LOGIN“อย่ามัวแต่คุยกันอยู่เลย ช่วยกันยกของเข้าไปไว้ในร้านก่อน จะได้กลับบ้าน” หลิวเอ้อหลิงบอกสองพ่อลูกที่คุยกันอย่างสนุกสนาน
“ค่ะแม่ หนูไปช่วยยกกระถางต้นไม้นะคะ” ฉางเซียงจูบอกแล้วเดินไปที่หลังรถ
20 นาทีต่อมา ของบนหลังรถก็ถูกนำไปเก็บเอาไว้ในร้าน นาฬิกาทั้งหมดที่ซื้อมานั้น ซูเมี่ยวจินเก็บไว้ในห้องนอนใหญ่เพื่อความปลอดภัย เธอให้ฉางเล่ยล็อกห้องเอาไว้ให้ดี จากนั้นทุกคนจึงกลับไปที่หมู่บ้าน โดยมีฉางเล่ยเป็นคนขับ เขาเห็นว่าซูเมี่ยวจินขับรถมาทั้งวันแล้วจึงกลัวเธอจะเหนื่อย
เมื่อกลับถึงบ้าน หลิวเอ้อหลิงทำเพียงอุ่นอาหารที่เหลือตอนเช้าให้ทุกคนกินเป็นมื้อค่ำเท่านั้น เพราะยังมีอาหารเหลืออยู่อีกมาก
“พ่อแม่ พรุ่งนี้เราทยอยขนของไปที่ร้านกันดีไหมคะ พ่อแม่กับน้องจะได้ค้างที่ร้านกันก่อน หนูกับฉางเล่ยจะกลับมานอนที่หมู่บ้านและขนของไปให้อีกที” ซูเมี่ยวจินเอ่ยขึ้นระหว่างที่กำลังกินอาหาร
“อืม… จริงด้วยสินะ ตอน
หลังจากหลายปีผ่านมา ตระกูลต้วนที่ไม่มีต้วนมู่ชิงนั้นแทบจะไม่สามารถก้าวหน้าขึ้นมาอยู่ในกลุ่มยี่สิบตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงได้เลย พวกเขาได้แต่หลบซ่อนตัวเพื่อรอคอยต้วนมู่ชิงที่ถูกจับเมื่อปีนั้น จากเหตุการณ์ยิงต่อสู้กับซูเมี่ยวจินจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดธุรกิจของตระกูลต้วนจากที่เคยมีทั้งบนดินและใต้ดินก็กลายเป็นมีใต้ดินอย่างเดียวแล้ว เพราะพวกเขาไม่สามารถแข่งขันกับตระกูลอื่น ๆ ได้ พวกเขาทำได้แค่ประคองธุรกิจสีเทาให้คงอยู่เท่านั้นขบวนรถหรูพร้อมกำลังคนกว่าสามสิบคนมาที่หน้าเรือนจำอย่างเอิกเกริก เมื่อต้วนมู่ชิงเดินออกมาพร้อมกระเป๋าใบหนึ่ง เสียงแสดงความเคารพก็ดังกังวานไปทั่วบริเวณทันที“ยินดีต้อนรับนายท่านกลับบ้านครับ” ลิ่วล้อทั้งหลายที่มาเสนอหน้าวันนี้ตะโกนกันอย่างไม่กลัวเกรงว่าเจ้าหน้าที่จะจับพวกเขาไปขัง“อืม… กลับไปคุยกันก่อน” ต้วนมู่ชิงโยนกระเป๋าให้หนึ่งในคนที่มารับเขา“เชิญนายท่านขึ้นรถครับ” ลู
งานเลี้ยงปีใหม่ที่ตระกูลฉางจัดในปีนี้สร้างความแปลกใหม่ให้กับทั้งสี่ตระกูลเป็นอย่างมาก รูปแบบงานจัดออกมาได้อย่างลงตัว อีกทั้งเด็ก ๆ ที่มาร่วมงานต่างได้เล่นเครื่องเล่นในสนามเด็กเล่นของตระกูลฉางอย่างสนุกสนานด้วย“คุณฉาง ได้ข่าวว่าลูกชายคุณไปเรียนต่อต่างประเทศเหรอครับ ไม่ทราบที่นั่นการเรียนการสอนเป็นอย่างไรบ้างครับ” โจวหนานเซิงสนใจที่จะให้ลูกหลานไปเรียนจึงได้ลองถามกับฉางเล่ยขณะที่พวกเขายืนคุยกันอยู่ในสวน“เต๋อเป่าบอกว่าที่นั่นเรียนหนักกว่าที่นี่ครับ และส่วนใหญ่การสอนจะเป็นแบบเจาะลึก เน้นความเข้าใจมากกว่าการท่องจำครับ” ฉางเล่ยบอกเท่าที่ลูกชายส่งอีเมล์มาเล่าให้เขากับภรรยาฟัง“อ่า… แบบนี้ถ้าจะส่งลูกหลานไปเรียนก็คงต้องเตรียมตัวให้ดีสินะครับ” ชุ่ยถงพูด“คงต้องอย่างนั้นครับ เรื่องภาษาก็สำคัญเช่นกัน ถ้าอยากไปจริง ๆ ก็ให้เต๋อเป่าช่วยติดต่อหาที่เรียนให้ก็ได้นะครับ ยังไงเขาก็อยู่ที่นั่นอยู่แล้ว” ฉางเล่ยยิ้มบอก
สามวันต่อมาซูเมี่ยวจิน ฉางเล่ยและลูกพี่ลูกน้องทั้งสี่คนเดินทางไปขึ้นเครื่องพร้อมกับบอดี้การ์ดติดตามอีกแปดคน เครื่องบินส่วนตัวของซูเมี่ยวจินมีขนาดใหญ่และจุคนได้มากถึงห้าสิบคนเลยทีเดียว นับว่าไม่เลวสำหรับเครื่องบินส่วนตัวในยุคสมัยนี้กัปตันและพนักงานต่างเตรียมพร้อมต้อนรับเจ้านายของพวกเขาที่โรงจอดเครื่องบินแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นรถยนต์หรูหลายคันแล่นเข้ามาจอดภายใน พวกเขาต่างก็ค้อมกายคำนับอย่างมีมารยาท“พวกคุณตามสบายเถอะ ตรวจสอบเครื่องก่อนขึ้นบินแล้วใช่ไหมคะ” ซูเมี่ยวจินถามเมื่อเดินไปถึงที่ที่พวกเขาเข้าแถวรออยู่“ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับ เครื่องพร้อมขึ้นบินในสิบห้านาทีครับ” กัปตันตอบ“ดี ฉันซูเมี่ยวจิน เป็นเจ้าของเครื่องบินลำนี้ หวังว่าทุกคนจะทำงานให้ดี รับรองว่าฉันจะตอบแทนพวกคุณสำหรับการทำงานอย่างแน่นอน” ซูเมี่ยวจินบอก“ไม่ทราบว่านายหญิงมีสัมภาระ
มิถุนายน 1989วันนี้มีเรื่องใหญ่ระดับประเทศเกิดขึ้น เมื่อรัฐบาลปราบปรามการชุมนุมของประชาชนที่จตุรัสเทียนอันเหมิน ทำให้ถูกคว่ำบาตรจากต่างประเทศและส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าทันทีบรรดาผู้จัดการของบริษัทตระกูลฉางต้องเร่งหาทางแก้ไขเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทขาดทุนมากเกินไป โดยพวกเขาเลือกเปิดตลาดในประเทศที่เป็นมิตรแทนการส่งออกสินค้าไปยังประเทศที่มีข้อพิพาท กว่าเรื่องทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง พวกเขาต้องใช้เวลากว่าสองเดือนในการแก้ไขปัญหาซูเมี่ยวจินจำได้ถึงเรื่องนี้ เพียงแต่เธอไม่สามารถบอกใครได้ ทำให้บริษัทของเธอต้องเกิดผลกระทบไม่น้อย ตอนนี้เธอจึงทำได้แค่ประคับประคองและช่วยติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อส่งออกสินค้าเท่านั้น“ภรรยา ผมคิดว่าอีกสามเดือนข้างหน้า บริษัทเราถึงจะเริ่มมีกำไรจากการเปิดตลาดใหม่นะครับ ปีนี้เราจะมีโบนัสให้ทุกคนหรือเปล่าครับ” ฉางเล่ยถามอย่างกังวล เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงจนส่งผลถึงการส่งออกสินค้า
ฉางเต๋อเป่าที่วางสายจากครอบครัวแล้ว เขาหันไปชวนน้องชายนั่ง ก่อนจะเล่าให้ฟังว่าทุกคนที่บ้านพูดว่าอะไร“พี่ครับ พี่แน่ใจนะว่าจะซื้อบ้านมาปล่อยเช่าตามที่พ่อบอก” ฉางเต๋อชิงถามอย่างสงสัย เขาไม่มีหัวทางธุรกิจเหมือนพี่ชาย แต่ชอบเรื่องการแพทย์มากกว่า“อืม… เริ่มต้นตอนนี้ก็ไม่เลว รอให้พี่ปาไจ๋กับไคหลงกลับมาก่อน เราค่อยไปดูบ้านที่พวกเขาติดต่อนายหน้าไปวันหลังนะ พี่จะพาน้องไปด้วย” ฉางเต๋อเป่าอยากสอนน้องชายเกี่ยวกับธุรกิจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พ่ออยากให้ทำสักหน่อย“ได้ครับพี่ สอนผมด้วยนะครับ” ฉางเต๋อชิงยิ้มแป้นบอกสองนายน้อยนั่งคุยกันต่ออีกพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ช่วงนี้พวกเขากำลังอ่านทบทวนหนังสือที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ต่อ เพื่อที่หากเข้าเรียนแล้วจะได้ไม่ลำบากมากนักช่วงเย็นวันต่อมา ฟงหย่วนมาพร้อมเอกสารการซื้อขายบ้านปึกใหญ่สำหรับฉางเล่ย และเอกสารการซื้อบ้านของเขาเอง มามอบ
ยี่สิบนาทีหลังจากฉางเล่ยอ่านรายละเอียดบ้านแบบต่าง ๆ จบ เขาก็หันไปหาซูเมี่ยวจินเพื่อบอกความต้องการเรื่องบ้านที่จะปล่อยเช่า“ภรรยา ผมเลือกบ้านเนื้อที่ 70-100 ตร.ม. อย่างละ 5 หลังได้ไหมครับ” ฉางเล่ยเห็นว่าในเอกสารมีบ้านแบบนี้อยู่เป็นจำนวนมาก แต่เขาอยากเลือกแค่สิบหลังเท่านั้น“ไม่มีปัญหาค่ะ คุณฟงช่วยคิดราคาให้สามีฉันหน่อยนะคะ อีกสักครู่เราจะได้ไปที่ธนาคารเพื่อโอนเงินกัน” ซูเมี่ยวจินหันไปบอกฟงหย่วนหลังคุยกับฉางเล่ย“สักครู่นะครับนายหญิง ไม่ทราบเจ้านายอยากได้หลังไหนบ้างครับ” ฟงหย่วนลุกขึ้นเดินไปข้างกายฉางเล่ยเพื่อดูว่าเขาเลือกบ้านหลังไหนฉางเล่ยชี้บอกบ้านที่เขาดูเมื่อสักครู่ บ้านเหล่านี้เป็นคอนโดทั้งหมด แต่อยู่คนละโครงการเท่านั้น มีบางหลังที่อยู่ในโครงการเดียวกัน ราคาของแต่ละหลังก็ต่างกันอยู่พอสมควรเลยทีเดียวฟงหย่วนกาเครื่องหมายบ้านหลังที่ฉางเล่ยเลือกเอาไว้ จากนั้นเขาจึงนำเอกสารไปนั่งที่เดิมและเ







