เธอไม่เคยรู้ว่านิยายครึ่งเล่มที่เธออ่าน จะกลายเป็นทั้งชีวิตที่เหลือของเธอ อดีตคู่หมั้นทรยศ ชื่อเสียงถูกเหยียบย่ำ พ่อแม่ต้องอดมื้อกินมื้อ น้องชายต้องออกจากโรงเรียน สิ่งเหล่านี้ทำให้เธอต้องลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
ดูเพิ่มเติม"ตื่นแล้วเหรอ..?"
เสียงทุ้มต่ำราบเรียบแต่นุ่มลึกเอ่ยขึ้น เสี่ยวหนานเบิกตากว้าง เมื่อหันไปพบชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มในชุดชนบทเรียบง่ายกำลังมองเธอด้วยสายตานิ่งสงบ ทว่าแฝงความรู้สึกผิดปนตึงเครียด
เขาไม่ได้ดูหวาดกลัวหรือโกรธเคือง ประหนึ่งว่าเขากำลัง...ทำใจเสียมากกว่า
"เอ่อ..."
"เมื่อคืน...เราถูกวางยา พี่จะรับผิดชอบเธอเองเสี่ยวหนาน" ถึงเขาจะเอ่ยช้าแต่ชัดเจนทุกถ้อยคำ
"อะ...อะไรนะ!?"
เสี่ยวหนานโพล่งออกมา น้ำเสียงสั่นพร่า ถอยกรูดจนแผ่นหลังชนหัวเตียงแล้วรีบตรวจดูเสื้อผ้าของตัวเอง แต่ก็พบว่าทุกอย่างยังปกติ ชายหนุ่มไม่ได้มีทีท่าเข้ามาใกล้ เพียงแต่ลุกขึ้นนั่ง หันหน้าเข้าหาเธออย่างสงบ
มันเกิดอะไรขึ้น ใครวางยา? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่? และ... ทำไมเขาถึงดูแน่ใจนักว่าต้องรับผิดชอบเธอ? แล้วปฏิทินข้างกำแพงที่บอกว่าตอนนี้เป็นปี 1983 นั่นหมายความว่ายังไง?
"เธอจำพี่ได้ไหมเสี่ยวหนาน พี่ชื่อโจวสือซาน...ลูกชายบ้านโจว"
เสียงหัวใจเสี่ยวหนานดัง ตึ๊ก ตึ๊ก ตึ๊ก ในหัวเต็มไปด้วยคำถามและความงุนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"เสี่ยวหนาน! เสี่ยวหนาน! เปิดประตูเดี๋ยวนี้!"
ก่อนที่เธอจะได้ถามอะไรต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พร้อมเสียงผู้หญิง แต่ที่น่าแปลกก็คือเสียงไขแม่กุญแจประหนึ่งว่าห้องนี้ถูกล็อกไว้จากด้านนอก
โจวสือซานหันขวับ ดวงตาคมกริบฉายแววระแวดระวัง เสี่ยวหนานกำลังจะลุก แต่ประตูไม้บานนั้นก็ถูกผลักเปิดออก หญิงวัยกลางคนที่มีใบหน้ามากเล่ห์ก้าวเข้ามาดวงตาเบิกกว้าง ตามมาด้วยเด็กสาวอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปีที่ยืนข้างหลัง
เสียงผู้คนด้านนอกเริ่มซุบซิบ ตามด้วยเสียงฝีเท้าของชาวบ้านที่เดินมามุง
"โอ๊ยยยตายแล้ว ผู้หญิงคนนี้ช่างหน้าด้านนัก! ไม่มียางอายจริง ๆ หล่อนกล้าทำให้เสียเกียรติบ้านหานได้ยังไงเสี่ยวหนาน!"
"พี่เสี่ยวหนาน! พี่ทำแบบนี้กับพี่ชายของฉันได้ยังไง น่าสงสารพี่หานเจาจริง ๆ ถ้ารู้เรื่องนี้เข้าไม่รู้จะเสียใจมากแค่ไหน?"
หานเหลียน(แม่ของหานเจา)และหานเวย(น้องสาวของหานเจา)จงใจส่งเสียงดังให้คนที่เดินผ่านไปมาได้รู้กันอย่างทั่วถึง ไม่นานเสียงครหาก็ไหลทะลักเข้ามาพร้อมสายตานับสิบคู่
"พวกเราไม่ได้..."
เสี่ยวหนานจะอธิบายแต่พูดไม่ออก แม้ในยุคเธอเรื่องเพศจะเสรีกว่า แต่สำหรับปี 1983 นี้... แค่ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ก็เพียงพอให้คนทั้งโลกมองว่าเธอ 'ผิด'
"เธอกล้าทรยศหานเจาได้ยังไง ช่างเป็นผู้หญิงงามเมืองเสียจริง เธอมีคู่หมั้นแล้วนะเสี่ยวหนาน โธ่..หานเจาลูกแม่ ลูกช่างน่าสงสารจริง ๆ"
หานเจา? คู่หมั้น? นี่มันคือชื่อตัวละครในนิยายที่เธอเพิ่งอ่านได้แค่ครึ่งเล่มไม่ใช่เหรอ? นิยายเจ้ากรรม ดันมีชื่อตัวประกอบหน้าโง่เหมือนเธอซะนี่ แต่ตอนนี้กลับสาหัสกว่าเพราะเธอหลุดเข้ามาอยู่ในร่างของ..ตัวประกอบที่ชื่อ ซูเสี่ยวหนาน
"ฉัน...ฉันไม่ใช่เสี่ยวหนานคนนั้น..."
เธอพึมพำกับตัวเอง อาการปวดหัวทำให้สายตาของเธอพร่าเบลอ เธอยกมือแตะขมับ ระหว่างนั้นก็มีความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามา
ชีวิตเดิมของเธอเป็นเจ้าของร้านอาหารฝีมือฉกาจผู้มากความสามารถ ต้องพบกับจุดจบอันน่าเศร้าเมื่อหัวใจวายกะทันหันจากการทำงานหนักและพักผ่อนน้อย ทว่า... ชะตาชีวิตของเธอหาได้สิ้นสุดเพียงเท่านั้น
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ซูเสี่ยวหนานพบว่าตัวเองย้อนเวลากลับมาอยู่ในร่างของหญิงสาวในหมู่บ้านชาวประมงเมืองเยี่ยนเทียน ปีคริสต์ศักราช 1983!
"เจ้าข้าเอ๊ย! รีบมาดูเร็วเข้า ผู้หญิงคนนี้ทำผิดต่อพี่ชายของฉัน วันนี้พวกเราต้องไล่หล่อนออกจากบ้าน เพื่อรักษาชื่อเสียงดีงามของบ้านหานเราเอาไว้"
หานเวยเริ่มส่งเสียงอีกครั้ง หลังจากเฝ้าดูว่าเสี่ยวหนานเงียบไปครู่ใหญ่เหมือนกำลังคิดไตร่ตรองอะไรอยู่
"เสี่ยวหนานเป็นภรรยาของผมแล้ว ผมจะรับผิดชอบเธอเอง?"
โจวสือซานขยับเข้ามา ยืนกำบังเสี่ยวหนานเอาไว้ เสียงคนรอบข้างเงียบลงชั่วขณะ ก่อนเสียงอื้ออึงจะเริ่มดังอีกครั้ง เสี่ยวหนานเงยหน้ามองเขา โจวสือซานมองตอบด้วยแววตาจริงจัง เขาไม่ได้อยากพูดโกหก
สือซานรู้ว่า...หากปล่อยให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ นางจะถูกตราหน้าไปตลอดชีวิต คำพูดของคนโหดร้ายและทำลายชีวิตได้ในพริบตา
เสี่ยวหนานกลืนน้ำลายลงคอ กำมือแน่น ถ้าเป็นแบบนี้... ถ้ากลับไปไม่ได้... ถ้าทุกอย่างคือโชคชะตา... เธอจะไม่ยอมแพ้ เธอจะเป็นเสี่ยวหนานคนใหม่ที่ไม่มีใครเหยียบย่ำได้อีก!
"ตกลง! ฉันจะแต่งงานกับพี่"
"หญิงชั่วช้าสำส่อน พูดออกมาได้อย่างไม่ละอายใจ ทุกคนมาดูให้เต็มตา เสี่ยวหนานคนนี้พาผู้ชายเข้ามานอนในบ้านหานแล้วยังมีหน้ามาตอบตกลงแต่งงานกันอย่างไม่ละอายใจอีก"
เสียงของนางหานแผดดังไม่แผ่ว ทำให้เสียงซุบซิบของชาวบ้านดังขึ้นเป็นระลอกคลื่นประหนึ่งแม่น้ำเชี่ยวกราก บ้างส่ายหน้า บ้างกระซิบต่อกัน เสี่ยวหนานยืนตรงกลางลานบ้านท่ามกลางสายตานับสิบ เธอแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มขมุกขมัว ราวกับฟ้ากำลังเงี่ยหูฟังคำร้องเรียนของเธอ
เธอไม่ใช่หญิงสาวขี้อายจากยุคนี้อีกต่อไป แต่เป็นหญิงสาวจากปี 2025 ที่เคยเจ็บ เคยพังพินาศมาจนชินชา เธอกลับมาแล้ว พร้อมบัญชีแค้น และโอกาสครั้งที่สอง!
"ทุกอย่างเป็นแผนของสองแม่ลูกบ้านหาน!"
เสียงของเสี่ยวหนานดังกังวานจนทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต้องนิ่งชะงัก
นางหานกับหานเวยที่ยืนเคียงกันถึงกับนัยน์ตาเบิกโพลง ใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษขาว หานเวยตัวสั่นน้อย ๆ ก่อนจะรีบทุรนทุรายลงนั่งบนพื้น ชักดิ้นชักงอ ปากกรีดร้องน้ำตาไหลพรากอย่างน่าสงสาร
"โอ๊ยยยยย! แม่จ๋า...เขาใส่ร้ายเรา ฮือ ๆ เขาใส่ร้าย!"
นางหานไม่รอช้า รีบทิ้งตัวลงข้างลูกสาว แสร้งเป็นผู้หญิงเจ้าน้ำตา
"ทุกคนฟังนะ! หล่อนใส่ร้ายยายแก่อย่างฉัน! โธ่เอ๊ยสวรรค์ เหตุใดจึงไม่ยุติธรรมเช่นนี้!"
เสียงหวีดร้องของแม่ลูกดึงดูดความสนใจของชาวบ้านได้ทันที ใครบางคนตะโกนขึ้นมาว่า
"ใครก็ได้! ไปตามลุงหวัง! ไปบอกหัวหน้าหมู่บ้านที!"
ภายในเวลาไม่กี่นาที ชาวบ้านก็หลั่งไหลกันมาจนลานบ้านแน่นขนัด
"เมื่อคืนนางหานเอาน้ำหวานมาให้ฉันดื่ม..แล้วบอกให้ฉันเข้าไปในบ้านมีของจะแบ่งให้ ฉันก็แปลกใจเหมือนกันเพราะปกติแล้วก็มีแต่ฉันที่เป็นคนหาของมากให้บ้านนี้ ด้วยความดีใจฉันก็ไม่ได้คิดอะไร"
เมื่อเห็นคนมาเยอะแล้วเสี่ยวหนานจึงใช้เสียงที่หนักแน่นและมั่นคง พูดออกมาด้วยความมั่นใจ
"ผมก็เหมือนกัน..เดิมทีผมกลับมาจากในเมือง หานเวยบอกให้ผมช่วยยกของ พอมาถึงบ้าน น้าหานเหลียนก็เอาน้ำหวานมาให้ดื่ม แล้วให้ยกของเข้าไปในห้อง จากนั้น...ประตูก็ถูกล็อกจากข้างนอก"
เสียงของโจวสือซานดังขึ้น เขาบอกเล่าทุกอย่างตามที่ได้พบเจอ ถึงเมื่อคืนเขาต้องทรมานแทบตายแต่ก็ไม่ได้แตะต้องเสี่ยวหนาน แต่ก็ไม่อาจไม่ปกป้องเธอได้
"ล็อก?"
ชาวบ้านพากันหันมามองเสี่ยวหนาน เธอก้าวไปที่ประตู ยกมือชี้ไปยังลูกกุญแจที่ยังคล้องอยู่กับห่วงเหล็ก
"นี่ไง! ลูกกุญแจล็อกจากด้านนอก ถ้าไม่ได้ล็อกไว้พวกเราจะไปทำอะไรอยู่ในนั้น ต่อให้ฉันคิดจะนอกใจหานเจาจริง ๆ ใครมันจะโง่มาทำอะไรกันในบ้านของคู่หมั้น หรือถ้าเป็นพวกคุณจะทำแบบนั้นรึยังไง?"
เสียงฮือฮาเริ่มดังขึ้น ชาวบ้านสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเงยหน้ามองกัน ก่อนจะยกมือขึ้น
"ตอนพวกเรามาถึง นางหานบอกให้มาดูของใหม่ที่ลูกชายส่งมา ก็เห็นว่าหานเวยกำลังยืนลุกลี้ลุกลนไขกุญแจอยู่จริง ๆ ด้วย"
"ใช่ ๆ ประตูต้องถูกล็อกจากด้านนอกแน่ ๆ"
แววตาของชาวบ้านเปลี่ยนไป หันไปมองนางหานกับหานเวยด้วยแววสงสัย
"อย่าไปเชื่อ! อย่าไปเชื่อผู้หญิงสำส่อนคนนี้นะ สองคนนี้ต้องใส่ร้ายฉันแน่ ๆ" นางหานเริ่มลนลานโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
"นี่ไม่ใช่แค่เรื่องใส่ร้าย...แต่เป็นแผนของสามแม่ลูกบ้านหาน!"
เสี่ยวหนานเอ่ยด้วยเสียงที่แฝงความขมขื่น แววตาแน่นิ่งแต่แฝงประกายอาฆาต
"แกพูดจาเหลวไหล! พวกเราจะทำแบบนั้นเพื่ออะไร!" หานเวยกรีดร้อง
"เพื่อจะได้ถอนหมั้นกับฉันไง" คำพูดและแววตาของเสี่ยวหนานคมกริบจนสองแม่ลูกบ้านหานใจกระตุก
"กะ..แกพูดมั่ว ตัวเองทำตัวไม่ดียังจะมาโทษพี่ชายฉันอีก ฉันจะทำแบบนั้นไปทำไม!" หานเวยพยายามปั้นหน้าพูดอย่างเย่อหยิ่ง
"เพราะหานเจาสอบติดมหาวิทยาลัยแล้ว และกำลังจะได้แต่งงานกับลูกสาวอาจารย์ของเขา ฉันรู้ทุกอย่าง ฉันอ่านมาแล้ว!"
ประโยคนั้นทำให้แม่ลูกบ้านหานหน้าซีดเผือด หานเวยสั่นไปทั้งตัว นางหานก็หายใจหอบเหมือนจะเป็นลม
"แกพูดบ้าอะไรของแก! ใส่ร้ายกันชัดๆ!"
ทันใดนั้น ฟ้าร้องครืนขึ้นมาอย่างน่าขนลุก เมฆดำลอยต่ำปกคลุมเหนือหัว ราวกับเทวดากำลังมองลงมาจากฟากฟ้า เสี่ยวหนานก้าวไปกลางลานบ้านอีกครั้ง แหงนหน้ามองฟ้าแล้วยกมือขึ้นอย่างแน่วแน่
"หากคำพูดของฉันเป็นเท็จ ขอให้ฟ้าผ่าลงมาที่ฉัน! แต่หากทุกอย่างเป็นความจริง ขอให้สายฟ้าลงโทษคนชั่วอย่างเหมาะสม!...อีกทั้ง...หากหานเจานอกใจฉันจริง ขอให้เขาไม่ตายดี และอย่าให้มีลูกหลานสืบสกุล!"
ทันใดนั้น ฟ้าก็สงบนิ่ง... ทุกคนกลั้นหายใจเงียบงัน นางหานกัดฟันแน่น แต่ยังคงแหงนหน้าพูดต่อ
"หล่อนมันบ้า! หล่อนใส่ร้ายลูกฉัน! หานเจาเป็นเด็กดี!"
เปรี้ยง!
เสียงฟาดดังลั่น ฟ้าผ่าลงตรงต้นไม้กลางลานบ้านที่ห่างจากสองแม่ลูกเพียงหนึ่งก้าว เปลือกไม้แตกกระจาย เสียงกรีดร้องดังระงม หานเวยกับนางหานทรุดลงกับพื้น ใบหน้าขาวซีดเหมือนจะสิ้นสติ
"ฟ้า...ฟ้าผ่า...จริง ๆ ด้วย"
"เสี่ยวหนานพูดจริงเรอะเนี่ย..."
เสียงซุบซิบของชาวบ้านเปลี่ยนจากข้อสงสัยกลายเป็นความเชื่อ
"ทุกคนได้ยินแล้วใช่ไหม? ฟ้ายืนยันความบริสุทธิ์ของฉัน และเปิดโปงความชั่วร้ายของบ้านหาน"
เสี่ยวหนานหันมองทุกคน สร้างความแปลกใจให้โจวสือซานไม่น้อย เดิมทีเขาคิดว่าเธอเป็นคนหัวอ่อนไม่สู้คน แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้ดูดุดันไม่ยอมใคร เธอเป็นคนยังไงกันแน่?
"ฉันไม่คิดเลยว่าบ้านหานจะทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้" ชาวบ้านเริ่มกระซิบกระซาบกันไปมา
"ใช่แล้ว หลอกใช้เสี่ยวหนานมาหลายปี แล้วสุดท้ายก็วางแผนใส่ร้ายเธอ"
"หล่อน...หล่อนรู้ได้ยังไงกัน" นางหานครางออกมา น้ำตาไหลพราก สะอื้นไห้แบบไร้คำแก้ตัว
"ฉันขอให้ทุกคนเป็นพยาน หานเจาใจคด ตั้งแต่วันนี้ไป ฉันกับบ้านหานตัดขาดกันโดยสิ้นเชิง!"
เสี่ยวหนานประกาศออกมาต่อหน้าทุกคน ชาวบ้านพากันพยักหน้า เสียงตกลงดังระงมไปทั่ว
"ได้ พวกเราจะเป็นพยานให้เธอเองเสี่ยวหนาน"
"ใช่ ๆ พวกเราก็จะเป็นพยานให้"
"แต่ของของฉันที่ขนมา ฉันก็จะเอากลับทั้งหมด ทุกคนช่วยเป็นพยานด้วย ฉันไม่ได้เอาของของบ้านหานไปแม้แต่ชิ้นเดียว"
เสี่ยวหนานตะโกน พลางเดินเข้าไปในบ้าน หอบของของตัวเองที่ขนมาจากบ้านซู ทั้งรถเข็น กะละมังใบใหญ่ เครื่องครัว โต๊ะ เก้าอี้ เสื้อผ้า ข้าวสารอาหารแห้งที่เก็บไว้กินเป็นเดือน เธอขนคืนทั้งหมด
"ของพวกนั้นเป็นของบ้านฉัน! หล่อนเอาไปไม่ได้!"
เสี่ยวหนานได้ยินแบบนั้นก็หันขวับ ใบหน้าของเธอยิ้มเย็นจนคนมองขนลุกซู่
"ฉันขนมาให้ต่างหาก! เคยมีใครเห็นแม่ลูกบ้านหานออกไปทำงานหาเงินไหม? ยังมี 600 หยวนที่ฉันไปขอจากแม่กลับมาให้หานเจาใช้ ฉันก็ยังไม่ได้คิดบัญชี ถ้ายังสร้างเรื่องอีกฉันจะฟ้องเอาคืนให้หมดทุกเหมาเลย แล้วก็จะไปร้องเรียนที่มหาวิทยาลัยเรื่องพฤติกรรมของหานเจา ดูสิว่าอนาคตของนักศึกษาอย่างเขาจะพังพินาศลงยังไง!"
นางหานถึงกับนิ่งไปทันที ปากสั่นแต่ไม่อาจโต้เถียงได้ ชาวบ้านต่างพากันส่ายหน้า บางคนถึงกับถ่มน้ำลายลงพื้นด้วยความรังเกียจ
"เห็นแก่ตัวจริง ๆ ใช้ลูกสาวคนอื่นมาเลี้ยงลูกชายตัวเองตั้งหลายปี พอสอบติดได้ดีก็ถีบหัวส่ง!"
"ชั่วช้าสิ้นดี! ยังหน้าไม่อายมาใส่ร้ายเขาอีก หน้าหนาอะไรปานนั้น"
"เสี่ยวหนานเป็นคนดี ขยันขันแข็ง สมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้"
ท่ามกลางการพูดคุยอื้ออึงของชาวบ้าน เสี่ยวหนานไม่สนใจอะไรนอกจากขนของของเธอขึ้นรถเข็น โดยมีโจวสือซานคอยช่วยและเคียงข้างเธออยู่ไม่ห่าง กระทั่งทั้งคู่เดินออกจากบ้านหานด้วยรอยยิ้ม ท่ามกลางเสียงโอดครวญของนางหานและลูกสาวที่เสียดายข้าวของที่ถูกยึดคืนไป
ห้าปีต่อมาห้าปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันคือปี ค.ศ. 1988 ซูจื่ออัน เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชิงหัวมาได้สักพักใหญ่แล้ว ด้วยความรู้และความสามารถที่ร่ำเรียนมา เขาได้เข้ามาช่วยงานในโรงงานของพี่สาวอย่างเต็มตัว โรงงานแห่งใหม่ ของ ซูเสี่ยวหนาน กำลังเริ่มก่อสร้างบนที่ดินที่เธอซื้อสะสมไว้ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและมีพื้นที่กว้างขวางจื่ออันใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมที่ร่ำเรียนมา วางแผนงานเกี่ยวกับเครื่องจักรในโรงงานแห่งใหม่ด้วยตัวเองอย่างละเอียด แม้โรงงานจะยังคงเน้นการใช้แรงงานคนเป็นหลัก แต่จื่ออันก็เลือกที่จะนำเครื่องจักรที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิตบางส่วน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและเพิ่มปริมาณการผลิตเที่ยงวัน ที่ร้านข้าวแกงสะใภ้ไต้ก๋งวันนี้เป็นวันเสาร์ ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาที่ ร้านข้าวแกงสะใภ้ไต้ก๋ง เพื่อกินมื้อเที่ยงกันอย่างคับคั่ง แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ร้านแห่งนี้ก็ยังคงเป็นที่นิยมของผู้คน หรือจะเรียกว่าเป็น "ขวัญใจแรงงาน" ก็ว่าได้ เพราะอาหารอร่อย ราคาถูก และบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเองเสี่ยวหนาน พาลูก ๆ และหลานชายมาช่วยงานที่ร้านข้าวแกง หน่วนหน่วนตอนนี้อายุ 13 ปี ดูแลการจัดโต๊ะช่วยคน
วันต่อมาเสี่ยวหนาน ก็พาพ่อแม่และทุกคนออกไปเที่ยวชมสถานที่สำคัญในปักกิ่ง การเดินทางในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับทุกคน โดยเฉพาะพ่อซู แม่ซู พ่อโจว และ แม่โจว ที่ไม่เคยได้มาเยือนเมืองหลวงแห่งนี้มาก่อนสถานที่แรกที่พวกเขาไปคือ โรงละครอุปรากรปักกิ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่วัฒนธรรมจีนแบบดั้งเดิมกำลังถูกฟื้นฟู หลังยุคปฏิวัติวัฒนธรรม บรรยากาศภายในโรงละครไม้เก่าแก่เต็มไปด้วยความขลังและมนต์เสน่ห์ เสียงดนตรีพื้นเมืองบรรเลงคลอเคล้ากับการแสดงงิ้วที่วิจิตรตระการตา นักแสดงแต่งหน้าแต่งกายสวยงาม ท่าทางอ่อนช้อยงดงาม สร้างความประทับใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก雪落寒亭魂未散Xuě luò hán tíng hún wèi sànเสวี่ย ลั่ว หาน ถิง หุน เว่ย ซ่านหิมะโปรยลงบนศาลาเยือกเย็น วิญญาณยังมิยอมลาจาก天公莫笑女孤单Tiān gōng mò xiào nǚ gū dānเทียน กง ม่อ เสี้ยว หนฺ หวี่ กู ตันโอ้สวรรค์ อย่าหัวเราะหญิงผู้โดดเดี่ยว泪洒心灯照旧愿Lèi sǎ xīn dēng zhào jiù yuànเล่ย ส่า ซิน เติง เจ้า จิ้ว เยฺวียนหยาดน้ำตาหลั่งลง กลางแสงตะเกียงใจ ส่องให้คำอธิษฐานเก่าแจ่มชัดอีกครา冤枉三声唤地寒Yuān wǎng sān shēng huàn dì hánเยวียน หว่าง ซาน เซิง ฮ่วน ตี้ หาน
"ครับพี่เขย" เจ้าเด็กแฝดถูกส่งต่อให้น้าชายกับพี่ ๆ ดูแลต่อ ส่วนคนอื่น ๆ ก็แยกกันพักผ่อนอาบน้ำอยู่ในห้องของตัวเองแท้จริงแล้วเสี่ยวหนานแอบเก็บอาหารทะเลสด ๆ เหล่านั้นไว้ในมิติส่วนตัวของเธอ และแกล้งทำเป็นเติมน้ำแข็งตามจุดแวะพักต่าง ๆ ตลอดทาง เพื่อไม่ให้ใครสงสัยว่าทำไมอาหารทะเลถึงยังสดใหม่ราวกับเพิ่งขึ้นจากทะเลมาวันนี้เสี่ยวหนานตั้งใจทำเมนูโปรดหลายอย่างให้น้องชายได้กิน มีทั้งกุ้งอบวุ้นเส้น โจ๊กปู ซุปหอยนางรม ปลาหมึกผัดผงกะหรี่ หอยเชลล์ผัดเนย ปลานึ่งบ๊วย และที่ขาดไม่ได้คือ เป่าฮื้อนึ่งซีอิ๊ว ที่พ่อกับแม่ชอบเป็นพิเศษ โชคดีที่เธอได้บอกให้จื่ออันซื้อเครื่องปรุงและของใช้ในครัวไว้ให้ครบถ้วน ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง ทำให้การทำอาหารเป็นไปอย่างราบรื่นเมื่อทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อย เสี่ยวหนานก็เตรียมอาหารส่วนหนึ่งใส่ปิ่นโตอย่างสวยงาม เพื่อนำไปมอบให้ อาจารย์เกา และครอบครัว นอกจากนี้เธอยังเตรียมอาหารทะเลสด ๆ ไม่ว่าจะเป็นปู ปลา กุ้ง และปลาหมึก หอยนางรมใส่ถังใบใหญ่แยกต่างหาก เพื่อเป็นของขวัญสำหรับครอบครัวเกาเป็นการตอบแทนน้ำใจที่ช่วยดูแลจื่ออันมาตลอด"จื่ออัน" เสี่ยวหนานเรียกน้องชาย "มาช่วยพี่ถือข
3 เดือนแล้วตั้งแต่เด็กแฝดเกิดมาในขณะที่ทุกคนกำลังชื่นชมและเล่นกับเด็กแฝดตัวน้อย เสี่ยวหนานสังเกตเห็นว่าหน่วนหน่วนกำลังยืนมองน้องชายด้วยแววตาที่ฉายแววครุ่นคิดเล็กน้อย แม้จะดูดีใจ แต่ก็มีความกังวลบางอย่างแฝงอยู่"หน่วนหน่วนมาหาแม่เร็วเข้า ไหนดูซิว่าวันนี้ลูกสาวของแม่จ๋าอยากได้ผมทรงไหน? เอาเปียสองข้างดีไหม? หรือจะให้แม่มัดแบบหางม้า"เช้าวันเสาร์ที่เด็ก ๆ ไม่ได้ไปโรงเรียน สือซานเองก็ยังไม่ยอมให้เสี่ยวหนานไปทำงาน เธอจึงพาเด็ก ๆ มานั่งเล่นอยู่ห้องรับแขก ส่วนเจ้าเด็กแฝดทั้งสองก็มีปู่ย่าคอยดูแลอาหารการกินอี้หลันก็จะให้คนงานเอามาส่งให้ ไม่ต้องให้เสี่ยวหนานเข้าครัวให้ลำบาก มีเพียงช่วงค่ำของวันที่สือซานจะพาเสี่ยวหนาขับรถเข้าไปที่ร้านเพื่อเติมของ และเข้าโรงงานบ้างสัปดาห์ละครั้งส่วนงานที่โรงงานก็มีพนักงานในสำนักงานคอยดูแลครบทุกตำแหน่งแล้ว เสี่ยวหนานจึงรอตรวจบัญชีโดยรวมที่สือซานเอากลับไปให้ที่บ้านเท่านั้น ส่วนงานอย่างอื่นก็มีจื่อเหิงและพ่อแม่คอยเป็นหูเป็นตาให้ทางด้านบ้านโจว พ่แโจวกับสือซานก็ยังรับหน้าที่ออกเรือหาอาหารทะเลเช่นเดิม ถึงจะมีเรือหลายลำที่นำของมาขายให้โรงงาน แต่พ่อโจวก็มันจะเดินเรืออ
แสงจันทร์สีนวลสาดส่องเข้ามาในห้องนอนของเสี่ยวหนานและสือซาน ส่องกระทบผ้าม่านบางเบาที่พลิ้วไหวตามแรงลม เสี่ยวหนานนั่งอยู่ริมหน้าต่าง พลางเหม่อมองออกไปยังดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า ดวงตาของเธอฉายแววครุ่นคิด ความสำเร็จทางธุรกิจในวันนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกสุขใจได้อย่างเต็มที่ ในใจของเธอเต็มไปด้วยคำถามและข้อสงสัยเกี่ยวกับชะตาชีวิตของตัวเอง"นี่ฉันแย่งชะตาชีวิตคนอื่นมารึเปล่า?" เสี่ยวหนานพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เสียงของเธอแทบจะกลืนหายไปในความเงียบของราตรีเธอหวนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด เธอจำได้ว่าเดิมทีเธอเป็นเพียงผู้อ่านนิยายที่ยังอ่านไม่จบเรื่องหนึ่ง แต่จู่ ๆ เธอก็ถูกดึงเข้ามาอยู่ในโลกของนิยายเรื่องนี้ และสวมรอยเป็นตัวละครที่มีชื่อว่า ซูเสี่ยวหนาน ซึ่งตามบทบาทเดิมแล้วเป็นเพียงตัวละครรองที่จะถูกสลัดทิ้งหลังจากที่ตัวร้ายอย่าง หานเจา ได้สมหวัง และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ นางเอกของเรื่องคือ ไป๋ลี่เหยา คนที่จะต้องได้แต่งงานกับ โจวสือซาน พระเอกของเรื่องและเป็นสามีของเธอในตอนนี้เสี่ยวหนานถอนหายใจยาว ในฉบับนิยายเดิม ซูเสี่ยวหนาน ตัวจริงจะต้องฆ่าตัวตายเพราะทนรับความจริงไม่ได้ ครอบครัวข
ที่โรงพยาบาล ทันทีที่รถของสือซานจอดสนิทที่ทางเข้าห้องฉุกเฉิน บุรุษพยาบาลก็รีบเอารถเข็นมารับร่างของคนป่วย แล้วพาเสี่ยวหนานเข้าไปยังห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว ทีมแพทย์และพยาบาลเข้ามารับช่วงต่อทันที พวกเขาพยุงร่างของเสี่ยวหนานขึ้นนอนบนเตียงเข็น และพาเธอเข้าไปในห้องตรวจ หลังจากเก็บรถเสร็จสือซานก็รีบมายืนรออยู่หน้าห้องอย่างกระวนกระวายใจ หัวใจของเขาบีบรัดแน่นด้วยความกลัวว่าจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นเสี่ยวหนานไม่นานนัก แพทย์หญิงท่านหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องตรวจด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน สือซานรีบปรี่เข้าไปหาทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล "คุณหมอครับ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ เสี่ยวหนานเป็นอะไรมากหรือเปล่า" น้ำเสียงของเขาสั่นเครือคุณหมอยิ้มให้สือซานอย่างใจเย็น "ไม่ต้องห่วงค่ะคุณโจว ภรรยาคุณแค่เหนื่อยล้ามากเกินไป พักผ่อนน้อยไปหน่อยค่ะ"สือซานถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยอะไร คุณหมอก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นเล็กน้อย "...""แต่ต่อจากนี้ไปคุณต้องระวังให้มากนะคะ ดูแลเธอให้ดี อย่าให้เธอทำงานหนักเด็ดขาดเลย เพราะยังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องค่ะ"คำพูดของคุณหมอทำให้สือซานอ้าปากค้
ความคิดเห็น