนการทำใบขับขี่หน่อยค่ะ” ซูเมี่ยวจินเดินเข้าไปสอบถามประชาสัมพันธ์ที่นั่งอยู่ด้านหน้า“คุณไปติดต่อเจ้าหน้าที่ช่องหนึ่งได้เลยค่ะ อย่าลืมนำบัตรประจำตัวส่งให้เจ้าหน้าที่ด้วยนะคะ เขาจะได้เตรียมเอกสารการสอบให้พวกคุณ” เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์บอก“ขอบคุณมากค่ะ” ซูเมี่ยวจินที่ยังไม่ปล่อยมือสามี เธอพาเขาไปยังช่องหนึ่งที่มีป้ายเขียนเอาไว้แล้วนำบัตรประจำตัวของเธอกับฉางเล่ยส่งให้เจ้าหน้าที่“พวกคุณมาจากหน่วยงานไหนครับ” เจ้าหน้าที่ดูบัตรประจำตัวแล้วสอบถามเพื่อใส่ข้อมูลลงในเอกสารการทำใบขับขี่“พวกเราไม่ได้ทำงานในหน่วยงานค่ะ แต่เปิดร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าตรงข้ามโรงงานจึงต้องใช้รถยนต์ในการไปซื้อสินค้ากลับมาขายที่ร้านค่ะ” ซูเมี่ยวจินบอกตามตรง“อ้อ! ถ้าอย่างนั้นพวกคุณรอกันสักครู่นะครับ ระหว่างที่ผมกำลังลงทะเบียนให้ พวกคุณไปอ่านป้ายด้านโน้นได้เลยนะครับ
ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินช่วยกันยกของลงจากท้ายรถยนต์เข้าไปในร้าน พวกเขายังต้องติดชื่อเจ้าของสินค้าแต่ละอย่างเพื่อไม่ให้สับสนเวลาที่ลูกค้ามารับของและจ่ายเงินส่วนที่เหลือด้วย ทั้งสองจึงเร่งขนของลงให้หมดซูเมี่ยวจินส่งถุงนาฬิกาให้แม่สามีนำไปวางบนชั้นวางเพิ่ม เธอบอกราคาต้นทุนให้หลิวเอ้อหลิงแล้วและราคาขายยังคงขายที่ราคา 60 หยวนเท่าเดิม“ขอบใจมากนะลูก แม่จะรีบเอาใส่ตู้ไว้แล้วจะไปช่วยเตรียมของให้ลูกค้ากับลูกนะ”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ แม่ดูร้านเถอะค่ะ อีกสักครู่เด็ก ๆ คงเลิกเรียนแล้ว หนูมีฉางเล่ยคอยช่วยอยู่ค่ะ” ซูเมี่ยวจินบอกแม่สามี“ตกลงจ๊ะ แม่จะไปดูหน้าร้านก็แล้วกัน” หลิวเอ้อหลิงบอกลูกสะใภ้แล้วเดินไปที่ตู้ขายนาฬิกาด้านหน้าร้านซูเมี่ยวจินพยักหน้ารับคำแม่สามี เธอกับฉางเล่ยวางของที่เหลือจากลูกค้าสั่งบนชั้นวางอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงพากันมานั่งแยกของและเขียนชื่อลูกค้าติดไว้กับถุงใส่สินค้าที่จะมอบให้ลูกค้าแต่ละ
เมื่อพวกเขาไปถึงตลาดค้าส่ง ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยก็ตรงไปที่ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและซื้อของตามที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว ฉางเล่ยพาคนของร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเอาของไปเก็บที่รถก่อน ส่วนซูเมี่ยวจินตรงไปที่ร้านขายนาฬิกาเพื่อซื้อของไปเพิ่มให้แม่ฉางฉางเล่ยหลังจากดูคนของร้านเครื่องใช้ไฟฟ้านำสิ่งของขึ้นรถหมดแล้ว เขาก็เดินไปหาซูเมี่ยวจินที่ร้านนาฬิกาตามที่เธอบอกเอาไว้ พอดีกับที่ซูเมี่ยวจินกำลังจ่ายเงินค่านาฬิกาอยู่พอดี ฉางเล่ยจึงรับถุงสินค้าทั้งหมดมาถือไว้เอง“เราไปกินข้าวกันก่อนดีกว่าค่ะ จะได้ไปที่ที่ว่าการเพื่อทำใบขับขี่ต่อ” ซูเมี่ยวจินบอกฉางเล่ยระหว่างที่พวกเขากำลังจะออกจากร้านนาฬิกา“ตกลงครับ เอาตามที่คุณว่าก็ได้” ฉางเล่ยไม่เคยปฏิเสธเรื่องที่ซูเมี่ยวจินต้องการทำทั้งคู่ไปที่ร้านบะหมี่ไม่ไกลนักเพื่อความรวดเร็ว เมื่อเช้าพวกเขากินข้าวกันมาแล้วทำให้ไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่“ภรรยา คุณคิดว่าการสอบใบขับขี
ห้าโมงสิบนาที คนเริ่มเข้าร้านเยอะขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนสนใจวิทยุกับพัดลมของร้านที่ราคาไม่แพงอย่างที่พวกเขากังวล ฉางเล่ยที่หาสัญญาณช่องละครเจอแล้วจึงปลีกตัวมาช่วยซูเมี่ยวจินขายของและนำสินค้าใส่กล่องให้ลูกค้าที่ซื้อแล้วลูกค้าหลายคนมานั่งดูละครพร้อมกับพ่อฉางที่นำเก้าอี้มาวางเอาไว้ให้ลูกค้าใกล้ ๆ กับหน้าโต๊ะทีวี ฉางชิงหยูยังชวนหนุ่มสาวโรงงานพูดคุยไปด้วยอย่างไม่ถือตัว ทำให้หลายคนกล้าที่จะนั่งดูละครสนุก ๆ ที่พวกเขาไม่เคยดูมาก่อนลูกค้าที่ซื้อวิทยุไม่สนใจจะนั่งดูละครกับคนอื่น ๆ พวกเขารีบกลับบ้านไปเปิดวิทยุของตัวเองฟังแทนจะสะดวกกว่า ไม่นานนัก พัดลมและวิทยุก็ขายหมด ทำให้ลูกค้าหลายคนต้องสั่งจองและวางมัดจำสั่งสินค้าเอาไว้ก่อน ส่วนทีวีใช่ว่าจะไม่มีคนสนใจ เพียงแต่ราคาของมันสูงเกินไป คนส่วนใหญ่จึงสั่งจองวิทยุแทนซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยช่วยกันทำงาน โดยซูเมี่ยวจินจดชื่อและเงินมัดจำที่ลูกค้าจ่ายไว้ ส่วนฉางเล่ยก็เก็บเงินมัดจำให้ภรรยา กว่าทั้งสองคนจะรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าเสร็จ ฟ้าก็มืดลงพร้อมกับที่ละครจ
ฉางเล่ยกับพ่อที่ยกตู้เย็นไปไว้ในครัว พวกเขาลองเสียบปลั๊กดูก็พบว่าตู้เย็นนี้ดีจริง ๆ ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่มีบ่อน้ำแช่อาหารเหมือนบ้านเก่า แต่พอมีตู้เย็นเครื่องนี้แล้ว การเก็บอาหารสดก็ไม่มีปัญหาอีกต่อไป“ลูกสะใภ้ดีกับบ้านเราจริง ๆ นะอาเล่ย ต่อไปแกต้องดูแลเธอให้ดี ๆ ล่ะ” พ่อฉางบอกลูกชาย เขากลัวว่าฉางเล่ยจะไม่รู้วิธีดูแลภรรยา“ผมทราบครับพ่อ เธอดีกับพวกเรามาก ผมจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจแน่ครับ” ฉางเล่ยรับปากพ่อของเขาอย่างหนักแน่น“ลูกคิดได้ก็ดีแล้ว ไปดูทีวีที่เมี่ยวจินซื้อมากันเถอะ พ่อไม่รู้ว่าจะยกไปไว้ที่ไหน”“ผมว่าเราไปถามเมี่ยวจินก่อนดีกว่าไหมครับพ่อ เผื่อว่าเราต้องทำโต๊ะวางขึ้นมาสักตัวหนึ่งจะได้รีบทำกัน ไม้ยังเหลืออีกมาก” ฉางเล่ยบอก“ก็ดีเหมือนกันนะ ไปกันเถอะ” ฉางชิงหยูพยักหน้ารับคำลูกชายสองพ่อลูกออกจากห้องครัวพร้อมกันเพื่อสอบถามซูเมี่ยวจินซึ่






