Beranda / รักโบราณ / ดรุณีกลางใจอ๋อง / บทที่ 12 สู่ขอซูอวี้หนิง

Share

บทที่ 12 สู่ขอซูอวี้หนิง

last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-24 12:10:41

            ภายในเรือนหอมบุปผา อวี้หนิงที่กำลังอ่านคำร้องที่ท่านน้าของตนให้มาในครานั้น กลับต้องถูกขัดจังหวะจากเสี่ยวเหม่ยที่เข้ามาในห้องอุ่นด้วยท่าทีร้อนรน

                “คุณหนู เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ เจ้ากรมคลังบีบบังคับนายท่านให้ส่งคุณหนูแต่งเข้าจวนฉินอ๋องแทน”

            อวี้หนิงที่ได้ยินเช่นนั้นกลับไม่ได้แปลกใจมากนัก นางเพียงปรายตามองสาวใช้เบื้องหน้าที่ใทั้งตื่นกลัว ทั้งแค้นเคืองในเวลาเดียวกัน

                “ท่านพ่อจะกล้าขัดราชโองการหรือ”

                “ไม่ใช่นายท่านเจ้าค่ะ แต่จะเป็นคุณหนูต่างหากเล่า” เสี่ยวเหม่ยรีบเอ่ยด้วยความร้อนใจ

            อวี้หนิงรู้สึกแปลกใจ ก่อนจะนึกถึงคำพูดของหลินซือเหยียนในครานั้น

                “หรือพวกเขาจะให้ข้าทูลขอต่อฮ่องเต้ให้ได้เป็นพระชายาฉินอ๋องแทนเช่นนั้นหรือ” คิ้วเรียวขมวดแน่น

            เสี่ยวเหม่ยรีบพยักหน้าแทนคำตอบ

                “ครานี้หลินอี้เหนียงคงลงแรงไปไม่น้อยเลย” ตั้งแต่วันที่เจินหยูรับราชโองการ นางเองคาดคิดไว้อยู่แล้วว่าหลินซือเหยียนต้องคิดใช้นางให้แต่งแทนบุตรีของตนแน่ แต่บิดาของนางไม่เห็นด้วย เช่นนั้นแล้วที่พึ่งเดียวของอนุหลินก็คือตระกูลหลิน

                “คุณหนู เหตุใดยังใจเย็นอยู่ได้เล่าเจ้าคะ” เป็นเสี่ยวเหม่ยที่ร้อนรนราวเป็นเรื่องของตน

                “ร้อนใจแล้วทำอันใดได้เล่า แล้วท่านพ่อว่าอย่างไรหรือไม่” หากบิดาของนางไม่เห็นด้วย ก็ใช่ว่าตระกูลหลินจะทำอันใดได้

            เสี่ยวเหม่ยมีสีหน้าเป็นกังวล

                “นายท่านไม่ได้โต้แย้งหรือรับคำ แต่มีสีหน้ากลัดกลุ้มไม่น้อยเจ้าค่ะ”

            ครานี้อวี้หนิงเองก็กังวลไม่ต่างกัน บิดาของนางรักตัวกลัวตาย หากโดนตระกูลหลินข่มขู่ เขาคงไม่ปกป้องนางแน่ หากจะให้บิดาหลุดพ้นจากเงื้อมมือของตระกูลอนุได้ คงจะมีแต่การที่นางต้องแต่งให้ตระกูลที่มีอำนาจมากกว่าตระกูลหลินเท่านั้น ในใจของอวี้หนิงยังรอคำตอบของหลี่เยว่ซิงอยู่ทุกวัน

            รุ่งเช้า จวนตระกูลซูก็ต้องต้อนรับแขกอีกครั้ง ครานี้เป็นฉู่อ๋องที่มาเยือนด้วยตนเอง

            อวี้หนิงถูกตามให้มาพบที่เรือนรับรอง เมื่อนางก้าวเข้าไปในห้องโถง บิดากับผู้เป็นย่านั่งรออยู่ก่อนแล้ว แววตาของคนทั้งสองที่มองมายังนางแฝงความอ่อนโยน ต่างจากหนึ่งเดือนที่ผ่านมานับจากที่เกิดเรื่องกับตระกูลเหริน นางได้เพียงสายตารังเกียจ หยามเหยียด ดูแคลนจากบิดาและผู้เป็นย่าเท่านั้น

                “หนิงเอ๋อร์ รีบคารวะท่านอ๋องเร็วเข้า” แม้แต่คำเรียกน่าเอ็นดูเช่นนี้ก็ยังออกจากปากของท่านย่าได้ นั่นหมายความว่าพวกเขาหวังให้นางได้แต่งเป็นพระชายาฉู่อ๋องในเร็ววัน

            อวี้หนิงหันไปหาบุรุษหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของบิดา ก่อนจะยอบกายเคารพเขา

                “หนิงเอ๋อร์คารวะฉู่อ๋อง”

            หลี่เยว่ซิงเห็นเช่นนั้น รีบเอ่ยบอกนางให้ลุกขึ้น

                “หนิงเอ๋อร์ เจ้าลุกขึ้นเถอะ” น้ำเสียงที่ร่างสูงเอ่ยออกมากลับดูเหนื่อยล้าจนอวี้หนิงเป็นกังวล นางเงยหน้ามองบุรุษเบื้องหน้า ใบหน้าคมคายของเขาดูซีดเผือดเล็กน้อย ดวงตาคมเข้มเปล่งประกายแห่งความว้าวุ่น คิ้วดกขมวดเข้าหากันแน่นจนเกิดรอยพับกลางหน้าผาก ริมฝีปากที่เคยสงบนิ่งกลับเม้มแน่น เผยให้เห็นความตึงเครียดภายใน มือข้างหนึ่งกำชายเสื้อจนยับย่น มองเห็นท่าทีลังเลและร้อนรนอย่างชัดเจน

            อวี้หนิงเดินไปยืนอยู่ข้างบิดา ก่อนที่ซูจิ้งซวนจะเอ่ยถามผู้มาเยือน

                “ท่านอ๋องมาเยือนจวนของกระหม่อมมีเหตุอันใดหรือไม่”

            เยว่ซิงมีแววตาลังเล หันไปจ้องมองสตรีที่ยืนอยู่ข้างกายบิดา ดวงตาคู่งามที่จ้องมองมาด้วยความหวังยิ่งทำให้เขาปวดใจ เขาตัดใจหันมามองบุรุษเจ้าของเรือนก่อนเอ่ยบอกจุดประสงค์

                “ข้ามาเพื่อสู่ขอหนิงเอ๋อร์”

            คำพูดของฉู่อ๋องทำให้จิ้งซวนและฮูหยินผู้เฒ่ามีสีหน้าดีใจอย่างชัดเจน มีเพียงอวี้หนิงที่สังเกตเห็นความกังวลในดวงตาของเขา นางจึงไม่กล้าดีใจเร็วนัก

            ฮูหยินเฒ่ายิ้มกว้าง ทว่าก็ยังต้องการให้เป็นไปตามธรรมเนียม หญิงชรากวาดตามองหาแม่สื่อในการทำหน้าที่ครั้งนี้

                “ฉู่อ๋อง แล้วแม่สื่อที่จะทาบทามหนิงเอ๋อร์ของเราเล่าเพคะ”

                “ฮูหยินเฒ่า โปรดอย่าใจร้อน วันนี้ข้ามาบอกไว้ก่อน หากพวกท่านยินดี วันพรุ่งแม่สื่อจะมาพร้อมเถ้าแก่นำสินสอดมามอบให้ตระกูลซู”

            ซูจือเหลียงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งดีใจ ตระกูลซูของนางจะได้ไม่ต้องถูกตระกูลหลินข่มเหงอีกต่อไป ทว่าจิ้งซวนที่เป็นถึงขุนนางขั้นสามกลับมองว่าวิธีการของฉู่อ๋องช่างเร่งรีบและไม่เป็นไปตามประเพณี

                “ทูลท่านอ๋อง การแต่งพระชายาควรให้ฮ่องเต้ออกราชโองการ แล้วค่อยจัดงานมงคล เหตุใดสินสอดทองหมั้นจึงต้องมาพร้อมแม่สื่อเล่าพ่ะย่ะค่ะ”

            ฮูหยินเฒ่าที่ได้ยินบุตรชายเอ่ยเช่นนั้นก็เห็นด้วย คราวของเจินหยู ราชโองการก็มาก่อนงานมงคลถึงครึ่งเดือน ทว่าฉู่อ๋องกลับดูเร่งรีบเกินควร

            ฉู่อ๋องที่เห็นเช่นนั้น ใบหน้าคมก็ยิ่งมีความทุกข์ใจปรากฏมากขึ้น ดวงตาสีนิลจ้องมองอวี้หนิง เขาเห็นความหวาดกลัวในดวงตาคู่งามอยู่หลายส่วน นั่นยิ่งทำให้ตัวเขาเจ็บปวด เพราะครั้งนี้เป็นเขาที่ต้องทำให้นางผิดหวัง

                “ใต้เท้าซู ด้วยคดีของตระกูลเหริน กุ้ยเฟยเสด็จแม่ของข้าจึงไม่ยินดีให้ข้ายกอวี้หนิงเป็นพระชายาเอก”

            สิ้นคำพูดนี้ เยว่ซิงก็ไม่อาจหันไปมองนางอันเป็นที่รักได้อีก

            อวี้หนิงที่ได้ยินเช่นนั้น ภายในก็เจ็บปวดอยู่มาก หากแต่ก็ยังอยากฟังคำอธิบายของฉู่อ๋อง

            ซูจิ้งซวนกับมารดามีสีหน้าไม่พอใจนัก แต่ก็ยังอดข่มความขุ่นเคืองไว้ได้ ก่อนจะเป็นจิ้งซวนที่เอ่ยถามคนเบื้องหน้า

                “แล้วท่านอ๋องจะให้บุตรีของกระหม่อมแต่งเข้าจวนอ๋องในตำแหน่งใด พระชายารอง หรือพ่ะย่ะค่ะ”

            เยว่ซิงกำหมัดทั้งสองข้างไว้แน่น ก่อนเอ่ยกับรองเจ้ากรมโยธาอย่างชัดเจน

                “ข้าจะให้อวี้หนิงเข้าจวนอ๋องในฐานะสาวใช้ห้องบรรทม”

            สิ้นคำพูดของฉู่อ๋อง อวี้หนิงคล้ายถูกอัสนีบาตฟาดลงกลางดวงใจ นางแทบไร้เรี่ยวแรงที่จะหยัดยืน แววตาแตกสลายจ้องมองบุรุษที่นางมอบหัวใจให้

            ซูจิ้งซวนเองเดือดดาลจนไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีก ก่อนจะตบพนักวางแขนอย่างแรง พร้อมลุกขึ้นยืน

                “ฉู่อ๋อง! ท่านจะดูแคลนตระกูลซูเกินไปหรือไม่ ถึงตระกูลกระหม่อมจะเป็นเพียงขุนนางใหม่ ไม่มีอำนาจในราชสำนัก แต่ก็ถูกตั้งให้เป็นถึงขุนนางขั้นสามของฮ่องเต้ จะให้บุตรีคนโตที่เป็นทายาทสายตรงไปเป็นนางกำนัลอุ่นเตียงของท่าน ไร้ซึ่งตำแหน่ง ไร้ซึ่งฐานะในจวนอ๋องเช่นนี้ ไม่เหยียดหยามกันเกินไปหรืออย่างไร!”

            เยว่ซิงได้ยินเช่นนั้น ก็รีบลุกขึ้นอธิบาย

                “ใต้เท้าซูใจเย็นก่อน ใช่ว่าข้าจะให้นางอยู่เป็นนางกำนัลอุ่นเตียงตลอดไป เมื่ออาการประชวรเสด็จแม่ดีขึ้น ข้าจะให้อวี้หนิงได้รับใช้พระนางใกล้ชิด ข้าเชื่อว่าความถ่อมตน อ่อนหวานของหนิงเอ๋อร์ จะทำให้เสด็จแม่กลับมาเมตตานางอีกครั้งเช่นในอดีต ตอนนั้นข้าจะขอตำแหน่งพระชายาให้กับนางแน่”

            อวี้หนิงยืนฟังบุรุษเบื้องหน้าแก้ต่างกับตัวเอง ใจนางยิ่งเจ็บปวด เขาไม่ได้สัญญาด้วยซ้ำว่านางจะได้เป็นพระชายาของเขาหรือไม่ เขาไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าจะปกป้องนางอย่างไร ทุกอย่างคือเป็นนางต้องคอยรับใช้มารดาของเขา หากกุ้ยเฟยเมตตานาง นางถึงจะอยู่รอดเช่นนั้นหรือ แววตาที่จ้องมองฉู่อ๋องพลันเปลี่ยนไป จากคาดหวังกลายเป็นผิดหวัง จากห่วงหากลายเป็นตัดพ้อ จากความห่วงใยกลายเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจ

            จิ้งซวนเองไม่ได้พอใจกับคำพูดของฉู่อ๋องเพียงนิด

                “ท่านอ๋อง โปรดกลับไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคงไม่อาจยกนางให้เป็นนางกำนัลของฉู่อ๋องได้”

                “แต่ท่านก็จะยกนางให้เป็นอนุของพวกตาเฒ่าในเมืองฉางเล่อไม่ใช่หรือไร คนพวกนั้นจะปกป้องบุตรสาวให้ท่านได้หรือ มีแต่นางจะถูกเหยียบย่ำให้เป็นทุกข์เท่านั้น หรือว่าใต้เท้าซูจะให้อวี้หนิงขัดราชโองการแต่งกับฉินอ๋องที่เสียสติกัน เช่นนั้นนางก็คงถูกหัวเราะเยาะไปจนตาย”

            อวี้หนิงหันกลับไปมองฉู่อ๋องอีกครั้ง พลางยิ้มขมให้กับตัวเอง หลี่เยว่ซิงรู้ความเคลื่อนไหวในจวนซูทั้งหมด แต่ก็ยังปล่อยให้นางเป็นทุกข์อยู่แรมเดือน แม้แต่เรื่องที่นางจะต้องตายเช่นการขัดราชโองการเขาก็ล่วงรู้ ทว่าบุรุษที่นางรักกลับไม่ได้ต่อสู้เพื่อนางอย่างที่เคยให้คำมั่น

                “ใต้เท้าซู ในเมื่อไม่ได้เมตตาต่ออวี้หนิง เช่นนั้นก็ให้นางเลือกทางเดินของนางเองไม่ดีกว่าหรือ ว่านางยินดีไปกับข้าหรือไม่” ฉู่อ๋องมีสีหน้าเยือกเย็น ดูไม่อ่อนน้อมเช่นเมื่อครู่

                “หม่อมฉันไม่ยินดีเพคะ” น้ำเสียงหวานปนเศร้าเอ่ย พลางจ้องมองบุรุษเบื้องหน้า

            หลี่เยว่ซิงนิ่งงันกับคำตอบของนาง แววตาเหลือจะเชื่อ หันไปมองสตรีเบื้องหน้า เขาพบเพียงความผิดหวังในดวงตาคู่งาม พลันภายในใจก็เจ็บปวดแทบหายใจไม่ออก

                “หนิงเอ๋อร์ เจ้าฟังข้าก่อน ข้า...”

                “หม่อมฉันเข้าใจความหมายของฉู่อ๋องเพคะ แต่หม่อมฉันไม่อาจจะทำหน้าที่นางกำนัลอุ่นเตียงให้ฉู่อ๋องได้ แลไม่มีความสามารถที่จะทำให้กุ้ยเฟยหันมาเมตตาหม่อมฉันได้ เช่นนั้นขอท่านอ๋องอย่าทรงบีบคั้น” นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าถึงแม้นางยอมทำตามเขา แต่กุ้ยเฟยที่ไม่ยินดีเกี่ยวดองกับตระกูลนักโทษย่อมไม่มีวันเมตตานาง เพราะตั้งแต่ต้นจนจบความเมตตาที่นางได้จากหลินกุ้ยเฟย นั้นเป็นเพราะตระกูลเหรินที่ยังเรืองอำนาจในราชสำนักอยู่ ซูอวี้หนิงไม่มีอันใดที่ต้องสนทนากับคนเบื้องหน้าต่อ นางจึงยอบกายให้เขา ก่อนจะหมุนกายออกจากโถงเรือนไป

                “หนิงเอ๋อร์!” หลี่เยว่ซิงอยากจะรั้งนาง แต่กลับไม่มีความกล้าพอ เขาไม่รู้ว่าจะปลอบใจนางอย่างไรไม่ให้แค้นเคืองเขาด้วยซ้ำ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 14 ทูลขอราชโองการ

    รุ่งเช้า ซูจิ้งซวนแต่งกายด้วยชุดขุนนาง ยืนรอบุตรสาวอยู่หน้าจวน วันนี้อวี้หนิงสวมเสื้อคลุมยาวแขนกว้างสีอ่อน ปักลายดอกเหมยด้วยไหมทอง ทับด้วยกระโปรงจีบยาวสีเขียวหยกที่พริ้วไหวไปตามแรงลมในฤดูเหมันต์ โดยมีเสื้อคลุมขนจิ้งจอกตัวยาวสวมทับกรอมถึงข้อเท้า ผมยาวสีนิลถูกรวบเป็นมวย ปิ่นหยกสีขาวถูกปักไว้บนมวยผม ปรอยผมบางส่วนถูกปล่อยลงข้างแก้ม ขับให้ใบหน้างามดูละมุนละไม นางหยุดยืนอยู่ต่อหน้าบิดาด้วยท่าทีสงบนิ่ง “มาแล้วก็ขึ้นรถม้าเถิด” ซูจิ้งซวนเอ่ยเสียงแผ่ว ไม่กล้าสบตาบุตรี แม้เขาจะมิใช่ผู้บีบบังคับนาง หากแต่ก็ไม่เคยขัดขวางหลินอี้เหนียงเลยสักครั้ง ตลอดเส้นทางภายในรถม้า มีเพียงความเงียบงัน ทั้งบิดาและบุตรีต่างมิได้ปริปาก เมื่อถึงตำหนักเฉวียนชิง ซูจิ้งซวนแจ้งองครักษ์หน้าตำหนักว่าขอนำบุตรสาวเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ไม่นาน เจากงกงก็เดินออกมา “ใต้เท้าซู คุณหนูซู” เจากงกงเอ่ยทัก “เจากงกง” ซูจิ้งซวนค้อมกายทักทาย โดยมีอวี้หนิงยอบกายตามด้วยท่าทีสำรวม “ฝ่าบาทยังทรงหารือราชกิจอยู่ ท่านทั้งสองโปรดนั่งรอสักครู่” เจากงกงผายมือให้

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 13 บีบบังคับ

    เสี่ยวเหม่ยที่เห็นคุณหนูของตนกลับมา ทว่าใบหน้ากลับไม่สู้ดีนัก จึงรีบเข้าไปประคอง “คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ท่านอ๋องจะมารับเข้าจวนเมื่อใด” “กุ้ยเฟยไม่ยินดีให้ข้าแต่งเข้าจวนอ๋อง วาสนาข้ากับเขาคงมีเพียงเท่านี้” น้ำเสียงของอวี้หนิงสั่นเครืออย่างชัดเจน ดวงตาคู่งามไม่อาจกักเก็บความเสียใจได้อีก ก่อนที่หยดน้ำอุ่นจะพรั่งพรูไหลอาบแก้มนวล “คุณหนู~” เสี่ยวเหม่ยที่เสียใจแทนคุณหนูของตนได้แต่กอดนางร้องไห้ไปพร้อมกัน เรื่องของหลี่เยว่ซิงทำให้ทั้งวันอวี้หนิงไม่มีแรงทำสิ่งใดได้ นางเอาแต่นั่งเหม่อลอยนึกถึงช่วงเวลาในอดีต ตอนที่ตาของนางยังเป็นจวิ้นอ๋องต่างแซ่ ตระกูลเหรินยังเรืองอำนาจ แม้แต่ตระกูลหลินก็อยากเกี่ยวดองด้วย กุ้ยเฟยมักให้คนส่งขนมหวานมาให้นางอยู่บ่อยครั้ง ตอนเข้าวังพร้อมมารดา หลินกุ้ยเฟยยังให้นางกำนัลใกล้ชิดมาเชิญนางไปนั่งเล่นเป็นเพื่อนอยู่หลายครา นางและฉู่อ๋องแทบจะตัวติดกันทุกครั้ง แม้ไม่เคยเอ่ยความในใจกันทั้งสองฝ่าย ทว่าผู้ใหญ่ต่างรับรู้ได้ หลี่เยว่ซิงเองก็ตามใจนางเสียทุกอย่าง เขาทำให้นางรู้สึกถึงการถูกปกป้อง การให้เกียร

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 12 สู่ขอซูอวี้หนิง

    ภายในเรือนหอมบุปผา อวี้หนิงที่กำลังอ่านคำร้องที่ท่านน้าของตนให้มาในครานั้น กลับต้องถูกขัดจังหวะจากเสี่ยวเหม่ยที่เข้ามาในห้องอุ่นด้วยท่าทีร้อนรน “คุณหนู เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ เจ้ากรมคลังบีบบังคับนายท่านให้ส่งคุณหนูแต่งเข้าจวนฉินอ๋องแทน” อวี้หนิงที่ได้ยินเช่นนั้นกลับไม่ได้แปลกใจมากนัก นางเพียงปรายตามองสาวใช้เบื้องหน้าที่ใทั้งตื่นกลัว ทั้งแค้นเคืองในเวลาเดียวกัน “ท่านพ่อจะกล้าขัดราชโองการหรือ” “ไม่ใช่นายท่านเจ้าค่ะ แต่จะเป็นคุณหนูต่างหากเล่า” เสี่ยวเหม่ยรีบเอ่ยด้วยความร้อนใจ อวี้หนิงรู้สึกแปลกใจ ก่อนจะนึกถึงคำพูดของหลินซือเหยียนในครานั้น “หรือพวกเขาจะให้ข้าทูลขอต่อฮ่องเต้ให้ได้เป็นพระชายาฉินอ๋องแทนเช่นนั้นหรือ” คิ้วเรียวขมวดแน่น เสี่ยวเหม่ยรีบพยักหน้าแทนคำตอบ “ครานี้หลินอี้เหนียงคงลงแรงไปไม่น้อยเลย” ตั้งแต่วันที่เจินหยูรับราชโองการ นางเองคาดคิดไว้อยู่แล้วว่าหลินซือเหยียนต้องคิดใช้นางให้แต่งแทนบุตรีของตนแน่ แต่บิดาของนางไม่เห็นด้วย เช่นนั้นแล้วที่พึ่งเดียวของ

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 11 ราชโองการ

    ภายในเรือนหอมบุปผา อวี้หนิงที่เอาแต่ตรวจบัญชีสินเดิมของมารดาอยู่ในห้องโดยไม่ออกไปพบผู้ใดมาหลายวัน กลับถูกดึงความสนใจจากความโกลาหลภายนอกเรือน “เสี่ยวเหม่ย เกิดอันใดขึ้น” เสี่ยวเหม่ยผู้ทำหน้าที่สอดส่องความเคลื่อนไหวภายในจวน รีบเข้ามารายงาน “ฮูหยินใหญ่เป็นลมหมดสติเจ้าค่ะ ส่วนอนุหลินกับคุณหนูรองก็อาละวาดเรื่องที่ต้องแต่งเข้าจวนฉินอ๋อง นายท่านถึงขั้นตบหน้าอนุหลินเพราะบันดาลโทสะเลยนะเจ้าคะ” เสี่ยวเหม่ยอธิบายตาโต อวี้หนิงก็ตกใจไม่ต่างกัน แต่ไหนแต่ไรบิดาของตนไม่กล้าขัดใจตระกูลหลินด้วยซ้ำ ครั้งนี้ถึงขั้นตบหน้าหลินซือเหยียน คงไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว “ไปดูกัน” อวี้หนิงเอ่ย พลางลุกขึ้นเดิน โดยมีเสี่ยวเหม่ยนำเสื้อคลุมมาสวมทับให้ ภายในจวนยังไม่ทันที่ซูจิ้งซวนจะจัดการกับปัญหา เจากงกงก็อัญเชิญราชโองการมาเสียแล้ว ขันทีเฒ่าหยุดอยู่หน้าลาน มองเห็นความโกลาหลที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนจะเรียกให้ซูจิ้งซวนออกมารับราชโองการ “กระหม่อมรับราชโองการ” จิ้งซวนคุกเข่าลงกับพื้น ด้านหลังเป็นหลินซือเหยียน พร้อมทั้ง

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 10 พระชายาฉินอ๋อง

    หยางเฉิงปรายตามองปิ่นหยกที่ได้มาพร้อมกับตราตระกูลเหริน ก่อนจะนึกถึงเจ้าของปิ่นขึ้นมา “ซูอวี้หนิงเล่า ยังปลอดภัยดีหรือไม่” ร่างสูงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก “พ่ะย่ะค่ะ คุณหนูใหญ่ซูดูเหมือนว่าจะถูกอนุหลินบังคับให้แต่งออกไปเป็นอนุของคหบดีจง” “โอ้! นี่ใต้เท้าซูอยากจะมีบุตรเขยที่อายุมากกว่าตนหรอกหรือ” หยางเฉิงเห็นเป็นเรื่องขบขัน เจียงเฟิงที่เห็นท่าทีท่านอ๋องเช่นนี้ก็อดสงสารคุณหนูซูไม่ได้ ครั้งที่ฮูหยินซูและหวงกุ้ยเฟยยังมีพระชนม์อยู่ ทั้งสองสนิทสนมกันมาก คุณหนูซูในวัยเด็กยังเคยตามมารดามาเข้าเฝ้าหวงกุ้ยเฟย ใบหน้ากลมเล็กนั้นยิ้มแย้มกับทุกผู้ที่เดินผ่าน อีกทั้งยังใจดีนำขนมจากนอกวังมาให้เขา ที่ครั้งนั้นยังเป็นเด็กยากจนได้ลองชิมอยู่บ่อยครั้ง “ท่านอ๋องไม่คิดจะช่วยเหลือคุณหนูซูหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ อย่างน้อยก็ให้นางได้แต่งกับบัณฑิตหนุ่มสักคน” ขันทีหนุ่มเสี่ยงตายเอ่ยขอร้องแทนอวี้หนิง ทว่า หยางเฉิงที่ได้ยินเช่นนั้นกลับตวัดตามามองขันทีข้างกาย “เจ้าลืมแล้วหรือไร ตอนนี้ข้าเป็นเพียงคนบ้า จะช่วยอันใ

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 9 ถึงทางตัน

    เมื่อคนก่อเรื่องจากไป อวี้หนิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เสี่ยวเหม่ยรีบเข้ามาประคองเจ้านายในทันที “เมื่อครู่นี้คุณหนูทำได้ดีมากเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยเห็นคุณหนูรองทำหน้าคล้ายคนปลดทุกข์ไม่ออกเช่นนี้มาก่อนเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหม่ยยิ้มภูมิใจในตัวเจ้านาย “จริงหรือ? แต่ตอนนี้ข้าไม่มีแม้แต่แรงที่จะยืนแล้ว” อวี้หนิงผินใบหน้าซีดเซียวมามองสาวใช้ข้างกาย “เอ๋! ทำไมเป็นเช่นนี้เล่าเจ้าคะ นั่งก่อนเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหม่ยเห็นใบหน้าไร้เลือดฝาดของเจ้านายก็แปลกใจ รีบประคองนางนั่งลง อวี้หนิงนั่งสูดลมหายใจอยู่นาน กว่าความตื่นตระหนกจะจางหายไปตั้งแต่เล็กจนโต นางไม่ต้องแย่งชิงหรือปกป้องตัวเองจากผู้ใดด้วยซ้ำ นางมีตระกูลเหรินและมารดาคอยปกป้อง แม้แต่ท่านย่าจะทำสิ่งใด ยังต้องคอยดูสีหน้านางก่อน บัดนี้กลับตาลปัตร นางตัวคนเดียวแล้ว จากนี้ต้องคอยปกป้องตัวเอง “คุณหนู จากนี้เราจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ” นางไม่ได้ตอบคำถามของเสี่ยวเหม่ย เพียงแต่บอกให้สาวใช้ข้างกายจัดเก็บข้าวของให้เข้าที่เดิม นับจากนี้ชีวิตของนางคงไม่สงบสุขอีกต่อไป นางต้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status