ริมฝีปากบางฉีกยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้ทักทายอาจารย์ตั้งแต่เช้าตรู่ จนบัดนี้ผ่านไปสามสิบกว่าท่าน จนเหงือกเริ่มจะแห้ง แข้งขาที่วิ่งขึ้นวิ่งลงรถบัสคันใหญ่เพื่อแจกป้ายชื่อบ้าง พาอาจารย์ขึ้นไปนั่งรอบนรถบ้าง เริ่มจะล้า
“พี่นิขอป้ายชื่อหน่อยจ้า”
เสียงน้องภีมร้องเรียกแจ้ว ๆ อยู่ด้านล่าง นิญาดาจึงรีบวิ่งลงไปด้วยความรีบร้อน ยังไม่ทันที่เท้าจะก้าวลงจากรถก็สะดุดเท้าตัวเอง
“กรี๊ดดดดดดด”
นิญาดาร้องเสียงหลง ร่างบอบบางคะมำไปข้างหน้า
พรึบ!
เธอกระแทกกับแผงอกกว้างของใครบางคน มือเล็กคว้าคล้องคอชายตรงหน้าไว้โดยอัตโนมัติ มือหนารวบเอวอรชรไว้ได้ทันก่อนจะร่วงลงกระแทกพื้น อกอิ่มนุ่มนิ่มเบียดเสียดกับอกแน่นล่ำสัน เนื้อแกร่งร้อนระอุ ความเร่าร้อนที่แฝงเร้นในกายชายหนุ่มกระตุ้นเลือดในกายสาวให้เดือดพล่าน ใบหน้าคนในอ้อมกอดร้อนผะผ่าวแดงก่ำ ดวงตาคู่งามที่ตื่นตระหนกด้วยความตกใจเมื่อครู่ สบกับดวงตานิ่งล้ำลึกเนิ่นนาน
“เอ่อ อะ แฮ่ม!”
ภีมถลาเข้ามาหาคนทั้งคู่ นิญาดาได้สติรีบคลายมือออก มือใหญ่จึงปล่อยเอวบางเช่นกัน
“สวัสดีคร้า ท่านอาจารย์เตชิน”
ภีมสาวในร่างชายส่งเสียงแหลมปรี๊ดทักทายผู้มาใหม่
“สวัสดีค่ะ อาจารย์เตชิน”
นิญาดายกมือไหว้
“อะ เอ่อ ขอโทษค่ะ”
เสียงตะกุกตะกักของหญิงสาวกล่าวขอโทษกับเหตุการณ์เมื่อครู่ พวงแก้มสาวแดงแจ๋เป็นลูกตำลึงด้วยความเขิน หัวใจของเธอยังวูบวาบกับสัมผัสเมื่อครู่ยังไม่จางหาย
อาจารย์หนุ่มสุดฮอตของใคร ๆ พยักหน้ารับทราบเพียงนิดเดียว เขายังคงรักาท่าทีเย็นชาเหมือนเดิม
“ท่านอาจารย์ คะ คือ ว่า....”
นิญาดาพยายามจะอธิบายว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เขากลับเมินเฉย เดินผ่านหล่อนไปราวกับว่าหญิงสาวเป็นเพียงธาตุอากาศ ไม่แยแส ยิ่งทำให้คนถลาเข้าไปกอดเขารู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ อย่างบอกไม่ถูก
เมื่อร่างสูงหายขึ้นไปบนรถบัส นิญาดากระซิบน้องภีมอย่างกังวลใจ
“ตายแล้วววว เขาจะว่าพี่แกล้งล้มอ่อยเขาไหม”
“โธ่พี่! ก็เราตั้งใจจะอ่อยให้เขาหลงอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ก็ดีแล้วที่สวรรค์ช่วยส่งเสริม อิอิ”
ภีมหัวเราะคิกคัก แล้วหันไปรับอาจารย์คนใหม่ต่อ
นิญาดาสะบัดหน้าแรง ๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามขับไล่ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ออกไปจากสมอง แม้ว่ามันจะไม่ได้ผล แต่อย่างน้อยอาการหัวใจเต้นรัวของเธอที่แทบจะทรงตัวไม่ไหวก็จางลง
เมื่อผู้เข้าร่วมอบรมมากันครบแล้ว รถก็ออกเดินทางมุ่งสู่ รีสอร์ตเดอะเบสต์ออร์คิด
การอบรมเริ่มต้นเป็นไปอย่างสวยงาม เหล่าอาจารย์ต่างประทับใจวิทยากรเพราะทึ่งกับแนวทางการก้าวสู่ “ตำแหน่งศาสตราจารย์” ที่อายุน้อยที่สุด
ทั้งทีมวิทยากรและผู้เข้าร่วมอบรมต่างชื่นชม “นิญาดา” หัวหน้าโครงการผู้จัดงานในครั้งนี้ สาวสวยยิ้มแก้มปริภูมิใจกับความสำเร็จของงานนี้แม้ว่ามันจะแลกมาด้วยน้ำตาก็ตาม
พักรับประทานอาหารเที่ยง
อาหารท้องถิ่นถูกจัดไว้อย่างงดงามบนขันโตกที่ทำจากไม้ไผ่สานอย่างประณีต มีกลิ่นอายของความเป็นพื้นถิ่นภาคเหนือ ทุกคนดื่มด่ำกับรสชาติอาหารที่แสนอร่อย ห้องอาหารล้อมรอบด้วยกระจกทำให้มองเห็นวิวภูเขาสุดลูกหูลูกตา ยิ่งทวีความสุขล้ำให้กับอาหารมื้อนี้
“เอ่อ พี่ได้ข่าวมานะ”
พี่เกดเริ่มบทสนทนา เมื่อท้องเริ่มอิ่มปากก็เริ่มขยับได้
“อะไรพี่”
ภีมยื่นหน้าขาว ๆ จีบปากจีบคอ ถามในขณะที่ปากยังเคี้ยวแคบหมูน้ำพริกหนุ่มตุ้ย ๆ
“ก็ อาจารย์เตชินนะสิ เขาลือกันว่า ดุ มาก!”
“อุ๊ป ซีด”
ภีมกัดริมฝีปากอย่างมันเขี้ยว เขาชอบชะมัด ผู้ชายดุ ๆ จะได้นอนกัดกันทั้งคืน
“หืม! อีภีม ฉันรู้นะ แกคิดอะไรอยู่”
“ก็ขาวออร่า คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่ง กล้ามเป็นมัด ๆ ขนาดนั้น! ดุแค่ไหน หนูก็ยอมค่ะ!”
มือสาวใหญ่ฟาดเปรี๊ยะ! ลงที่ไหล่สาวน้อยกลัดมัน อย่างหมั่นไส้
“ทำยังกะอาจารย์เขาจะเอาแกอะ อีภีม”
ภีมส่งสายตาปะหลับปะเหลือกอย่างขัดใจ
“น่า อย่าเพิ่งตีกัน พี่เกดเล่าต่อ ๆ หนูอยากฟัง ดุยังไงคะ”
พี่เกดเคยทำงานที่คณะวิศวกรรมศาสตร์มาก่อน จึงพอจะมีเส้นสายและรู้ตื้นลึกหนาบางของคณะนั้นพอสมควร ดังนั้น หากนิญาดาอยากรู้ข้อมูลเชิงลึกของเป้าหมาย หล่อนก็จะค้นเอาจากพี่เกดนี่แหละ
“นี่นะ ! ก่อนอาจารย์เตชินจะสอนทุกคาบ แกสั่งให้นักศึกษาปิดโทรศัพท์มือถือทุกคนเลยนะ ถ้าใครกล้าดีไม่ยอมปิด แล้วถ้ามีเสียงโทรศัพท์ดังกริ๊งกร๊างขึ้นมาขณะที่แกสอน ล่ะ เธอเอ้ย!”
ผู้รู้ขึ้นเสียงสูง แล้วกลับลดเสียงลงทันทีเพื่อเพิ่มอรรถรสการนินทาระยะเผาขน สาวเทียมสาวแท้ต่างพากันเงี่ยหูฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“มีอันต้องถูกไล่ออกจากห้องเรียน! แล้วหน้าดุ ๆ ก็เอ็ดว่า - นี่มันห้องเรียน เวลาเรียน ไม่ใช่เวลาเล่นโทรศัพท์ ใครไม่อยากเรียนออกไป เชิญ! - ”
ผู้เล่าแกล้งดัดเสียงคมเข้ม ดุ
“ขนาดนั้น เลยเหรอเจ๊!”
ภีมตาเหลือกถาม
“ใช่! ขนาดเจ้าหน้าที่ยังเคยเจอมาแล้ว พิมพ์เอกสารผิดหรือใช้ฟอร์มเอกสารผิด แกถึงขนาดเดินมาด่าที่โต๊ะเลยนะ ด่าชนิดที่ว่าไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดเลยนะ!”
“หือ!!!”
สองสาวอุทานพร้อมกัน คนอะไรจะเจ้าระเบียบและปากจัดขนาดนั้น
นิญาดาอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองคนที่ถูกนินทา แม้อาจารย์หนุ่มจะนั่งในกลุ่มคณาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่ความสูงสง่า โดดเด่น ทำให้มองเห็นรัศมีความหล่อของเขาชัดกว่าใคร ๆ
ทำให้สมองของหญิงสาวพลันนึกขึ้นว่าปากบางชมพูราวกับว่าจะยิ้มน้อย ๆ ทุกครั้งที่มีการเอื้อนเอ่ยเช่นนั้น ไม่น่าจะดุใครได้ หล่อนจึงแก้ต่างให้คนถูกนินทาเสียงเบา
“เขาอาจจะเป็นอาจารย์ ที่มีจิตวิญญาณความเป็นอาจารย์ มีอุดมการณ์ที่ดีก็ได้นะ”
“จ้ะ! พี่เตือนแล้วนะ จะทำอะไรก็ระวังแล้วกัน เดี๋ยวถูกด่า ตายกลับมาแบบไม่มีชิ้นดี พี่ไม่ตามเก็บซากนะจ๊ะ”
พี่เกดพูดเหมือนล้อเล่นแต่เน้นเสียงให้รู้ว่าจริงทุกคำ เมื่อพูดจบเธอตักไอติมลำไยเข้าปาก ของหวานตบท้ายของคาวอาหารมื้อนี้ช่างอิ่มหนำสำราญเสียจริง คิดแล้วก็นึกขอบคุณสาวสวยผู้จัดงาน ที่อุตส่าห์หาทางให้เธอได้ออกมาทำงานข้างนอกมหาวิทยาลัยบ้าง เหมือนได้มาเปิดโลกทัศน์ เติมเต็มพลังในการทำงานอีกรูปแบบหนึ่ง หาไม่เช่นนั้นแล้ว เธอก็คงจะทำงาน กลับบ้าน ดูแลสามี ชีวิตก็วนเวียนอยู่อย่างนั้น
เมื่อของหวานเสิร์ฟจนครบทุกโต๊ะ บางกลุ่มที่จัดการของหวานเรียบร้อยแล้วกำลังลุกออกจากที่นั่ง
แก๊งหนุ่ม ๆ ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ก็กำลังเดินออกจากห้องอาหารเช่นกัน
“ทะ ทำสัญญา ยังไงคะ?”กายแกร่งขึ้นทาบทับร่างบางที่แสนนุ่ม เนื้อเนียนกลมกลึงได้สัดส่วน จนหญิงสาวสัมผัสไอร้อนในทุกอณูของร่างแกร่งมือแกร่งทั้งสองข้างประสานกับมือเล็กกดไว้เหนือศีรษะ ก่อนกระซิบตอบแนบปาก“ประทับสัญญา ให้นิ เป็นของพี่เพียงคนเดียว”สิ้นเสียงกระซิบระโหย ปากบางก็ประทับลงบนปากอิ่มหล่อนเผยอปากรับ ให้ปลายลิ้นร้ายของเขาซุกซอนเข้าไปตอดรัดลิ้นเล็ก ดูดกินน้ำหวานจากโพรงปากอุ่น“อืม อะ อ่า”ลิ้นร้อนฉ่าของเขาดุนดัน ซอกซอนในขณะที่กายหล่อนหลอมละลาย ขาเรียวของหล่อนค่อย ๆ แยกออกเพื่อตอบรับแก่นกายกำยำที่แข็งขึงแนบชิดตรงหน้าท้อง“อืม..”ทั้งเขาและเธอครางออกมาเบา ๆชายหนุ่มละจูบ เลื่อนปากไล้มาที่ซอกคอขาวผ่อง กดฟันครูดเบา ๆ พร้อมกับดูด ขบเม้มจนเกิดรอยแดงในเนื้อนวล“โอ อืม”ปากอิ่มเผยอครางออกมาด้วยความซ่านสยิว ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปตามเนื้อลออทั่วทั้งร่างบางมีกลีบซากุระที่ติดมาจากบ่อออนเซ็นประปราย จมูกโด่งฝังลงกับเนื้อเนียนสูดเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ ราวซากุระของเนื้อสาวเข้าเต็มปอด กลิ่นกายสาวเย้ายวนจนเขาแทบอยากจะกลืนกินหล่อนเข้าไปเสียเดี๋ยวนั้น“งามเหลือเกิน”ปากเขาคลอเคลียอยู่แถว ๆ ทรวงอกสล้าง ปล
“ผมทำตัวผมเองต่างหากครับ! เพราะผมเข้าใจคุณนิญาดาผิด แล้วเมาจนเกิดอุบัติเหตุ”“นี่ลื้อปกป้องมัน! ลื้อมีคู่หมายอยู่แล้ว อานุชเขาก็ดูแลลื้ออย่างดี ลื้อจะทิ้งอีไปหานางผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นได้รึ!”ผู้เป็นมารดาตวาดด้วยความโกรธ นางรักลูกชายคนเล็กมาก มากจนตามใจเขาเสียทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องหมั้นหมายนี้!“ม้าครับ ผมรักนิญาดา ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วจริง ๆ”ผู้เป็นลูกคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นมารดา เรี่ยวแรงที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการป่วยแทบจะไม่มี เสียงร้องขอจึงพร่าแปร่งคนเป็นแม่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นสายตาเว้าวอนของบุตรชายที่รักยิ่ง ใจหนึ่งนางก็อยากจะตามใจเขา แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าลูกชายจะเสียใจเพราะผู้หญิงซ้ำสอง อีกใจหนึ่งนางก็รักและเอ็นดูอรนุชที่หมายหมั้นให้มาเป็นลูกสะใภ้ อีกทั้งเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่า ก็กลัวว่าความเป็นมิตรของทั้งสองตระกูลจะขาดสะบั้นลง“ม้าคะ! หนูขอถอนหมั้นค่ะ!”เสียงเด็ดเดี่ยวของอรนุชดังขึ้นทำลายความเงียบระหว่างสองแม่ลูก พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินมานั่งลงข้าง ๆ นางวัลลี ผู้เป็นมารดาของคู่หมั้นตน“ลื้อพูดอะไรอานุช!”นางวัลลีผวาเข้ากุมมือว่าที่ลูกสะใภ้อย่างตกใจ ในขณะที่อาจาร
“อือ ยะ อย่า ค่ะ”ร่างบางครางแหบพร่า ความซ่านเสียวแปลบปลาบพุ่งปราดไปทั่วร่าง มือแกร่งของเขาสอดเข้าใต้สะโพกหนั่นเนื้อ บีบเคล้นเคล้าคลึงตามเพลิงสวาทที่ลุกโชนจนยากจะห้ามไหวเขายกสะโพกงามขึ้นลง หญิงสาวรู้สึกถึงความแข็งขึงร้อนระอุของแก่นกายชายที่เสียดสีกับจุดวาบหวามจนชุ่มฉ่ำหล่อนแอ่นหยัดเผยอแยกขาให้แนบชิดยิ่งขึ้น เมื่อความรัญจวนซ่านสวาทระลอกใหญ่พุ่งปราดไปทั่วสรรพางค์ สติที่มีอยู่อันน้อยนิดปลิวหายไปกับแสงสว่างอันพร่างพราว“อ่าซ์”“บอกสิ.. คุณรักผมมากแค่ไหน”เขากระซิบเสียงพร่าแนบอกสล้าง แก่นกายกำยำของเขาอัดแน่นด้วยพลังบุรุษจนรวดร้าว เมื่อสัมผัสกับกายน้อยที่ชุ่มฉ่ำจนเหมาะแก่การโจนทะยานเข้าใส่แค่ไหน“พูดสินิ”เสียงเว้าวอนของเขากระซิบสั่งขณะที่มือประคองขยับสะโพกงามให้ยกขึ้นรับเอาแก่นกายร้อนฉ่าอันแข็งแกร่งของเขา แล้วค่อย ๆ ดันมันสู่กายสาวจนสุดลำ“อะ อือ”หล่อนครางกระสัน หายใจถี่ หัวใจเต้นระรัว เธอจำบทรักอันแสนเร่าร้อนของเขาในวันเก่าได้ดี ใจดวงน้อยที่เต้นระรัวมันร่ำร้องเพรียกหาอยากได้ความเร่าร้อนนั้นมาขับไล่ความทรมานที่รวดร้าวไปทั้งกาย อยากพุ่งทะยานไปสู่ชั้นฟ้าล่องลอยจนลืมสิ้นทุกอย่าง“พูดสิ
นิญาดามองกลีบซากุระสีชมพูอ่อน ๆ ลอยปะปนกับฟองน้ำสีขาวหอมกรุ่น หล่อนค่อย ๆ เอนกายลงเพื่อทิ้งความเหนื่อยล้าให้ละลายหายไปกับสายน้ำ มองกลีบซากุระล่องลอยตามผิวน้ำที่ไหลวนคลอเคลียรอบกายสาวชวนให้นึกถึงใครบางคนที่เคยบอกกับหล่อนไว้-หากอยากเห็นซากุระในเดือนห้า ให้ไปที่ซัปโปโร-บัดนี้คนที่บอกเธอ เขาจะหายดีหรือยังหนอ? เขาจะคิดถึงหล่อนบ้างไหม? หรือหล่อนได้ตายไปจากหัวใจของเขาแล้ว เพียงแค่คิดถึงเขา น้ำตาก็พลันไหลออกมาเงียบ ๆซู่!จอกกกก!เสียงน้ำล้นออกจากอ่าง น้ำกระเซ็นแตกกระจายตามการทิ้งกายลงนั่งเบียดร่างอรชรในอ่างออนเซ็น คนที่นอนอยู่ในอ่างลืมตาโพลงขึ้น เมื่อตากลมของหญิงสาวสบกับตาคมดุอันคุ้นเคย กระแสไฟฟ้าก็วิ่งปราดเข้าจู่โจมหัวใจทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบลามไปจนถึงหน้าท้องในขณะที่หญิงสาวกำลังอ้าปากค้าง กายแกร่งก็เบียดเข้าชิดร่างอรชรอย่างโหยหา สติสัมปชัญญะของหญิงสาวพยายามอย่างหนักเพื่อพิจารณาว่า คนข้าง ๆ เธอ คือ เรื่องจริงหรือความฝัน แล้วท้ายที่สุด หล่อนก็อุทานชื่อคนข้างกายด้วยความตกใจ“อาจารย์เตชิน!”“ครับ”เสียงทุ้มของชายหนุ่มขานรับ เรียวปากชมพูบางเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหล่อเหลา
อาจารย์เตชินนอนลืมตาโพลงมองฝ้าเพดานที่มีโคมไฟเป็นดอกบัวสีขาวห้อยลงมา สมองกับหัวใจของเขากำลังทบทวนกับตัวเองหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเก็บตัวอยู่ในห้องหนังสือทั้งวัน เพื่อพักใจและเพื่อหลบหน้าผู้เป็นมารดาและคู่หมั้น เพราะเขาไม่อยากตอบคำถามเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งไม่อยากรับรู้เรื่องงานแต่งที่กำลังจะจัดขึ้นในเมื่อหัวใจของเขามันแตกสลายไปอีกครั้ง และครั้งนี้มันเจ็บปวดมากกว่าครั้งไหน ๆ มันเจ็บจนเขาไม่อยากเคลื่อนไหว จนกระทั่งเพื่อนสนิทมาพบเขาในวันนี้ ราวกับลมที่พัดพาเอาดวงใจที่แตกลงไปแล้วให้ประกอบเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาใหม่โดยเสมือนมีความหวังเป็นกาวประสานรอยร้าวในใจมือเรียวจับโทรศัพท์ขึ้นดู คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มือกำโทรศัพท์บีบแน่นแล้วคลายออก ทำซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นราวกับว่ากำลังตัดสินใจบางอย่างความอยากรู้ กับความช้ำใจมันกำลังห้ำหั่นกันใจที่ช้ำ ก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วใจที่ยังคงมีเยื่อใย ก็อยากรู้ว่าผู้หญิงที่รักเป็นเช่นไรและแล้วเยื่อใยที่ยังเหลืออยู่ก็ชนะเขากดเข้าไลน์เพื่อเปิดดู คลิปวิดีโอที่ ดร. พงษ์ ส่งให้ในคลิปเป็นภาพตั้งแต่นิญาดาเข้ามานั่งข้าง ๆ เตียง เขาได้ยินเสียงหล่อ
ดร. พงษ์ ขอตัวเลี่ยงออกมา เพื่อตัดบทการสนทนา เขารักและเคารพนางวัลลี เหมือนแม่คนหนึ่งจึงไม่อยากชี้แจงเรื่องของนิญาดากับอาจารย์เตชิน เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นการโต้เถียงและไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ และเพราะเป็นเรื่องที่เจ้าตัวควรจะต้องมาชี้แจงด้วยตนเอง เขาเป็นคนนอกอย่างไรเสีย คำพูดก็คงไม่มีน้ำหนักพอที่จะคัดค้านสิ่งที่ผู้เป็นมารดาได้ปักใจเชื่อไปแล้วดร. พงษ์ ขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านเขารู้ว่าห้องหนังสืออยู่ที่ไหนเพราะคุ้นเคยบ้านหลังนี้เป็นอย่างดีเมื่อผลักประตูเข้าไปภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตา คือ.....ชายหนุ่มผิวขาวซีดเอนตัวบนเก้าอี้นวมสีขาว แม้บนหน้าผากจะมีรอยแผลที่เพิ่งจะหายแต่ยังคงความหล่อคมเช่นเดิม... มือเรียวถือหนังสือเล่มหนาเอาไว้ แต่ทว่าดวงตาเข้มคู่นั้นกลับเหม่อมองทะลุหน้าต่างออกไปด้านนอกดร. พงษ์ ปิดประตูห้องตามหลังค่อนข้างดัง แต่เจ้าของห้องไม่มีทีท่าว่าจะขยับ เขาจึงแกล้งไอ ก่อนเอ่ยทักเสียงดังมากกว่าปกติ“อะ.. แฮ่ม ไง? ไอ้หุ่นยนต์”ได้ผล... หุ่นยนต์เริ่มเคลื่อนไหว... วางหนังสือลง หลับตาลงแล้วขยับตัวเอนลงบนเก้าอี้นวมยิ่งกว่าเดิมคล้ายกับว่าไม่อยากให้ใครรบกวน“อ้าว! เฮ้ย! กูอุตส่าห์ขับรถมาหา ดันจะ