LOGINฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินไปถึงบ้านเก่าในเวลาเพียงสิบนาที ตอนนี้บ้านอื่นยังไม่มีใครตื่นขึ้นมาเลย ทำให้พวกเขารีบนำรถเข้าไปจอดในบ้านและสะพายตะกร้าเดินขึ้นเขาไปในทันที โดยมีฉางเล่ยคอยส่องไฟฉายให้กับซูเมี่ยวจินที่เดินข้างกัน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองที่เร่งรีบขึ้นเขาก็ไปถึงทางเข้าป่างูพิษ ตอนนี้ฟ้ายังไม่สว่าง ฉางเล่ยจึงบอกให้ภรรยาอย่าเดินห่างจากเขา เพราะกลัวว่างูพิษจะพุ่งเข้ามาทำร้ายเธออย่างไม่คาดคิด
“ฉันรู้แล้วค่ะ คุณก็ระวังตัวด้วย ฉันมีหน้าไม้อยู่ คุณอย่ากังวลเลย” ซูเมี่ยวจินเองก็เป็นห่วงฉางเล่ยที่มือหนึ่งถือไฟฉาย อีกมือถือมีดเพื่อเอาไว้จัดการเหล่างูพิษในป่า
“ตกลงครับ ผมจะระวัง” ฉางเล่ยรับคำภรรยาและค่อย ๆ เดินเข้าไปอย่างไม่เร่งรีบ เขารู้ดีว่าป่านี้อันตรายมากแค่ไหน
ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยฆ่างูไปจำนวนมากไม่ต่างจากครั้งแรกที่มา ยิ่งตอนที่ฟ้ายังไม่สว่างด้วยแล้ว เหล่างูพิษกลับมีจำนวนมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว ยังดีที่ทั้งสองคนมีสัญชาตญาณในการต่อสู้ดีเยี่ยม พวกเขาจึงยังปลอดภัยจากการลอบทำร้ายของงูพิษในป่าเหล่านั้น
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก็มาถึงตอไม้ครั้งก่อนที่เก็บเห็ดได้ ซูเมี่ยวจินเห็นว่าฟ้าสว่างแล้ว เธอจึงให้ฉางเล่ยเก็บไฟฉายและเป็นคนเดินนำหน้าสามีเอง เพราะระบบกำลังบอกทิศทางให้เธออยู่ในหัวว่าจะต้องไปทางไหนถึงจะได้พบกับเห็ดหลินจือแดงที่เหลืออยู่ในป่าอีกครั้ง
ฉางเล่ยไม่ได้ห้ามปรามภรรยา เขาเพียงแค่เชื่อในดวงของเธอเท่านั้น ทุกครั้งที่ซูเมี่ยวจินขึ้นเขา เธอมักจะได้สิ่งของและสัตว์ป่าล้ำค่ากลับไปขายตลอด ครั้งนี้เขาก็หวังว่าเธอจะดวงดีอีกครั้ง
45 นาทีต่อมา ซูเมี่ยวจินในที่สุดก็พบกับตอไม้ใหญ่ที่ระบบบอกแล้ว เธอมองเห็นเห็ดหลินจือแดงดอกใหญ่เกือบสามเท่าของครั้งที่แล้ว ด้วยความตื่นเต้น เธอรีบหันไปบอกสามีด้วยความดีใจ
“ฉางเล่ย คุณมาดูสิคะ ครั้งนี้เรารวยแล้ว” ซูเมี่ยวจินเอ่ยขึ้นเสียงดัง
“หืม? คุณเห็นอะไรครับ” ฉางเล่ยเดินเข้าไปยืนข้างภรรยาและมองตรงไป
ฉางเล่ยมองตามนิ้วเรียวยาวของซูเมี่ยวจิน พอเขาเห็นเห็ดหลินจือแดงดอกใหญ่กว่าฝ่ามือตัวเองตรงหน้าเข้า เขาถึงกับอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง กว่าเขาจะได้สติและพูดออกมาอีกครั้ง เวลาก็ผ่านไปเกือบสามนาทีเลยทีเดียว
“ภะ..ภรรยา คุณดวงดีมากจริง ๆ” ฉางเล่ยกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างตื่นเต้น
“เรารีบไปเก็บมันกันเถอะ จะได้กลับเข้าอำเภอไปขายเร็ว ๆ” ซูเมี่ยวจินบอก
“ตกลงครับ คุณระวังงูจะเข้ามาทำร้ายด้วยนะครับ” ฉางเล่ยเตือน
“ได้ค่ะ เรารีบไปกัน” ซูเมี่ยวจินเดินนำไปก่อน เธอย่อตัวลงค่อย ๆ แซะเห็ดออกมาเหมือนครั้งก่อนอย่างระมัดระวัง
ฉางเล่ยเห็นงูเข้ามาใกล้ก็จัดการฆ่ามันแล้วจึงไปนั่งยอง ๆ แซะเห็ดตามที่ภรรยาเคยสอนในครั้งก่อน เขากลัวว่าจะทำให้เห็ดล้ำค่าพวกนี้เสียหายจึงทำอย่างช้า ๆ
เกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าที่พวกเขาจะเก็บเห็ดทั้งหมดซึ่งมีมากถึง 13 ดอกเสร็จ ระหว่างการเก็บเห็ด พวกเขายังฆ่างูไปอีกหลายสิบตัวด้วย
“พวกเรารีบออกไปกันเถอะค่ะ ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ” ซูเมี่ยวจินถาม
“เก้าโมงพอดีครับ” ฉางเล่ยมองนาฬิกาบนข้อมือแล้วบอกภรรยา
ซูเมี่ยวจินพยักหน้ารับคำและเดินนำหน้าฉางเล่ยออกจากป่างูพิษอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางพวกเขายังสามารถฆ่างูได้อีกไม่น้อย กระทั่งพวกเขาสามารถออกจากป่างูพิษได้ในหนึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองเร่งเดินจนแทบเป็นวิ่งเพื่อลงจากเขาให้เร็วที่สุด ตอนนี้สิบโมงเช้าแล้ว พวกเขาอยากรีบนำของไปขายให้ร้านขายยาโดยเร็วที่สุดเพื่อจะได้รับเงินทุนเอาไว้ซื้อสินค้าเข้าร้านและเป็นทุนในการพนันหิน
ฉางเล่ยขับรถพาซูเมี่ยวจินไปถึงร้านขายยาตอน 10.45 น. พอดี พวกเขาไปเอาตะกร้าที่หลังรถและเข้าไปในร้านทันที
เจ้าของร้านเห็นสองสามีภรรยาที่เคยนำของดีมาให้เขาจนเขาสามารถทำกำไรได้มากมายก่อนหน้านี้ก็รีบเดินออกจากหลังโต๊ะคิดเงินมาต้อนรับ
“สวัสดีครับ วันนี้พวกคุณมีของดีอะไรมาขายให้ผมบ้างครับ” เถ้าแก่ยิ้มแป้น
“มีเห็ดหลินจือแดงที่คุณภาพดีกว่าครั้งก่อนกับงูพิษจำนวนมากค่ะ” ซูเมี่ยวจินตอบ
“โอ้! ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณผู้หญิงเอาเห็ดหลินจือแดงออกมาให้ผมตรวจสอบก่อนดีไหมครับ ส่วนงูพิษเราค่อยคุยกันทีหลัง” เจ้าของร้านบอกอย่างตื่นเต้น
“ไม่มีปัญหาค่ะ สามี เราแยกเห็ดวางบนโต๊ะให้เถ้าแก่กันเถอะค่ะ” ซูเมี่ยวจินหันไปบอกฉางเล่ยที่ยืนอยู่ข้างกัน
“ได้ครับ” ฉางเล่ยพยักหน้ายิ้มรับคำซูเมี่ยวจิน เขาเองก็อยากรู้มากว่าเห็ดครั้งนี้จะสามารถทำให้พวกเขาได้รับเงินมากมายแค่ไหน
ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยค่อย ๆ แยกเห็ดหลินจือแดงออกจากตะกร้าอย่างระมัดระวัง พวกเขารู้ดีว่าความสมบูรณ์ของเห็ดเหล่านี้มีผลต่อราคาที่พวกเขาจะขายได้
เจ้าของร้านเห็นเห็ดแต่ละดอกมีขนาดใหญ่กว่าครั้งก่อนถึงสามเท่า เขาได้แต่เบิกตาโตอ้าปากกว้างอย่างตกตะลึง ตั้งแต่เกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเห็ดหลินจือแดงใหญ่ขนาดนี้ ในใจเขาได้แต่ปาดเหงื่ออย่างหนักใจ เงินเก็บของร้านที่เขาได้รับกำไรจากครั้งก่อนคงไม่เพียงพอที่จะซื้อเห็ดจำนวนมากขนาดนี้แน่
“เถ้าแก่ นี่เป็นเห็ดทั้งหมดที่พวกเราเก็บมาได้ค่ะ มีทั้งหมด 13 ดอก” ซูเมี่ยวจินหันไปบอกเถ้าแก่ที่ยังไม่ได้สติดีนัก
“อะ… อ่า… ผมจะรีบตรวจสอบให้ครับ” เจ้าของร้านได้ยินเสียงเย็น ๆ ของซูเมี่ยวจินเข้าก็สะดุ้งโหยงและกระวีกระวาดไปตรวจสอบเห็ดล้ำค่า
ฉางเล่ยเห็นท่าทางของเจ้าของร้านเข้าก็อดจะอมยิ้มออกมาไม่ได้ ภรรยาของเขาก็ช่างแกล้งคนเสียจริง ๆ ทั้งที่รู้ว่าเจ้าของร้านกลัวเธอ ซูเมี่ยวจินยังกล้าทำเสียงแข็งและเย็นชาใส่เขาอีก
เจ้าของร้านนำแว่นขยายมาตรวจสอบอายุของเห็ดแต่ละดอก ยิ่งเขาตรวจสอบมากเท่าไหร่ เหงื่อกาฬของเขาก็ยิ่งหลั่งไหลออกมามากเท่านั้น เห็ดตรงหน้าของเขามีอายุมากกว่า 300 ปีทุกดอก เท่าที่เขารู้มา เป็นเวลาเกือบหนึ่งพันปีแล้วที่ไม่มีใครสามารถหาเห็ดหลินจือแดงตามธรรมชาติซึ่งมีอายุมากขนาดนี้ได้มาก่อน เจ้าของร้านปาดเหงื่อและเงยหน้าขึ้นมองสองสามีภรรยาอย่างจนใจ
“คุณผู้หญิงครับ ผมขอโทษที่ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อเห็ดหลินจือแดงของคุณได้ทั้งหมด เพราะเห็ดแต่ละดอกมีอายุมากกว่า 300 ปี ราคาไม่สามารถประเมินค่าได้เลยครับ เห็ดแค่ดอกเดียว หากนำไปประมูล มูลค่าของมันต้องไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนหยวนแน่นอนครับ” เจ้าของร้านได้แต่บอกความจริงออกไป เขาที่มีเงินเก็บเพียงสองแสนกว่าหยวน มีหรือจะกล้าซื้อของล้ำค่าแบบนี้
“ฮะ! ราคาสูงขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ซูเมี่ยวจินเองก็อดที่จะไม่ตกใจกับราคาที่เจ้าของร้านบอกไม่ได้เช่นเดียวกัน
“ใช่ครับ ถ้าคุณต้องการขายในราคาสูง ผมแนะนำให้คุณเดินทางไปที่ปักกิ่งเพื่อนำเห็ดเหล่านี้เข้าประมูลในร้านขายยาของตระกูลอ้ายในเมืองหลวง” เจ้าของร้านบอก
“เฮ้อ! ฉันคงไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอกนะคะ อีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเห็ดพวกนี้เป็นพวกเราที่เก็บมา” ซูเมี่ยวจินรู้ดีว่าการถือครองของล้ำค่านั้นน่ากลัวมากแค่ไหน หากคนอื่นต้องการเห็ดแล้วจับคนในครอบครัวสามีเธอไป ซูเมี่ยวจินคงเสียใจไปตลอดชีวิตเป็นแน่
“ถ้าอย่างนั้นคุณผู้หญิงอยากให้ผมทำยังไงครับ” เจ้าของร้านได้แต่ถามอย่างจนใจ
“คุณสามารถซื้อจากฉันสักหนึ่งดอกได้หรือเปล่าคะ เห็ดที่เหลือพวกเราจะเก็บซ่อนเอาไว้ก่อน รอให้มีโอกาส เราค่อยนำเข้าไปประมูลตามคำแนะนำของคุณ” ซูเมี่ยวจินตัดสินใจที่จะขายเห็ดสักดอกเพื่อหาเงินทุน
“เอ่อ… ถ้าผมขอซื้อในราคาสองแสนหยวน คุณผู้หญิงคิดว่ายังไงครับ” เจ้าของร้านกัดฟันบอกราคาที่เขาสามารถซื้อได้ อย่างน้อยหากเขานำไปประมูลเอง ราคาคงได้มากกว่านี้ถึงสองเท่าแน่
“ฉันขอขายในราคาสองแสนสองหมื่นหยวนได้ไหมคะ หรือว่าคุณมีเงินไม่พอ”“อ่า… ตกลงครับ เพียงแต่รบกวนพวกคุณรอผมที่ร้านสักพักนะครับ ผมต้องไปถอนเงินจากธนาคารเพื่อนำมาซื้อเห็ดของคุณก่อน” เจ้าของร้านตัดสินใจยอมรับข้อตกลง ในเมื่อเขามีเห็ดดอกนี้แล้ว กำไรที่จะได้รับหลังจากนี้ก็นับว่ามากพอให้เขาอยู่ได้อย่างสบายไปอีกหลายปี“ตกลงค่ะ พวกเราจะรอคุณที่นี่ อ้อ! คุณต้องการพิษงูหรือเปล่าคะ ครั้งนี้เราได้งูมามากกว่าหนึ่งร้อยตัว ระหว่างที่รอจะได้รีดพิษออกมาไว้ให้ก่อน” ซูเมี่ยวจินไม่อยากรออยู่เฉย ๆ เธอนึกเรื่องพิษงูขึ้นมาได้พอดี“โอ้! ขอบคุณมากครับ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณรอสักครู่ ผมจะไปเอาตลับรีดพิษมาให้”เจ้าของร้านรีบเดินเข้าไปด้านใน โชคดีที่ครั้งก่อนเขาซื้อตลับมาเพิ่ม ไม่อย่างนั้นพิษงูมากมายขนาดนี้ เขาคงเสียไปเปล่า ๆ แล้วฉางเล่ยรับถุงตลับรีดพิษมาถือไว้ จากนั้นเจ้าของร้านก็ขอตัวออกไปโดยกลับด้านป้ายห
ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินไปถึงบ้านเก่าในเวลาเพียงสิบนาที ตอนนี้บ้านอื่นยังไม่มีใครตื่นขึ้นมาเลย ทำให้พวกเขารีบนำรถเข้าไปจอดในบ้านและสะพายตะกร้าเดินขึ้นเขาไปในทันที โดยมีฉางเล่ยคอยส่องไฟฉายให้กับซูเมี่ยวจินที่เดินข้างกันครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองที่เร่งรีบขึ้นเขาก็ไปถึงทางเข้าป่างูพิษ ตอนนี้ฟ้ายังไม่สว่าง ฉางเล่ยจึงบอกให้ภรรยาอย่าเดินห่างจากเขา เพราะกลัวว่างูพิษจะพุ่งเข้ามาทำร้ายเธออย่างไม่คาดคิด“ฉันรู้แล้วค่ะ คุณก็ระวังตัวด้วย ฉันมีหน้าไม้อยู่ คุณอย่ากังวลเลย” ซูเมี่ยวจินเองก็เป็นห่วงฉางเล่ยที่มือหนึ่งถือไฟฉาย อีกมือถือมีดเพื่อเอาไว้จัดการเหล่างูพิษในป่า“ตกลงครับ ผมจะระวัง” ฉางเล่ยรับคำภรรยาและค่อย ๆ เดินเข้าไปอย่างไม่เร่งรีบ เขารู้ดีว่าป่านี้อันตรายมากแค่ไหนซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยฆ่างูไปจำนวนมากไม่ต่างจากครั้งแรกที่มา ยิ่งตอนที่ฟ้ายังไม่สว่างด้วยแล้ว เหล่างูพิษกลับมีจำนวนมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว ยังดีที่ทั้งสองคนมีสัญชาตญาณในการต่อสู้
ฉางเล่ยพาซูเมี่ยวจินกลับมาถึงร้านในเวลาไม่นาน พ่อกับแม่ที่อยู่หน้าร้านได้ยินเสียงรถลูก ๆ มาถึงก็พากันเดินไปหาที่หลังร้าน ดีที่ตอนนี้ไม่มีลูกค้า พวกเขาจึงเข้าไปสอบถามเรื่องการสอบใบขับขี่พร้อมรอยยิ้ม“ไปสอบมาเป็นยังไงกันบ้างลูก” หลิวเอ้อหลิงถาม“พวกเราได้ใบขับขี่มาแล้วค่ะแม่ พ่อกับแม่กินข้าวเที่ยงหรือยังคะ” ซูเมี่ยวจินตอบ“กินแล้วจ๊ะ พวกลูกกินข้าวกันเถอะ พ่อกับแม่จะไปเฝ้าหน้าร้านต่อ”“ใช่ ๆ รีบกินข้าวก่อนเถอะลูก เหนื่อยกันมาทั้งเช้าแล้ว” ฉางชิงหยูกล่าวเสริม“ได้ค่ะ/ครับ” ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยรับคำพร้อมกันฉางชิงหยูชวนภรรยากลับไปดูแลหน้าร้านต่อ ส่วนฉางเล่ยก็ตักอาหารใส่จานให้ซูเมี่ยวจินเหมือนกับทุกวัน“สามี ฉันอยากไปเมืองชายแดนเพื่อพนันหินค่ะ” ซูเมี่ยวจินที่รำคาญการรบเร้าของระบบเอ่ยบอกฉางเล่ย
“สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามเรื่องขั้นตอนการทำใบขับขี่หน่อยค่ะ” ซูเมี่ยวจินเดินเข้าไปสอบถามประชาสัมพันธ์ที่นั่งอยู่ด้านหน้า“คุณไปติดต่อเจ้าหน้าที่ช่องหนึ่งได้เลยค่ะ อย่าลืมนำบัตรประจำตัวส่งให้เจ้าหน้าที่ด้วยนะคะ เขาจะได้เตรียมเอกสารการสอบให้พวกคุณ” เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์บอก“ขอบคุณมากค่ะ” ซูเมี่ยวจินที่ยังไม่ปล่อยมือสามี เธอพาเขาไปยังช่องหนึ่งที่มีป้ายเขียนเอาไว้แล้วนำบัตรประจำตัวของเธอกับฉางเล่ยส่งให้เจ้าหน้าที่“พวกคุณมาจากหน่วยงานไหนครับ” เจ้าหน้าที่ดูบัตรประจำตัวแล้วสอบถามเพื่อใส่ข้อมูลลงในเอกสารการทำใบขับขี่“พวกเราไม่ได้ทำงานในหน่วยงานค่ะ แต่เปิดร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าตรงข้ามโรงงานจึงต้องใช้รถยนต์ในการไปซื้อสินค้ากลับมาขายที่ร้านค่ะ” ซูเมี่ยวจินบอกตามตรง“อ้อ! ถ้าอย่างนั้นพวกคุณรอกันสักครู่นะครับ ระหว่างที่ผมกำลังลงทะเบียนให้ พวกคุณไปอ่านป้ายด้านโน้นได้เลยนะครับ
ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินช่วยกันยกของลงจากท้ายรถยนต์เข้าไปในร้าน พวกเขายังต้องติดชื่อเจ้าของสินค้าแต่ละอย่างเพื่อไม่ให้สับสนเวลาที่ลูกค้ามารับของและจ่ายเงินส่วนที่เหลือด้วย ทั้งสองจึงเร่งขนของลงให้หมดซูเมี่ยวจินส่งถุงนาฬิกาให้แม่สามีนำไปวางบนชั้นวางเพิ่ม เธอบอกราคาต้นทุนให้หลิวเอ้อหลิงแล้วและราคาขายยังคงขายที่ราคา 60 หยวนเท่าเดิม“ขอบใจมากนะลูก แม่จะรีบเอาใส่ตู้ไว้แล้วจะไปช่วยเตรียมของให้ลูกค้ากับลูกนะ”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ แม่ดูร้านเถอะค่ะ อีกสักครู่เด็ก ๆ คงเลิกเรียนแล้ว หนูมีฉางเล่ยคอยช่วยอยู่ค่ะ” ซูเมี่ยวจินบอกแม่สามี“ตกลงจ๊ะ แม่จะไปดูหน้าร้านก็แล้วกัน” หลิวเอ้อหลิงบอกลูกสะใภ้แล้วเดินไปที่ตู้ขายนาฬิกาด้านหน้าร้านซูเมี่ยวจินพยักหน้ารับคำแม่สามี เธอกับฉางเล่ยวางของที่เหลือจากลูกค้าสั่งบนชั้นวางอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงพากันมานั่งแยกของและเขียนชื่อลูกค้าติดไว้กับถุงใส่สินค้าที่จะมอบให้ลูกค้าแต่ละ
เมื่อพวกเขาไปถึงตลาดค้าส่ง ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยก็ตรงไปที่ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและซื้อของตามที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว ฉางเล่ยพาคนของร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเอาของไปเก็บที่รถก่อน ส่วนซูเมี่ยวจินตรงไปที่ร้านขายนาฬิกาเพื่อซื้อของไปเพิ่มให้แม่ฉางฉางเล่ยหลังจากดูคนของร้านเครื่องใช้ไฟฟ้านำสิ่งของขึ้นรถหมดแล้ว เขาก็เดินไปหาซูเมี่ยวจินที่ร้านนาฬิกาตามที่เธอบอกเอาไว้ พอดีกับที่ซูเมี่ยวจินกำลังจ่ายเงินค่านาฬิกาอยู่พอดี ฉางเล่ยจึงรับถุงสินค้าทั้งหมดมาถือไว้เอง“เราไปกินข้าวกันก่อนดีกว่าค่ะ จะได้ไปที่ที่ว่าการเพื่อทำใบขับขี่ต่อ” ซูเมี่ยวจินบอกฉางเล่ยระหว่างที่พวกเขากำลังจะออกจากร้านนาฬิกา“ตกลงครับ เอาตามที่คุณว่าก็ได้” ฉางเล่ยไม่เคยปฏิเสธเรื่องที่ซูเมี่ยวจินต้องการทำทั้งคู่ไปที่ร้านบะหมี่ไม่ไกลนักเพื่อความรวดเร็ว เมื่อเช้าพวกเขากินข้าวกันมาแล้วทำให้ไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่“ภรรยา คุณคิดว่าการสอบใบขับขี







