공유

บทที่ 6

last update 최신 업데이트: 2025-07-11 01:23:04

เมื่อสือซานกับเสี่ยวหนานปั่นจักรยานมาถึงบริเวณท่าเรือ เขาเลี้ยวเข้าไปจอดบริเวณหน้าร้านของลุงกู้ ซึ่งเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน

"อ้าวสือซาน ทำไมมากับเสี่ยวหนานได้ล่ะ?"

ป้ากู้ทักทายสือซานอย่างเป็นกันเอง แต่นางก็มีความสงสัยอยู่หลายส่วน เพราะคนในหมู่บ้านต่างก็รู้ดีว่าเสี่ยวหนานเป็นคู่หมั้นของหานเจา แต่น่าแปลกที่วันนี้ทั้งสองคนซ้อนจักรยานมาด้วยกัน แถมยังมีท่าทีสนิทชิดเชื้อกว่าปกติ

"ป้ากับลุงออกบ้านแต่เช้า เข้าบ้านก็มืดค่ำน่าจะยังไม่รู้ เสี่ยวหนานถอนหมั้นกับหานเจาแล้วครับ เมื่อวานเธอก็แต่งเข้าบ้านโจวของเราแล้ว"

สือซานตอบคำถามแบบไม่เข้าเนื้อหามากเท่าไหร่ อีกไม่นานผู้อาวุโสทั้งสองก็คงรู้เรื่องนี้เอง

"อ้อ อย่างนั้นเอง ว่าแต่วันนี้พากันมาทำอะไรที่นี่ล่ะ หรือว่ามาซื้อของ?"

"ภรรยาของผมอยากทำกับข้าวขายครับ วันนี้พวกเราก็เลยมาหาที่เปิดร้าน ลุงกับป้าพอจะมีที่ไหนแนะนำไหมครับ?"

ผู้อาวุโสทั้งสองยิ้มน้อย ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่ม พลางคิดในใจว่า..เจ้าเด็กนี่คงอยากประกาศให้โลกรู้สินะว่าเสี่ยวหนานเป็นภรรยาของตัวเอง

"มีสิ..มี เอ้านั่นหยุนฮวามาพอดี มา ๆ หยุนฮวา มาเปิดห้องข้าง ๆ ให้ลูกชายกับลูกสะใภ้บ้านโจวดูหน่อย พวกเขาอยากหาที่ขายกับข้าว"

หยุนฮวาที่เพิ่งเดินมาถึง พอได้ยินสรรพนามที่ป้าของเธอเรียกหนุ่มสาวทั้งสองก็หัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อวานหลังจากเลิกงานกลับบ้านไป เธอก็ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเสี่ยวหนานจากผู้เป็นพ่อ ที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว เสียงส่วนใหญ่ยังไปในทิศทางที่สงสารหญิงสาวมากกว่า

"ดีใจด้วยนะเสี่ยวหนาน ในที่สุดก็เจอคนดี ๆ อย่างสือซาน อยากขายกับข้าวก็ดีเลย ที่นี่แขกมาเยอะ คนงานก็เยอะ แต่ไม่มีใครขายข้าวสักที ทุกคนต้องปั่นกลับเข้าเมืองกันหมด มานี่ เดี๋ยวพี่พาไปดู"

"ขอบคุณค่ะพี่หยุนฮวา"

เสี่ยวหนานจำได้ว่าหยุนฮวาคือลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน และเธอก็ยังรับหน้าที่สำคัญในท่าเรือแห่งนี้ แถมยังเป็นคนดีทั้งครอบครัว

เมื่อประตูเหล็กถูกรูดเปิดออก กลิ่นอับบางเบาของห้องโชยมาตามอากาศ ห้องกว้างจุใจ พื้นปูนเรียบ ถึงจะเก่าไปนิดแต่ยังแน่นหนา มีแสงลอดจากหน้าต่างด้านหน้าและช่องลมด้านหลัง เสี่ยวหนานเดินสำรวจด้วยดวงตาเป็นประกาย เมื่อเปิดห้องครัว ห้องเก็บของและห้องน้ำ เธอก็ยิ้มอย่างพอใจ

"ห้องนี้เป็นห้องใหญ่ 2 ห้อง ทะลุเข้าหากัน ค่าเช่าเดือนละ 20 หยวน ถ้าจะเช่าก็จ่ายเงินทำสัญญาแล้วเข้าอยู่ได้เลย"

หลังจากพาทั้งคู่เดินดูรอบ ๆ ร้านแล้ว หยุนฮวาก็บอกรายละเอียดค่าเช่าให้สองสามีภรรยาได้รู้และตัดสินใจ

"หนานหนาน น้องชอบไหม?" สือซานหันไปถามภรรยา

"ชอบค่ะ ที่นี่เหมาะมาก เราเช่าเลยดีไหม แม่ให้เงินมาพอดี 20 หยวน ส่วนของอย่างอื่นฉันมีครบ"

สือซานยิ้มให้ภรรยา เขาเข้าในความหมายที่บอกว่าเธอมีของครบ ก็คงเป็นของที่ติดตัวเธอมานั่นเอง

"เช่าเลยครับพี่หยุนฮวา!"

เมื่อกลับมานั่งทำสัญญา เสี่ยวหนานก็เห็นว่าสามีหยิบเงินเก็บจากกระเป๋าผ้าออกมา กองเป็นปึก ๆ ราวกับมีอยู่ถึงพันกว่าหยวน

"พี่สือซาน...ทำไมพี่มีเงินเยอะจัง?" เธอถามเบา ๆ ขณะเดินกลับออกจากห้องสำนักงานของท่าเรือ

"พี่กับพ่อออกเรือวันเว้นวัน ขายของที่สมาคมประมงไงก็พอมีเงินเก็บอยู่นิดหน่อย"

พอได้ยินแบบนั้นคนฟังก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

"จริงสิ ไป๋ลี่เหยาลูกสาวหัวหน้าสมาคมนั่นชอบพี่นี่นา เธอถึงให้ราคาดีเป็นพิเศษ"

"ไม่ใช่! ไม่ใช่นะ ถึงเธอจะให้เยอะกว่าคนอื่น แต่พี่ก็เอาคืนเธอ รับเท่าที่ควรได้นั่นแหละ!" สือซานรีบแก้ตัว

เสี่ยวหนานไม่ตอบอะไร เธอเพียงแอบยิ้มและปล่อยให้เขาร้อนรนจนต้องดึงเธอไปคุยใต้ต้นไม้ใหญ่

"พี่พูดจริง ๆ นะเสี่ยวหนาน พี่สาบานก็ได้ พี่กับเธอไม่ได้มีอะไรเกินเลย..."

คำสารภาพแบบคนซื่อ ๆ ทำให้หญิงสาวยิ้ม ใจหนึ่งก็อยากแกล้งอีก ใจหนึ่งก็อ่อนโยนเกินกว่าจะปล่อยให้เขาร้อนใจไปมากกว่านี้ เสี่ยวหนานเขย่งขึ้นแล้วจูบปากเขาเบา ๆ

"ฉันเชื่อค่ะสามีของฉัน พี่สบายใจได้"

"สะ...เสี่ยวหนาน น้องทำไม..."

"ทำไมล่ะ ฉันจุ๊บปากสามีตัวเองไม่ได้เหรอ?"

"ได้...ได้สิ!"

"งั้นเราไปซื้อขนมฝากให้เด็ก ๆ กันดีกว่า คืนนี้พี่ออกทะเลต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ ไว้คืนพรุ่งนี้ฉันจะนวดให้พี่หายเหนื่อย"

ประโยคหลังกับสายตาของภรรยาช่างทำให้เขาใจเต้นรัว พูดได้เรื่องว่าเรื่องนั้นเธอช่างท้าทายและซุกซนจริง ๆ ใบหน้าของสือซานตอนนี้เปล่งประกายเหมือนต้นไม้ที่เคยเหี่ยวเฉา ถูกชโลมด้วยปุ๋ยยาชั้นดี จนทำให้ต้นไม้ใหญ่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ในอีกด้านหนึ่งของหมู่บ้าน บ้านสกุลไป๋ตั้งตระหง่านริมเชิงเขา ล้อมรอบด้วยรั้วหินสูงใหญ่ ด้านหน้าเป็นสวนดอกไม้หอมลอยอ้อยอิ่ง เป็นเครื่องบ่งชี้ฐานะของครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในละแวกนั้น

ไป๋ลี่เหยาในชุดผ้าฝ้ายปักดิ้นทองแนบลู่กับเรือนร่างสูงเพรียว ผมยาวถูกมัดไว้ด้วยแถบไหม เสียงแตกกระจายจากถ้วยชาดังขึ้น เมื่อเธอเหวี่ยงมันทิ้งลงบนโต๊ะน้ำชาอย่างไม่พอใจ

"อะไรนะ? ซูเสี่ยวหนานแต่งงานกับโจวสือซานแล้ว? นังนั่น...มันกล้าดียังไงถึงมายุ่งกับผู้ชายของฉัน!"

หานเวยนั่งจิบชาเย็นอย่างอ้อยอิ่ง ใบหน้าแต่งแป้งบางเผยยิ้มเหยียดอย่างสะใจ เสี่ยวหนานขนของที่บ้านเธอไปหมด เรื่องอะไรเธอจะยอมให้หล่อนได้อยู่อย่างสงบสุข

"ไม่เพียงแต่งงานนะลี่เหยา มันยังไปอยู่ที่บ้านโจว ช่วยเลี้ยงลูกสาวเขา ทำอาหาร ทำงานบ้าน ตอนนี้ยังได้ยินว่าอยากออกไปเปิดร้านขายกับข้าว พี่สือซานก็หลงหล่อนหัวปักหัวปำตามใจหล่อนทุกอย่าง"

ไป๋ลี่เหยาเชิดหน้า ดวงตาเป็นประกายวาววับด้วยความเกลียดชัง

"ก็แค่ผู้หญิงชาวบ้านหน้าตาธรรมดา คิดหรือว่าจะสู้ฉันได้? ถ้าไม่มีแผนต่ำ ๆ อย่างวางยา เขาคงไม่เหลียวแลเลยด้วยซ้ำ!"

หานเวยพยักหน้าเชื่องช้าพลางคิดในใจว่า..ความรักช่างทำให้คนโง่งมสิ้นดี โดนเธอเป่าหูนิดหน่อยก็แยกแยะถูกผิดไม่ได้เสียแล้ว ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่น่าหวาดหวั่น

"ว่าไป...ฉันก็ได้ยินมาว่าคืนนั้นน่ะแปลกนัก โจวสือซานไม่เคยพาใครเข้าบ้านง่าย ๆ แต่กับเสี่ยวหนาน เขากลับพาเข้าตั้งแต่วันแรก น่าคิดนะ ว่ามันใช้กลอะไร วางยา? หรืออะไรบางอย่างที่ผู้หญิงอย่างพวกเราไม่ควรใช้?"

ไป๋ลี่เหยาหัวเราะเบา ๆ ดวงตาเปล่งประกายแข็งกร้าว

"ดี...ถ้าอย่างนั้น ฉันจะไปเอาสิ่งที่เป็นของฉันกลับมาเอง ไม่ว่านังซูเสี่ยวหนานจะเล่นตลกแบบไหน มันจะต้องร้องไห้วันหนึ่งแน่!"

ยามบ่ายคล้อยฟ้าเริ่มแต่งตัวด้วยม่านสีทองอ่อนของดวงตะวัน ไอทะเลพัดโบกจากชายฝั่งเยี่ยนเทียน ส่งกลิ่นเค็มจาง ๆ มาปะทะปลายจมูก บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ตามเนินหินริมทะเลเริ่มปิดหน้าต่างรับลมเย็นเฉียบ ริมท่าเทียบเรือ เรือประมงไม้ขนาดกลางของไต้ก๋งโจวกำลังตระเตรียมออกเดินทางอีกครา

"สือซาน ลูกเช็กเสาอวนแล้วใช่ไหม?"

เสียงห้าวของไต้ก๋งโจวดังขึ้นจากหัวเรือ ชายวัยห้าสิบเศษที่แม้แผ่นหลังจะเริ่มโค้งงอ แต่สายตายังเฉียบคมพอจะจ้องไกลเกินเส้นขอบน้ำ

"เช็กเรียบร้อยแล้วครับพ่อ ผมผูกเชือกสองชั้นแบบที่พ่อสอนไว้เป๊ะเลยครับ"

สือซาน ลูกชายคนเดียววัยยี่สิบกว่า ขานตอบพลางปัดเหงื่อจากหน้าผาก มือของเขามีแผลถลอกเล็ก ๆ จากเชือกหยาบ—รอยเดียวกับที่ไต้ก๋งเคยมีเมื่อวัยยังหนุ่ม

เรือลำนี้บรรทุกได้ถึงสามพันกิโลฯ ท้องเรือทำจากไม้สนเคลือบยางดิน น้ำหนักแน่นหนาแต่ยังลอยลำได้คล่อง ตัวเรือยาวเกือบสิบห้าเมตร เสากระโดงสองต้นพาดอวนขนาดใหญ่ไว้แน่นหนา

ใต้ผ้าใบเก่าคลุมลังน้ำแข็ง ถังไม้ลายน้ำเค็มและกระสอบเกลือวางเป็นระเบียบ ลำเรือรับลูกเรือทั้งห้าคนไว้ในท้องของมันเหมือนแม่โอบลูกไว้ในอกอุ่น

"คืนนี้ขอให้ได้หมึกตัวโต ๆ เหมือนคืนก่อนนะลุงโจว ผมยังอยากกินหมึกแล่สด ๆ จิ้มซอสอยู่เลย หวานมา..กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ"

เจียงเฉิงเพื่อนสนิทของสือซาน ชายร่างผอมผิวแทนจัดกำลังจัดคันเบ็ดกับเหยื่อปลาอย่างตั้งใจ เขาหัวเราะพลางสะบัดเชือกเกลียวใหญ่พาดตะขอเหล็ก

"เจ้าเด็กตะกละ เมื่อวันก่อนกินหมดเป็นกิโลยังไม่เบื่ออีกเหรอ?"พ่อโจวกล่าวอย่างขำขัน

ฉุนกัง หนุ่มตัวอวบหัวเราะลั่นขณะเอนหลังพิงถังน้ำแข็ง พลางหยิบมันหมักมาดูดทีละอึก

"ของอร่อยพวกเราจะเบื่อได้ยังไงครับไต้ก๋ง ดูสภาพพี่ฉุนกังสิ ต่อให้งานหนักก็ทำให้น้ำหนักของพี่ฉุนกังลดลงไม่ได้"

หมิงหลงคนงานในเรือพูดขึ้นอย่างขำขัน พูดพลางเหลือบตามองไต้ก๋งที่ยืนกอดอกจ้องเส้นขอบน้ำ บนเรือนี้ทุกวันที่ออกทะเล นอกจากจะได้ค่าแรง ไต้ก๋งโจวยังแบ่งของสดให้พวกเขาเอากลับไปกินที่บ้านทุกวัน เขาจึงเป็นที่รักของคนงานเสมือนพ่ออีกคนหนึ่ง

ไต้ก๋งโจวขยับมุมปากเล็กน้อย นั่นเทียบได้กับเสียงหัวเราะของคนทั่วไป จากนั้นก็เริ่มสั่งงานลูกชายให้เตรียมพร้อม

"คืนนี้ลมตะวันตกเฉียงใต้พัดแรง ปลาหมึกมันจะลอยขึ้นมาหาแสงไฟ อย่าให้เสียเวลา เดี๋ยวพ่อจะหักหัวเรือออกจากท่าตอนฟ้าเปลี่ยนสี เตรียมตัวให้ดีนะสือซาน"

"ครับพ่อ"

เมื่อดวงตะวันเริ่มอ้อยอิ่งลงจากฟากฟ้า เครื่องยนต์ดีเซลในเรือส่งเสียงคำรามดังก้อง ควันสีเทาพวยพุ่งจากปล่องเรือ เรือโยกเบา ๆ แล้วค่อย ๆ เร่งความเร็ว ลำเรือแล่นออกจากท่า รอยเกลียวคลื่นตามท้ายเรือฟองฟอดเหมือนสายไหมน้ำทะเล

"ทุกคนจับเสาไว้ให้ดีนะ เดี๋ยวคลื่นตีตลบ!"

เสียงของไต้ก๋งดังขึ้นอีกครั้ง เจือความห่วงใยที่ลูกเรือทั้งสี่ได้ยินจนคุ้นเคย ลมผิวทะเลตีหน้าแรงจนเสื้อปลิวไสว เส้นผมของสือซานเปียกเหงื่อจับหน้าผาก เขาหันไปมองพ่อที่ยืนอยู่หัวเรือ แล้วถามเบา ๆ

"พ่อ คืนนี้เราจะไปที่อ่าวปลาเมาใช่ไหม?"

"ใช่ ที่เดิม จุดที่ลูกล้มครั้งแรกนั่นแหละ" ไต้ก๋งตอบเรียบ ๆ แต่ลูกชายหัวเราะเบา ๆ

"ผมยังจำได้ว่าหัวฟาดลังปลา เลือดโชกจนแม่บ่นไปหลายวัน"

"แต่ลูกก็ไม่เข็ด ตามพ่อกับพี่ชายออกทะเลตลอด" คำพูดสั้น ๆ ของพ่อ แทรกความภูมิใจที่ทำให้สือซานยิ้มได้

"คืนนี้ผมจะล่อหมึกด้วยไฟท้าย ดูซิว่ามันจะเลือกแสงหรือหน้าผม!"

ที่ท้ายเรือ ลูกเรืออีกสามคนยังเล่นหัวกันเหมือนพี่น้อง เจียงเฉิงตะโกนเสียงใส

"หมึกมันไม่โง่ขนาดนั้นหรอกไอ้น้อง"

ฉุนกังแซวกลับเสียงขำ หมิงหลงได้ยินก็ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย คู่นี้ขอแค่ให้ได้แข่งกัน แข่งอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ก็เป็นสีสันในช่วงเวลาที่ยังว่างอยู่ แต่ถ้าถึงเวลาที่ต้องทำงาน พวกเขาก็จริงจังและเต็มที่ทุกคน

"เฮ้อ เถียงกันได้ทั้งคืน"

เสียงหัวเราะ เสียงคลื่น เสียงลม ผสมกับเสียงเครื่องยนต์เรือที่กำลังทะยานสู่กลางมหาสมุทรหลอมรวมกันเป็นเสียงเดียว...

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 95

    ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน หน่วนหน่วน หยวนเปา หยวนเป่ย ต่างก็วิ่งตรงไปยังห้องนอนของตัวเองอย่างกระตือรือร้น ไม่นานนัก พวกเขาก็ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรัง ทั้งตุ๊กตาตัวโปรด ของเล่นชิ้นโปรด สมุดวาดรูป สมุดเขียน และดินสอสีสารพัดสีสัน แต่ละคนขนออกมาจากห้องของตัวเอง แล้วนำมากองรวมกันที่ห้อ

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 94

    หน่วนหน่วน เห็นอุปกรณ์ไฟฟ้าในห้อง ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เธอจึงเดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วเตือนสองพ่อลูกด้วยความเป็นห่วง "คุณลุงคะ น้องอิงลั่ว ถ้าจะใช้กระทะไฟฟ้าหรือกาน้ำร้อน ห้ามใช้ช้อนที่ทำจากสเตนเลสหรือเหล็กลงไปสัมผัสโดยตรงเด็ดขาดนะคะ ให้ใช้กระบวยที่มีด้ามจับแบบนี้แทน ไม่อย่างนั้นไฟจะดูดเอาได้ ไฟดูดน

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 93

    เธอเริ่มแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและเป็นกันเองเซ่าเวินเงยหน้าขึ้นมองเสี่ยวหนานด้วยความเกรงใจ เขาวางตะเกียบลงแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสั่นเครือ "ผม...ผมชื่อเซ่าเวินครับ นี่ลูกสาวของผม เซ่าอิงลั่ว พวกเราเป็นคนกว่างโจวครับ" เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้เสี่ยวหนานฟังด้วยความเจ็บ

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 92

    ในระหว่างนั้น เสี่ยวเปากับอันเจ๋อ ก็ช่วยกันยกถาดอาหารที่แม่ตักให้มาวางไว้ที่โต๊ะ อาหารร้อน ๆ กลิ่นหอมฟุ้งเต็มโต๊ะไปหมด ส่วน เสี่ยวเป่ย ก็รีบไปหยิบน้ำอัดลมที่เพิ่งซื้อมาพร้อมกับนมอีก 4 กล่อง รวมถึงขนมปังที่แม่เตรียมไว้ให้เป็นขนมของพวกเขา เสี่ยวเป่ยก็แบ่งส่วนหนึ่งมาวางไว้ให้ด้วยพอหน่วนหน่วนพาสองพ่อลู

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 91

    ห้าปีต่อมาห้าปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันคือปี ค.ศ. 1988 ซูจื่ออัน เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชิงหัวมาได้สักพักใหญ่แล้ว ด้วยความรู้และความสามารถที่ร่ำเรียนมา เขาได้เข้ามาช่วยงานในโรงงานของพี่สาวอย่างเต็มตัว โรงงานแห่งใหม่ ของ ซูเสี่ยวหนาน กำลังเริ่มก่อสร้างบนที่ดินที่เธอซื้อสะสมไว้ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 90

    สายตาของพนักงานสาวมองผ่านเพียงแค่วูบเดียว ก็ทำให้กิริยาของพนักงานเปลี่ยนไปในทันใด เธอกะพริบตาถี่ รีบยกมือขึ้นประสานพร้อมโค้งตัวเล็กน้อย"เชิญคุณลูกค้าทางนี้เลยนะคะ ห้องพิเศษของเราพร้อมแล้วค่ะ!"พนักงานผายมืออย่างนอบน้อม แล้วเดินนำแขกกลุ่มใหญ่ผ่านโถงกลางร้านเข้าไปยังห้องส่วนตัวที่จัดไว้โดยเฉพาะสำหรับ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status