Share

บ้านซู

last update Last Updated: 2025-07-11 01:05:05

เสี่ยวหนานกับสือซานเข็นรถขนของคันโตกลับบ้านซู มือเรียวเปื้อนเศษดินและคราบเหงื่อ แต่แววตานั้นกลับเปล่งประกายดั่งหยาดอรุณ เงาเคียงที่เดินอยู่ข้างเธอคือโจวสือซาน ชายหนุ่มรูปงามจากบ้านโจว ชายผู้มีร่างสูงทะมัดทะแมง ใบหน้าชวนมองไม่น้อยหน้าใคร

"ให้ฉันเข็นเองก็ได้ พี่สือซาน" 

เสี่ยวหนานเอ่ยเสียงเบาแต่หนักแน่น ขณะชายหนุ่มจับรถลากเอาไว้แน่นด้วยท่าทีขึงขัง

"บ้านเราทางเดียวกัน เดินด้วยกันก็เข็นด้วยกันเถอะ" 

เขาตอบแล้วส่งยิ้มให้เสี่ยวหนานอย่างสุภาพ

"เรื่องเมื่อคืนพี่พูดจริงนะ...กลับไปถึงบ้านพี่จะรีบบอกให้พ่อแม่มาคุยกับอาซู" 

เสียงของโจวสือซานดังขึ้นแผ่วเบา แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความจริงใจ เสี่ยวหนานหันมามองเขา แววตาคมของเธออ่านสีหน้าชายตรงหน้าอย่างแนบเนียน เหตุใดนัยน์ตาของเขาแฝงความดีใจเอาไว้ มันเรื่องอะไรกันแน่

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้ทำอะไรฉันนี่ ตอนที่อยู่บ้านหานฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ" 

เสี่ยวหนานตอบเสียงนุ่ม แต่เธอก็พยายามเตือนใจตัวเองว่าคนตรงหน้าคือพระเอกของนิยายเรื่องนี้ คู่ของเขาก็คือไป๋ลี่เหยาลูกสาวหัวหน้าสมาคมประมงของเมืองเยี่ยนเทียน ไม่ใช่เธอ! 

ตามบทเดิมเมื่อกลับไปถึงบ้านเธอจะต้องร้องไห้จนคิดสั้น แล้วลงมือฆ่าตัวตายในคืนนี้ แต่ถ้าเธอตอบตกลงแต่งเข้าบ้านโจวเนื้อเรื่องก็ต้องเปลี่ยนไปสิ!

"แต่พี่เป็นผู้ชาย พี่ทำให้เธอเสียหายก็ต้องรับผิดชอบเธอสิ หรือว่า...เธอรังเกียจพี่เหรอ?"

คำถามนั้นทำให้เสี่ยวหนานต้องหันหน้ามามองเขาอีกครั้ง คราวนี้มองอย่างเต็มตา ใบหน้าเขามีเค้าหล่อคมเข้มแต่แฝงไว้ด้วยความละมุน เสี่ยวหนานอดเปรียบเทียบในใจไม่ได้...

'หล่อกว่าหานเจาในความทรงจำฉันหลายขุม… หน้าตาดีกว่า นิสัยก็ดีกว่า นี่มัน...โชคชะตาหรืออะไร?'

"ไม่ใช่นะคะ ที่ฉันไม่ให้พี่รับผิดชอบ เพราะฉัน...ไม่รู้ว่าพี่มีคนรักอยู่แล้วรึเปล่า หรือว่ามีคู่หมั้นอยู่แล้วรึยัง? ฉันไม่อยากสร้างปัญหาให้ใคร" 

เสี่ยวหนานพูดช้า ๆ นุ่ม ๆ แต่มือยังเข็นรถต่อไปไม่หยุด 

"ไม่มี..ไม่มีใครทั้งนั้น มีแต่ลูกสาวคนหนึ่ง หน่วนหน่วน เป็นลูกของพี่ชายกับพี่สะใภ้ ทั้งคู่เสียไปแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน พี่ก็เลยเลี้ยงดูหน่วนหน่วนเหมือนลูกตัวเอง มีพ่อแม่คอยช่วยอีกแรง"

สือซานรีบตอบกลับแววตาของเขาเต็มไปด้วยการรอคอยคำตอบอย่างมีความหวัง เสี่ยวหนานเองพอได้ฟังคำนั้น..ในอกพลันอุ่นใจวาบกับความอบอุ่นของผู้ชายตรงหน้า

'โสดมาทั้งชาติ พอได้เกิดใหม่ก็มีผู้ชายดี ๆ ขอดูแล… ชีวิตใหม่ฉันช่างไม่เลวเลยจริง ๆ'

หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง

"พี่แน่ใจเหรอ ว่าครอบครัวพี่จะไม่รังเกียจฉัน ฉันไม่อยากมีปัญหาแม่สามีกับลูกสะใภ้ ถ้าพ่อแม่พี่ไม่ชอบฉัน...ฉันก็ไม่แต่งเข้าไปหรอกนะ ฉันไม่อยากอยู่แบบอึดอัดใจต้องฝืนยิ้มปั้นหน้าใส่กัน"

โจวสือซานยิ้มทันที รอยยิ้มของเขาเหมือนลมทะเลยามเช้า ลูบผ่านใจนางจนวูบไหว ไม่ใช่ว่าเขาหลงตัวเอง แต่ผู้หญิงในหมู่บ้านหลายคนต่างก็อยากแต่เข้ามาเป็นสะใภ้บ้านโจว มีเพียงแค่ซูเสี่ยวหนานคนนี้แหละที่ไม่ปั้นหน้าเอาอกเอาใจเขาจนดูไม่จริงใจ

"พ่อแม่พี่ใจดีมาก ทั้งสองรักหน่วนหน่วน ถ้าหนานหนานเป็นคนดูแลหน่วนหน่วน พวกท่านจะยิ่งรักหนานหนานเข้าไปใหญ่ และถ้าแต่งกันแล้ว พี่จะรักหนานหนานมากกว่าใคร จะดีกับภรรยาที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้"

'หนานหนาน แม่เจ้า ฉันจะละลายเพราะผู้ชายคนนี้'

เสี่ยวหนานฟังแล้วหัวใจเต้นถี่โดยไม่รู้ตัว 

"นะ..หนานหนาน พี่ตั้งชื่อใหม่ให้ฉันเหรอ"

เธอชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วหันหน้ามองเขา ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่มีแววหยอกล้อแฝงอยู่เล็กน้อย

"อื้อ..เรียกแบบนี้น่ารักดี จริงไหม?"

'ให้ตายเถอะ ความรู้สึกเขินอายเพราะถูกผู้ชายจีบเป็นแบบนี้เองสินะ เอ๋...แต่ในนิยายบอกว่าพระเอกเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่ค่อยพูดไม่ใช่เหรอ?' 

"งั้นฉันให้เวลาพี่ไปปรึกษาที่บ้านก่อนนะ ถ้าฉันตอบตกลงแล้ว พี่จะมาเสียใจทีหลังไม่ได้แล้วนะ บอกไว้ก่อนว่าฉันเป็นคนสู้คน กล้าได้กล้าเสีย กล้ารักกล้าเกลียด ซูเสี่ยวหนานคนเก่าตายไปแล้ว ตอนนี้มีแต่ซูเสี่ยวหนานคนใหม่"

ดวงตาเธอสบตาเขาอย่างกล้าหาญ โจวสือซานเห็นแบบนั้นก็หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ใครจะมองภาพนั้นยังไงเขาไม่สน แต่สำหรับเขาเธอช่างพยศแต่น่าเอ็นดู ซุกซนแต่น่าค้นหา

"พี่ชอบคนแบบนี้แหละ เด็ดขาด กล้าได้กล้าเสีย ไม่กลัวการเผชิญหน้า ไม่เสียดายเวลาในอดีต"

"ใครว่าล่ะ ฉันเสียดายเวลาที่เสี่ยวหนานคนเดิมทุ่มเทให้กับคนที่ไม่เห็นคุณค่ามากเลยนะ แต่ก็เข้าใจว่าที่ทำไปทั้งหมดมันเต็มที่แล้วจริง ๆ ที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำเพื่อคนที่เธอรักได้"

"เสี่ยวหนานคนเดิม?.."

"อื้อ..เสี่ยวหนานคนเดิม ก็ฉันบอกพี่แล้วไงว่าเสี่ยวหนานคนเดิมตายไปแล้ว ตอนนี้มีแต่เสี่ยวหนานคนใหม่" 

ทั้งสองเดินไปพลาง พูดคุยไปพลาง เสียงหัวเราะของโจวสือซานประสานกับเสียงคุยเจื้อยแจ้วของเสี่ยวหนานกลมกลืนไปกับเสียงคลื่นกระทบฝั่งยามบ่าย

จนกระทั่ง...

"เสี่ยวหนาน"

แม่ซูชะงักมือเงยหน้าขึ้น พลางหยีตาเพ่งมอง ภาพหญิงสาวคนหนึ่งเข็นรถบรรทุกของจนล้นสูงเทินมาแต่ไกล เธอใส่เสื้อผ้าสีซีด หน้าแดงก่ำจากแดด

"เกิดอะไรขึ้น!"

เสียงพ่อซูดังขึ้นขณะวางขวานทิ้ง เขากับภรรยารีบเดินไปหาลูกสาวด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ

เสี่ยวหนานชะงักไปครู่หนึ่ง เธอหยุดรถเข็นก่อนจะยกมือขึ้นปาดเหงื่อ แต่พอเห็นใบหน้าของพ่อแม่ชัดเจน… น้ำตาก็ไหลร่วงในทันที

"พ่อ...แม่…" เธอพึมพำเบา ๆ ราวกับเสียงกระซิบที่เล็ดลอดออกมาจากความทรงจำ

เธอปล่อยมือจากรถอย่างลืมตัว แล้วพุ่งเข้าไปกอดพ่อแม่แน่นราวจะฝังร่างไว้ในอ้อมแขน

"..."     "..."

"หนูคิดถึง"

เสียงสะอื้นปนเปื้อนน้ำตา และหัวใจที่เต้นโครมครามของคนเป็นพ่อแม่เจ็บไปหมด

"เฮ้ย ๆ นังหนู เป็นอะไรลูก?"

"นั่นสิเสี่ยวหนาน มีอะไรก็บอกแม่ได้นะลูก"

พ่อซูกับแม่ซูมองหน้ากันอย่างงุนงง แต่กลับกอดเธอแน่นขึ้นอย่างห่วงใย มือเหี่ยวย่นลูบหลังลูกสาวเบา ๆ แล้วเอ่ยกับลูกสาวอย่างอ่อนโยน

"ลูกกลับบ้านก็ดีแล้ว อย่าร้องไห้สิ ชีวิตคนมันก็ล้มลุกคลุกคลานแบบนี้แหละลูก... แต่บ้านก็ยังเป็นบ้านของลูกเสมอ" 

พ่อซูกล่าวพลางใช้มือเกลี่ยน้ำตาบนแก้มให้ลูกสาว ระหว่างนั้นเสียงฝีเท้าอีกสองคู่ก็ดังมาจากในบ้าน ซูจื่อเหิงเดินออกมาพร้อมกับน้องชายคนเล็ก ซูจื่ออันวัย 15 ปี เจ้าตัวสูงโย่ง ผอมเก้งก้างแต่ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใยทันทีที่เห็นพี่สาว

"เกิดอะไรขึ้นน่ะ พี่เสี่ยวหนาน?"

"ใครทำอะไรน้อง..เสี่ยวหนาน บอกพวกเรามาได้เลย เดี๋ยวพี่กับจื่ออันจะไปจัดการมันให้เอง พวกบ้านหานใช่ไหม?" ซูจื่อเหิงกล่าว

จื่ออันรีบปรี่เข้ามาหา พลางใช้แขนโอบไหล่พี่สาวไว้แน่น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน 

ไม่ทันที่ใครจะทันได้พูดอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากระเบียงบ้านเสียงสูงห้วน หญิงสาวร่างผอมในเสื้อผ้าสีหม่นเดินกอดอกเดินออกมาช้า ๆ ดวงตาคมกริบจ้องไปยังเสี่ยวหนาน

"โอ๊ย... ทีนี้ล่ะรู้ว่าบ้านอยู่ที่ไหน โดนบ้านหานเขาเตะโด่งกลับมาแล้วสิ? วันก่อนเห็นทำท่าจะถวายหัวให้แทบตาย!"

ซูอี้หลัน พี่สะใภ้ของเสี่ยวหนานพูดอย่างไม่ไว้หน้า เธอเหลือบตามองรถขนของก่อนจะกระแทกเสียงต่อ

"..."

"ยังมีหน้ากลับมาที่นี่อีก... เงินที่พวกเราช่วยกันเก็บก็ขโมยไปจนหมด แม้แต่ค่าเทอมของจื่ออันก็ยังไม่เหลือ แล้ววันนี้จะกลับมาอาศัยอะไรห๊า!?"

คำพูดนั้นเหมือนคมมีดกรีดกลางใจ เสี่ยวหนานหน้าเจื่อน ดวงตาฉ่ำวาวคล้ายจะสะอื้นอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้อ้าปาก จื่อเหิงก็หันขวับไปทางภรรยา

"อี้หลัน! พูดมากไปแล้วนะ กลับไปทำกับข้าว! ทำเผื่อเสี่ยวหนานด้วย"

น้ำเสียงของจื่อเหิงไม่ดัง แต่หนักแน่น อี้หลันชะงักนิดหนึ่งก่อนจะแค่นหัวเราะเบา ๆ

"ไม่ทำหรอก จะให้ฉันทำอะไรให้เธอกินเหรอ? ของกินในบ้านนี่ก็ให้เธอขนไปหมดแล้วนี่!"

คำพูดนั้นพ่นออกมาอย่างกัดกร่อน จนเงียบทั้งลานบ้าน… แต่จู่ ๆ จื่ออันก็ก้าวขึ้นข้างหน้า เอาตัวบังพี่สาวไว้เต็มตัว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มกว่าที่เคยใช้

"งั้นก็ไม่ต้องทำ! ถ้าไม่อยากทำให้พี่เสี่ยวหนาน ผมทำเองก็ได้ แล้วถ้ามีใครคิดจะไล่พี่ออกจากบ้านนี้อีกล่ะก็...จะได้เห็นดีกัน!"

น้ำเสียงวัยรุ่นแตกหนุ่ม ฟังดูดื้อดัน แต่ดวงตาที่ลุกโชนปกป้องพี่สาวทำให้เสี่ยวหนานหัวใจเต้นสะท้าน ร่างกายอุ่นวาบไปทั้งตัว น้ำตาที่คลออยู่นานก็ไหลลงอีกครั้ง เธอก้มลงกอดน้องชายไว้แน่น

'แย่ชะมัด...ร่างนี้ทำเรื่องเห็นแก่ตัวไปมากมาย แต่ทำไมเธอถึงยังเป็นที่รักของบ้านได้ขนาดนี้นะ…'

เธอคิดในใจ พลางหลับตาแน่น อยากจะละลายหายเข้าไปในกลิ่นอายครอบครัวนี้ทั้งตัว

"จื่ออัน… ขอบใจนะ"

เสี่ยวหนานเอ่ยขอบคุณน้องชาย เธอไม่เคยมีพี่น้องมากก่อน พอได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ถูกปกป้องจากพี่น้อง มันช่างเป็นสิ่งที่น่าหวงแหนจริง ๆ

"อ้าวแล้วนั่น..สือซานเหรอ? ไปยังไงมายังไงถึงกลับมาพร้อมกับเสี่ยวหนานได้ล่ะ" 

พ่อซูเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อหันไปเห็นโจวสือซานที่ยืนอยู่เงียบ ๆ มาได้พักใหญ่

"คือผม...."

"เดี๋ยวฉันเล่าเองพี่สือซาน" เสี่ยวหนานเอ่ยขึ้น

เสี่ยวหนานเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนในครอบครัวฟัง เสียงของเธอสะอื้นเป็นช่วง ๆ แต่สีหน้ากลับไม่ได้เจ็บปวด กลับเป็นประกายสุขเล็ก ๆ ที่ทำให้ทุกคนแปลกใจ

ซูจื่อหยางผู้เป็นพ่อนั่งฟังด้วยเปลวไฟในดวงตาที่ลุกโชน มือทั้งสองกำแน่นอย่างอดกลั้น

"ให้ตายเถอะ… บ้านหานมันกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง?"

จื่ออันโพล่งขึ้นทันที ขณะที่จื่อเหิงนิ่งไปนานก่อนเอ่ยเสียงขรึม

"พรุ่งนี้ผมจะไปคุยกับคนบ้านหานเอง มันจะทำกับน้องสาวแบบนี้ไม่ได้! ผมไม่ยอม"

"ไม่ต้องถึงพี่ก็ได้ ผมไปเอง! ผมจะไปพังบ้านมันวันนี้แหละ" 

จื่ออันพูดพลางกำหมัดแน่น สีหน้าของเขาร้อนแรงเต็มไปด้วยความโกรธ

"ไว้ใจพี่เถอะเสี่ยวหนาน ต่อไปนี้ไม่มีใครกล้าทำอะไรเธออีก ไม่ต้องสนใจคำพูดของคนอื่น" 

เสียงของจื่อเหิงแน่นิ่งแต่มั่นคง จนเสี่ยวหนานเองก็ไม่เข้าใจว่าร่างนี้จะฆ่าตัวตายทำไม ในเมื่อทุกคนในครอบครัวรักและปกป้องเธอดีขนาดนี้

"แต่เรื่องนี้ผมยินดีจะรับผิดชอบ ยังไงผมก็คุยกับเสี่ยวหนานแล้ว"

เสียงทุ้มต่ำของโจวสือซานดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองที่เขาเป็นตาเดียว

"สือซาน หลานรู้ใช่ไหมว่าเสี่ยวหนานย้ายไปอยู่บ้านหานได้เกือบ 1 ปีแล้ว หลานแน่ใจเหรอว่าจะยอมเอาชื่อเสียงของตัวเองมาแบกรับเรื่องนี้"

พ่อซูเอ่ยถามโจวสือซานตรง ๆ สถานการณ์ตอนนี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการชี้แจงทุกอย่างให้ชัดเจน บ้านโจวถึงจะได้ไม่รังเกียจเสี่ยวหนานหลังจากแต่งเข้าบ้านไป

"ผมรู้และมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจครับอาซู  อีกเดี๋ยวผมจะกลับไปคุยกับพ่อแม่ให้ท่านมาคุยเรื่องสู่ขอเสี่ยวหนาน"

"ถ้าอย่างนั้นอาว่าหลานกลับไปปรึกษากับที่บ้านก่อนเถอะนะ ถ้าไม่มีปัญหาค่อยมาว่ากันอีกที"

"ได้ครับ..งั้นผมขอตัวก่อนนะครับอาซู อาสะใภ้"

พูดจบสือซานก็เดินกลับบ้านของตัวเองที่อยู่ห่างไปอีกประมาณ 100 เมตร ท่ามกลางสายตาของทุกคนในบ้านซู ตอนนี้พ่อซูกับแม่ซูกังวลใจไม่น้อย ทุกคนก็รู้ว่าบ้านโจวฐานะดี มีเรือประมงเป็นของตัวเอง 

ต่อให้ชื่อเสียงของไต้ก๋งโจวจะขึ้นชื่อว่าใจดีมีเมตตา แต่พวกท่านก็ยังกังวลว่าบ้านโจวจะไม่พอใจกับลูกสะใภ้ที่มีชื่อเสียงด่างพร้อยมาก่อน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   ตอนจบ

    ห้าปีต่อมาห้าปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันคือปี ค.ศ. 1988 ซูจื่ออัน เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชิงหัวมาได้สักพักใหญ่แล้ว ด้วยความรู้และความสามารถที่ร่ำเรียนมา เขาได้เข้ามาช่วยงานในโรงงานของพี่สาวอย่างเต็มตัว โรงงานแห่งใหม่ ของ ซูเสี่ยวหนาน กำลังเริ่มก่อสร้างบนที่ดินที่เธอซื้อสะสมไว้ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและมีพื้นที่กว้างขวางจื่ออันใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมที่ร่ำเรียนมา วางแผนงานเกี่ยวกับเครื่องจักรในโรงงานแห่งใหม่ด้วยตัวเองอย่างละเอียด แม้โรงงานจะยังคงเน้นการใช้แรงงานคนเป็นหลัก แต่จื่ออันก็เลือกที่จะนำเครื่องจักรที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิตบางส่วน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและเพิ่มปริมาณการผลิตเที่ยงวัน ที่ร้านข้าวแกงสะใภ้ไต้ก๋งวันนี้เป็นวันเสาร์ ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาที่ ร้านข้าวแกงสะใภ้ไต้ก๋ง เพื่อกินมื้อเที่ยงกันอย่างคับคั่ง แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ร้านแห่งนี้ก็ยังคงเป็นที่นิยมของผู้คน หรือจะเรียกว่าเป็น "ขวัญใจแรงงาน" ก็ว่าได้ เพราะอาหารอร่อย ราคาถูก และบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเองเสี่ยวหนาน พาลูก ๆ และหลานชายมาช่วยงานที่ร้านข้าวแกง หน่วนหน่วนตอนนี้อายุ 13 ปี ดูแลการจัดโต๊ะช่วยคน

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   เที่ยวชมเมืองปักกิ่ง

    วันต่อมาเสี่ยวหนาน ก็พาพ่อแม่และทุกคนออกไปเที่ยวชมสถานที่สำคัญในปักกิ่ง การเดินทางในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับทุกคน โดยเฉพาะพ่อซู แม่ซู พ่อโจว และ แม่โจว ที่ไม่เคยได้มาเยือนเมืองหลวงแห่งนี้มาก่อนสถานที่แรกที่พวกเขาไปคือ โรงละครอุปรากรปักกิ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่วัฒนธรรมจีนแบบดั้งเดิมกำลังถูกฟื้นฟู หลังยุคปฏิวัติวัฒนธรรม บรรยากาศภายในโรงละครไม้เก่าแก่เต็มไปด้วยความขลังและมนต์เสน่ห์ เสียงดนตรีพื้นเมืองบรรเลงคลอเคล้ากับการแสดงงิ้วที่วิจิตรตระการตา นักแสดงแต่งหน้าแต่งกายสวยงาม ท่าทางอ่อนช้อยงดงาม สร้างความประทับใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก雪落寒亭魂未散Xuě luò hán tíng hún wèi sànเสวี่ย ลั่ว หาน ถิง หุน เว่ย ซ่านหิมะโปรยลงบนศาลาเยือกเย็น วิญญาณยังมิยอมลาจาก天公莫笑女孤单Tiān gōng mò xiào nǚ gū dānเทียน กง ม่อ เสี้ยว หนฺ หวี่ กู ตันโอ้สวรรค์ อย่าหัวเราะหญิงผู้โดดเดี่ยว泪洒心灯照旧愿Lèi sǎ xīn dēng zhào jiù yuànเล่ย ส่า ซิน เติง เจ้า จิ้ว เยฺวียนหยาดน้ำตาหลั่งลง กลางแสงตะเกียงใจ ส่องให้คำอธิษฐานเก่าแจ่มชัดอีกครา冤枉三声唤地寒Yuān wǎng sān shēng huàn dì hánเยวียน หว่าง ซาน เซิง ฮ่วน ตี้ หาน

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   ของฝากให้บ้านเกา

    "ครับพี่เขย" เจ้าเด็กแฝดถูกส่งต่อให้น้าชายกับพี่ ๆ ดูแลต่อ ส่วนคนอื่น ๆ ก็แยกกันพักผ่อนอาบน้ำอยู่ในห้องของตัวเองแท้จริงแล้วเสี่ยวหนานแอบเก็บอาหารทะเลสด ๆ เหล่านั้นไว้ในมิติส่วนตัวของเธอ และแกล้งทำเป็นเติมน้ำแข็งตามจุดแวะพักต่าง ๆ ตลอดทาง เพื่อไม่ให้ใครสงสัยว่าทำไมอาหารทะเลถึงยังสดใหม่ราวกับเพิ่งขึ้นจากทะเลมาวันนี้เสี่ยวหนานตั้งใจทำเมนูโปรดหลายอย่างให้น้องชายได้กิน มีทั้งกุ้งอบวุ้นเส้น โจ๊กปู ซุปหอยนางรม ปลาหมึกผัดผงกะหรี่ หอยเชลล์ผัดเนย ปลานึ่งบ๊วย และที่ขาดไม่ได้คือ เป่าฮื้อนึ่งซีอิ๊ว ที่พ่อกับแม่ชอบเป็นพิเศษ โชคดีที่เธอได้บอกให้จื่ออันซื้อเครื่องปรุงและของใช้ในครัวไว้ให้ครบถ้วน ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง ทำให้การทำอาหารเป็นไปอย่างราบรื่นเมื่อทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อย เสี่ยวหนานก็เตรียมอาหารส่วนหนึ่งใส่ปิ่นโตอย่างสวยงาม เพื่อนำไปมอบให้ อาจารย์เกา และครอบครัว นอกจากนี้เธอยังเตรียมอาหารทะเลสด ๆ ไม่ว่าจะเป็นปู ปลา กุ้ง และปลาหมึก หอยนางรมใส่ถังใบใหญ่แยกต่างหาก เพื่อเป็นของขวัญสำหรับครอบครัวเกาเป็นการตอบแทนน้ำใจที่ช่วยดูแลจื่ออันมาตลอด"จื่ออัน" เสี่ยวหนานเรียกน้องชาย "มาช่วยพี่ถือข

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   พี่สาวคนเก่ง

    3 เดือนแล้วตั้งแต่เด็กแฝดเกิดมาในขณะที่ทุกคนกำลังชื่นชมและเล่นกับเด็กแฝดตัวน้อย เสี่ยวหนานสังเกตเห็นว่าหน่วนหน่วนกำลังยืนมองน้องชายด้วยแววตาที่ฉายแววครุ่นคิดเล็กน้อย แม้จะดูดีใจ แต่ก็มีความกังวลบางอย่างแฝงอยู่"หน่วนหน่วนมาหาแม่เร็วเข้า ไหนดูซิว่าวันนี้ลูกสาวของแม่จ๋าอยากได้ผมทรงไหน? เอาเปียสองข้างดีไหม? หรือจะให้แม่มัดแบบหางม้า"เช้าวันเสาร์ที่เด็ก ๆ ไม่ได้ไปโรงเรียน สือซานเองก็ยังไม่ยอมให้เสี่ยวหนานไปทำงาน เธอจึงพาเด็ก ๆ มานั่งเล่นอยู่ห้องรับแขก ส่วนเจ้าเด็กแฝดทั้งสองก็มีปู่ย่าคอยดูแลอาหารการกินอี้หลันก็จะให้คนงานเอามาส่งให้ ไม่ต้องให้เสี่ยวหนานเข้าครัวให้ลำบาก มีเพียงช่วงค่ำของวันที่สือซานจะพาเสี่ยวหนาขับรถเข้าไปที่ร้านเพื่อเติมของ และเข้าโรงงานบ้างสัปดาห์ละครั้งส่วนงานที่โรงงานก็มีพนักงานในสำนักงานคอยดูแลครบทุกตำแหน่งแล้ว เสี่ยวหนานจึงรอตรวจบัญชีโดยรวมที่สือซานเอากลับไปให้ที่บ้านเท่านั้น ส่วนงานอย่างอื่นก็มีจื่อเหิงและพ่อแม่คอยเป็นหูเป็นตาให้ทางด้านบ้านโจว พ่แโจวกับสือซานก็ยังรับหน้าที่ออกเรือหาอาหารทะเลเช่นเดิม ถึงจะมีเรือหลายลำที่นำของมาขายให้โรงงาน แต่พ่อโจวก็มันจะเดินเรืออ

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   น่ารักน่าชัง

    แสงจันทร์สีนวลสาดส่องเข้ามาในห้องนอนของเสี่ยวหนานและสือซาน ส่องกระทบผ้าม่านบางเบาที่พลิ้วไหวตามแรงลม เสี่ยวหนานนั่งอยู่ริมหน้าต่าง พลางเหม่อมองออกไปยังดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า ดวงตาของเธอฉายแววครุ่นคิด ความสำเร็จทางธุรกิจในวันนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกสุขใจได้อย่างเต็มที่ ในใจของเธอเต็มไปด้วยคำถามและข้อสงสัยเกี่ยวกับชะตาชีวิตของตัวเอง"นี่ฉันแย่งชะตาชีวิตคนอื่นมารึเปล่า?" เสี่ยวหนานพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เสียงของเธอแทบจะกลืนหายไปในความเงียบของราตรีเธอหวนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด เธอจำได้ว่าเดิมทีเธอเป็นเพียงผู้อ่านนิยายที่ยังอ่านไม่จบเรื่องหนึ่ง แต่จู่ ๆ เธอก็ถูกดึงเข้ามาอยู่ในโลกของนิยายเรื่องนี้ และสวมรอยเป็นตัวละครที่มีชื่อว่า ซูเสี่ยวหนาน ซึ่งตามบทบาทเดิมแล้วเป็นเพียงตัวละครรองที่จะถูกสลัดทิ้งหลังจากที่ตัวร้ายอย่าง หานเจา ได้สมหวัง และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ นางเอกของเรื่องคือ ไป๋ลี่เหยา คนที่จะต้องได้แต่งงานกับ โจวสือซาน พระเอกของเรื่องและเป็นสามีของเธอในตอนนี้เสี่ยวหนานถอนหายใจยาว ในฉบับนิยายเดิม ซูเสี่ยวหนาน ตัวจริงจะต้องฆ่าตัวตายเพราะทนรับความจริงไม่ได้ ครอบครัวข

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   ทำร้ายคนโสด

    ที่โรงพยาบาล ทันทีที่รถของสือซานจอดสนิทที่ทางเข้าห้องฉุกเฉิน บุรุษพยาบาลก็รีบเอารถเข็นมารับร่างของคนป่วย แล้วพาเสี่ยวหนานเข้าไปยังห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว ทีมแพทย์และพยาบาลเข้ามารับช่วงต่อทันที พวกเขาพยุงร่างของเสี่ยวหนานขึ้นนอนบนเตียงเข็น และพาเธอเข้าไปในห้องตรวจ หลังจากเก็บรถเสร็จสือซานก็รีบมายืนรออยู่หน้าห้องอย่างกระวนกระวายใจ หัวใจของเขาบีบรัดแน่นด้วยความกลัวว่าจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นเสี่ยวหนานไม่นานนัก แพทย์หญิงท่านหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องตรวจด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน สือซานรีบปรี่เข้าไปหาทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล "คุณหมอครับ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ เสี่ยวหนานเป็นอะไรมากหรือเปล่า" น้ำเสียงของเขาสั่นเครือคุณหมอยิ้มให้สือซานอย่างใจเย็น "ไม่ต้องห่วงค่ะคุณโจว ภรรยาคุณแค่เหนื่อยล้ามากเกินไป พักผ่อนน้อยไปหน่อยค่ะ"สือซานถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยอะไร คุณหมอก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นเล็กน้อย "...""แต่ต่อจากนี้ไปคุณต้องระวังให้มากนะคะ ดูแลเธอให้ดี อย่าให้เธอทำงานหนักเด็ดขาดเลย เพราะยังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องค่ะ"คำพูดของคุณหมอทำให้สือซานอ้าปากค้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status