공유

บทที่ 5

last update 최신 업데이트: 2025-07-11 01:21:30

หลังจากกินข้าวเสร็จ เสี่ยวหนานก็เตรียมตัวจะไปดูที่ขายของ แม่โจวเห็นว่าเสี่ยวหนานจะผ่านบ้านซูจึงจับปลาที่ขังอยู่ในกะละมังให้เสี่ยวหนานเอาไปฝากบ้านซูด้วย

"เสี่ยวหนาน เอาปลาพวกนี้ไปฝากพ่อแม่ที่บ้านด้วยนะลูก"

แม่โจวยิ้มละไมพลางหยิบปลาสดขึ้นมาใส่ถุงยื่นให้ลูกสะใภ้

"ขอบคุณค่ะแม่ งั้นหนูไปก่อนนะคะ"

"ไปเถอะลูก ถ้าสือซานกลับมาจากเรือ แม่จะบอกให้พี่เขารีบตามไป"

"ค่ะแม่ แล้วหน่วนหน่วนสนใจจะไปหาคุณยายกับแม่ไหม?"

เสี่ยวหนานหันไปถามหนูน้อยซินหน่วนที่กำลังนั่งมองเธออยู่เงียบ ๆ บ้านโจวมีคนน้อย แถมยังมีช่วงอายุที่ต่างกัน หน่วนหน่วนเลยไม่มีเพื่อนเล่นสักเท่าไหร่

"หน่วนหน่วนไปได้เหรอคะ จะไม่รบกวนแม่จ๋าใช่ไหม?"

"ไม่รบกวนแน่นอน เมื่อวานหน่วนหน่วนเห็นใช่ไหมว่าที่บ้านซูมีพี่อันเจ๋ออยู่ที่นั่น หนูอยากไปเล่นกับพี่เขาไหม?"

"ไปค่า"

หลังจากตกลงกันได้เสี่ยวหนานกับหน่วนหน่วนก็เดินไปที่บ้านซู พร้อมกับปลาสด ๆ ของฝากจากแม่โจว เดินไปไม่นานทั้งคู่ก็ถึงหน้าบ้านซู

"เสี่ยวหนาน หน่วนหน่วน เข้ามาก่อนลูก" แม่ซูที่นั่งชำแหละปลาตัวเล็ก ๆ ตากแดดอยู่หน้าบ้าน

"คุณยายสวัสดีค่ะ"

"พ่อกับพี่ใหญ่ไปทำงานแล้วเหรอแม่?" เสี่ยวหนานหันซ้ายหันขวาแต่ก็ไม่เห็นใครนอกจากอันเจ๋อจึงเอ่ยถาม

"ไปแล้วลูก วันนี้ไปรับจ้างเข็นปลาที่ท่าเรือเล็ก"

ท่าเรือเล็กคือท่าเรือประมงของชาวเมืองเยี่ยนเทียน แต่ไม่ใช่ท่าเรือใหญ่ที่บรรทุกสินค้าข้ามฝั่งไปที่ฮ่องกงและส่งออกไปต่างประเทศ

"อันเจ๋อมาเล่นเป็นเพื่อนน้องหน่อย อีกเดี๋ยวอาจะเข้าเมือง แล้วอาจะซื้อขนมมาฝากนะ"

"ครับอาเสี่ยวหนาน"

เสี่ยวหนานลูบหัวหลานชายวัย 7 ขวบ อันเจ๋อเป็นเด็กดีและเชื่อฟัง ถึงพี่สะใภ้จะพูดกับเธอไม่ดี แต่ก็เข้าใจได้ ทั้งหมดก็เพราะถูกเธอนำเงินที่มีในบ้าน ทั้งข้าวของ ทั้งอาหาร เธอก็ขนไปให้หานเจาจนหมด เฮ้อ! ไร้ความคิดจริง ๆ

"สือซานตามมาโน่นแล้ว อ้าว ทำไมเอาจักรยานมาด้วยล่ะ พวกลูกจะเข้าเมืองกันเหรอเสี่ยวหนาน"

แม่ซูเอ่ยถามลูกสาวเมื่อเห็นลูกเขยปั่นจักรยานลงเนินมาแต่ไกล

"หนูว่าจะเข้าไปดูที่ขายกับข้าวค่ะแม่ ดีกว่าอยู่เฉย ๆ"

"จะดีเหรอลูก พ่อแม่สามีจะไม่ว่าเหรอถ้าลูกออกไปทำงานแบบนั้น แล้วใครจะดูแลงานที่บ้าน?"

แม่ซูถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง แต่งเข้าไปเป็นสะใภ้ การปรนนิบัติดูแลสามีและพ่อแม่สามีเป็นเรื่องที่ต้องทำ

"แม่ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้พ่อแม่สามีเห็นด้วยแล้ว งานในบ้านหนูจะดูแลไม่ให้บกพร่อง"

"เอาเถอะ ถ้าบอกพ่อแม่สามีแล้วแม่ก็เบาใจ พากันไปทำธุระเถอะลูก ส่วนหน่วนหน่วนให้เล่นอยู่กับอันเจ๋อที่นี่ก็ได้ เดี๋ยวแม่จะดูให้เอง"

"แม่สวัสดีครับ ผมมารับเสี่ยวหนานเข้าเมืองครับ" สือซานรับทักทายทันทีที่จอดจักรยานแล้ว

"ฝากดูน้องด้วยนะสือซาน ส่วนหน่วนหน่วนให้เล่นอยู่ที่นี่กับอันเจ๋อก็ได้"

"ครับแม่ งั้นเราไปกันเถอะหนานหนาน" สือซานหันไปพูดกับภรรยาที่ยืนอยู่กับเด็ก ๆ

"หน่วนหน่วน รอพ่อกับแม่อยู่ที่นี่กับคุณยายนะ เล่นกับพี่อันเจ๋อไปก่อน ไว้เสร็จธุระแม่จะซื้อขนมมาฝาก"

"ค่า พ่อจ๋ากับแม่จ๋าอย่าลืมขนมของหน่วนหน่วนนะ"

"แม่ไม่ลืมแน่นอนจ้ะ มีของฝากให้ทั้งสองคนแน่นอน"

เสี่ยวหนานพูดพร้อมลูบศีรษะลูกสาวเบา ๆ แล้วรีบหมุนตัวเดินออกจากบ้านไปทันที

เสียงล้อจักรยานที่บดไปบนทางลูกรังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คล้ายหัวใจสองดวงที่กำลังปรับจังหวะให้ตรงกัน

เสี่ยวหนานนั่งซ้อนท้ายอยู่บนเบาะแคบ ๆ มือเกาะเอวของสือซานไว้แน่น ร่างเอนเล็กน้อยเข้ากับแผ่นหลังแข็งแรงของสามี แต่อารมณ์ในใจกลับคล้ายมีพายุ

เธอไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ขี่จักรยานออกมาจากบ้าน…

แม้ลมจะเย็น แต่มือเธอกลับชื้นเหงื่อจนรู้สึกได้เอง

ใจหนึ่งก็อยากสารภาพทุกอย่าง อีกใจก็กลัว…

กลัวเขา...จะกลัวเธอ

"เมื่อเช้า พี่เห็น..."

เสียงพูดนั้นคล้ายห้วงเวลาได้หยุดลง เสี่ยวหนานใต้กระตุกวูบ รีบถามเสียงสูงกลับไปทันที

"พี่เห็นอะไร?"

"เห็นตอนน้องเอาข้าวสารออกมา..."

เสียงของสือซานราบเรียบแต่เต็มไปด้วยความอึดอัด เขาไม่อาจทนกับความรู้สึกอึดอัดใจแบบนี้ได้จึงเป็นคนพูดเรื่องนี้เอง

"ละ...แล้วพี่กลัวฉันไหม?"

เสี่ยวหนานสูดลมหายใจลึกก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

"ไม่กลัว...พี่ถึงได้บอกไง ว่ามีอะไรให้พูดกับพี่ตรง ๆ" เขาตอบทันที แล้วเติมเสียงหัวเราะในลำคอ

"ได้ ฉันจะบอกความจริงกับพี่...แต่ก่อนอื่น พี่ต้องเตรียมใจหน่อยนะ อย่าคิดว่าฉันเป็นปีศาจไปซะก่อนล่ะ"

หญิงสาวชะงักเล็กน้อยแล้วพึมพำกับตัวเองเบา ๆ สือซานหัวเราะอีกครั้ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแสนอบอุ่นเหมือนพระอาทิตย์กลางฤดูหนาว

"หึ พูดมาเถอะ พี่รับได้ทุกอย่าง"

"พี่จำคืนที่เราถูกวางยาได้ไหม"

"จำได้สิ..." เสียงตอบของสือซานชะงักเล็กน้อย คล้ายรู้ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง

"เจ้าของร่างนี้จากไปในคืนนั้น ส่วนฉัน...มาจากอนาคต"

ลมที่พัดมากลับกลายเป็นลมหวิววูบในอกสือซาน เขาเบรกจักรยานเบา ๆ จนล้อหน้าหยุดริมพุ่มไม้ข้างทาง แล้วหันกลับไปมองหน้าเธอเต็ม ๆ เป็นครั้งแรกหลังจากออกจากบ้านมา

"อนาคตที่ว่า...ปีไหน?"

"ปี 2025 หรืออีก 42 ปีข้างหน้า"

เสี่ยวหนานตัดสินใจพูดแค่นั้น เธอไม่อาจพูดได้ว่าโลกใบนี้เป็นเพียงนิยายเรื่องหนึ่งเท่านั้น ถึงพูดไปใครจะเชื่อ ก็คนมีเนื้อมีหนัง มีความรู้สึกทั้งนั้นที่อยู่ตรงหน้า

"น้องพูดจริงเหรอ...นั่นหมายความว่าน้องรู้เรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตใช่ไหม?"

เขาถามเสียงเบา แต่ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะตกใจปนทึ่ง

"ใช่" เธอตอบเสียงเรียบ แต่ในใจเต้นแรงเหมือนกลองรัว

"..."

"แต่เป็นเรื่องราวในวงกว้าง อย่างพัฒนาการบ้านเมือง การเปลี่ยนแปลงในยุคสมัย ทิศทางของความเจริญ ฉันจำได้คร่าว ๆ และบางอย่าง...ก็ยังอยู่ในความรู้สึก"

สือซานขมวดคิ้วนิดหนึ่ง แต่เพียงชั่วครู่ ก่อนจะระบายยิ้มบางออกมา

"ว้าว...แสดงว่าพี่ตาถึงจนได้ของดีมาอยู่ในบ้านเลยสิเนี่ย"

เสี่ยวหนานหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ใบหน้าแดงระเรื่อ หัวใจที่เคยเต้นด้วยความหวาดหวั่น กลับอบอุ่นเหมือนกำลังซุกอยู่ในอ้อมแขนใครบางคน

"ข้าวสารที่พี่เห็นเมื่อเช้านั่นมาจากร้านในมิติของฉัน มันเป็นมิติที่เหมือนห้องเก็บของที่ไม่มีวันหมด มีวัตถุดิบ อุปกรณ์ทุกอย่างที่เคยใช้ในร้านอาหารของฉัน ในที่ที่ฉันจากมา"

เธอเริ่มเล่าอย่างออกรสออกชาติ ยิ่งรู้ว่าไม่ต้องปิดบังสามีเธอก็ยิ่งสบายใจมากขึ้น

"แสดงว่า...ก่อนหน้านี้ น้องเปิดร้านอาหารมาก่อน?"

"ใช่ ฉันทำร้านอาหารเล็ก ๆ ในเมือง เป็นร้านอาหารของเพื่อนบ้านทางใต้ที่มีความนิยมในยุคนั้น ขายดีมากจนต้องจองคิวล่วงหน้า"

"แสดงว่าตอนนี้พวกเราจะใช้ความรู้จากอนาคตสินะ"

"แน่นอน ฉันจะพาพี่ร่ำรวยไปด้วยกัน เสี่ยวหนานคนนี้ไม่ขออะไรมาก มีแค่เรื่องนอกกายนอกใจเท่านั้นที่ฉันรับไม่ได้"

สือซานมองหน้าเธอไปครู่ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจแตะกันแผ่วเบา

"พี่สาบานว่าจะมีน้องคนเดียว"

ลมทะเลที่พัดมาจากท่าเรือเหมือนกล่อมเสียงหัวใจให้เต้นช้าลง จักรยานพาพวกเขาเคลื่อนไปข้างหน้าอีกครั้ง...

ระหว่างทาง เสี่ยวหนานเล่าให้สือซานฟังถึงเมนูต่าง ๆ ที่เธอคิดจะทำ เธอเล่าออกมาจนหาที่สิ้นสุดไม่ได้ สือซานฟังไป ยิ้มไป ราวกับทุกถ้อยคำคือบทเพลงที่เธอแต่งขึ้นเพื่อเขา

บรรยากาศท่าเรือเซินเจิ้น ปี 1983

ท่าเรือเซินเจิ้นในปี 1983 ยังไม่ได้ยิ่งใหญ่เทียบท่าระดับโลกแบบในอนาคต แต่กลับคึกคักด้วยวิถีชีวิตอันเรียบง่ายและเต็มไปด้วยแรงงานขยันขันแข็ง อาคารต่าง ๆ ถูกปลูกเรียงรายอย่างประหยัดพื้นที่ สะท้อนยุคเปลี่ยนผ่านของประเทศจากเศรษฐกิจแบบรวมศูนย์ไปสู่ตลาดเปิดที่เริ่มก่อตัว

บริเวณท่าเรือแบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก

โซนท่าเทียบเรือ: อยู่ด้านหน้าสุด ติดชายฝั่ง เป็นพื้นที่สำหรับเทียบเรือบรรทุกสินค้าขนาดกลาง และเรือโดยสารในท้องถิ่น เสาไม้ผูกเชือกยังคงตั้งเรียงรายอยู่ ขณะที่กลิ่นทะเลเค็มโชยปะปนกับกลิ่นน้ำมันที่เผาผลาญจากเรือใหญ่

โซนโกดังสินค้า: ถัดเข้ามาด้านใน มีโกดังไม้กึ่งปูนที่แบ่งเป็นล็อก ๆ สำหรับเก็บสินค้าจากเรือ ตั้งอยู่ประมาณ 3-4 หลังหลังคาเรียบสีเทา มีชายผ้าพลาสติกขึงกันแดดฝนไว้อย่างเรียบง่าย

โซนร้านค้าและสำนักงานบริหาร: เป็นแนวยาวติดถนนด้านในสุด มีตึกชั้นเดียวปลูกติดกันเรียงเป็นห้อง ๆ ผนังปูนเปลือยสีหม่นตามกาลเวลา กระจกหน้าต่างบางห้องยังใช้บานไม้เปิดปิดแทนกระจกสมัยใหม่

หนึ่งในแถวนั้น มี ห้องกระจกที่ใช้เป็นสำนักงานท่าเรือ ตั้งอยู่หัวมุมฝั่งขวามือ เป็นห้องกระจกทรงเหลี่ยมที่มีโต๊ะทำงาน โต๊ะประชุม และแฟ้มเอกสารวางอยู่เต็มชั้น ม่านลูกไม้เก่า ๆ ถูกแหวกไว้ครึ่งหนึ่งเปิดทางให้แสงแดดส่องลอดเข้ามา

ถัดออกไปอีกไม่กี่เมตร คือ ร้านขายของชำของลุงกู้กับป้ากู้ ร้านเล็ก ๆ ที่มีตู้แช่น้ำอัดลมและชั้นวางขนมและสินค้าจำเป็นแบบเบ็ดเตล็ด คนงานมักมาอุดหนุนอยู่ตลอด ลุงกู้ชอบนั่งเช็ดเหงื่ออยู่หน้าเคาน์เตอร์ ส่วนป้ากู้ก็ขยันขันแข็งจัดของอยู่ไม่ขาดมือ

ติดกันมีห้องว่างอยู่ สองห้องโครงสร้างยังแน่นหนา ภายในห้องกว้างพอจะกางโต๊ะอาหารได้เกือบสิบตัว หากเปิดทะลุถึงกันจะยิ่งดูกว้างใหญ่เหมาะสำหรับการค้าขาย มีเก็บของ ห้องครัวด้านหลังขนาด 3x3 เมตร และ ห้องน้ำ

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 95

    ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน หน่วนหน่วน หยวนเปา หยวนเป่ย ต่างก็วิ่งตรงไปยังห้องนอนของตัวเองอย่างกระตือรือร้น ไม่นานนัก พวกเขาก็ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรัง ทั้งตุ๊กตาตัวโปรด ของเล่นชิ้นโปรด สมุดวาดรูป สมุดเขียน และดินสอสีสารพัดสีสัน แต่ละคนขนออกมาจากห้องของตัวเอง แล้วนำมากองรวมกันที่ห้อ

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 94

    หน่วนหน่วน เห็นอุปกรณ์ไฟฟ้าในห้อง ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เธอจึงเดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วเตือนสองพ่อลูกด้วยความเป็นห่วง "คุณลุงคะ น้องอิงลั่ว ถ้าจะใช้กระทะไฟฟ้าหรือกาน้ำร้อน ห้ามใช้ช้อนที่ทำจากสเตนเลสหรือเหล็กลงไปสัมผัสโดยตรงเด็ดขาดนะคะ ให้ใช้กระบวยที่มีด้ามจับแบบนี้แทน ไม่อย่างนั้นไฟจะดูดเอาได้ ไฟดูดน

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 93

    เธอเริ่มแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและเป็นกันเองเซ่าเวินเงยหน้าขึ้นมองเสี่ยวหนานด้วยความเกรงใจ เขาวางตะเกียบลงแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสั่นเครือ "ผม...ผมชื่อเซ่าเวินครับ นี่ลูกสาวของผม เซ่าอิงลั่ว พวกเราเป็นคนกว่างโจวครับ" เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้เสี่ยวหนานฟังด้วยความเจ็บ

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 92

    ในระหว่างนั้น เสี่ยวเปากับอันเจ๋อ ก็ช่วยกันยกถาดอาหารที่แม่ตักให้มาวางไว้ที่โต๊ะ อาหารร้อน ๆ กลิ่นหอมฟุ้งเต็มโต๊ะไปหมด ส่วน เสี่ยวเป่ย ก็รีบไปหยิบน้ำอัดลมที่เพิ่งซื้อมาพร้อมกับนมอีก 4 กล่อง รวมถึงขนมปังที่แม่เตรียมไว้ให้เป็นขนมของพวกเขา เสี่ยวเป่ยก็แบ่งส่วนหนึ่งมาวางไว้ให้ด้วยพอหน่วนหน่วนพาสองพ่อลู

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 91

    ห้าปีต่อมาห้าปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันคือปี ค.ศ. 1988 ซูจื่ออัน เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชิงหัวมาได้สักพักใหญ่แล้ว ด้วยความรู้และความสามารถที่ร่ำเรียนมา เขาได้เข้ามาช่วยงานในโรงงานของพี่สาวอย่างเต็มตัว โรงงานแห่งใหม่ ของ ซูเสี่ยวหนาน กำลังเริ่มก่อสร้างบนที่ดินที่เธอซื้อสะสมไว้ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   บทที่ 90

    สายตาของพนักงานสาวมองผ่านเพียงแค่วูบเดียว ก็ทำให้กิริยาของพนักงานเปลี่ยนไปในทันใด เธอกะพริบตาถี่ รีบยกมือขึ้นประสานพร้อมโค้งตัวเล็กน้อย"เชิญคุณลูกค้าทางนี้เลยนะคะ ห้องพิเศษของเราพร้อมแล้วค่ะ!"พนักงานผายมืออย่างนอบน้อม แล้วเดินนำแขกกลุ่มใหญ่ผ่านโถงกลางร้านเข้าไปยังห้องส่วนตัวที่จัดไว้โดยเฉพาะสำหรับ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status