๓
มั่นคงดั่งทานตะวัน
“ พี่กลิ่นจ๊ะ คุณพี่ไปไหนแล้วหรือจ๊ะ ”
คุณหนูรำพึงบุตรสาวคนเล็กของท่านเจ้าคุณวรจิตร เติบโตมาเป็นสาวรุ่นอายุอานามก็เข้าปีที่สิบแล้ว หน้าตาก็สะสวยละม้ายคล้ายคลึงมารดาที่รำพึงเองก็จำหน้ามิได้
“ คุณรักษ์อยู่ที่ท้ายสวนขอรับคุณหนู ”
เจ้ากลิ่นละมือจากการคัดดอกมะลิ มองไปยังหญิงสาวด้วยสายตาเอ็นดู
“ คุณพี่คงดูชนไก่อีกสินะ แล้วนี่พี่กลิ่นไม่ไปดูบ้างหรือจ๊ะ เห็นมาช่วยรำพึงคัดแต่ดอกมะลิจะเบื่อเอานะ ”
“ บ่าวไม่เบื่อหรอกขอรับคุณหนู บ่าวอยู่กงนี้ดีแล้วขอรับไปอยู่กับคุณรักษ์ตอนนี้บ่าวสงสารไก่ขอรับ ”
“ พี่กลิ่นนี่ก็ช่างแปลกคน บ่าวผู้ชายคนอื่นก็ขลุกกันอยู่ที่ท้ายสวนกันทั้งนั้น มีก็แต่พี่กลิ่นนี่แหละหนาที่มาขลุกอยู่แต่กับรำพึง ระวังเถิดประเดี๋ยวคุณพี่เรียกหาไม่เจอจะโดนดุเอาเสียอีก ”
“ คุณรักษ์ไม่ว่าบ่าวหรอกขอรับ เพราะคุณรักษ์เป็นคนไล่บ่าวให้กลับมาช่วยงานคุณหนูเองขอรับ ”
“ คุณพี่น่ะหรือเป็นคนบอกให้พี่กลิ่นมาช่วยงานรำพึงที่เรือนนี้ ”
“ ขอรับ คุณรักษ์เป็นคนพูดเองเลยขอรับ ” เจ้ากลิ่นพูดบอกคุณรำพึงก่อนจะอมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงตอนที่ถูกพ่อรักษ์ไล่ให้ออกมาช่วยงานแทนที่จะอยู่กับตน
ท้ายสวนก่อนหน้านี้
“ เฮ้...เอาเลยสิวะไอ้เหลืองลูกพ่อ ”
เสียงโห่ร้องดังลั่นอยู่ท้ายสวน บ่าวผู้ชายหลายคนยืนล้อมคอกไม้ไผ่สานเป็นวงกลม ด้านในมีไก่ชนพันธุ์ดีสองตัวกำลังเข้าสู้กันตามสัญชาตญาณ
คุณรักษ์นั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ที่บ่าวในบ้านเป็นคนทำไว้ นุ่งโจงนั่งชันเข่าท่อนบนเปลือยเปล่าอวดมัดกล้ามพร้อมผิวกร้านที่ดูสมกับวัยที่ครบสิบเก้าปี สายตามองไปยังไก่ชนที่กำลังไล่ตีไล่จิกกันอยู่ในคอก
“ เอาสิวะ อย่าไปยอมมัน ”
เสียงทุ้มห้าวดวงตามุ่งมาด ผนวกกับใบหน้าคร้ามที่สันกรามเด่นชัด จมูกเป็นสันโด่งรั้นเข้ากับริมฝีปากหนา ส่งผลให้เจ้าตัวดูมีราศีเป็นที่ต้องตาต้องใจหญิงสาวที่เข้ามาทอดสะพานให้แทบไม่ว่างเว้น ไม่เว้นแม้แต่บ่าวสาวๆ ในเรือน
“ พ่อกลิ่นส่งน้ำมาให้ข้าที ”
คุณรักษ์สั่งบ่าวคนสนิทด้วยคำเรียกที่ถ้าเป็นคนอื่นคงแปลกใจเพราะมันไม่ใช่ถ้อยคำที่จะใช้เรียกบ่าวไพร่ แต่กับคนในบ้านหลังนี้ไม่ได้แปลกใจเลยสักน้อย เพราะต่างก็รู้ว่าเจ้ากลิ่นกับพ่อรักษ์โตมาพร้อมกันจนแทบจะเป็นพี่น้องกันได้เสียด้วยซ้ำ
“ น้ำลอยดอกมะลิขอรับคุณรักษ์ ”
เจ้ากลิ่นยื่นขันน้ำให้นาย อาจเพราะเจ้ากลิ่นมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก จากที่พ่อรักษ์สนใจแต่กับไก่ชนของตน ก็ต้องหันมามองหน้าบ่าวข้างกายแทน
“ เป็นกระไรหรือพ่อกลิ่น ”
น้ำเสียงอ่อนโยนส่งตรงไปให้คนข้างกาย
“ บ่าวไม่ได้เป็นกระไรขอรับ ”
“ จะไม่เป็นกระไรได้อย่างไร คิ้วพ่อขมวดเป็นปมเสียขนาดนี้ หรือพ่อกลิ่นไม่ชอบตีไก่ ”
“ ขะ...ขอรับ บ่าวแค่สงสารไก่มันน่ะขอรับ คนเราจับมันมาตีกันเยี่ยงนี้กันเพื่อกระไรหรือขอรับคุณรักษ์ ”
“ ก็เพื่อความสนุกของคนกระมัง ดูสิบ่าวไพร่ในเรือนก็ดูมีความสุขดีมิใช่รึ ”
“ ให้คนมีความสุข แล้วความสุขของไก่เล่าขอรับ คนเรายังไม่ชอบความเจ็บปวด แล้วไก่มันจะชอบความเจ็บปวดหรือขอรับ ”
พ่อรักษ์ได้แต่นิ่งเงียบแล้วคิดตามคำพูดของบ่าวข้างกาย เอื้อมมือหนาไปวางบนหัวแล้วใช้หัวแม่มือลูบหัวเบา ๆ
“ หากพ่อกลิ่นไม่ชอบใจ ข้าก็ไม่ได้ฝืนใจพ่อให้อยู่ดูหรอก แต่หากจะให้ข้าห้ามไม่ให้บ่าวในเรือนตีไก่ ซึ่งมันเป็นความสุขเล็กน้อยของพวกมัน ข้าว่าก็ไม่ควร ”
“ บ่าวเข้าใจขอรับ... ”
“ เช่นนั้นพ่อกลิ่นก็ขึ้นไปช่วยงานบนเรือนเถิด เห็นว่าน้องข้าอยากได้คนไปช่วยคัดดอกมะลิอยู่พอดี ”
“ หากให้บ่าวไปแล้วใครจะช่วยงานล่ะขอรับ ”
“ ไปเถิด ข้ายังไม่อยากได้กระไรตอนนี้ดอก ”
“ เช่นนั้นบ่าวไปช่วยคุณหนูบนเรือนนะขอรับ ”
“ ไปเถิดพ่อกลิ่น... ”
“ พี่กลิ่น ๆ ” เสียงเรียกของคุณรำพึงทำให้เจ้ากลิ่นหลุดออกจากภวังค์
“ ขอรับคุณหนู ”
“ อยู่ดี ๆ ก็นั่งยิ้มอยู่อย่างนั้น คิดกระไรอยู่หรือจ๊ะพี่กลิ่น ”
“ บ่าวก็คิดไปเรื่อยขอรับ ”
เจ้ากลิ่นบอกกับคุณรำพึง แล้วก็นั่งคัดดอกมะลิให้รำพึงต่อ
“ นายเอ็งไปไหนเสียล่ะไอ้กลิ่น ”
เสียงท่านเจ้าคุณดังมาจากบันไดหัวเรือน ริ้วรอยบนใบหน้ายิ่งสร้างความน่าเกรงขามให้มีมากขึ้นไปอีกโข ไอ้มาดบ่าวข้างกายเองก็ดูแก่ตัวลงไปมากทีเดียว มันถือดาบตามนายของมันมาต้อย ๆ
“ เจ้าคุณพ่อ ”
รำพึงเข้าไปหาท่านเจ้าคุณ ก่อนจะตักน้ำให้ผู้เป็นบิดากินให้หายเหนื่อย
“ ว่าอย่างไรไอ้กลิ่น นายเอ็งออกไปก่อเรื่องที่ไหนอีก ”
“ คุณรักษ์อยู่เล้าไก่ที่ท้ายสวนขอรับ ”
“ กูเพิ่งจะมาจากท้ายสวนกูไม่ยักเห็นนายมึง แล้วนี่มึงขึ้นมาทำกระไรบนเรือนใหญ่ ”
ท่านเจ้าคุณมองไปที่เจ้ากลิ่นตาเขม็ง ก่อนหน้านี้ใช่ว่าเจ้ากลิ่นไม่เคยขึ้นมาช่วยงานบนเรือนใหญ่ แต่เป็นเพราะตอนนั้นมันกับรำพึงยังเป็นเด็กนัก แต่ตอนนี้เจ้ากลิ่นเริ่มเข้าสู่วัยกำหนัดแล้วท่านเจ้าคุณจึงไม่ใคร่ชอบใจนัก
“ คุณพี่ให้พี่กลิ่นมาช่วยลูกคัดดอกมะลิเจ้าค่ะ ”
“ บ่าวไพร่มีตั้งมากตั้งมายที่จะเรียกใช้ได้ ไอ้กลิ่นมันก็ผู้ชายคัดดอกมะลิมันหน้าที่ผู้หญิงมันไม่สมควร อีกอย่างพี่ชายเจ้าน่ะหรือจะให้บ่าวของมันมาช่วยเจ้า พ่ออยากจะขำให้ฟันร่วงเสียให้หมดปาก ”
ท่านเจ้าคุณแค่นหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“ คุณรักษ์สั่งให้บ่าวมาช่วยคุณหนูจริง ๆ นะขอรับท่านเจ้าคุณ ”
เจ้ากลิ่นรีบยืนยันกับท่านเจ้าคุณ เพราะต้องการให้ท่านเจ้าคุณเห็นความดีความชอบของบุตรชายบ้าง
“ เอ็งมันรักนายเอ็งไอ้กลิ่น ก็ต้องเข้าข้างนายเอ็ง แต่ไหนแต่ไรนายเอ็งเห็นหน้าน้องสาวตัวเองก็ไม่แม้แต่จะชายตามอง เหน็บแนมน้องนุ่งยิ่งเสียกว่าผู้หญิงเสียอีก ”
“ แต่คุณรักษ์สั่งบ่าวจริง ๆ นะขอรับ ”
“ ไป ๆ เอ็งจะไปไหนก็ไป ข้าเห็นหน้าเอ็งแล้วก็พาลจะหงุดหงิด ”
เจ้ากลิ่นได้แต่ถดถอยตัวออกมาจากเรือนใหญ่ ก่อนที่จะวิ่งไปดูนายของมันที่เล้าไก่ท้ายสวน
“ พี่จอมๆ เห็นคุณรักษ์บ้างไหมจ๊ะ ”
เจ้ากลิ่นเอ่ยถามจอมบ่าวหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่เพิ่งเข้ามาเป็นบ่าวที่เรือนนี้ได้ไม่นาน จอมเป็นลูกชายของน้าผาดที่เป็นเพื่อนของแม่เจ้ากลิ่น พอแม่จอมตายก็เลยให้บุตรชายมาพึ่งใบบุญของท่านเจ้าคุณ เพราะแม่เจ้ากลิ่นมักจะมาเล่าถึงความเมตตาของนายเรือนนี้ให้แม่ของจอมฟัง
“ ข้าเห็นคุณรักษ์เดินดุ่ม ๆ ออกไปตอนท่านเจ้าคุณมาน่ะ แต่ก็ไม่รู้ดอกว่าคุณรักษ์ไปที่ใด ”
“ หรือว่าคุณรักษ์จะไปตลาดวังหว้า ”
“ แล้วนั่นเอ็งจะไปไหนกลิ่น นี่ก็ใกล้จะมืดแล้วหนา ”
“ ข้าจะไปตามคุณรักษ์จ้ะพี่จอม บอกแม่ข้าให้ทีนะจ๊ะพี่ ” เจ้ากลิ่นรีบวิ่งออกไปยังท่าน้ำเพื่อพายเรือไปที่ตลาดวังหว้า
ตลาดวังหว้า เป็นตลาดที่อยู่ตีนเขาห่างไกลจากหมู่บ้านออกมาสมควร ตลาดนี้เป็นที่รู้กันว่าเป็นแหล่งโสมมที่สุด เพราะมีทั้งโรงบ่อน โรงมวย โรงชำเรา ไหนจะร้านเหล้าดองยาดองที่ตั้งกันให้เต็มพื้นที่ ทำให้ตลาดแห่งนี้คือที่ที่รวมเหล่ากระทาชายหลากหลายวัย รวมไปถึงนักเลงเจ้าถิ่นที่เดินกันขวักไขว่ไม่เกรงกลัวผู้ใด
เจ้ากลิ่นพายเรือมาเทียบที่ท่าน้ำตลาดวังหว้า ผูกเรือเสร็จสรรพก็รีบกุลีกุจอวิ่งตามหานายของตน แต่จนแล้วจนรอดก็ตามหาไม่เจอ ทุกที่ที่นายมันเคยไปก็ตามไปดูจนทั่วแล้วก็ไม่เห็นแม้กระทั่งเงา ถามผู้ใดก็ไม่มีใครพบเห็นเลยสักคน
“ หรือคุณรักษ์จะไปที่โรงชำเรา...แต่คุณรักษ์ไม่เคยไปเสียหน่อย ”
สถานที่สุดท้ายที่เจ้ากลิ่นยังไม่ได้ไปคือโรงชำเรา ถึงแม้ในใจจะไม่คิดว่านายของตนจะไปแต่ขาก็ก้าวเดินเข้าไปในซอยที่เจ้ากลิ่นไม่ชอบเลยแม้แต่น้อย
เจ้ากลิ่นเดินเข้ามาในซอยที่มีแสงสีแดงสลัว ตลอดทางที่เดินมีหญิงสาวยืนอยู่หน้าเรือนไม้ที่ดูจะมืดสลัวไปเสียหมด บางคนก็เปลือยท่อนบนจนเห็นปทุมถัน บางคนก็มีเพียงผ้าแพรบาง ๆ ปิดไว้เท่านั้น เจ้ากลิ่นได้แต่ยืนชะโงกหน้ามองอยู่ด้านหน้า ไม่กล้าเข้าไปด้านใน
“ เฮ้ย เอ็งมายืนทำกระไรกงนี้ ”
เจ้ากลิ่นสะดุ้งตัวโยน หันไปมองกระทาชายร่างกำยำสามสี่คนที่มองมาด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร
“ ข้ามาตามหานายของข้าน่ะจ้ะพี่ พวกพี่เห็นนายข้าบ้างหรือไม่จ๊ะ ”
“ แล้วนายเอ็งเป็นใครล่ะวะ ”
“ คุณรักษ์น่ะจ้ะพี่ ลูกชายของท่านเจ้าคุณวรจิตรน่ะ เห็นบ้างไหมจ๊ะ ”
“ อ๋อ นายเอ็งชื่อคุณรักษ์งั้นรึ เห็นสิข้าเห็นนายเอ็งไปทางโน้นน่ะ เดี๋ยวข้าพาเอ็งไปหานายเอ็งเอง ตามข้ามาสิ ”
แววตาที่ตอนแรกว่าน่ากลัวแล้ว แต่ตอนนี้กลับดูเยือกเย็นกว่าเก่า แต่ดวงตาแข็งกร้าวก็ไม่ทำให้เจ้ากลิ่นเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
“ พี่จ๊ะพี่ คุณรักษ์มาที่นี่จริงหรือจ๊ะ ฉันไม่เห็นมีใครผ่านมาแถวนี้เลยจ้ะ ” เจ้ากลิ่นทักในขณะที่เดินตามเข้ามาในตรอกมืด ๆ ไม่มีผู้ใดเดินสวนไปมาเลยสักคน
พลั่ก
เจ้ากลิ่นล้มลงเพราะแรงเตะที่ขาพับด้านหลัง ก่อนที่มันจะโดนคนที่มันเดินตามมารุมเตะมันบนพื้นดินที่เต็มไปด้วยกรวดแข็ง ๆ
พลั่ก ๆ ๆ
“ อั่ก โอ้ยยย ”
“ นายมึงมันระยำแย่งอีจำเรียนของกูไป กูทำกระไรนายมึงไม่ได้เพราะนายมึงเป็นลูกคนมียศมีตำแหน่ง เช่นนั้นมึงก็ต้องรับกรรมแทนนายมึงเสียก็แล้วกัน ”
“ โอ้ย อั่ก อุกกก อย่าทำ โอ้ยย กระไรคุณรักษ์ ”
“ กูไม่ทำกระไรนายมึงดอก แต่มึงต้องมาเป็นที่ระบายอารมณ์ให้กู ”
พลั่ก ผัวะ ๆ
“ เฮ้ย พี่เชิดพอได้แล้วพี่ เดี๋ยวมันก็ตายห่ากันพอดี เรื่องใหญ่เลยนะพี่ ”
เสียงห้ามทำให้ ไอ้เชิด นักเลงที่ใคร ๆ ต่างก็รู้จักดี เพราะมันเป็นคนคุมตลาดวังหว้าแห่งนี้นั้นหยุดเตะเจ้ากลิ่น ร่างบางสะบักสะบอม เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลจากกรวด และรอยช้ำจากการถูกทำร้าย
“ ฝากไปบอกนายมึงด้วยว่ากูชื่อไอ้เชิด ใครที่มันมายุ่งกับของ ๆ กู ของ ๆ มันก็ต้องย่อยยับเหมือนกัน ถุย!! ”
“ ... ”
เจ้ากลิ่นได้แต่นอนหายใจรวยริน มันไม่รู้ว่าเป็นเพราะที่ตรงนี้มันมืด หรือเพราะตาของมันฝ้าฟางกันแน่จึงทำให้มันมองกระไรพร่าเลือนไปเสียหมด
ไอ้เชิดกับลูกน้องทิ้งร่างเจ้ากลิ่นที่แทบจะไร้วิญญาณไว้ เจ้ากลิ่นได้แต่ยื่นมือไปหวังจะคว้าตัวของไอ้เชิดไว้
“ อย่า...ทำกระไร...คุณรักษ์... ”
“ กลิ่น กลิ่น ใครทำกระไรเอ็ง ”
ก่อนสติจะดับหายเงาสลัว ๆ ที่ดูคุ้นเคยก็เข้ามาช่วยร่างที่นอนอยู่บนพื้น ร่างสูงอุ้มเจ้ากลิ่นไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะรีบวิ่งไปท่าน้ำเพื่อพาเจ้ากลิ่นกลับเรือน
ตอนที่ ๓สุดท้ายเราอาจจะได้พบกัน...เคยเป็นมั้ยที่ตื่นขึ้นมาแล้วชีวิตเหมือนมีอะไรหายไปบางอย่าง...ตั้งแต่ที่ผมฝันประหลาดครั้งนั้น ทุกเช้าที่ตื่นมาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้จะมีความสุขอยู่กับพ่อแม่แต่ก็เป็นความสุขที่มันไม่เต็มอิ่ม ผมได้แต่เฝ้าถามกับตัวเองว่าเพราะอะไร แต่มันก็ไม่เคยมีคำตอบ“ ตื่นแล้วเหรอลูก ”“ ครับแม่ พ่อล่ะครับ ”“ ออกไปบริษัทแล้วล่ะ แม่ให้ทานข้าวก่อนพ่อก็ไม่ยอม บอกว่าต้องรีบเข้าไปเคลียงานด่วน แต่กรณ์ต้องกินนะแม่ทำไว้แล้ว ”“ ครับแม่ วันนี้ผมไม่ได้รีบไปไหนครับ ”“ ดีเลยงั้นก็มาทานข้าวสิ แม่ก็กำลังจะทานพอดีจะได้มีเพื่อนกินข้าว ”“ ครับ ”ทุกเช้ามันก็ดำเนินไปเหมือนอย่างเช่นทุกวัน อีกไม่เท่าไหร่ผมก็ใกล้ที่จะเรียนจบแล้ว กะว่าจะขอพ่อกับแม่พักผ่อนหลังจากที่เรียนมาอย่างหนักซักปีหนึ่งก่อน ค่อยเข้าไปเรียนรู้งานที่บริษัท“ แล้ววันนี้กรณ์จะออกไปไหนหรือเปล่าลูก ”“ ผมนัดพี่ทัพไว้ครับ ว่าจะออกไปหาอะไรกินกันตอนกลางวันครับ ”“ งั้นเหรอ ถ้างั้นแม่ฝากบอกพี่เราหน่อยสิว่ากลับมาค้างที่บ้านบ้าง นอนอยู่แต่ที่คอนโดไม่รู้ว่าแอบซ่อนสาว ๆ ไว้หรือเปล่า ”“ อย่างพี่ทัพเนี่ยเหรอจะซ่อนสาว ผมเห็นเ
ตอนที่ ๒เฝ้ามองจวบจนวาระสุดท้าย“ ช่วยแจ้งคุณรักษ์บุตรของท่านเจ้าคุณวรจิตรทีได้หรือไม่ขอรับว่าเย็นนี้ให้รีบกลับเรือนทีขอรับ ”เสียงบ่าวในเรือนของพ่อรักษ์เอ่ยบอกกับนายทวารที่เฝ้าอยู่หน้าประตู น้ำเสียงของมันดูร้อนรนและมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใจของมันอยากจะเข้าไปในอาณาบริเวณที่พ่อรักษ์ทำงานอยู่เสีย เพื่อแจ้งให้นายของมันได้รู้ในทันที แต่ขี้ข้าอย่างมันไม่สามารถเข้าไปในด้านในได้ เลยได้แต่เพียงฝากแจ้งข่าวคราวไว้ให้แต่เพียงเท่านั้น หวังก็เพียงว่านายของมันจะได้รับทราบความนี้แต่โดยเร็ว" มีกระไรหรือรำพึง มีคนแจ้งพี่ว่ามีบ่าวให้พี่รีบกลับมาที่เรือน "" คุณพี่รักษ์เจ้าคะ พี่นวลเจ้าค่ะ ฮึก ๆ ฮืออออ.... "" เป็นกระไร แม่นวลเป็นกระไรหรือ "" น้องก็มิรู้เจ้าค่ะ อยู่ดี ๆ วันนี้คุณพี่นวลก็ถ่ายและสำรอกทั้งวันเจ้าค่ะ น้องให้บ่าวไปตามหมอยามา กำลังตรวจดูเจ้าค่ะคุณพี่ ฮืออออ... "" อย่าร้องแม่รำพึง หมอยามาแล้วพี่นวลเจ้ามิเป็นกระไรมากดอก "พ่อรักษ์นั้นพูดให้กำลังใจน้องสาวของตนเอง นับตั้งแต่คราที่เจ้ากลิ่นตายจากไป พ่อรักษ์ก็จมอยู่กับความเศร้าสร้อย จะมีก็แต่สองหญิงสาวที่เป็นเสมือนเพื่อนที่คอยดูแลกันเป็นหลักเพร
..มอบไว้แด่ความรักในชาตินี้ของพ่อรักษ์และเจ้ากลิ่น..ตอนที่ ๑แกงสายบัวงานศพของเจ้ากลิ่นผ่านมาแรมเดือนแล้ว แต่บรรยากาศในเรือนกลับยังคงอบอวลไปด้วยความเงียบงัน บนเรือนใหญ่นั้นมีเพียงแม่รำพึงกับแม่นวลลออที่อยู่กับบ่าวเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไม่เห็นร่างสูงของชายหนุ่มหนึ่งเดียวของเจ้าของเรือนนี้แม้แต่น้อยแต่นั่นก็มิแปลกกระไร เพราะร่างสูงในตอนนี้อาศัยอยู่แต่เพียงที่เรือนเล็กหลังสวน เก็บตัวเงียบอยู่เพียงคนเดียวในเรือน หน้าคร้ามหนวดเคราขึ้นเขียวครึ้ม ใต้ดวงตาสีนิลดำคล้ำปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนดูทรุดโทรมไปโขแม้ว่าพ่อรักษ์ยังคงทำงานอยู่ตามปกติ แต่พอมีเวลาว่างอย่างเช่นวันนี้ก็จะขลุกตัวอยู่แต่ที่เรือนเล็กไม่ออกไปไหน“ คุณรักษ์เจ้าคะ...คุณนวลให้บ่าวนำสำรับมาให้เจ้าค่ะ ”ร่างสูงหลุดออกจากภวังค์หลังจากที่ปล่อยให้ตนเองจมอยู่กับอดีตที่ไม่สามารถหวนคืนกลับมาได้อยู่ครู่ใหญ่“ วางไว้เสียกงนั้นแหละ ประเดี๋ยวข้าออกไปกิน ”“ เจ้าค่ะ... ”พ่อรักษ์วางหนังสือในมือที่เปิดค้างเอาไว้โดยไม่ได้อ่านเลยแม้แต่นิดลง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังสำรับข้าวที่วางไว้ มองไปยังของคาวหวานที่จัดเอาไว้ ก่อนดวงตาจะจับจ้องไปยังแกงสายบัว
๓๖สิ่งแรก สิ่งเดียว และสิ่งสุดท้ายที่จะรัก“ พี่รักษ์ขอรับ... ”“ ว่าอย่างไรพ่อกลิ่น ”“ ยังไม่มีผู้ใดพบพี่จอมอีกหรือขอรับ ”พ่อรักษ์ส่ายหน้าแทนคำตอบให้กับเจ้ากลิ่น เจ้ากลิ่นเองก็ได้แต่มีสีหน้ากังวล ผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเจอคนที่ตามหา“ หากไอ้จอมยังอยู่มันคงไม่อยากกลับมาเสียแล้วกระมัง มันคงละอายใจในสิ่งที่ทำลงไปจนมาสู้หน้าพ่อกลิ่นไม่ไหว แม้ว่าสิ่งที่มันทำจะทำเพื่อปกป้องพ่อกลิ่นก็เถอะ ”“ น้องเป็นห่วงพี่จอมขอรับ... ”“ พี่รู้...แต่หากพี่ชายของพ่อจอมยังอยู่ดี หรือหากร้ายกว่านั้นเราก็ต้องพบเจอแล้ว แต่นี่กลับไม่พบแม้แต่เงา นั่นก็แสดงว่าพี่ชายของพ่อกลิ่นไม่อยากให้ใครพบเจอ ”“ ... ”“ ชีวิตต้องดำเนินต่อไปนะพ่อกลิ่น แม้ว่าพี่มิใช่คนดีเด่กระไรนัก แต่นับจากนี้พี่สัญญาว่าจะปกป้องพ่อกลิ่น และคนในเรือนนี้อย่างเต็มพละกำลังที่พี่มี และพอที่จะทำได้แทนไอ้จอมเอง พ่อกลิ่นเชื่อพี่ได้หรือไม่ ”“ ...ขอรับพี่รักษ์ ต่อจากนี้น้องจะเชื่อพี่รักษ์ขอรับ ”“ เช่นนั้นเรากลับเรือนกันดีหรือไม่ พี่ว่าแม่นวลกับแม่รำพึงรอเรากินข้าวเย็นกันนานแล้วล่ะ ”พ่อรักษ์เอ่ยบอกก่อนที่จะกุมมือขาวของเจ้ากลิ่นให้
๓๕กลับสู่เรือนผ่านมาหลายเพลาแล้วแต่ร่างบางที่นอนนิ่งบนเบาะนุ่มก็ยังไม่แม้แต่จะครางให้ได้ยิน พ่อรักษ์เองก็ได้แต่นั่งเฝ้าอยู่เยี่ยงนี้มาหลายเพลาแล้ว มือหนากอบกุมมือขาวซีดของเจ้ากลิ่นไว้ด้วยความทะนุถนอม“ รีบตื่นมาเถิดหนาพ่อกลิ่นของพี่...นอนนานเกินไปแล้วนะ ”น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความเป็นห่วง ดวงตาทอดมองไปยังร่างบางไม่วางตา“ กินข้าวเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะคุณพี่ ”“ วางไว้ก่อนเถิด...พี่ยังไม่หิว ”“ กินกระไรบ้างเถิดเจ้าค่ะ หากคุณพี่เป็นกระไรขึ้นมาอีกคนจะยิ่งแย่นะเจ้าคะ ”“ ... ”เมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนของน้องสาว ร่างหนาจึงขยับตัวเข้ามาหาสำรับข้าวที่วางไว้“ คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้าง ”“ ก็สามวันดีสี่วันไข้น่ะเจ้าค่ะ คุณพี่ไปดูคุณพ่อบ้างสิเจ้าคะ คุณพ่อมองหาแต่คุณพี่ ”“ หมอยามาดูทุกวันอยู่ใช่ไหม ”“ เจ้าค่ะ...คุณพี่เจ้าคะ น้องขอร้องนะเจ้าคะ ”“ ไว้พี่จะไปก็แล้วกัน... ”“ ขอบคุณนะเจ้าคะ... ”“ แล้วนี่ได้ข่าวไอ้จอมบ้างหรือไม่ ”พ่อรักษ์เอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่บอกมันเรื่องของคุณพุดตานไป ก็ไม่ได้ข่าวคราวกระไรอีกเลย“ น้องให้คนไปสอบถามจากหมู่บ้านใกล้ ๆ รวมถึงที่เรือนของคุณพุดตานแล้วเจ้าค่ะ แต่ม
๓๔ร่ำลาฉับ!!!“ อ๊ากกกกกกก ”เลือดสีแดงกระเซ็นไปทั่วพร้อมกับเสียงร้องของคนที่โดนคมดาบตัดฉับไปที่ข้อมือจนขาด“ ไอ้เดรัจฉาน!!!! ”ไอ้จอมถีบไอ้เชิดกระเด็นออกไปจากตัวของเจ้ากลิ่น เสียงร้องอันเจ็บปวดของมันไม่ได้ทำให้ไอ้จอมนั้นเห็นใจเลยแม้แต่น้อย ลุงมั่นที่วิ่งตามมาถึงทีหลังก็รีบเข้าไปดูเจ้ากลิ่นทันที“ กลิ่นเอ้ย กลิ่นเป็นกระไรลูก... ”“ ลุงมั่น ข้าฝากดูไอ้กลิ่นให้ข้าหน่อย ”“ เอ็งไม่ต้องกังวล เดี๋ยวลุงพาเจ้ากลิ่นไปโรงหมอเอง แต่เอ็งอย่าทำกระไรวู่วามไปเสียล่ะไอ้จอม ”ไอ้จอมไม่ได้ตอบกลับ มันได้แต่ย่างสามขุมไปทางไอ้เชิดที่กำลังลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด มืออีกข้างที่เหลือกอบกุมแขนที่เหลือแต่ข้อมือของตนเอง เลือดไหลออกมาเป็นทาง มันถอยหลังเมื่อเห็นว่าตัวเองนั้นเสียเปรียบ แต่ไอ้จอมไม่ยอมให้มันหนีไปไหนได้ มันวิ่งไปถีบเข้าที่ยอดอกของไอ้เชิดจนมันล้มลงไปอีกครั้งไอ้จอมขึ้นคร่อมไปบนตัวของไอ้เชิดก่อนที่จะสาวหมัดรัวใส่ไอ้เชิดด้วยความเดือดดาล หากเป็นเพลาปกติแล้วไอ้เชิดไม่น่าจะโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเยี่ยงนี้ แต่นี่เป็นเพราะมันมีร่างกายไม่สมบูรณ์อีกต่อไปทำให้มันตอบโต้กระไรไอ้จอมแทบไม่ได้เลย“ มึงบอกกูมา มึ